Long Live The Hokage – ตอนที่ 13 : เสียสละ

ในตอนแรก กองกำลังสนับสนุนของตระกูลเซนจู ได้เดินทางไปที่ค่ายกองทัพพันธมิตร แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นจากวิชา ดาวกระจายกงจักระ ของ มาซาฮิโกะ พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าตรงไปยังจุดที่เกิดการต่อสู้ขึ้นทันที

กองกำลังสนับสนุนนี้นำมาโดย ผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ของตระกูลเซนจู และตอนนี้กองทัพพันธมิตรก็รู้แล้วว่า ตระกูลอุจิฮะ โจมตี ตระกูลคางูยะ

“นี่สินะคือเหตุผลที่ทำให้ ทาเคะโทริ หมดหวังที่จะต้านทานกองทัพเรา…” โทบุ พูด

“ถ้าเรารู้ตั้งแต่แรก เราก็คงจะไม่เข้าไปยุ่งความขัดแย้งของพวกเขา แล้วปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง” โทบิรามะ พูด

อย่างไรก็ตาม ก็เห็นได้ชัดว่า ฮาชิรามะ ไม่ได้คิดเช่นนั้น

“มาดาระ นายยังจำสัญญาของเราได้ นี่คือหนทางสู่เป้าหมายของเราในแบบของนายสินะ บางทีนี่อาจจะเป็นก้าวแรกที่ตระกูลของเราจะอยู่รวมกันได้ก็ได้” ฮาชิรามะ คิดในใจ เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องสู้กับ มาดาระ

เมื่อเห็นว่ากองกำลังสามารถออกมาจากคุกกระดูกได้หมดแล้ว ฮาชิรามะ จึงพูดขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโส เราเลยจุดที่จะสงบศึกกับ ตระกูลคางูยะ ไปแล้ว ดังนั้นฉันขอเสนอให้เราใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าร่วมกับ ตระกูลอุจิฮะ และบดขยี้ ตระกูลคางูยะ”

“ไม่ เราจะไม่ทำแบบนั้น ตอนนี้ ตระกูลคางูยะ ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก และตอนนี้ดินแดนของพวกเขาก็ถูก ตระกูลอุจิฮะ ปิดล้อมไว้หมด…ชะตากรรมของพวกเขาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” ผู้อาวุโส กล่าว

ฮาชิรามะ ดูเหมือนจะผิดหวัง เขาไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้ต่อสู้เคียงข้างกับ มาดาระ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของผู้อาวุโส

มาซาฮิโกะ สังเกตเห็นความผิดหวังในดวงตาของ ฮาชิรามะ ดังนั้นเขาจึงพูดเพื่อโน้มน้าวใจผู้อาวุโสออกไปว่า “แน่นอนว่ากองกำลังของ ตระกูลคางูยะ ลดลงไปมากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่คิดว่า ตระกูลอุจิฮะ จะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ด้วยการรบเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ หาก ตระกูลอุจิฮ สามารถเอาชนะ ตระกูลคางูยะ ได้จริง พวกเขาก็จะได้ทรัพยากรและสินสงครามทั้งหมดไป ทั้ง ๆ ที่พวกเราเป็นคนต่อสู้กับ ตระกูลคางูยะ จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากมาตลอดทั้งเดือน”

ไม่นานหลังจากที่ มาซาฮิโกะ ได้พูดสิ่งเหล่านั้นออกไป ผู้อาวุโสก็เริ่มเกิดความลังเลขึ้นมา หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นผู้อาวุโสก็พูดออกมาว่า “เรายังกลับไม่ได้ เราจะต้องไม่ปล่อยให้ของเหล่านั้นตกไปอยู่ในมือของ ตระกูลอุจิฮะ ได้! กำลังเสริมของเราก็มาแล้ว และเราจะสู้ต่อ”

“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!”

ใบหน้าของ ฮาชิรามะ กลับมามีชีวิตชีวาในทันที และเขาก็กดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองว่า “รอฉันก่อนนะ มาดาระ”

จากนั้น กองทัพพันธมิตร ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง หมู่บ้านตระกูลคางูยะ ทันที

หลังจากผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง กองทัพพันธมิตร ก็เดินทางมาถึง ดินแดนของตระกูลคางูยะ และพวกเขาก็มองเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง ตระกูลคางูยะ และ ตระกุลอุจิฮะ จากระยะไกล

กองกำลังอุจิฮะในครั้งนี้นำมาโดย อุจิฮะ ชินจิ (ผู้อาวุโสสูงสุด) , ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 , และผู้อาวุโสลำดับที่ 3 แน่นอนว่า มาดาระ และ อิซึนะ ก็มาด้วยเช่นกัน

