45 – ดูเหมือนฉันจะมาขัดจังหวะใครบางคน
หลังจากตู้แช่แข็งถูกล็อคโจวเจ๋อและซูชิงหลางก็ลงไปชั้นล่างด้วยกัน
ซูชิงหลางบอกโจวเจ๋อว่าเขากำลังนอนหลับอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เมื่อเขารู้สึกได้ว่าวิญญาณชั่วร้ายไหลออกมาเขาก็รีบวิ่งมาที่นี่ทันที
โจวเจ๋อนั่งอยู่ที่ด้านหลังของเคาน์เตอร์และหยิบแก้วน้ำขึ้นมาเขย่าทันที
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและมองเห็นว่านี่เป็นเบอร์แปลก
สวัสดี นี่คือคุณซูเล่อใช่ไหม เราสังกัดกองพลตำรวจจราจรฉงฉวน “
“ใช่ ผมเองมีอะไรให้ช่วยเหรอครับ? “
” ซูต้าฉวนเป็นญาติของคุณหรือเปล่า? เขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และตอนนี้กำลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลประชาชน “
” ผมจะรีบไปที่นั่นทันที “
โจวเจ๋อหลับตาและคร่ำครวญอย่างไม่พอใจตอนนี้เขาเหนื่อยพอแล้ว แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้งซูต้าฉวนน่าจะเป็นลุงที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเขา
โจวเจ๋อมองดูเล็บของตัวเองหากซูต้าฉวนตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตเขาจะช่วยชีวิตได้หรือไม่?
โจวเจ๋อตัวสั่นเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานหลังจากช่วยเด็กหญิงตัวน้อยครั้งสุดท้าย ลืมมันไปเถอะหวังว่าเขาจะปลอดภัยก็แล้วกันเพราะไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่มีทางช่วยใครอีก
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ไปที่ร้านของซูชิงหลางและมอบหมายให้เขาดูศพของหญิงสาวไว้ไม่ให้ก่อความวุ่นวาย หลังจากนั้นโจวเจ๋อจึงได้ขี่แท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาลประชาชน ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว โจวเจ๋อถามที่แผนกต้อนรับจนรู้ว่าซูต้าฉวนไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตและถูกย้ายไปที่วอร์ดแล้วในที่สุดหัวใจของเขาก็ผ่อนคลาย
เมื่อผลักประตูของวอร์ดเข้าไปโจวเจ๋อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นหมอหลินยืนอยู่ข้างเตียงของซูต้าฉวนและกำลังคุยกับเขา
ซูต้าฉวนขาหักและมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยบนใบหน้า แต่จิตใจของเขาก็ยังโอเค เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากเมื่อพูดคุยกับหลานสะใภ้
เมื่อโจวเจ๋อเข้ามา เขาได้สบตากับหมอหลินอยู่คู่หนึ่ง
“ขอบคุณ” โจวเจ๋อกล่าว
“ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” หมอหลินลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษพี่ต้องเรียกคุณมาในตอนกลางวัน”
“อย่าใส่ใจเลยน่า” โจวเจ๋อโบกมือ
หลังจากนั้นหมอหลินก็ออกไปจากวอร์ดและโจวเจ๋อก็เดินเข้าไปเพื่อสนทนากับลุงของเขา
ก่อนที่รถบัสทางไกลจะออกจากเมืองมันก็เกิดอุบัติเหตุ ซูต้าฉวนโชคไม่ดีเล็กน้อยเขาล้มลงและขาซ้ายหัก ผู้โดยสารที่เหลือไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
โจวเจ๋อยิ้มให้ซูต้าฉวนก่อนจะบอกให้เขาพักผ่อนแล้วเดินออกจากวอร์ด
หมอหลินยืนอยู่ที่แผนกต้อนรับ มีพยาบาลหญิงนั่งอยู่ด้วยดูเหมือนเธอจะไม่สบาย
โจวเจ๋อกำลังจะกลับไปที่ร้านหนังสือแต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ต้องทักทายหมอหลินก่อนเพราะว่าเธอยังคงเป็นภรรยาในนามของเขา
เมื่อเขาเข้ามาใกล้โจวเจ๋อก็ได้ยินเสียงร้องของทารก มันอ่อนแอมากเหมือนลูกแมว โจวเจ๋อไม่ได้จริงจังกับมันในตอนแรกแต่เมื่อเขาเข้าใกล้หมอหลิน เขาพบว่าเสียงร้องของทารกชัดเจนขึ้น
หมอหลินเป็นคนที่ถูกปีศาจตัวน้อยตามหลอกหลอนหรือเปล่า?
โจวเจ๋อยืนอยู่ที่ด้านหลังขอหมอหลินอย่างจงใจ
“ไม่เป็นไรพี่หลินฉันก็แค่ปวดท้องฉันจะรีบกินยาทันที” พยาบาลขอบคุณหมอหลินที่เป็นห่วง
“ให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่านี้หน่อยสิ” หมอหลินปลอบใจ
ในเวลานี้หมอดินพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเธอเธอจึงรีบหันหน้าไปด้วยความตกใจ
“คุณ…”
“เดี๋ยวก่อน”
โจวเจ๋อยกมือขึ้นฟังอย่างระมัดระวังอีกครั้งและในที่สุดก็มองไปที่ตำแหน่งท้องของพยาบาลตัวน้อย
เสียงนั้นไม่ได้มาจากหมอหลิน แต่มาจากพยาบาล
โจวเจ๋อซึ่งเคยเป็นหมอเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณกำลังตั้งครรภ์.” โจวเจ๋อพูดกับพยาบาลตัวน้อย
“อะไร?”
