Saijo no Osewa Takane no Hana-darakena Meimon-kou de, Gakuin Ichi no Ojou-sama (Seikatsu Nouryoku Kaimu) wo Kagenagara Osewa suru Koto ni Narimashita
才女のお世話 高嶺の花だらけな名門校で、学院一のお嬢様(生活能力皆無)を陰ながらお世話することになりました
[ ตอนที่ 2.3 : โรงเรียนคิโก ]
ในตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาพักเที่ยงแล้ว
[โทโมนาริคุง ช่วงพักกลางวันนี้นายมีแผนแล้วรึยัง?]
[จะไปกับพวกเราเปล่า พวกเรากำลังจะไปที่โรงอาหารกันน่ะ…]
ไทโซและอาซาฮิได้เข้ามาหาผมในขณะที่ผมกำลังกำลังเก็บหนังสืออยู่
[ขอโทษนะครับ พอดีว่าผมมีสิ่งที่ต้องทำอยู่น่ะ…]
[สิ่งที่ต้องทำ?]
พอได้เห็นไทโซเอียงศีรษะผมก็ได้อธิบายให้กับเขาฟัง
[ในช่วงพักกลางวัน ผมจะต้องโทรไปรายงานพ่อแม่ของผมว่าได้กินข้าวกล่องที่พวกท่านทำมาให้แล้วเพราะงั้นผมเลยมีข้าวกล่องแล้วน่ะ]
[อ่อ….พ่อแม่ของโทโมนาริคุงเนี่ยดูจะเป็นห่วงนายมากเกินไปแล้วนะ]
[ก็นั่นแหละ]
นี่เองก็เป็นส่วนหนึ่งของบทที่ชิสึเนะเตรียมมาให้ ในตอนแรกที่ผมได้ยินผมเองก็คิดว่า(พวกเขาจะเชื่อเรื่องแบบนี้จริงๆเหรอ…) ผมคงจะกังวลไปเองนั่นแหละเพราะว่าตอนนี้พวกเขาได้แสดงสีหน้าที่ดูเสียดายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
[พอมาลองคิดดูแล้ว โคโนฮานะซังก็เป็นแบบนี้ด้วยหนิ ก็เธอน่ะมักจะไปที่ไหนสักแห่งในช่วงพักกลางวันตลอดเลย]
[ใช่…ฉันเองก็ได้ยินข่าวลือมาว่าเธอมักจะไปช่วยธุรกิจของครอบครัวในช่วงพักกลางวัน เห็นว่ากันว่าเธอได้เข้าประชุมผ่านทางโทรศัพท์อะไรแบบนั้นด้วยล่ะ]
เมื่อผมฟังการสนทนาของพวกเขาทั้งสองคน ผมก็ได้เหลือบไปมองฮินาโกะที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม
[โคโนฮะนะซัง ถ้าคุณไม่รังเกียจ จะไปโรงอาหารกับพวกเรามั้ยคะ?]
[ขอโทษนะคะ คือว่าฉันมีงานที่ต้องทำอยู่ค่ะ]
[อะ-อ่อ ถ้างั้นก็ขอโทษที่รบกวนนะคะ]
หลังจากที่ฮินาโกะปฏิเสธคำเชิญจากเพื่อนร่วมชั้นอย่างสุภาพ เธอก็ได้หยิบข้าวกล่องออกจากกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
พอได้เห็นแบบนี้ ผมจึงดันตัวเองออกจากโต๊ะและลุกออกจากเก้าอี้
[ถ้างั้น เอาไว้เจอกันนะครับ]
[ได้]
[ถ้าตอนไหนที่นายอยากจะไปโรงอาหารแล้วละก็สามารถบอกพวกเราได้ทุกเมื่อเลยน้า~~]
หลังจากที่ผมแยกตัวออกมาจากทั้งสองแล้วผมก็ได้เดินออกจากห้องและมองหาฮินาโกะในทันที
พอเห็นฮินาโกะเดินอยู่คนเดียวที่โถงทางเดินผมก็ได้เดินตามเธอไปโดยที่รักษาระยะห่างเอาไว้
ทุกครั้งที่เธอเดินผ่านหน้าห้องเรียนฮินาโกะก็มักจะถูกนักเรียนคนอื่นๆเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่พอเดินไปได้สักพักสายตาจากคนรอบข้างก็ค่อยๆลดลง
เธอได้เดินผ่านสวนไปที่อาคารเก่าๆที่ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกใช้งานอีกต่อไปแล้วเนื่องจากการเสื่อมสภาพของมัน แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อลองนึกถึงภาพลักษณ์ของโรงเรียนนี้แล้วดูเหมือนว่าอาคารแห่งนี้ก็ยังคงได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ผมเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะไปบนดาดฟ้า
หลังจากที่เช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ผมก็ได้เปิดประตู
[เหนื่อยหน่อยนะ~]
ฮินาโกะนั่งอยู่ตรงพื้นพร้อมกับทักทายมาที่ผมด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
[….คุณเองก็เช่นกันเหนื่อยหน่อยนะครับคุณหนู]
[คำพูด]
[ค้าบๆ]
หลังจากที่ทักทายเธอแบบเป็นทางการผมก็ได้นั่งลงข้างๆฮินาโกะ
[เธอมากินข้าวเที่ยงที่นี่ตลอดเลยเหรอ?]