เมื่อมองดูการต่อสู้ มันเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะได้ว่าใครเป็นใครในการต่อสู้ที่ดุเดือดและวุ่นวายเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มาซาฮิโกะ ก็มองเห็น อิซึนะ กำลังต่อสู้อยู่กับ ผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ของตระกูลคางูยะ

ในการต่อสู้ของทั้งคู่ อิซึนะ มีความได้เปรียบอยู่พอสมควร เพราะแขนข้างหนึ่งของ ผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ตระกูลคางูยะ หักไปตอนที่เขาต่อสู้กับ มาซาฮิโกะ ในการต่อสู้ครั้งก่อนหน้านี้

สำหรับ กองทัพคางูยะ แล้ว พวกเขายังคงไม่ฟื้นตัวจากการต่อสู้กับ ตระกูลเซนจู และ ตระกูลอุซึมากิ แต่พวกเขาก็สามารถตั้งรับและโต้กลับได้อย่างยอดเยี่ยม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮิราคิมาซึ ที่ตอนนี้กำลังต่อสู้เหมือนกับคนบ้า เขาต่อสู้อยู่กับ ชินจิ และ ผู้อาวุโสลำดับที่ 2ตระกูลอุจิฮะ แต่ผู้อาวุโสทั้ง 2 ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีที่รุนแรงของ ฮิราคิมาซึ ได้เลย และพวกเขาก็กำลังจะแพ้

แต่ทันใดนั้น ฮิราคิมาซึ ก็หยุดโจมตีอย่างกะทันหันเมื่อเขาสังเกตเห็นการมาถึงของ กองทัพตระกูลเซนจู และ ตระกูลอุซึมากิ ส่วน ผู้อาวุโสทั้ง 2 ของตระกูลอุจิฮะ ก็หยุดเช่นกัน

“เฮ้ ดูสิว่าใครมา…เซนจู มิซูโกะ! ฉันเคยบอกแกแล้วไงว่าถ้ายังรักชีวิตอยู่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!” ชินจิ พูดอย่างเย็นชากับผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ของตระกูลเซนจู

“นี้คือคำพูดที่พูดกับคนที่มาช่วยงั้นเหรอ? ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ!”

ผู้อาวุโสตระกูลอุจิฮะ ทั้ง 2 เงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ มิซูโกะ พูด

“เซนจู กับ อุจิฮะ ร่วมมือกันงั้นเหรอ?! พวกแกใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกแบบนี้เพื่อทำลายพวกเราตั้งแต่แรกแล้วสินะ…ไร้เกียรติสิ้นดี!” ฮิราคิมาซึ พูดออกมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด

“ที่แท้ เซนจู กับ อุจิฮะ ก็ร่วมมือกันงั้นเหรอ?! ไร้เกียรติสิ้นดี! พวกแกทุกคน

“ระบำต้นสน!” ทันใดนั้น ฮิราคิมาซึ ก็เริ่มโจมตีต่อทันที

ฮิราคิมาซึ ยืดกระดูกออกมารอบตัวและหมุนตัวด้วยความเร็วสูง

“คาถาน้ำ : กำแพงวารี!” เมื่อเห็นดังนั้น มิซูโกะ ก็ประสานอินขึ้นมาทันที

ทันใดนั้น กำแพงน้ำก็ก่อตัวขึ้นมาและปะทะเข้ากับการโจมตีของ ฮิราคิมาซึ จนทำให้การโจมตีนั้นเบี้ยงวิถีออกไป

ตอนนี้ ชินจิ และ ผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ของตระกูลอุจิฮะ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากร่วมมือกับ เซนจู

ราวกับว่านัดกันไว้แล้ว ทันใดนั้น ผู้อาวุโสทั้ง 3 คนของตระกูลเซนจู , 2 คนจากตระกูลอุซึมากิ และ อีก 2 คนจากตระกูลอุจิฮะ ก็พุ่งเข้าโจมตี ฮิราคิมาซึ พร้อมกัน

ฮิราคิมาซึ ถูกต้อนจนจนมุม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูถึง 7 คนในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องยากที่จะยืนหยัดอยู่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ฮิราคิมาซึ ก็ไม่ยอมแพ้และเขาก็โต้กลับอย่างไรปรานีทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ

ฮาชิรามะ ตัดสินใจที่จะต่อสู้เคียงข้างพวกพ้องของเขา

ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ตระกูลคางูยะ ก็กำลังต่อสู้กับนินจาระดับสูง 2 คนพร้อมกัน ในขณะที่เขาเองก็มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกาย

อีกด้านหนึ่ง โทบิรามะ และ อิซึนะ ก็กำลังต่อสู้กันอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่อสู้กันอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยวิชาใหม่อย่าง เทพอัสนีเวหา ของ โทบิรามะ ก็ทำให้เขาคุ้มสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

เมื่อมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังได้เปรียบในทุกสมรภูมิ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะแขนของเอาก็ยังคงบาดเจ็บอยู่

