ในวันต่อมาก็มีการจัดพิธีศพให้กับผู้ที่เสียสละชีวิตในการต่อสู้ที่ผ่านมา
ในสุสาน หลุมศพจำนวนมากได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ผู้คนได้ระลึกถึง คนรู้จักของผู้เสียสละเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ , พี่น้อง , ลูกหลาน , คนรัก พวกเขากำลังร้องไห้อยู่หน้าหลุมศพเหล่านั้น ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ตายไปก็ล้วนแล้วแต่มีครอบครัว บางคนเป็นพ่อคน บางคนเป็นลูกชาย บางคนก็เป็นเพื่อนที่ดี…
“งานศพนี้…ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกของฉัน แต่ฉันก็ไม่ขอร่วมงานแบบนี้อีกแล้ว…” มาซาฮิโกะ พึมพำในใจ
หลังจากพิธีศพ มาซาฮิโกะ ก็ไปพบกับผู้นำตระกูล และขอม้วนคัมภีร์วิชาลับของตระกูลจากเขา
แต่เมื่อ มาซาฮิโกะ ไปถึงเขาก็พบว่า ผู้อาวุโส ได้เตรียมม้วนคัมภีร์นั้นไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว “วิชาลับของตระกูลของเราทั้งหมดถูกเขียนไว้ในคัมภีร์เล่มนี้ ฉันได้ยินเรื่องดี ๆ มากมากที่ท่านทำในการต่อสู้ จาก เหล่าผู้อาวุโส แล้ว ดังนั้นฉันจึงคิดว่านี้ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะให้ม้วนคัมภีร์นั้นแก่ท่าน ของให้ท่านปกป้องมันไว้ด้วยชีวิตอของท่าน”
ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ได้เล่าให้ ผู้นำตระกูล ฟังว่า ในขณะที่กองกำลังพันธมิตรกำลังจะหมดหวัง มาซาฮิโกะ ก็เป็นคนเปลี่ยนพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้กับ ตระกูลคางูยะ กลับมาได้ เมื่อ ผู้นำตระกูล ได้ฟังเรื่องราวจนจบ เขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า มาซาฮิโกะ แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแล้วว่า มันถึงเวลาแล้วที่ มาซาฮิโกะ จะได้เรียนรู้วิชาลับของตระกูล
เมื่อ ผู้อาวุโส พูดจบ เขาก็ยื่นมันให้ มาซาฮิโกะ ด้วยความภาคภูมิใจ
หลังจากรับคัมภีร์นั้นมาแล้ว มาซาฮิโกะ ก็ตอบกลับไปว่า “ฉันจะปกป้องมันด้วยชีวิต ไม่ต้องห่วง”
“แน่นอน ท่านลุง…แต่ท่านรู้ไหม…บางครั้งท่านก็ดู…เอ่อ…”
มาซาฮิโกะ ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “วางใจได้ และฉันขอบอกให้ท่านรู้ตรงนี้เลยว่า ฉันไม่ใช่คนเดิมเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว”
เมื่อ ผู้นำตระกูล ได้ยินคำพูดเหล่านี้จาก มาซาฮิโกะ เขาก็แสดงใบหน้าที่สงสัยออกมาเล็กน้อย แต่ มาซาฮิโกะ ก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าไรนัก และเขาก็ได้คัมภีร์มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำมันกลับบ้านของเขาทันที
“เอาล่ะ…ก่อนที่เราจะเรียนรู้วิชาพวกนี้ เราคงต้องแก้ปัญหาเรื่องมือขวาของเราก่อน”
โดยปกติแล้วอาการบาดเจ็บแบบนี้จะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะหายดี ท้ายที่สุดเมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของ นารูโตะ ในตอนที่เขาใช้ ดาวกระจายวงจักร มาซาฮิโกะ ก็ไม่ได้มีนินจาแพทย์เก่ง ๆ อย่าง ซากุระ เพื่อรักษาให้แผลหายเร็วขึ้น
“ร่ายกายของเรายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะผลข้างเคียงของวิชานั้น คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้ แต้มการเข้าร่วม เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายของเรา” มาซาฮิโกะ คลายผ้าพันแผลที่แขนขวาออก จากนั้นเขาก็เปิดแถบสถานะขึ้นมา และเพิ่มค่า ความแข็งแกร่งร่างกาย ไป 10 แต้ม
ทันทีที่เขาเพิ่มค่าความแข็งแกร่งร่างกายไป ทันใดนั้นผิวและกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ชั้นผิวหนักก็ปรากฏขึ้นที่แขนขวาเขา เขาพยายามขยับแขนแต่มันก็ยังเจ็บอยู่พอสมควร ดังนั้นเขาจึงเพิ่มไปอีก 5 แต้ม ทำให้อาการบาดเจ็บหายไปทันที
“ว้าว! มันฟื้นฟูเกือบจะในทันทีเลยนะเนี่ย ถ้าไม่อย่างนั้นฉันคงต้องพันแผลไปอีก 2 เดือนแน่นอน…”
“อืม เอาล่ะ…มาดูกัน…” มาซาฮิโกะ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะที่เปิดคัมภีร์ออกมาดู
“วิชาสะกด : คาถาผนึกเพลิง , คาถาผนึกมาร , ผนึก 4 วิถี , ผนึก 5 วิถี , ผนึก 8 ทิศ , ผนึก 4 ลักษณ์ภายใน…ไม่มี คาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร?…ผู้นำตระกูล ซ่อนมันไว้ไม่ให้เราเห็นงั้นเหรอ?”