[ใช่ เพราะที่นี่ไม่มีคนอยู่เลยน่ะ]
ในฐานะที่ผมเป็นผู้ดูแลผมจะต้องคอยอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา
เพราะงั้นต่อจากนี้ไปผมคงจะได้มากินข้าวกลางวันที่นี่ทุกวันแน่ๆ
[แล้วโรงเรียนนี้เป็นไงบ้างล่ะ..?]
[ก็สมกับเป็นโรงเรียนชื่อดังจริงๆนั่นแหละ ขนาดฉันคิดว่าตัวเองเตรียมตัวมาดีแล้วแต่ก็ยังประสบปัญหาในเรื่องเรียนอยู่เลย]
[พยายามเข้านะ…ถ้าเกรดของนายแย่เมื่อไหร่ นายอาจจะโดนไล่ออกจากการเป็นผู้ดูแลเอาได้นะ]
[…นั่นมันแย่สุดๆเลยล่ะ]
ถ้าผมไม่ได้พบกับฮินาโกะละก็ ผมคงจะไม่สามารถไปโรงเรียนได้และเป็นคนไร้บ้านแน่ๆ พอคิดถึงเรื่องพวกนี้มันก็ทำให้ผมตระหนักได้ว่า ตัวเองเนี่ยช่างโชคดีจริงๆที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เพราะงั้นผมจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกไล่ออก
[ถ้างั้นเรามาเริ่มกินข้าวกล่องกันเถอะ]
[…อื้ม]
ผมได้เปิดฝาข้าวกล่องพร้อมกับฮินาโกะข้าวกล่องอันนี้เป็นของที่ถูกจัดเตรียมโดยคนใช้จากตระกูลโคโนฮานะ ของที่อยู่ด้านในนั้นประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่หายากมากนี่น่ะมันดูหรูหราสุดๆไปเลย
[สุดยอด…ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นข้าวกล่องแบบนี้มาก่อนเลย]
[หืม..แต่ฉันว่าอาหารที่โรงอาหารสุดยอดกว่านะ]
[งั้นเหรอ…แล้วทำไมเธอไม่ไปกินที่นั่นล่ะ?]
[ก็ฉันไม่ชอบเวลาที่มีคนมองมาเยอะๆนี่นา]
ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่ชอบจริงๆนั่นแหละ
[แต่ว่า…ถ้าเป็นข้าวกล่อง ฉันก็จะสามารถกินอาหารที่ชอบได้]
[แล้วอาหารที่เธอไม่ชอบล่ะ มีรึเปล่า?]
[ก็มีอยู่นะ อย่างเช่น แครอท พริกหยวก ถั่วเขียว เห็ดหอม ลูกพรุนแห้ง มะเขือเทศ ฟักทอง…]
[เฮ้ย นี่เธอแค่ไม่ชอบผักไม่ใช่เหรอ..]
[ถูกจับได้ซะแล้ว~~]
ฮินาโกะพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ตัวเธอในตอนนี้น่ะมีออร่าที่ต่างไปจากตอนที่อยู่ในห้องโดยสิ้นเชิง ถ้าเกิดว่าไทโซและอาซาฮิได้มาเห็นสิ่งนี้เข้าแล้วละก็หัวใจของพวกเขาได้หลุดออกมาจากอกแน่ๆ
จากนั้นฮินาโกะก็ได้หยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกินข้าวกล่อง
แต่ว่าอาหารที่เธอคีบก็ตกเลอะไปทั่ว
[….ไหงเธอถึงทำตกได้เนี่ย]
[หืม..?]
[ไมต้องมาฮงมาหืมเลยเฟ้ย…]
และตอนนี้..ผมก็ได้เข้าใจถึงความสำคัญของหน้าที่ผู้ดูแลแล้ว
มันเหมือนกับว่าผมเป็นพี่เลี้ยงมากว่าคนช่วยดูแลแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฮินาโกะจึงสามารถทำตัวเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในที่สาธารณะได้แต่ในตอนที่อยู่คนเดียวมันคนละเรื่องกันเลยแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ผมก็นึกถึงเรื่องที่เธอทำขวดพลาสติกหกในตอนที่ถูกลักพาตัวขึ้นมา
[ป้อนฉันสิ~~]
ฮินาโกะได้อ้าปากในขณะที่เธอยื่นข้าวกล่องมาทางผม
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถ้าอาหารของเธอตกอีกมันจะน่าเสียดายเอาเปล่าๆ เอาเถอะแถวนี้ก็ไม่มีคนอยู่ด้วย
[…อ้ามมม]
ผมคีบเครื่องเคียงแบบสุ่มๆแล้วนำเข้าปากฮินาโกะ
[อื้ม…ไม่เลว]
ฮินาโกะพูดด้วยท่าทางที่พอใจ
[แล้วทำไมอิสึกิถึงไม่กินบ้างล่ะ?]
[อ๊ะใช่]
หลังจากที่ฮินาโกะพูดออกมาแบบนั้นผมก็ได้ยื่นตะเกียบเข้าไปที่ข้าวกล่องของผม
ในตอนนี้ผมได้ตัดสินใจที่จะลองของเบสิกอย่างไข่ม้วนก่อนเป็นอย่างแรก
[โอ้ววว อะไรเนี่ย อร่อยสุดๆไปเลย~!!]
พอเริ่มขยับตะเกียบผมก็หยุดตัวเองไม่ได้เลย
ทั้งเนื้อ ทั้งปลา รวมถึงพวกผัก ทุกอย่างมันอร่อยสุดๆไปเลย
[แล้วอิสึกิชอบอันไหนล่ะ?]
[ชอบอันไหนเหรอ…ฉันว่ามันอร่อยหมดเลยนะแต่ถ้าจะให้บอกของที่ชอบเป็นพิเศษก็คงจะเป็นไข่ม้วนที่ลองกินในตอนแรกล่ะนะ]
[งั้นอันนี้ฉันให้อิสึกิ]
[เอ๊ะ?]
[เป็นของตอบแทนน่ะ อ้ามมมม~]
ฮินาโกะคีบไข่ม้วนจากข้าวกล่องของเธอแล้วยื่นมาที่ปากของผม
ผมรู้สึกเขินอายและลังเลเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำ แต่ว่าทางด้านฮินาโกะไม่มีวี่แววความเขินอายอยู่เลย
คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ จากนั้นผมก็ได้อ้าปากและกินไข่ม้วน
[…อร่อยมั้ย?]
[..อร่อยสิ แต่มันจะดีเหรอที่ให้ฉันกิน?]
[แน่นอน ก็ฉันเป็นเจ้านายของนายหนิ เพราะงั้นฉันจะเป็นคนเลี้ยงดูนายเอง]
[เลี้ยงดูงั้นเหรอ?…]
[ก็ถ้านายเกิดเบื่อฉันขึ้นมาฉันจะลำบากเอาน่ะสิ]
น้ำเสียงของเธอฟังดูจริงจังมากกว่าปกติเล็กน้อย
ผมอาจจะคิดเองเออเองก็ได้แต่ถ้าจะให้เมินมันก็คงจะไม่ไหวเพราะงั้นผมเลยพูดขึ้นมาพร้อมกับถามเธอไป
[…ก่อนหน้านี้เธอเคยมีผู้ดูแลคนอื่นมาก่อนใช่มั้ย? ทำไมพวกเขาถึงเลิกทำงานนี้กันล่ะ?]
[ฉันเองก็ม่ายรู้~]
ฮินาโกะพูดออกมาพลางเอียงศีรษะไปด้วยตอนนั้นคุณเคกอนบอกผมมาว่าที่พวกเขาลาออกก็เพราะเกิดจากความเครียดแล้วต้นเหตุของความเครียดมันคืออะไรกันล่ะ?
[แล้วผู้ดูแลก่อนหน้านี้เขาทำงานได้นานสุดเท่าไหร่?]
[…ประมาณสองอาทิตย์ละมั้ง?]
[เห~~…]
นั่นสั้นกว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลย
[ส่วนคนก่อนหน้านั้นก็ประมาณสามอาทิตย์…แต่ก็ไม่เกินหนึ่งเดือน]
[…แล้วเธอรู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงลาออกกันเร็ว?]
[ม่ายยรุ้~~]
[ไม่รู้?]
ฮินาโกะได้เอียงศีรษะอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะไม่ได้เสียใจเกี่ยวกับมันเลย
บางทีอาจจะเป็นเพราะฮินาโกะไม่ได้สนใจผู้ดูแลเหล่านั้น
[….ฉันไม่คิดว่าจะมีงานอื่นนอกจากงานนี้นะ ที่จะให้ข้อเสนอดีๆแบบนี้]
[ข้อเสนอดีๆ?]
[ใช่ ก็ได้ทั้งที่พัก อาหาร3มื้อ รวมถึงเงิน 2หมื่นเยนต่อวัน แน่นอนว่ามันกดดันมากแต่ก็เป็นงานที่ค่อนข้างดีงานนึงเลยล่ะ ส่วนเรื่องการเรียนถึงจะยากไปหน่อยก็เถอะ…แต่ถ้าคิดว่าได้ความรู้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น]
มีคนมากมายในโลกนี้ที่อยากเรียนแต่ก็ไม่ได้เรียนโดยเฉพาะผมที่เกือบจะเป็นแบบนั้น
[แล้วฉันล่ะ?]
[…ห๊ะ?]
[ข้อเสนอที่ดี…แล้วฉันอ่ะ]
ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอถาม
[…เธอหมายความว่าไง?]
[มู่~~~~]
ฮินาโกะทำแก้มป่องพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจ
[แล้วนายเคยคิดที่อยากจะเป็น หนูตกถังข้าวสาร ไหม?](**ผู้ชายที่ไม่ค่อยมีฐานะแต่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวย)
[ไม่….เรื่องแบบนี้มัน..]
หนูตกถังข้าวสารเธอหมายถึงพวกสำนวนเหรอ?
นั่นมันก็แค่ความปรารถนาลมๆแล้งๆสำหรับผมล่ะนะถึงจะถามว่าสนใจหรือไม่แต่เดิมทีแล้วผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถสนทนากับลูกสาวของตระกูลโคโนฮานะด้วยซ้ำ
[อย่าลาออกจากงานนี้นะ อิสึกิ]
[….ในตอนนี้ในหัวของฉันไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่หรอก]
เมื่อผมตอบกลับฮินาโกะก็ยิ้มออกมาจางๆก่อนที่จะนอนลง
[ฉันอยากนอน]
[…จะให้ฉันเป็นหมอนให้เหรอ?]
[อื้ม]
เนื่องจากว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตอนที่โดนลักพาตัวผมจึงเข้าใจเจตนาของเธอในทันที
ทันทีที่ผมทำตักให้ว่างฮินาโกะก็ได้เอาหัวมาวางไว้บนตัก
[เอะเฮะ~ตรงนี้นอนหลับสบายสุดๆเลยล่ะ]
[ขอบคุณสำหรับคำชมครับ]
จากนั้นฮินาโกะได้นอนหลับลงบนตักของผม
พอได้มองดูดีๆแล้ว ใบหน้าของฮินาโกะดูเรียบร้อยสุดๆถึงจะดูไร้เดียงสาอยู่หน่อยๆก็เถอะแต่ก็สวยกว่านางแบบหลายๆคนเลย
ถ้าผู้ชายธรรมดาๆได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้ก็เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างผมกลับรู้สึกสงบมากกว่าที่คิด
[มันเหมือนกับว่าพวกเราไม่มีระยะห่างระหว่างกันเลย…]
ผมไม่คิดว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างชายหญิงอะไรแบบนั้นแน่นอนแต่ถึงจะมีบางครั้งที่ผมมองเธอในฐานะผู้หญิงคนนึงแต่ผมก็มั่นใจว่าฮินาโกะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้แน่นอนเพราะงั้นผมจึงสามารถควบคุมตัวเองได้
ถึงผมจะเป็น “ผู้ดูแล” แต่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเรากลับลึกลับมากกว่าที่คิด
แต่ว่า…มันก็ไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมดละนะ
******
แปลโดยเพจ Sakurai