“ย้า!!!” ทันใดนั้น ฮิราคิมาซึ ก็หาจังหวะโต้กลับและหลุดออกมาจากวงล้อมของศัตรูได้ เมื่อเขาหลุดออกมาได้เขาก็รีบมองดูสถานการณ์โดยรอบในทันที แล้วเขาก็พบว่าพวกพ้องของเขากำลังถูกไล่ต้อนและในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นดังนั้น ฮิราคิมาซึ ก็ตะโกนออกไปเสียงดังว่า “พี่น้องทุกคน! ฟังฉันให้ดี…แคว้นแห่งไฟ แห่งนี้ไม่มีที่ให้ครอบครัวของเราอยู่อีกต่อไปแล้ว! คนที่ยังมีชีวิตอยู่…ฉันขอสั่งให้ไปรวมกลุ่มกับคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เราจะหนีไปทางตะวันออก มุ่งสู่ แคว้นแห่งน้ำ! และเมื่อถึงเวลา…เราจะมาทวงดินแดนของเราคืน!”

ฮิราคิมาซึ จำเป็นต้องเลือกทิ้งถิ่นกำเนิดของเขา เพื่อรักษาชีวิตของพวกพ้องเอาไว้

(แอบเศร้าเหมือนกับนะเนี่ยTT)

“หลังจากฉันตาย…ผู้อาวุโสลำดับที่ 2…ท่านจะกลายเป็น ผู้นำตระกูลคางูยะ คนต่อไป จงนำทางพวกพ้องให้ไปสู่หนทางที่ถูกต้อง จงทำให้ ตระกูลคางูยะ เจริญรุ่งเรื่องขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และหาโอกาส…แสดงให้พวกมันเห็นถึงความแค้นของพวกเรา!”

“ไม่ได้นะ ฮิราชิมาซึ ให้ฉันทำแทนเอง ฉันจะใช้วิชาต้องห้ามนั้นเอง ท่านเป็นผู้นำตระกูล ท่านต้องหนีไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ส่ะ!” ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 พูดอย่างสิ้นหวังปและพร้อมจะเสียสละชีวิตแทน ฮิราชิมาซึ

“ไม่…ฉันไปต่อไม่ไหวแล้ว ฉันใช้พลังไปจนหมด ยิ่งไปกว่านั้นความเสียหายก็เข้าไปลึกถึงกระดูก ตอนนี้…กระดูกในตัวฉันแตกละเอียดหมดแล้ว…ต่อให้ไม่ใช่วิชานั้น ในไม่ช้าฉันก็ตายอยู่…ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน! รีบพาคนอื่น ๆ หนีไป ก่อนที่พวกเราจะตายกันไปมากกว่านี้!” เมื่อ ฮิราคิมาซึ พูดจบ เขาก็หันหน้าเข้าหาศัตรู และพุ่งเข้าหาพวกเขาในทันที

“เซนจู! อุจิฮะ! ฉันจะตามล่าพวกแก แม้ว่าฉันจะต้องตายก็ตาม!…วิชาต้องห้าม : เปลี่ยนร่างโครงกระดูก!” ฮิราคิมาซึ ตะโกนออกไปขณะที่เขาใช้วิชาสุดท้ายในชีวิตของเขา

ทันใดนั้นร่างของ ฮิราคิมาซึ ก็ถูกปกคลุมไปด้วยโครงกระดูก ราวกับว่าเขากำลังสวมชุดเกราะที่ทำมาจากกระดูกอยู่ เหลือเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่ยังสามารถมองเห็นได้อยู่

ด้วยวิชานี้ทำให้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เขาพุ่งเข้าหา ผู้อาวุโสทั้ง 7 คนอย่างรวดเร็วในทันที

เมื่อเห็นดังนั้น ผู้อาวุโสทั้ง 7 คน จึงใช้คาถานินจาโจมตีเขาทันที

แม้ว่า ฮิราคิมาซึ จะเห็นคาถานินจาจำนวนมากที่พุ่งตรงเข้ามาหาเขา เขาก็ไม่หลบ ยิ่งไปกว่านั้นเขายิ่งเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก

และในวินาทีต่อมา คาถานินจาเหลาสนั้นก็ปะทะเข้ากับ ฮิราคิมาซึ อย่างจัง แต่ถึงอย่างนั้น ฮิราคิมาซึ ก็ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

การต่อสู้กับเกราะกระดูกที่ไม่มีวันถูกทำลาย แม้แต่ผู้อาวุโสทั้ง 7 ก็ไม่สามารถเอาชนะ ฮิราคิมาซึ ได้ พวกเขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากยืนรอความตาย

ขณะนั้นเอง เมื่อ ฮาชิรามะ และ มาดาระ เห็นว่าผู้อาวุโสของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งคู่จึงพุ่งเข้ามาขวางทางระหว่าง ฮิราคิมาซึ กับเหล่าผู้อาวุโสเอาไว้