“เสี่ยวเฉินยังไม่ได้แต่งงานและไม่มีแฟนเธอจะตั้งครรภ์ได้ยังไง” หมอหลินจ้องไปที่ “สามี” ด้วยสายตาดุดัน
“ผมไม่รู้ว่าคุณท้องกับใครแต่ผมแนะนำให้คุณตรวจร่างกายและฝากครรภ์ไม่เช่นนั้นมีโอกาสสูงที่คุณจะแท้ง” โจวเจ๋อกล่าวอย่างจริงจัง
ทารกในครรภ์ไม่เสถียรมากและส่งเสียงร่ำไห้อยู่ตลอดเวลามันทำให้โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตราย
ทันใดนั้นนางพยาบาลเสี่ยวเฉินก็ลุกขึ้นยืนด้วยความวิตกกังวลเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยรู้ว่าตัวเองท้องมาก่อน แต่เธอรู้ว่าเธอมีพฤติกรรม “เสี่ยงสูง” ดังนั้นเธอจึงมีโอกาสสูงที่จะตั้งครรภ์
หมอหลินก็เห็นมันและรีบออกไปกับเสี่ยวเฉินทันที
โจวเจ๋อรู้สึกเสียดายที่ซูเล่อเรียนวิศวกรรมโยธา ถ้าซูเล่อเรียนแพทย์ในไม่ช้าเขาก็จะกลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุด ไม่เพียงแต่ในตงเฉิง แต่ยังรวมถึงในมณฑลเจียงซูด้วย
โจวเจ๋อลงไปข้างล่างและซื้อนมหนึ่งแพคและของใช้ประจำวันบางอย่างสำหรับซูต้าฉวนก่อนจะเดินขึ้นไปบนวอร์ดอีกครั้ง
หลังจากที่กำลังจะกลับทันใดนั้นหมอหลินก็เดินออกมาจากลิฟต์พร้อมใบหน้าหนักใจเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเฉินท้อง?” หมอหลินถาม
“ผมเรียนแพทย์แผนจีนมาบ้าง” “สถานการณ์ของเธอเป็นยังไง” โจวกล่าว
“เสี่ยวเฉินอยากจะเก็บเด็กไว้แต่มันค่อนข้างลำบากเพราะว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้จึงไม่ได้เอาใจใส่มาก่อน” หลังจากหมอหลินพูดจบ เธอก็พูดกับโจวเจ๋อว่า
“ให้ฉันไปส่งไหมเดี๋ยวขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง”
หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็นั่งปอร์เช่สีแดงของหมอหลินกลับมาที่ร้านหนังสือ
ระหว่างทางทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก เนื่องจากตอนนี้ความสัมพันธ์แบบ “สามีภรรยา” ของทั้งคู่เข้าสู่สถานะเลวร้ายที่สุดตั้งแต่แต่งงานกันมา
เมื่อมาถึงร้านหนังสือโจวเจ๋อรู้สึกว่าเขาควรหาหัวข้อที่จะพูดอะไรบางอย่างไม่อย่างนั้นมันจะน่าเบื่อจริงๆ
“ผมเห็นคุณชอบสวมชุดฮั่นฝูถ่ายรูปกับเพื่อนๆคุณชอบชุดแบบนี้เหรอ? “
“ใช่” หมอหลินพยักหน้า
“ผมก็ชอบมันเหมือนกัน.” โจวเจ๋อแตะที่ปลายจมูกของเขา “คุณลองสวมมันให้ผมดูบ้างหน่อยเป็นไง?”
หมอหลินไม่ตอบ ดูเหมือนเธอจะไม่ให้ความสนใจกับเขา
รถหยุดที่ประตูร้านหนังสือ โจวเจ๋อลงจากรถแต่แล้วเขาก็รู้สึกประหลาดใจเพราะว่าภรรยาของเขาก็เดินเข้าไปในร้านหนังสือด้วย
ฮ่าๆผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ เธอไม่กลัวว่าฉันจะทำเหมือนครั้งที่แล้วเหรอ?
“ขออ่านหนังสือสักหน่อย” หมอหลินเดินไปที่ชั้นวางนิตยสารพร้อมกับหยิบออกมาแบบสุ่มๆ
“ตามสบาย” โจวเจ๋อพยักหน้า
เขารู้ว่านั่นเป็นการแสดงออกถึงการปรองดอง ผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ
แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจแต่งงานกับเขาแต่เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี้ไว้เพื่อรักษาหน้าของพ่อแม่
เมื่อผลักประตูร้านหนังสือเข้าไป โจวเจ๋อพบว่าซูชิงหลางกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งพลาสติกและมองดูหนังสือ แต่หนังสือในมือของเขามันพลิกกลับด้านอย่างเห็นได้ชัด เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ซูชิงหลางยิ้มอย่างยากลำบากให้กับโจวเจ๋อแต่มันน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
หมอหลินมองไปที่ชายที่สวยกว่าผู้หญิงก่อนจะหันหน้าไปและยืนอ่านหนังสือของตัวเอง
โจวเจ๋อยื่นบุหรี่ให้ซูชิงหลางและกระซิบ “เธอทำอะไรคุณ?”
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากบันได หญิงสาวที่มีอายุอยู่ในช่วงมปลายเดินลงมาจากชั้นบนในชุดฮั่นฝูสีขาว
เมื่อเธอมองเห็นโจวเจ๋อเธอย่อตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
นิตยสารในมือของหมอหลินตกลงบนพื้นเสียงดัง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและพูดอย่างเย็นชาว่า
“ดูเหมือนว่าฉันจะเข้ามาขัดจังหวะใครบางคน”