ในวันต่อมา มาซาฮิโกะ ตื่นแต่เข้า และออกไปวิ่งเพื่อออกกำลังกายรอบ ๆ หมู่บ้านตระกูลเซนจู
ในตอนที่เขากำลังวิ่งอยู่นั้น เขาก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังวิ่งกลับมาถึงที่หน้าหมู่บ้าน
“ฮาชิรามะ ท่านออกไปไหนมาตั้งแต่เมื่อคืน?!” มาซาฮิโกะ รู้สึกสับสน ในวันธรรมดา ๆ แบบนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ ฮาชิรามะ จะได้ใช้เวลาอยู่กับ มิโตะ อย่างมีความสุข ก่อนที่พวกเขาจะต้องไปต่อสู้ยังดินแดนตะวันตก!
“อ๊ะ ท่านปู่ มาออกกำลังกายตอนเช้าเหรอครับ?” ฮาชิรามะ ยิ้มและพูดว่า “ทำไมท่านต้องทำท่าประหลาดใจขนาดนั้นด้วยละ? ก็เมื่อวาน ตระกูลฮิวงะ ของให้เราช่วยไปคุยกับ ตระกูลอุจิฮะ ให้ ผมเลยไปหา ตระกูลอุวิฮะ มาเมื่อคืนนี้ไงครับ”
“ไปคนเดียวเหรอ?…แล้ว โทบิรามะ ไม่ได้ไปด้วยรึไง?” มาซาฮิโกะ ถาม
“ป่าวครับ โทบิรามะ เดินทางไปที่ดินแดนตะวันตก เพื่อสำรวจเหมืองและรวบรวมข้อมูล ท่านปู่ ผมจะขอบคุณมากถ้าท่านจะไม่บอกเรื่องที่ผมไปที่ หมู่บ้านอุจิฮะ ให้เขารู้…”
“โอเค ก็ได้” มาซาฮิโกะ รับปาก
เขาเข้าใจดีว่า ฮาชิรามะ ไปพบกับ มาดาระ มาเมื่อคืนนี้ และก็ไม่มีเรื่องร่ายแรงอะไรเกิดขึ้น
“อ้า…ดูเหมือนว่า มาดาระ จะยังไม่รู้ว่า ฮาชิรามะ ได้รู้วิชาเซียนมาแล้วสินะ…ฝ่ายที่ต้องเป็นกังวลน่าจะเป็น มาดาระ มากกว่านะเนี่ย…” มาซาฮิโกะ คิด
…
หลังจากวันที่น่าเบื่อ และสัปดาห์ที่น่าเบื่อ ในที่สุด โทบิรามะ ก็กลับมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ฮาชิรามะ ทักทาย โทบิรามะ ใบหน้าของ โทบิรามะ ก็ดูเหมือนจะไม่สบายใจอยู่พอสมควร
ที่ห้องประชุม
“ท่านพี่…สถานการณ์ทางดินแดนตะวันตกกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายเป็นอย่างมาก” โทบิรามะ กล่าว
“ตอนนี้ ดินแดนตะวันตก กลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงไปหมด มีตระกูลหลายตระกูลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเราเข้าไปยุ่งในตอนนี้ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นการกระตู้นให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง”
“แล้วตระกูลพวกนั้นคือตระกูลไหนบ้างละ?” มาซาฮิโกะ ถาม
“ตอนนี้ ดินแดนตะวันตก ได้แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือฝ่ายที่อ่อนแอที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วยตระกูลเล็ก ๆ อย่าง ตระกูลซารุโทบิ , ตระกูล ชิมูระ , ตระกูลฟูมะ และอีกไม่กี่ตระกูล ฝ่ายที่ 2 เป็นกลุ่มของตระกูลขนาดกลางอย่างพวก ตระกูลอาบุราเมะ , ตระกูลอินุซึกะ และ ตระกูลฮาตาเคะ และฝ่ายสุดท้าย เป็นกลุ่มของตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด ประกอบไปด้วย ตระกูลยามานากะ , ตระกูลนารา และ ตระกูลอาคิมิจิ…3 ตระกูลนี้สามารถเสริมเทคนิคซึ่งกันและกันได้ การเสริมเทคนิคเหล่านี้ของพวกเขา พวกเขาเรียกมันว่า อิโนะ-ชิกะ-โจ ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดใน 3 ฝ่าย”
“เราไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับพวกเขา…ทั้งหมด…เราก็แค่เข้าไปเป็นพันธมิตรกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็เรียบร้อย” มาซาฮิโกะ ยิ้มขณะพูดคำเหล่านี้ออกมา