“เจ้าหนู! พวกแกคิดจะหยุดฉันงั้นเหรอ ยังเร็วไป 100 ปี!” ฮิราคิมาซึ ยกมือไปด้านหน้าแล้วยิงกระดูกออกจากมือใส่ทั้งคู่ทันที

“คาถาไม้ วิชาลับ : ม่านพฤกษาก่อเกิด!” ทันใดนั้นต้นไม่ขนาดใหญ่จำนวนมากก็งอกขึ้นมาจากดินและป้องกันการโจมตีของ ฮิราคิมาซึ เอาไว้ได้ทังหมด

แต่ถึงอย่างนั้น ฮิราคิมาซึ ก็ยังคงพุ่งทะลุและทำลายต้นไม่เหล่านั้นมาได้อย่างง่ายดาย

ในยุคก่อนการก่อตั้ง หมู่บ้านโคโนฮะ เป็นที่รู้กันดีว่า 4 คนที่แข็งแกร่งที่สุดใน แคว้นแห่งไฟ ก็คือ เซนจู บูซึมะ , อุจิฮะ ทาจิมะ , ผู้นำตระกูลฮิวงะ และแน่นอน คางูยะ ฮิราคิมาซึ

“ไม่…ถ้าเป็นแบบนี้ ฮิราคิมาซึ ต้องเป็นฝ่ายชนะแน่ ๆ เพราะเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 คนนี้…” มาซาฮิโกะ พึมพำขณะที่เขามองดูการต่อสู้จากระยะไกล “พลังของเขาช่างน่ากลัวจริง ๆ เมื่อไรกันนะที่เราจะแข็งแกร่งได้อย่างพวกเขา…”

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง และในที่สุดมันก็จบลง

ด้วยโรคทางพันธุกรรมของตระกูลคางูยะ และวิชาต้องห้ามที่ ฮิราคิมาซึ ใช้ในการต่อสู้ ทำให้เขาจบชีวิตลงในระหว่างการต่อสู้ในที่สุด

ผู้อาวุโส 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัด ดังนั้น มาซาฮิโกะ จึงรีบเข้าไปช่วยรักษาพวกเขาทันที

ด้าน ฮาชิรามะ และ มาดาระ ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ทั้งคู่ใช่จักระไปจนเกือบหมด และนี้คือทั้งหมดที่ใช้ในการหยุด ฮิราคิมาซึ

การต่อสู้ในอีกด้านหนึ่งก็จบลงแล้วเช่นกัน ผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ตระกูลคางูยะ ถูกสังหาร และ ตระกูลคางูยะคนอื่น ๆ ก็หลบหนีออกไปในทะเลหมดแล้ว

มาซาฮิโกะ ได้ช่วยชีวิตคน 4 คนไว้ และ มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกโล่งอก แต่ในใจลึก ๆ ของเขาแล้ว เขาก็รู้สึกผิดหวัง

เขายังรู้สึกผิดหวังกับแขนที่บาดเจ็บของเขา มันทำให้เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรในการต่อสู้ครั้งนี้ได้เลย

แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อประโยคที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

“เข้าร่วมและเป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญของโลก นารูโตะ : การล่มสลายของ ตระกูลคางูยะ (1/2)”

“รางวัล : คุณได้รับแต้มการเข้าร่วม 50 แต้ม!”

Long Live The Hokage

Long Live The Hokage

Type: Author:
After Reincarnating into Naruto World at the Warring State Era as an Uzumaki, Masahiko thought that he got a useless System. He lived for 48 years as a normal, below average Uzumaki Shinobi. That changed when he finally knew how the system works the day of his 49th Birthday! นิยายแนว : แอคชั่น ผจญภัย แฟนตาซี ศิลปะการต่อสู้ นินจา เรื่องย่อ : เจิง หยาน ผู้บ้าคลั่งในการ์ตูนเรื่อง นารูโตะ เป็นอย่างมาก เขาได้กลับชาติมาเกิดในโลกของ นารูโตะ ในยุคก่อนสงครามจะเริ่มต้นขึ้น และเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ตระกูลอูซิมากิ และมีชื่อใหม่ว่า อุซึมากิ มาซาฮิโกะ มาซาฮิโกะ เกิดมาในโลกนี้พร้อมกับระบบไร้สาระอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาอายุได้ 48 ปี เขาก็พบว่าระบบนั้นไม่ใช่ระบบธรรมดา ตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตใหม่นี้ เขาใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าและทำความผิดพลาดมามากมายจนถึงอายุ 48 ปี แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ได้โอกาสอีกครั้งจาก ระบบพิเศษ นั้น และมันก็เริ่มทำงานและเปลี่ยนแปลงชีวิตในวันเกิดปีที่ 49 ของเขา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset