Saijo no Osewa Takane no Hana-darakena Meimon-kou de, Gakuin Ichi no Ojou-sama (Seikatsu Nouryoku Kaimu) wo Kagenagara Osewa suru Koto ni Narimashita
才女のお世話 高嶺の花だらけな名門校で、学院一のお嬢様(生活能力皆無)を陰ながらお世話することになりました
[ ตอนที่ 2.2 : โรงเรียนคิโก ]
[วันนี้จะมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาในห้องของเรานะทุกคน]
อาจารย์ฟุกุชิมะที่เข้ามาในห้องเรียนก่อนได้ประกาศให้นักเรียนทุกคนในห้องทราบ
จากนั้นผมก็ได้เดินเข้าไปในห้องและยืนอยู่หน้ากระดานดำก่อนที่จะทักทายทุกคนในห้อง
[ผมโทโมนาริอิสึกิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ]
ถึงจะไม่มีเสียงปรบมือแต่สายตาของทุกคนในห้องดูเหมือนว่าจะเป็นมิตร
ในโรงเรียนมัธยมเก่าของผมนั้นไม่ค่อยที่จะมีนักเรียนย้ายมาใหม่แต่ถ้าเกิดมีละก็พวกเขาก็จำทำท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ว่าที่นี่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นเลย…พวกเขาให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่และมีบรรยากาศที่ดูเคร่งขรึม
[โทโมนาริคุง สามารถใช้ที่นั่งตรงนั้นได้เลยนะคะ….เอาล่ะทุกคน ครูเข้าใจนะว่ามีนักเรียนที่เพิ่งมาใหม่เลยพุ่งความสนใจไปที่เขา แต่ว่าการเรียนต้องมาก่อนเพราะงั้นช่วยจดจ่อกับการเรียนด้วยค่ะ]
ครูที่ยืนอยู่หน้าห้องได้มองไปรอบๆแล้วพูดออกมา
ผมได้นั่งลงตรงแถวที่สองข้างๆหน้าต่างจากนั้นผมก็เอาสมุดเรียนออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
วิชาแรกที่ผมต้องเจอนั่นก็คือวิชาคณิตศาสตร์
[เอาล่ะ เรามาเริ่มเรียนกันเถอะ สิ่งที่เราจะเรียนก็คือเรื่องแคลคูลัส]
ในโรงเรียนเก่าของผมนั้นจะได้เรียนเรื่องนี้ในช่วงชั้น ม.ปลายปี3
แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะได้เรียนในตอนที่อยู่ ม.ปลายปี2 เลย
☆ ☆ ☆
[นี่คือทั้งหมดสำหรับคาบนี้นะคะ กลับบ้านไปก็อย่าลืมทบทวนนะ]
อาจารย์ฟุกุชิมะได้พูดออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น
หลังจากที่ทำความเคารพก็ถึงช่วงพักเบรก
[…ต้องขอขอบคุณชิสึเนะซังจริงๆ]
ถึงจะพอตามทันอยู่ก็เถอะ..แต่ยังไงมันก็ยังยากอยู่ดีนั่นแหละ
นี่แค่คาบแรกเองนะแต่ผมรู้สึกว่าเหมือนกับได้เรียนมาแล้วทั้งวัน
แล้ว…ตอนนี้ฮินาโกะกำลังทำอะไรอยู่กันนะ?
เมื่อนึกถึงหน้าที่ของผมในฐานะผู้ดูแล ผมก็ได้มองดูฮินาโกะ
[โคโนฮานะซัง คือว่าคาบเมื่อกี้มีบางอย่างที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจอยู่ค่ะขอถามหน่อยได้มั้ยคะ?…]
[ถ้าคุณโอเคกับฉัน ก็ยินดีค่ะ…]
เมื่อเธออยู่ในที่สาธารณะดูเหมือนว่าเธอจะสวมหน้ากากของ หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ และจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาเลย
[เอ้ย เด็กใหม่!]
จู่ๆก็มีคนเข้ามาทักผม
เมื่อผมหันไปก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะตัวใหญ่เลย
[ทั้งที่เป็นแค่เด็กใหม่แท้ๆแต่กลับไม่ทักทายฉันเลยนายเนี่ยช่างกล้าจริงๆฉันขอชื่นชมนาย]
[…เอ่ออ]
ผมไม่รู้เลยว่าคนๆนี้พูดเล่นหรือจริงจัง
[นี่!!]
[โอ้ยย!?]
ในขณะที่ผมกำลังสับสนอยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาเอามือประเคนใส่หัวให้กับผู้ชายคนนั้น(**เป็นการเอาสันมือสับหัวนะแต่พอดีอยากใช้คำนี้มานานละ)
[นายกำลังทำให้โทโมนาริคุงกลัวอยู่นะ]
[ขะ-ขอโทษ ฉันแค่หยอกเล่นเอง]
นักเรียนชายได้กล่าวในขณะที่เอามือจับศีรษะของตัวเอง
[นายคือ โทโมนาริ อิสึกิคุงใช่มั้ย? ฉันไทโช คัตสึยะ]
[ส่วนฉันอาซาฮิ คาเรน ยินดีที่ได้รู้จักน้า~~]
พวกเขาทั้งสองได้แนะนำตัวออกมาส่วนผมก็ตอบกลับไปแบบสั้นๆว่า “อืมม”
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดออกมาก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องล้อเล่นสินะ
[โทโมนาริ คาบเมื่อกี้นี้นายคงจะลำบากมากสินะ]
[…รู้ได้ยังไงกัน?]
[ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าแล้วเชียวไม่ต้องกังวลไปหรอก ในตอนแรกนักเรียนที่ย้ายมาใหม่ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ]
[นักเรียนย้ายมาใหม่?…มีคนอื่นนอกจากผมด้วยเหรอ?]
[แน่นอน ถึงจะไม่ใช่เวลาเดียวกันก็เถอะแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก ที่นายย้ายเข้ามาในช่วงนี้ก็คงจะเป็นเหตุผลทางครอบครัวใช่มั้ยล่ะ?]
[อื้มก็ประมาณนั้นแหละ]
ดูเหมือนว่าทุกคนที่เรียนอยู่ที่นี่จะรู้ว่าโรงเรียนแห่งนี้ไม่ใช่โรงเรียนปกติ
[แต่ฉันไม่เคยได้ยินชื่อตระกูล โทโมนาริมาก่อนเลย ตระกูลของนายทำงานเกี่ยวกับอะไรอ่ะ?]
[เกี่ยวกับด้าน IT น่ะมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก]
เมื่อนึกถึงสถานะที่ชิสึเนะสร้างให้ผมก็ได้ตอบคำถามของอาซาฮิกลับไป
สถานะของผมก็คือเป็นทายาทของประธารบริษัท IT ขนาดกลาง
เมื่ออาซาฮิและไทโซได้ยินคำตอบของผมพวกเขาก็หันไปมองหน้ากันและพยักหน้า
[ตั้งแต่ที่ฉันเห็นนายทำท่าทางลำบากเมื่อคาบเรียนที่แล้วฉันก็พอจะเดาได้แล้วล่ะ…โทโมนะรินายเคยใช้ชีวิตแบบสามัญชนมาก่อนใช่มั้ย?]
[…ใช่..]
ผมพยักหน้าตอบส่วนทางอาซาฮิก็ยิ้มให้กับผม
[นักเรียนส่วนใหญ่ที่ย้ายเข้ามาที่นี่ก็มีอยู่สองรูปแบบ อย่างแรกก็คือคนที่เรียนเก่งในโรงเรียนอื่นได้ย้ายมาเรียนที่นี่ก็เพื่อพัฒนาทักษะของตัวเอง ส่วนอย่างที่สองก็คือเป็นคนที่ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ แต่เนื่องจากเหตุผลทางครอบครัว พวกเขาจึงถูกบังคับให้เข้ามาเรียนในสถาบันแห่งนี้ ซึ่งในกรณีแรกนักเรียนส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างร่ำรวยส่วนอย่างหลังส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวธรรมดา]
[แต่สำหรับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโรงเรียนปกติ มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะตามหลักสูตรของที่นี่ทัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเรารวมตัวกับนักเรียนที่มีภมูิหลังที่คล้ายคลึงกัน เพื่อที่พวกเราจะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ฮาซาฮิกับฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันเพราะงั้นฉันเลยคิดว่าพวกเราจะสามารถช่วยโทโมนาริคุงได้ไงล่ะ]
[..อย่างนี้นี่เอง]
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายผมก็ได้พยักหน้า ถ้าจะให้สรุปเลยก็คือพวกเขาจะสอนผมเกี่ยวกับหลายๆเรื่องในฐานะเด็กใหม่และพวกพ้องที่มีภูมิหลังที่คล้ายคลึงกัน
อย่างที่คิดเอาไว้เลยนักเรียนของที่นี่ใจดีกันมาก…
[ขอบคุณมากนะไทโชคุง ผมซาบซึ้งจริงๆ]
[นายไม่ต้องพูดเป็นทางการแบบนั้นก็ได้น่า ก็พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนี่นา]
[ที่ผมพูดแบบนี้เพราะเหตุผลทางครอบครัวน่ะ]
[เอ่อ…เอาเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องแบบนี้ก็มีเกิดขึ้นบ้างล่ะนะ]
ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะแต่ในใจของผมเรียกเขาว่า “ไทโช” ไปแล้ว
นี่ก็เพื่อเงิน 2หมื่นเยนต่อวัน ค่าที่พัก และอาหาร 3 มื้อต่อวัน เพราะงั้นผมจึงต้องเล่นเป็นทายาทของประธานบริษัท
[ว่าแต่ โทโมนาริ ฉันขอถามหน่อยได้มั้ย?]
ไทโชพูดด้วยสีหน้าสงสัย
[ความสัมพันธ์ระหว่างนาย….กับโคโนฮานะซังคืออะไร พวกนายเป็นอะไรกัน?]
ทันทีที่ผมได้ยินคำถาม
ผมก็รู้สึกราวกับว่าอากาศภายในห้องเย็นลงพร้อมกับเสียงกร๊อบแกร๊บจากกระดูกที่ถูกหัก
เอ๊ะ…?
ในชั่วพริบตานั้นมันเหมือนกับว่าผมได้อยู่ในลานประหารเลย
[เมื่อเช้านี้นายกับเธอเดินมาโรงเรียนด้วยกันไม่ใช่เหรอ?]
[เอ่อ… คือครอบครัวของผมกับครอบครัวของโคโนฮานะซังเป็นญาติกันน่ะ เพราะงั้นผมจึงขอให้เธอพาทัวร์รอบๆโรงเรียน]
[แค่นั้นจริงๆเหรอ?..]
[ไม่ใช่คู่หมั้นอะไรแบบนั้นใช่ปะ?]
[คู่หมั้น ไม่ ไม่ใช่แน่นอน]
สำหรับผมที่เป็นสามัญชน การที่จะมีคู่หมั้นได้นั้นก็เหมือนกับเรื่องเผ้อฝัน
เมื่อผมยักไหล่ไทโซก็สะดุ้งก่อนที่จะยิ้มออกมา
[อะไรกันเนี่ยๆ นายทำให้ฉันตกใจมากเลยนะรู้มั้ย?]
[หว่าาา!?]
ไทโชตบไหล่ผมแล้วผมก็ส่งเสียงร้องออกมา
ผมสับสนกับไทโชที่จู่ๆก็ทำตัวเป็นมิตรมากขึ้นและในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกได้ว่าความตึงเครียดที่ผมรู้สึกก่อนหน้านี้เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นจากนั้นเพื่อนร่วมชั้นก็กลับไปคุยกันแบบปกติอีกครั้ง
[ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดุเดือดกันจริงๆ]
[หมายความว่าไงกันครับอาซาฮิซัง?]
[นายก็น่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเธอมาบ้างแหละ นอกจากเป็นลูกสาวของประธานโคโนฮานะกรุ๊ปเธอก็ยังมีผลการเรียนที่ดีที่สุดในโรงเรียนแถมเรื่องรูปลักษณ์เธอก็ไม่เป็นสองรองใคร]
ผมพยักหน้าเพื่อให้เธอเล่าต่อ
[แต่ว่าโคโนฮานะซังไม่เคยมีเรื่องรักๆใคร่ๆมาก่อน พวกเราก็เลยคิดว่าเธอมีคู่หมั้นอยู่แล้ว…และเมื่อเช้านี้ โทโมนาริคุงมาโรงเรียนพร้อมกับโคโนฮานะซังใช่ไหมล่ะ? นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราทุกคนถึงถามแบบนั้น]
[…เข้าใจแล้ว คงเป็นเรื่องปกติสินะที่คนในโรงเรียนนี้จะมีคู่หมั้นกันบ้าง เอ๊ะ?]
[แต่ระดับฉันคงไม่มีหรอก แต่ถ้าเป็นตระกูลโคโนฮานะ ก็คงจะไม่แปลกหรอกถ้าจะมี]
พอมาลองคิดดูเหมือนกับว่าบทสนทนานี่กำลังบอกว่าฮินาโกะไม่มีคู่หมั้นงั้นเหรอ?
ผมคิดว่าเธอกำลังอยู่ในกระบวนการคัดเลือกว่าจะแต่งงานกับใครอะไรแบบนั้นซะอีก….ไม่สิเธอคงจะรำคาญถ้าเกิดมีคู่หมั้น
[อ๊ะ ฉันเองก็ไม่มีคู่หมั้นนะ ถ้าเกิดว่านายเจอสาวสวยอย่าลืมแนะนำฉันให้เธอรู้จักด้วยล่ะ]
[ผมจะพยายามหาให้เจอละกัน]
ผมหัวเราะออกมา
เมื่อผมได้คุยกับไทโซและอาซาฮิก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยตอนแรกผมก็คิดอยู่นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้างถ้าได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนคิโก…แต่ว่ามันก็ดีเกินคาดเลยแฮะ
****
แปลโดยเพจ Sakurai