93 – ตัวประกัน
“โรแมนติกจัง ไอ้ผีเฮงซวย ไอ้โรคจิต!”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวว่าจะตกนรกผมเคยไปที่นั่นมาแล้วผมค่อนข้างมีประสบการณ์”
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเส้นในรูปภาพ เขาประเมินมุมในใจต่อไป แล้วชี้ไปที่ยอดตึก:
“อย่างน้อยคุณน่าจะบอกให้ฉันนำเครื่องมือเวทย์มนตร์มามากกว่านี้!” ซูชิงหลางบ่นขณะที่เขาวิ่งขึ้นบันไดกับโจวเจ๋อ
“เรื่องนี้ผมคำนวณไว้แล้ว ผมจำได้ว่าในคืนที่พวกเราจัดการกับไป๋อิ่งอาวุธเวทย์มนต์ของคุณดูไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
ซูชิงหลางกล่าวด้วยความโกรธแค้นว่า
“ไว้หน้ากันหน่อยไม่ได้หรือไง”
โจวเจ๋อเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางทิศตะวันออกของชั้น 5 ด้วยกัน พยายามมองหาสิ่งที่อยู่ใกล้ๆหน้าต่างให้มากที่สุด
เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นโซนเกมของห้างสรรพสินค้า ทุกทิศทางล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นละออง เครื่องเล่นเกมส์เก่าและสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างที่ยังไม่ได้รื้อถอนยังคงอยู่ที่นั่น แสดงให้เห็นบรรยากาศที่รกร้างมาก
ซูชิงหลางประหม่าเล็กน้อยในขณะที่โจวเจ๋อยังคงเดินต่อไป
นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็หยุดอยู่หน้าปราสาทเบาะลม
“โอ้ ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของเบาะลม โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นและเห็นชายชราในชุดนักพรตเต๋าที่เปื้อนฝุ่นกระโดดลงมาจากที่นั่น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะน้องชาย ผมคิดถึงคุณมาก มานี่ คืนนี้พวกเราจะไปดื่มกันเดี๋ยวผมจะเลี้ยงเอง!”
นักพรตชรามาทักทายโจวเจ๋อ
ในเวลานี้ซูชิงหลางที่อยู่ข้างๆก็หยิบยันต์ขึ้นมาพร้อมกับตะโกน
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขตและจิตใจก็ลึกลับ!”
เขากัดนิ้วของตัวเองแล้วชี้ไปที่หน้าผาก แต่เขาเป็นคนใจเสาะจึงไม่กล้ากัดนิ้วของตัวเองให้เลือดไหลออกมาจึงมีเพียงน้ำลายเท่านั้นที่ถูกป้ายไปบนหว่างคิ้วของตัวเอง
นักพรตชราเหลือบมองซูชิงหลางราวกับว่าเจ้าเด็กนี่ช่างไร้สาระจริงๆ และเขาพูดด้วยความไม่พอใจว่า
“จะทำอะไรก็ให้มันดูทะมัดทะแมงหน่อยสิ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพวกนักพรตอย่างเรากลายเป็นพวกต้มตุ๋นไปหมด มานี่พี่ชายจะสอนให้ “
กล่าวจบนักพรตชราก็เอื้อมมือออกไปและเกาเป้ากางเกงของเขาราวกับว่าเขากำลังคันอย่างรุนแรง
แต่ในเวลานี้โจวเจ๋อก็ยื่นกรงเล็บออกไปคว้าคอของนักพรตชราโดยตรง
ในขณะที่นักพรตชราเพิ่งหยิบแผ่นยันต์สีเหลืองออกมาจากเป้ากางเกงเขาไม่รู้ตัวว่าโจวเจ๋อบีบคอเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่เอาน่า เลิกเล่นได้แล้ว…”
โจวเจ๋อเหลือบมองที่กระดาษยันต์สีเหลือง จากนั้นเล็บของเขาก็เริ่มทำงาน นักพรตชราตกตะลึง ในที่สุดโจวเจ๋อก็ผลักเขาเบาๆและนักพรตชราก็กระเด็นไปข้างหลังโดยตรง
โจวเจ๋อกระโดดข้ามเตียงลมโดยตรงและมองเห็นใครบางคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียงนั้น
นี่คือผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีขาว แต่ร่างกายใต้กระโปรงของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก
จากมุมมองที่เป็นมืออาชีพของโจวเจ๋อ เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างแท้จริงที่ผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้ยังไม่ตายแต่ว่าลมหายใจของเธอถี่เร็วได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมที่จะตายได้ตลอดเวลา
โจวเจ๋อเดินตรงไปยังหญิงสาว จากนั้นเขาก็ชี้เล็บไปที่ฝ่ามือพร้อมที่จะเปิดประตูนรก
“ไม่คิดจะถามอะไรเลยเหรอ” ซูชิงหลางถามด้านหลัง
“ถามอะไร?”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก”
ขณะที่อีกฝ่ายยังอยู่ในอาการโคม่าการจะเอาวิญญาณของเธอออกมาและส่งไปนรกโดยตรงเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้นักพรตชราที่เพิ่งถูกโจวเจ๋อโยนออกไปด้านข้างก็ลุกขึ้นอีกครั้งและรีบวิ่งไปหาโจวเจ๋อ
ซูชิงหลางก้าวไปข้างหน้าเอื้อมมือไปจับนักพรตชราไว้ แล้วเหวี่ยงเขาไปข้างหนึ่ง นักพรตชราเพิ่งถูกโจวเจ๋อโจมตีด้วยกรงเล็บร่างกายของเขาจึงอ่อนแอเป็นอย่างมาก โดยธรรมชาติแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูชิงหลาง
“อย่าทำอย่างนั้น ไว้ชีวิตเธอ โปรดไว้ชีวิตเธอด้วย”
นักพรตชราที่นอนตะแคงข้างหนึ่งเริ่มอ้อนวอน แต่โจวเจ๋อยังคงไม่สนใจ เขาดึงเส้นไหมคล้ายกับน้ำเชื่อมสีดำออกมาแล้วเริ่มวาดเป็นวงกลม
จากนั้นโจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปดึงวิญญาณออกจากร่างกายของหญิงสาว แม้ว่าตอนนี้วิญญาณของเธอจะอ่อนแอ แต่โจวเจ๋อก็สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของระดับจิตวิญญาณของเธอได้
นี่คือปลาใหญ่มาก เป็นปลาตัวใหญ่ที่แตกต่างจากกุ้งหอยที่เขาเคยจัดการไปในอดีต!