โทบิรามะ มองไปที่ มาซาฮิโกะ แล้วกล่าวว่า “ในตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นครับ แต่การเข้าร่วมกับหนึ่งในพวกเขาจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา แน่นอนว่าฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุดคงจะไม่ต้องการให้คนนอกเข้าร่วมการแย่งชิงในครั้งนี้ ส่วนฝ่ายพวกตระกูลขนาดกลาง เพราะพวกเขาอยู่ในจุดที่ค่อนข้างปลอดภัย ดังนั้นพวกเขาจึงแก่งแย้งกันในเรื่องผลประโยชน์ใน เหล็กนำจักระ ที่จะได้ ในขณะที่ฝ่ายของตระกูลเล็ก ๆ พวกเขาอ่อนแอเกินไปที่ ต่อให้เราเข้าร่วมกับพวกเขา เราก็จะไม่สามารถรับมือกับอีก 6 ตระกูลที่เหลือได้”
มาซาฮิโกะ คิดว่าในตอนนี้ เรื่องที่จะต้องสู้กับ 6 ตระกูลพร้อมกันนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ตระกูลเซนจู แต่หากเป็นหลังจากนี้แล้วละก็ ปัญหาใหญ่ก็จะตามมา เพราะตอนนี้ ผู้อาวุโสตระกูลเซนจู ต่างก็แก้ชรามากแล้ว ถึงพวกเขาจะยังต่อสู้ไหว แต่ก็คงจะอีกไม่นาน และเมื่อการต่อสู้เต็มรูปแบบจะมาถึง เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเซนจู ก็จะไม่สามารถต่อสู้กับตระกูลอื่น ๆ ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเซนจู จะไม่สามารถส่งกำลังทั้งหมดลงสู้สนามรบได้ เพราะยังมี ตระกูลอุจิฮะ ที่พร้อมจะออกมาจากความมืดได้ทุกเมื่อ
“ใช้แล้ว พวกเขามีนินจาระดับผู้นำตระกูลอย่างน้อยก็ 6 คน ในขณะที่เรามีแค่ 3”
“ท่านพี่ , ฉันและท่านปู่ พวกเรา 3 คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับนินจาระดับผู้นำตระกูลได้ แต่ถึงแม้ว่าพวกเราอาจหยุดพวกเขาไว้ได้จำนวนหนึ่ง แต่สำหรับ อิโนะ-ชิกะ-โจ…คงเป็นไปได้ยาก” โทบิรามะ ดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
มาซาฮิโกะ ยิ้ม และพูดว่า “โทบิรามะ ท่านยังรู้จักพี่ชายของท่านน้อยเกินไป…และท่านก็ไม่ควรประมาทในตัวฉันด้วยเช่นกัน”
โทบิรามะ เลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดของ มาซาฮิโกะ จากนั้นเขาก็มองไปที่พี่ชายแล้วพูดว่า “ต่อให้ท่านจะสามารถต่อสู้กับพวกเขาทีเดียวหลายคนได้ แต่ฉันก็คิดว่าท่านไม่ควรลงสู่การต่อสู้ เพราะ ตระกูลอุจิฮะ อาจจะยื่นมือเข้ามาเมื่อไรก็ได้ และท่านก็เป็นคนเดียวที่สามารถหยุดพวกเขาได้ โดยเฉพาะ มาดาระ”
“โทบิรามะ ไม่ต้องกังวลเรื่อง ตระกูลอุจิฮะ หรอก” มาซาฮิโกะ พูดแล้วหันไปมองที่ ฮาชิรามะ “ตอนนี้ มาดาระ คงกำลังฝึกฝนอยู่ในที่เงียบ ๆ ที่ไหนสักแห่ง”
“ฝึกฝน?” โทบิรามะ รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีใครตอบถามเขาเลย
ถึงแม้ว่า โทบิรามะ จะไม่ได้รับคำตอบ แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้ว่าพี่ชายของเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
หลังจากครู่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮาชิรามะ ก็ตัดสินใจได้ในที่สุด “สรุปแล้ว…เอาเป็นว่าเราจะเข้าร่วมกับตระกูลซารุโทบิ ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองอยู่ในตอนนี้ก็แล้วกัน”
โทบิรามะ พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เราไปกันพรุ่งนี้เลยดีไหม? ฉันจะได้ไปรวบรวมทีม ว่าแต่ เราจะเอาใครไปด้วยดีละ?”