“ไม่ เขาไม่ทำอย่างนั้นแน่ หรือว่าคาถานี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้นมา…แล้วใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมากันล่ะ?…แต่ไม่ว่าใครจะสร้างมันขึ้นมา ถ้าเราอยู่ตอนมันเกิดขึ้น เราต้องได้แต้มการเข้ารวมเยอะมากแน่นอน!”
“คนแรกที่ใช้มันก็คือ นามิคาเสะ มินาโตะ เขาใช้มันเพื่อผนึก 9 หาง และ คุชินะ ก็เป็นคนสอนวิชาผนึกนั้นให้เขา…หรือว่า คุชินะ จะเป็นผู้คิดค้น คาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร ขึ้นมา?”
“ในยุคนี้ ปู่และย่าของ คุชินะ น่าจะยังมีชีวิตอยู่ เราต้องหาตัวพวกเขาให้เจองั้นเหรอ?…อ่า ลืมไปเถอะ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาตัวพวกเขาเจอ อีกอย่างเราก็ต้องจับตาดู โทบิรามะ หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาน่าจะกำลังพัฒนาวิชาต้องห้ามของเขาอยู่”
เรื่องต่าง ๆ เริ่มแล่นขึ้นมาในหัวของ มาซาฮิโกะ จนทำให้เขาต้องคิดจนปวดหัว แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป และเริ่มฝึกวิชาผนึกที่เขาได้มา
การฝึกฝนเป็นไปได้ด้วยดี เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็น อุซึมากิ และในเวลาเพียงแค่ 1 วัน เขาก็คุ้นเคยกับมัน และค่าสถานะใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาบนแถบสถานะของเขา
วิชาสะกด : LV 1 (1/10000)
มาซาฮิโกะ อยากกดเพิ่ม LV ให้ วิชาสะกด จนใจจะขาด แต่เขาก็ห้ามตัวเองไว้ เขาตัดสินใจที่จะเรียนรู้ วิชาสะกด ต่อไปด้วยตัวเขาเอง
ประมาณ 2 เดือนต่อมา มาซาฮิโกะ ก็ได้ฝึกคาถาผนึกพื้นฐานอีก 2 อย่าง คือ ผนึกยันต์ระเบิด และ ยันต์ผนึก ได้จนสำเร็จ และทำให้ค่าสถานะ วิชาสะกด ของเขาเพิ่มขึ้นเป็น LV 2
ต่อมาก็คือการเรียนรู้ วิชาสะกด : ผนึก 5 วิถี ซึ่งจำเป็นต้องใช้คุณสมบัติจักระธาตุดินและน้ำ เขาจึงต้องฝึกฝนธาตุทั้ง 2 ควบคู่ไปด้วย
มาซาฮิโกะ ไม่ได้ใช้แต้มการเข้าร่วมช่วยในการฝึก วิชาสะกด เลยแม้แต่แต้มเดียว เขาเรียนรู้มันจากการฝึกฝนเพียงอย่างเดียว อันที่จริงเขาเอาแต่มุ่งเป้าอยู่แต่กับการฝึกฝนจนเขาลืมไปเลยว่าเขามีแต้มการเข้ารวมอยู่เสียมากกว่า
….
5 ป่านไป ไวเหมือนโกหก
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มาซาฮิโกะ สามารถเรียนรู้ คาถาผนึกของตระกูลอุซึมากิ ได้ทั้งหมด ยกเว้นแต่ ผนึก 4 ลักษณ์ภายใน จนในที่สุดความสามารถในการใช้ วิชาสะกด ของเขาก็เหนือกว่าทุกคนในหมู่บ้าน แม้แต่ผู้นำตระกูลก็ไม่สามารถเทียบเขาได้ และตอนนี้ค่าสานะ วิชาสะกด ของเขาก็พัฒนาไปจนถึง LV 5 แล้ว!
จนถึงตอนนี้ มาซาฮิโกะ ก็ตระหนักได้เป็นเวลา 5 ปีแล้วนับตั้งแต่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา
อย่างไรก็ตามใน 5 ปีที่ผ่านมาเขาก็มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ …จนตอนนี้อายุของเขาเหลือเพียงแค่ 31 ปีแล้ว
แต่เขายังคงรักษารูปร่างหน้าตาของเขาตอนอายุ 48 ปีไว้อยู่
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เขาแยกตัวเองโดยไม่คำนึงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก เขาเอาแต่ฝึกฝนตัวเอง แต่เมื่อเขาฝึกฝนเสร็จ เขาก็ไปหาผู้นำหมู่บ้านเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบ้าง
“ท่านลุง ในที่สุดท่านก็ออกมาข้างนอกได้สักที! ท่านสบายดีไหม?” มาซาฮิโกะ ผู้นำตระกูลจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดกับเขาก่อน
“ฉันยังสบายดี อะไรที่ท่านทำได้ ลุงของท่านคนนี้ก็ทำได้เช่นกัน”
“ขอโทษที่ต้องถามแบบนั้น แต่เรื่องของเรื่องก็คือ…เมื่อปีที่แล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดได้ขอสละจากตำแหน่ง เนื่องจากเขาบอกว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลง และตอนนี้เขาก็นั่งสมาธิในบ้านของเขาทั้งวัน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 และ 3 ก็ต้องการสละตำแหน่งเช่นกัน พวกเขาต้องการเกษียณ แต่เราไม่มีใครที่พอจะมารับตำแหน่งต่อจากพวกเขาได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงจำต้องรับตำแหน่งต่อจนกว่าเราจะหาคนมารับตำแหน่งแทนได้”
“แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตระกูลของเรา แต่ตระกูลพันธมิตรอื่น ๆ ก็ประสบปัญหาเดียวกัน คนรุ่นเก่าไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้อีกแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาของคนรุ่นใหม่ อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็เกือบจะ 40 แล้วด้วย อีกไม่นานฉันก็คงจะ…” ผู้อาวุโส อธิบายให้ มาซาฮิโกะ ฟัง
“ถ้าไม่มีระบบพิเศษนี้ เราก็คงจะอายุ 53 แล้ว และแน่นอนว่าร่างกายของเราก็จะเสื่อมสภาพลงเช่นกัน” มาซาฮิโกะ คิดกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็พูดกับ ผู้นำตระกูล ว่า “ท่านไม่ต้องกังวงไป ฉันน่าจะยังเตะปี๊บได้อีกสัก 2 ปี…ฮาฮาฮา…ว่าแต่ นอกจากเรื่องนี้แล้ว มีเรื่องใหญ่อื่น ๆ อีกไหมที่เกิดขึ้นตอนฉันไม่อยู่?”
“เรื่องใหญ่เหรอ?…เออ ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสงคราม 2 ปีแล้ว เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นระหว่าง ตระกูลเซนจู และ ตระกูลอุจิฮะ…เซนจู บูซึมะ และ อุจิฮะ ทาจิมะ เสียชีวิตในการต่อสู้ ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ถูกส่งต่อไปยัง เซนจู ฮาชิรามะ และ อุจิฮะ มาดาระ เรียบร้อยแล้ว”
“ตระกูลอื่น ๆ คิดว่าการสูญเสียผู้นำตระกูลของ ตระกูลเซนจู และ ตระกูลอุจิฮะ จะทำให้ทั้ง 2 ตระกูลอ่อนแอลง…แต่พวกเขาคิดผิด มันกลายเป็นว่าทั้ง 2 ตระกูลได้ยกระดับของโลกนินจาขึ้นไปอีกทั้งในด้านการบริหารและด้านสงคราม จนตอนนี้ ฮาชิรามะ และ มาดาระ กลายเป็น 2 ผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาตระกูลต่าง ๆ ทุกตระกูล”
“เรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ตระกูลเซนจู มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องพูดถึง มิโตะ ที่ตอนนี้กลายเป็นภรรยาของ ผู้นำตระกูลเซนจู…มันเป็นความโล่งใจของฉันที่ได้รู้ว่าเธอได้แต่งงานกับชายที่แข็งแกร่งที่สุด” ดูเหมือนว่า ผู้นำตระกูล จะคิดถึงลูกสาวของเขาอยู่ตลอดเวลา
“มาดาระ นำ ตระกูลอุจิฮะ ไปอยู่ในจุดสูงสุดของอำนาจ…สงครามครั้งใหญ่แห่งยุคคงจะใกล้เข้ามาแล้วสินะ” มาซาฮิโกะ คิด
“อย่างไรก็ตาม 5 ปีที่ผ่านมา เราก็อายุน้อยลงเรื่อย ๆ และที่สำคัญเราก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน” มาซาฮิโกะ คิดกับตัวเองและยิ้มออกมา ขณะที่เขามองดูแถบสถานะของเขา
ชื่อ : อุซึมากิ มาซาฮิโกะ
อายุ : 31 ปี (-)
คาถานินจา : 245 (+)
ความแข็งแกร่งร่างกาย : 118 (+)
จักระ : 1,570 (5.5)(+)
วิชาพื้นฐาน : LV 10 (100000) (Max Level)
ความชำนาญการใช้ดาวกระจาย : LV 10 (100000) (Max Level)
คุณสมบัติจักระธาตุ
คาถาดิน : LV 3 (30458/100000) (+)
คาถาลม : LV 4 (116764/200000) (+)
คาถาไฟ : LV 3 (29985/100000) (+)
คาถาน้ำ : LV 2 (10000/20000) (+)
คาถาสายฟ้า : LV 2 (10000/20000) (+)
วิชาสะกด : LV 5 (200000/400000)
ทักษะพิเศษ: การรับรู้(ตรวจจับ)
สถานะ : โจนิน (พิเศษ)
แต้มการเข้าร่วม : 34