“ฮึ่ม!”
ในเวลานี้จู่ๆปากกาแท่งหนึ่งก็ลอยขึ้นมาและแทงใส่โจวเจ๋อโดยตรง
ดวงตาของโจวเจ๋อเร็วและมือของเขาก็ไม่ได้ช้า ร่างกายของเขาถอยหลังเล็กน้อยและหลบปลายปากกานั้นได้อย่างหวุดหวิด
แต่เป้าหมายที่แท้จริงของปากกาไม่ใช่โจวเจ๋อ มันเป็นซูชิงหลาที่อยู่ข้างหลังเขา ในเวลานี้ปลายปากกาจี้อยู่ที่คอของซูชิงหลาง
แม้ว่าซูชิงหลางจะมองไม่เห็นมันอย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่กล้าขยับมือในเวลานี้ ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นยังคงหลับตา เธอยังอยู่ในอาการโคม่า แต่ทั้งหมดนี้ถูกควบคุมโดยเธอ
“เหล่าโจว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล!”
ซูชิงหลางตะโกนเพราะกลัวว่าโจวเจ๋อจะไม่สนใจชีวิตและความตายของเขา รู้ไหมตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย มันไม่แตกต่างจากการที่มีใครบางคนกำลังใช้ปืนจี้ที่ศีรษะของเขาเลย
อย่างไรก็ตามโจวเจ๋อในตอนนี้ได้ละเลยชีวิตและความตายของเขาจริงๆ นิ้วมือของเขายังคงมุ่งหน้าเข้าหาหว่างคิ้วของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
แต่ปลายปากกาอย่างนั้นก็แทงเข้าใส่ลำคอของซูชิงหลางจนมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
“อ๊าก!…”
ซูชิงหลางรู้สึกเจ็บที่คอจึงได้แต่กรีดร้องออกมา เขาไม่กล้าเอื้อมมือไปหยิบปากกา เขามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อเขาขยับมือ ปากกาจะเจาะคอของเขาในทันที
ผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ แต่เธอสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้
“สองคนนั้นที่กระโดดลงไปตายน่าสงสารมาก” โจวเจ๋อพูดขึ้นทันที
ซูชิงหลางตกใจ เขาไม่รู้ว่าจู่ๆโจวเจ๋อจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
“คุณด่าผมในตอนกลางวันว่าทำไมไม่เตือนพวกเขาและเมื่อคืนนี้ทำไมผมถึงเปลี่ยนไป” โจวเจ๋อพูดต่อ
“พูดเรื่องอะไร?” ซูชิงหลาง
“งั้น คุณคิดว่าผมจะยอมเสียสละตัวเองแก้แค้นให้คนพวกนั้นหรือเปล่า?”
“…………” ซูชิงหลาง
จู่ๆโจวเจ๋อก็เอามือข้างหนึ่งปิดหน้าอกของตัวเอง แล้วกดมืออีกข้างลงบนพื้น ใบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อออกโดยไม่มีการกระทำอื่นใด
และปากกานั้นก็ตกลงบนพื้นอย่างหมดแรง ซูชิงหลางรีบเอามือปิดบาดแผลที่คอของตัวเองโดยไม่สนใจเรื่องอื่น
นักพรตชรารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของหญิงสาวและมองดูสถานการณ์ของเธอ เขากังวลและสับสนเล็กน้อย
โจวเจ๋อมองไปที่ซูชิงหลางอย่างเกลียดชังและคิดว่าไม่ควรพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรก
ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อแค่คิดว่ายิ่งมีคนจำนวนมากเขาก็ยิ่งจะปิดบัญชีผีตนนั้นได้อย่างรวดเร็ว ใครจะคิดว่าซูชิงหลางจะกลายเป็นเบี้ยให้อีกฝ่ายใช้มาข่มขู่เขา