Long Live The Hokage Chapter 47: ดวงตาแห่งเทพเจ้า
“คุณปู่!” เสียงของเคนจิ เป็นเสียงแรกที่มาซาฮิโกะได้ยิน หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาจากความมืด
มาซาฮิโกะยิ้ม “อ้า เคนจิน้อยของปู่ ไม่ได้เจอกันตั้ง 5 ปี โตขึ้นมาหน้าตาเหมือนแม่เลยนะเนี่ย”
“ท่านปู่ ฮาชิรามะ เป็นห่วงท่านมากเลยนะคะ…” มิโตะพูด
“โอ้ งั้นเหรอ?” มาซาฮิโกะหัวเราะ “อืม ฉันดีใจนะที่พวกเธอทั้งคู่เป็นห่วงฉัน”
มาซาฮิโกะ มองไปรอบ ๆ ห้อง และมันนําความทรงจําของเขากลับมา
“ที่นี่คือ…ห้องเดียวกับที่ฉันเคยพักมาก่อนใช่ไหม? 40 ปีก่อนฉันมาที่นี่กับเธอ และเธอก็แต่งงานกับฮาชิรามะ”
มิโตะหัวเราะเบาๆ “ใช้แล้วคะ มันเป็นห้องเดียวกับที่ท่านใช้ฝึก วิชาเบียคุโกของท่านไงคะ…”
มาซาฮิโกะยิ้มอย่างหมดหนทาง และดูเหมือนว่าในที่สุด เขาก็เข้าใจว่าทําไมมิโตะถึงมารอเขาอยู่ที่นี่
ลูกศิษย์ของมาซาฮิโกะ , ฮาชิรามะและโทบิรามะ ต่างก็คิดว่ามาซาฮิโกะได้ใช้พลังทั้งหมดที่เขามีจนทําให้เขาต้องตกอยู่ในอาการโคม่า แต่มิโตะรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร เขาแค่สลบไปเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อดูอาการของเขา
มาซาฮิโกะรู้สึกอายที่ทําให้เธอหนักใจ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล…”
มิโตะพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอพาเคนจิน ไปที่สนามฝึกซ้อมก่อนนะคะ วันนี้เขายังไม่ได้ฝึกเลย”
มาซาฮิโกะพยักหน้า “ไปเถอะ”
เขารอจน มิโตะ และ เคนจิ เดินออกไปจากห้อง จากนั้นมาซาฮิโกะก็ส่ายหัวอย่างสงสัย เพราะหลังจากที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็รู้สึกว่าเขามองเห็นโลกเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“เป็นเพราะคุณสมบัติจักระธาตุหยินงั้นเหรอ?” มาซาฮิโกะพูดออกมาเบาๆ ขณะที่มองดูที่แถบสถานะของเขา
“ดวงตาแห่งเทพเจ้า?”
มาซาฮิโกะสังเกตเห็นว่าความสามารถในการตรวจจับของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยทักษะอื่นที่เรียกว่า ดวงตาแห่งเทพเจ้า
มาซาฮิโกะกําหมัดของเขาแล้วต่อยออกไปในอากาศ แล้วตะโกนว่า “ดวงตาแห่งเทพเจ้า เริ่มได้!”
และในวินาทีต่อมา มาซาฮิโกะก็สามารถมองเห็นการไหลของจักระของชาวกูลเซนจูได้หมดทุกคน และเขาก็ยังสามารถขยายขอบเขตการตรวจจับของเขาได้ไกลถึง 2 – 3 ไมล์
“ดวงตาแห่งเทพเจ้า….ความสามารถของคารินสินะ?” มาซาฮิโกะ คิดมาตลอดว่าความสามารถของเขา ในตอนนี้คล้ายกับความสามารถของคาริน เพียงแต่ก่อนหน้านี้มันยังสามารถตรวจจับได้ไม่ไกลมากนัก แต่ตอนนี้มันได้รับการพัฒนาขึ้นแล้ว
“นี่เป็นความสามารถในการตรวจจับขั้นสูง เป็นเพราะพลังวิญญาณของฉันแข็งแกร่งขึ้นรึเปล่านะ?” มาซาฮิโกะพิมพ์ “ดูเหมือนว่าความสามารถของคาริน จะถูกส่งมารุ่นต่อรุ่น… ถ้าไม่ใช่เพราะโอโรจิมารุเอาตัวเธอไป เธอก็คงจะมีความสามารถพอๆกับคุชินะเลยละมั้ง”
มาซาฮิโกะใช้ความสามารถใหม่ของเขาในการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด
“ฮาชิรามะ ไม่ได้อยู่ที่ห้องทํางาน เดี๋ยวก่อน..หรือว่าเขาจะเดินทางไปที่หมู่บ้านตระกูลคุรามะ!”
มาซาฮิโกะ กระตือรือร้นที่จะศึกษาความสามารถใหม่ของเขาอย่างระมัดระวัง แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีคน 3 คนที่มีจักระที่คุ้นเคยกําลังเดินมาและเดินมาถึงประตู
“เข้ามาได้!” มาซาฮิโกะ พูดออกไปก่อนที่ใครคนหนึ่งจะทันได้เคาะประตู
“อาจารย์!” ลูกศิษย์ทั้ง 3 ของเขาเปิดประตูและวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เราได้ยินจาก ท่านป๋า (มิโตะ) ว่าท่านตื่นแล้ว” ลูกศิษย์ทั้ง 3 คนพูดออกมาพร้อมกัน
มาซาฮิโกะเกาหัวเล็กน้อย “ป้า? ยูริโกะ เธอเรียกมิโตะว่าพี่สาวก็พอแล้วละ”
“แต่เธออายุเท่าแม่ของหนู”
“ไม่ได้ ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเธอเรียกมิโตะว่าพี่สาว…”
“ก็ได้ค่ะ **
เมื่อจบการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในที่สุดลูกศิษย์ทั้ง 3 ของเขาก็จําได้ว่าทําไมพวกเขาถึงมาที่นี่
มาซาฮิโกะอธิบายซ้ําไปซ้ํามาว่ารูปร่างหน้าตาที่อ่อนเยาว์ของเขาไม่ได้เป็นสาเหตุของการระเบิดพลังจนทําให้เขาสลบไป แต่มันเป็นวิชาพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อ
ในท้ายที่สุด มาซาฮิโกะ ก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจพวกเขาได้ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผลักพวกเขาออกจากห้องโดยบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน
หลังจากที่พวกเขาออกจากห้องไป มาซาฮิโกะก็กลับมานอนบนเตียงของเขา แน่นอนว่าเขาจะไม่เริ่มฝึก เขาแค่คิดว่าเขาต้องทําอะไรต่อไป
“ถ้าพวกเขาไม่เชื่อ คนอื่นก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน” มาซาฮิโกะคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็กําหมัดแล้วตะโกนว่า “วิธีนั่นไงล่ะ!”
“ในทุกๆวัน เราต้องใช้คาถาแปลงร่างให้ดูมีอายุมากขึ้น 1 ปี ทําแบบนี้ไปจนกว่ารูปร่างหน้าตาของเราจะเหมือนคนอายุ 50 ปี..มันจะมีรึเปล่านะ คนๆหนึ่งที่จะย่นช่วงชีวิตของเขา ให้สั้นลงหลังจากได้รับพลังอันน่าเหลือเชื่อ”
“งั้นมาทําให้ดูเหมือนอายุ 53 ไปเลยดีกว่า!”
ในที่สุด มาซาฮิโกะ ก็พบวิธีที่สมเหตุสมผลในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของเขาได้ดีที่สุด และนั่นจะต้องทําให้ลูกศิษย์ทั้ง 3 ของเขา ช็อคเมื่อพวกเขาได้เห็นมาซาฮิโกะกําลังแก่ขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
มาซาฮิโกะไม่ได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างหน้าตาของเขาให้ลูกศิษย์ทั้ง 3 ของเขาฟัง เขาแค่เฝ้าดูการฝึกฝนของเหล่าลูกศิษย์เขาเท่านั้น
เมื่อพบเจอกับการต่อสู้ที่แท้จริง ทําให้นานาโกะจริงจังกับการฝึกมากขึ้นและค่อยๆฉายแววของความสามารถพิเศษในการใช้วิชาสะกดมากขึ้น
สําหรับยูริโกะก็เช่นกัน ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กขี้อายอีกต่อไป เธอกลายเป็นดูเป็นผู้ใหญ่และสงบมากยิ่งขึ้น
สําหรับเคนชิโร่ ความพยายามและการฝึกฝนอย่างหนักของเขาได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า การพัฒนาของเขาเพิ่มขึ้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
“เคนิชิโร่ มานี่หน่อยส์! แสดงให้ฉันดูหน่อยว่าเธอแข็งแกร่งแค่ไหน”
“อาจารย์” เคนิชิโร่ เช็ดเหงื่อและรีบวิ่งไปหามาซาฮิโกะ
“อัก!” เคนชิโร่ถูกเตะอย่างแรง และกระเด็นกลับไป
มาซาฮิโกะจะไม่ฝึกสอนแบบธรรมดาอีกต่อไป เขาฝึกเคนชิโร่อย่างรุนแรงขึ้น บางครั้งเขาก็เตะหรือโยนเขา แต่ทั้งหมดที่เขาทําไปก็เพื่อทําให้เคนิชิโร่แข็งแกร่งขึ้น เพราะการต่อสู้ หลังจากนี้จะเข็มข้นขึ้นเรื่อยๆ
มาซาฮิโกะมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเคนชิโร่ เพราะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้คําแนะนํา เคนชิโร่มากเท่าไรนัก แต่เคนิชิโร่ ก็สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
การฝึกฝนแบบนี้ดําเนินไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์จนกระทั่งในที่สุด ฮาชิรามะ ก็กลับมาพร้อมกับโซระที่ดูมีท่าทางเขินอาย เมื่อพวกเขากลับมาพวกเขาก็เดินตรงไปที่ห้องประชุมทันที
“อะไรนะ? ท่านพี่ ท่านปล่อยให้ตระกูลคุรามะไปงั้นเหรอ?” เสียงดังขึ้นในห้องประชุม
“ฉันไม่แปลกใจเลย…” มาซาฮิโกะซึ่งนั่งอยู่ที่นั่นพูดออกมาอย่างช้าๆ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก โซระ เค้า…” ฮิชิรามะมองโซระแล้ว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
เซนจู โซระ เดินเข้าไปหามาซาฮิโกะ 2 ก้าวแล้วคุกเข่าลง พร้อมกับก้มศีรษะ “ขอบคุณสําหรับการเสียสละที่ท่านทําให้ในครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน…ตระกูลของเราคงจบชีวิตลงที่นั่น”
มาซาฮิโกะ กลอกตาของเขาและคิดว่า “โอ้ ถ้ามีเด็กมาขอโทษฉันทุกวันแบบนี้ หน้าของฉันคงจะแก่ขึ้นเหมือนคนอายุ 53 ปีจริงๆแน่”
นั้นไม่ใช่ตัวของเธอ”
เมื่อได้ยินคําพูดของมาซาฮิโกะ โซระก็เงยหน้าขึ้นมอง และหันกับไปมองฮาชิรามะ “ท่านฮาชิรามะ ผมทําผิดพลาดครั้งใหญ่ ผมยินดีที่จะลาออกจากตําแหน่งผู้อาวุโส และผมจะลงไปอยู่ในแนวหน้าของสนามรบในการต่อสู้ครั้งต่อไป!”
ฮาชิรามะส่ายหัว “จะไม่มีสงครามอีกต่อไป ฉันจะทําสิ่งเดียวกับที่ฉันทํากับตระกูลคุรามะ เพื่อแสดงความตั้งใจของเราให้ตระกูลอื่นๆได้รับรู้ และหลังจากนั้นฉันจะเดินทางไป หาพวกเขาเพื่อโน้มน้าวพวกเขาให้มาร่วมกันสร้างหมู่บ้านที่มีแต่ความสงบสุขขึ้นมา!”
“ท่านพี่ ท่านยังคิดที่จะทําเรื่องเพ้อฝันแบบนี้อยู่อีกเหรอ?!” โทบิรามะออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“มันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน! ฉันจะซื้อใจพวกเขา! รวมถึงตระกูลอุจิฮะด้วย ฉันจะพูดคุยกับมาดาระ แล้วในที่สุดเราก็จะแบ่งปันความฝันเดียวกัน!”
การแสดงออกของโทบิรามะเปลี่ยนไปทันที
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาส่าย “ท่านพี่ ดาบของฉันฟันโดนอิซึมิเข้าอย่างจัง ฉันคิดว่าเขาน่าจะตายจากบาดแผลนั้น”
ฮาชิรามะ “ ”