“ใช่แล้ว เราจะไปกันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องที่จะให้ใครไปด้วย…ฉันคิดว่าควรจะเป็น โซระ เขาเป็นหนึ่งในนินจาระดับโจนินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง และเขาจำเป็นต้องได้รับการฝึกทักษาจากประสบการณ์จริง นอกจากเขาแล้ว ถ้านายอยากให้ โจนินระดับสูง ไปด้วย ก็ให้พวกเขาตั้งทีมของพวกเขาขึ้นมาเองก็แล้วกัน นี่จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกกับสถานการณ์สงครามจริง” ฮาชิรามะ กล่าว
“ใช้ครับ โซระ เป็นนินจารุ่นใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่มีประสบการณ์ก็ตาม”
“ไม่มีปัญหา แค่มีนายกับท่านปู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ขอเพียงแค่ทั้ง 2 จัดการกองทัพของพวกเขา ส่วนผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” หลังจากการพบกันครั้งล่าสุดของเขากับ มาดาระ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฮาชิรามะ ก็เริ่มเข้าใจความแข็งแกร่งของตัวเองมากขึ้น และเขาก็มั่นใจว่าต่อให้ ผู้นำตระกูลทั้ง 6 ตระกูลรุมเขา เขาก็จะสามารถเอาชนะพวกเขาได้
“ใช่…แล้ว…” เห็นได้ชัดว่า โทบิรามะ ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็เงียบไป
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เราจะรับมือกับ ดินแดนตะวันตก ได้อย่างแน่นอน แล้วตอนนี้ ตระกูลอุจิฮะ ก็ยังไม่เคลื่อนไหว…และที่สำคัญ ท่านจะต้องประหลาดใจเมื่อท่านได้เห็นความสามารถของพี่ของท่านในสนามรบ” มาซาฮิโกะ พูดอย่างมั่นใจ
“ครับ” ดูเหมือน โทบิรามะ จะยังไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็ต้องขอตัวไปก่อนเพื่อไปเตรียมกองกำลัง
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ มาซาฮิโกะ และ ฮาชิรามะ เท่านั้นที่ยังอยู่ในห้องประชุม
“ท่านปู่ ท่านได้ทำสัญญาอัญเชิญหรือยังครับ?”
“อ๊ะ ใช่ ๆ ทำแล้ว ๆ จะใช้มันในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงนี้อย่างแน่นอน ท่านไว้ใจได้เลย ฉันจะรักษาบาดแผลของคนเจ็บให้เอง” เมื่อพูดออกไปแบบนั้น มาซาฮิโกะ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง โฮคาเงะ รุ่นที่ 5 เซนจู ซึนาเดะ มันทำให้เขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับจำนวนจักระของเขาว่ามันจะมีมากพอหรือไม่ หรือบางที่เขาอาจจะจำเป็นต้องใช้ แต้มการเข้าร่วมอีกสัก 2 – 3 แต้ม เพื่อเพิ่มมัน
“ไม่ใช้แบบนั้นครับ…เออคือว่า…ถ้าผมเอาชนะ ผู้นำตระกูลทั้ง 6 คนได้แล้ว…ท่านช่วยรักษาพวกเขาได้ไหมครับ?” ฮาชิรามะ รู้สึกอายที่พูดเรื่องนี้ออกมา เพราะมันเป็นเรื่องที่โง่เขลาเป็นอย่างมาก
“ไม่มีปัญหา!” มาซาฮิโกะ พูดออกไปอย่างมีความสุขทันที เพราะเขาเข้าใจความตั้งใจของ ฮาชิรามะ
“เพื่อหยุดความขัดแย้งทุกอย่าง ฮาชิรามะ…ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดเรื่องที่จะตั้ง โคโนฮะ ขึ้นมาแล้วสินะ” มาซาฮิโกะ คิด
เมื่อ มาซาฮิโกะ ได้เห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของ ฮาชิรามะ เขาก็เดินออกจากห้องประชุมไปอย่างมีความสุข เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมและเคารพต่อ ฮาชิรามะ มากขึ้นเมื่อ ฮาชิรามะ กำลังจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งนินจา แต่เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ
ทั้ง ฮาชิรามะ และ โทบิรามะ ต่างก็ยุ่งอยู่กับงานที่ทำจนบางครั้ง พวกเขาแทบจะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มาซาฮิโกะ ก็ส่ายหัว จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนจดหมายเพื่อแจ้งข่าวให้ ผู้นำตระกูลอุซึมากิ ทราบ
เนื้อหาของจดหมายที่ มาซาฮิโกะ เขียน มีอยู่ว่า “ถึง ผู้นำตระกูลอุซึมากิ…ฉันสบายดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันอยู่ที่หมู่บ้านเซนจูอย่างมีความสุข พวกเขาดูแลฉันเหมือนกับฉันเป็นผู้อาวุโสหนึ่งของ ตระกูลอุซึมากิ…พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ฉันของให้ท่านแต่งตั้งให้ฉันเป็น ทูตตระกูลอุซึมากิ ประจำ ตระกูลเซนจู ไปเลยก็แล้วกัน…ขอขอบคุณล่วงหน้า…อุซึมากิ มาซาฮิโกะ”
หลังจากที่ส่งจดหมายฉบับนี้ไปแล้ว มาซาฮิโกะ ก็แทบจำเดาไม่ออกเลยว่า ผู้นำตระกูลอุซึมากิ จะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้อ่านมัน
เวลาผ่านไป มาซาฮิโกะ ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับกองทัพเซนจู ทั้งกองทัพได้เดินทางมาได้ 2 วันแล้ว และพวกเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปยัง หมู่บ้านตระกูลซารุโทบิ