44 – ตัดช่องน้อยแต่พอตัว
บนชั้นสองข้างช่องแช่แข็ง โจวเจ๋อยืนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว
พี่สาวไป๋โกหกนี่เป็นสิ่งที่แน่ชัด
โดยเฉพาะน้ำแก้วนั้น โจวเจ๋อรู้สึกหวานเล็กน้อยเมื่อดื่มครั้งแรก
นี่ไม่ใช่เรื่องจิตวิทยาเพราะเขาไม่ได้ดูวิดีโอก่อนดื่ม
ในความเป็นจริงโจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจในการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่ามัน “น่าหลงใหล”
ในปัจจุบันไม่ว่าเธอจะเป็นหญิงสาวที่งดงามมากแค่ไหน เธอก็เป็นเพียงซากศพที่นอนอยู่ใต้พื้นดินเป็นเวลา 200 ปี
ด้วยความคิดที่ว่าเธอไม่แปรงฟันมา 200 ปีโจวเจ๋อผู้ซึ่งหลงใหลในความสะอาดก็ยากที่จะทนทานได้เล็กน้อย
เธอขยับตัวได้และลงไปข้างล่างเพื่อดื่มน้ำก่อนจะขึ้นมานอนอีกครั้ง พี่สาวไป๋มีความลับบางอย่างที่ไม่ได้บอกเขา หรือมีความเป็นไปได้ที่วิญญาณของใครคนอื่นจะเข้ามาสิงร่างของเธอ
ปัจจุบันวิญญาณของพี่สาวไป๋เดินทางไปยมโลกแล้วตามเหตุการณ์ปกติจึงไม่ควรจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นที่นี่
เด็กหญิงตัวน้อยเคยกล่าวว่าทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ในโลกจะต้องมีใครบางคนควบ เฉกเช่นร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่ถูกควบคุมโดยวิญญาณ
อย่างไรก็ตามศพบนชั้นสองสามารถเคลื่อนไหวได้เองนั่นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างสิ้นเชิง
เขาคงไม่อาจนอนหลับได้หากมีปัจจัยที่อันตรายและไม่เสถียรอยู่ข้างๆ
“สวัสดีครับพี่สาวทำไมไม่ตื่นมาคุยกันหน่อย” โจวพูดกับหญิงสาวที่อยู่ในตู้แช่
เขาหวังว่าศพของหญิงสาวจะลืมตาขึ้นในเวลานี้
ไม่ว่าจะต่อสู้กับเขาหรือคุยกับเขา อย่างน้อยๆก็ควรทำอย่างเปิดเผยไม่ใช่ลับลับล่อๆแบบนี้ อย่างไรก็ตามศพผู้หญิงยังคงไม่ขยับเขยื้อนและนอนอยู่ที่นั่น
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็สอดมือเข้าไปและเริ่มเคลื่อนไหวไปตามร่างกายของหญิงสาว
แม้แต่ในสถานที่อ่อนไหวบางแห่งเขาก็ได้สัมผัสมัน เขาหวังเพียงว่าหญิงสาวจะทนไม่ไหวและลืมตาขึ้นมาด้วยความโกรธ
น่าเสียดายที่เธอยังคงนอนอยู่ที่นั่นอย่างเย็นชาและไม่เคลื่อนไหว โจวเจ๋อกำลังประเมินว่าเขาควรถอดกางเกงของเธอออกมาหรือไม่
มือโจวเจ๋อไล่ตามริมฝีปากบางและเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ในเวลาต่อมา เล็บของโจวเจ๋อก็เริ่มยาวขึ้น จากนั้นโจวเจ๋อก็แทงเล็บเข้าไปที่แขนของเธอโดยเพิ่มกำลังขึ้นอย่างช้าๆ
“อึก…”
เล็บของเขาเหมือนใบมีดคมที่แทงเข้าที่แขนของศพผู้หญิง ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่อากาศสีดำเริ่มฟุ้งกระจาย สักพักห้องทั้งห้องบนชั้นสองก็ตกอยู่ในหมอกสีดำ
“โจวเจ๋อคุณทำอะไร!”
เสียงของซูชิงหลางกรีดร้องมาจากชั้นล่าง
จากนั้นซูชิงหลางก็รีบวิ่งขึ้นมาที่ชั้นสองโดยไม่คำนึงว่าโจวเจ๋อกำลังยื่นนิ้วเข้าไปในตู้แช่อยู่ เล็บของโจวเจ๋อดูเหมือนจะเปื้อนด้วยไอศครีมซึ่งทำให้เขาหวาดกลัวเล็กน้อย
“คุณกำลังทำบ้าอะไร!”
ซูชิงหลางมองไปที่บาดแผลแคบๆบนตำแหน่งแขนของศพผู้หญิงและตะโกนว่า
“คุณรู้ไหมว่าศพของเธอมีพลังหยินมากแค่ไหน มันจะทำให้รัศมีพันกิโลเมตรรอบๆนี้ต้องพบเจอกับหายนะ!
หากว่าพลังหยินในร่างกายของเธอรั่วไหลออกไปมันจะก่อให้เกิดโรคระบาดเป็นบริเวณกว้าง! “
โจวเจ๋อไม่ได้สนใจความโกรธของซูชิงหลางมากนัก แต่สายตาของเขายังจดจ้องไปที่ศพของหญิงสาวซึ่งตอนนี้แขนของเธอกำลังรักษาตัวเองอย่างช้าๆ
ร่างกายของเธอนอกจากความเย็นที่ผิดปกติแล้วไม่แตกต่างจากคนทั่วไปแม้แต่น้อย ในตอนนี้ถึงกับสามารถรักษาบาดแผลของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว!
“ศพนี้พวกเราขุดขึ้นมาด้วยกันถ้าคุณจะทำอะไรคุณก็ต้องบอกฉัน ต่อให้คุณเป็นผีแต่การทำอย่างนี้มันจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณเอง “
ในตอนนี้หมอกสีดำที่กระจัดกระจายออกมาจากแขนของหญิงสาวเริ่มจางหายไป
เนื่องจากพวกมันมีจำนวนน้อยและมีเพียงโจวเจ๋อกับซูชิงหลางเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขามีภูมิคุ้มกันต่อพลังหยินพวกนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร
โจวเจ๋อถอนหายใจ “ซูชิงหลาง”
“อะไร?”
“พ่อแม่ของคุณเพิ่งจากไปแล้วตอนนี้คุณอยู่บ้านโดยไม่มีใครดูแล คุณกับเธอเพิ่งแต่งงานกันดังนั้นผมคิดว่าควรให้เธอไปอยู่บ้านของคุณดีกว่า”
“อะไร คุณหมายความว่ายังไง” ซูชิงหลางสับสน
“เธอเคลื่อนไหวได้” โจวเจ๋อกล่าวเหตุผล “วันนี้เธอลงไปดื่มน้ำแล้วกลับขึ้นมานอนที่นี่ด้วยตัวเอง”
ใบหน้าของซูชิงหลางบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
เมื่อคืนเขาบอกโจวเจ๋อว่าศพนี้อาจจะกลายเป็นซอมบี้หากพวกเขาทั้งสองดูแลไม่ดีพอ
และซอมบี้ที่ว่าไม่ใช่ซอมบี้โง่ๆเหมือนกับในหนังฮอลลีวูดที่เอาแต่กรีดร้อง “โว้ว โว้ว” และคุณสามารถระเบิดหัวของพวกเขาได้ตามต้องการ
แต่ซอมบี้ที่เขาพูดถึงนั้นเป็นประเภทที่ “ดื่มเลือดและกินเนื้อสด”
และบางทีพวกเขาอาจมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติอะไรบางอย่าง
“ขอบคุณนะ แต่ฉันชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว”
ล้อเล่นอะไรกัน? มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ซูชิงหลางจะเอาระเบิดปรมาณูลูกนี้กลับไปไว้ที่บ้านตัวเอง
“ที่บ้านของคุณไม่มีพวกยันต์อะไรเลยเหรอ?” โจวเจ๋อถาม
“ฉันมียันต์อยู่ 2 3 แผ่นแต่ไม่คิดว่าจะสามารถส่งผลอะไรกับปีศาจระดับนี้” ซูชิงหลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
“แล้วจะทำยังไงดี?” โจวเจ๋อรู้สึกปวดหัว “ ไปทะเลกันไหม พวกเราน่าจะเอาเธอไปโยนลงทะเลให้มันจบเรื่องไป “
“เธอออกไปจากตงเฉิงไปไม่ได้ เธอเป็นคนตงเฉิงในตอนที่มีชีวิตเมื่อตายก็จะเป็นผีตงเฉิงตลอดไป หากเธอออกจากเมืองนี้มันจะเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวง ถ้าไม่อย่างนั้นพี่สาวไป๋คงพาเธอไปยมโลกด้วยกันแล้ว “
“ป๊า!”
โจวเจ๋อปิดฝาตู้แช่โดยตรง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่จะจัดการปัญหานี้ได้
หน้านี้ไม่ใช่เทศกาลเผาศพจึงไม่สามารถทำได้ อีกทั้งพวกเขายังไม่สามารถเคลื่อนย้ายเธอไปไหน
หรือท้ายที่สุดโจวเจ๋อจะยอมทิ้งเธอไว้ที่นี่พร้อมกับรับความเสี่ยงทุกอย่างเอง?
ในตอนนี้โจวเจ๋อเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กหญิงตัวน้อยจึงต้องหนีปัญหาโดยการไปพักร้อนในนรก
โลกนี้ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็เหมือนกันหมด ต่อให้เป็นพนักงานอาวุโสแค่ไหนแต่เมื่อเจอปัญหายากๆพวกเขาก็มักจะโยนมาให้น้องใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานจัดการปัญหานั้น
เหมือนตัวโจวเจ๋อในตอนนี้
“ระวังตัวด้วยเดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำน้ำบ๊วยเปรี้ยวมาให้ขวดใหญ่” ซูชิงหลางปลอบโยน
“แล้วคุณคิดจะหนีไปไหน?”
“ฉันบอกพี่ไปแล้วว่าฉันจะย้ายร้านไปขายของที่เซี่ยงไฮ้ ในตอนนี้ฉันตัดสินใจจะย้ายล่วงหน้า” ซูชิงหลางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเขาไม่มีความลังเลที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัว