Long Live The Hokage Chapter 50 : ความรู้ที่ไม่ควรลืม!
หลังจากที่ มาซาฮิโกะ เปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 ได้เขาก็หยุด ฝึกซ้อม
“เราสามารถเปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 ได้แล้ว ตอนนี้เราน่าจะพอสู้กับ มาดาระ และ ฮาชิรามะ ได้แล้ว วีรบุรุษแห่งอุซึมากิที่ยิ่งใหญ่ กลับมาแล้ว!” มาซาฮิโกะ พูดกับตัวเอง
“โอ้ย…เจ็บปวดเหลือเกิน” มาซาฮิโกะ กัดฟันของเขา เขายังไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับ ไก
“เราพอจะใช้กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังได้บ้างแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เราเพิ่งได้แต้มการเข้าร่วมมาอีก 20 แต้ม แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่เราได้ คาถาธุลี”
คาถาดิน : LV 7 (606598/1000000) (+) (หลอมรวม 1/3)
คาถาลม : LV 6 (607738/1000000) (+) (หลอมรวม 1/3)
คาถาไฟ : LV 6 (602243/1000000) (+) (หลอมรวม 1/3)
เมื่อเขาใช้แต้มไป 42 แต้ม มาซาฮิโกะ ก็มองดูที่แถบสถานะของเขา เมื่อเขาเห็นค่าสถานะ คาถาดิน คาถาลม และ คาถาไฟ เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“LV 7 สามารถรวมคุณสมบัติจักระ 3 ธาตุได้ ฮ่าฮ่าฮ่า…ฉันได้ มาแล้ว!”
มาซาฮิโกะ อดใจไม่ไหว เขารีบรวมคุณสมบัติจักระ 3 ธาตุทั้ง 3 เข้าด้วยกันทันที
“ย้า!” คุณสมบัติจักระ 3 ธาตุทั้ง 3 เริ่มเชื่อมต่อกันสร้างเป็น รูป 3 เหลี่ยมลมเชื่อมต่อกับไฟ , ไฟเชื่อมต่อกับดิน และ ดินเชื่อมต่อกับลม
คาถาธุลี : LV 7 (1816579/3000000) (+)
“นั่นเหละ…” ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็ได้ คาถาธุลี มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังมีบางอย่างขาดหายไป ….
แต่ มาซาฮิโกะ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขารีบวิ่งเข้าไปในป่านอกหมู่บ้านเพื่อทดสอบคาถานินจาใหม่ของเขาทันที
เมื่อเขาเข้าไปลึกพอสมควร เขาก็ตรวจจับบริเวณรอบ ๆ ด้วยดวงตาแห่งเทพ ของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ และเมื่อพบว่าแถวนี้มีแค่เขา ดังนั้นเขาจึงประสานอินขึ้นมาทันที “คาถาธุลี : แยกพิภพบรรพกาล!”
แสงรูปกรวยปรากฏขึ้นจากมือของ มาซาฮิโกะ และขยายออกไปชนเข้ากับต้นไม้จำนวนมาก จากนั้นต้นไม้เหล่านั้นก็หายไปเหมือนมันไม่เคยอยู่ตรงนั้นและก่อให้เกิดเป็นรูขนาดใหญ่บนพื้น
“พลังนี้มัน!” มาซาฮิโกะ พูดไม่ออก “มันไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้นี่น่าในแง่ของพลังการทำลาย มันน่าจะเท่า ๆ กับ ดาวกระจา ยวงจักระของเราสิ” มาซาฮิโกะ รู้สึกสับสนและได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
แต่จากการตรวจสอบความเสียหาย เห็นได้ชัดว่าในขณะที่ ดาวกระจายวงจักระ ทำลายด้วยการระเบิด แต่ คาถาธุลี ทำลายด้วยการสลายตัวของทุกอย่างที่มันสัมผัส
มาซาฮิโกะ พยักหน้าและรู้สึกพึงพอใจ
“งั้นลองอีกอย่างถ้าเราจำไม่ผิดเราน่าจะสามารถ…”
มาซาฮิโกะ มองไปรอบ ๆ และรู้สึกว่าเขาสามารถจัดการกับฝุ่นละอองในอากาศได้ ซึ่งเขาจะทำได้ก็ต่อเมื่อคาถาดินของเขามาถึง LV7
มาซาฮิโกะ จัดการฝุ่นละอองในอากาศได้อย่างอิสระจากนั้นเขาก็ขยับเท้าของเขาช้า ๆ จากนั้นร่างของเขาก็ลอยขึ้นได้ในที่สุด
“เจ๋ง! ฉันบินได้!”
มาซาฮิโกะ ยิ้มและลอยไปในอากาศ
“ไหนลองดูสเ” จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็ตะโกนว่า “คาถาธุลี : แยกพิภพบรรพกาล!”
แสงสีขาวเปล่งประกายออกมาจากบนฝ่ามือของเขา แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
มาซาฮิโกะ เกือบจะเสียสมดุลจนตกลงสู่พื้น
“ตอนบินอยู่ใช้ไม่ได้เหรอ? งั้นก็ได้ คิดว่าฉันจะยอมงั้นเหรอ ฉันไม่มีทางยอมแพ้หรอก..เปิดโหมดเซียน!”
มาซาฮิโกะ เข้าสู่โหมดเซียนและตะโกนออกไปอีกครั้ง “วิชาเซียน คาถาธุลี : แยกพิภพบรรพกาล!”
ครั้งนี้วัตถุแสงสีขาวในมือของ มาซาฮิโกะ ก็ปรากฏออกมา จากนั้นตาของ มาซาฮิโกะ จะมองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงสีขาว และเขาก็ไม่ได้ยินเสียงระเบิดเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นครู่หนึ่งแสงสีขาวก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงหลุมขนาดมหึมาอยู่ตรงหน้า มาซาฮิโก เพียงอย่างเดียว ไม่มีต้นไม้ไม่มีหญ้ามีเพียงหลุมขนาดมหึมาเท่านั้น
“ปามันหายไปไหนหมด?!” มาซาฮิโกะ ไม่คิดว่าพลังของคาถานี้จะรุนแรงมากขนาดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากว่าเขาต้องไปขอร้องให้ ฮาชิรามะ สร้างปาขึ้นมาให้ใหม่ในภายหลัง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มาซาฮิโกะ ก็รู้ตัวในที่สุดว่าวิชาที่เขาเพิ่งใช้ออกไปนั่นมันทำอะไรกับเขา
“จักระหายไปเกือบครึ่ง เสียจักระมากกว่าตอนใช้ ดาวกระจายวงจักระ เกือบ 3 เท่า แต่พลังทำลายล้างน่าจะมากกว่า ดาวกระจายวงจักระ สัก 30 เท่าได้ละมั้ง”
มาซาฮิโกะ รู้สึกมีความสุข หลังจากที่เขามีชีวิตอยู่มา 66 ปีบนโลกนี้ ในที่สุดเขาก็มีท่าไม้ตายเสียที ด้วยวิชานี้แม้แต่ ซูซาโนะ โอะร่างสมบูรณ์ของ มาดาระ ก็จะต้องเสียหายอย่างรุนแรงจากวิชานี้
“วิชานี้แข็งแกร่งกว่าวิชาของ ฮาชิรามะ ตอน สงครามชิงเหมืองสะอีก”
มาซาฮิโกะ คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าได้ถึงจักระกลุ่มหนึ่งที่กำลังใกล้เข้ามาที่นั่น นำมาโดย ผู้นำตระกูลอุซึมากิ
มาซาฮิโกะ หันกลับไปมองปาที่เขาเพิ่งทำลายไปและพูดออกมาทันทีว่า “วีรบุรุษตัวจริงจะไม่ยืมรอคนมาเห็นผลงานของตัวเอง” เมื่อพูดจบมาซาฮิโกะ ก็ลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วบินหนีไป
เขาบินกลับไปที่สนามฝึกซ้อม เขาอยากทดลองพลังใหม่ต่อไปแต่จักระของเขาก็ถูกใช้ไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
“เราคงต้องแยก คาถาธุลี กลับเป็น 3 ธาตุก่อนจนกว่าจักระของเราจะกลับมาเหมือนเดิม…” มาซาฮิโกะ พึมพำ
“ลบ…แยก…คืนสภาพ…”
“ทำไมไม่มีปุ่มให้กดแยก คาถาธุลี ออกล่ะ?”
มาซาฮิโกะ ตรวจสอบอยู่พักหนึ่ง แต่คุณสมบัติจักระทั้ง 3 ก็ยังคงเชื่อมต่ออย่างแน่นหนาและไม่มีวิธีแยกออกจากกัน
“คาถาดิน : หนามหินผา!” มาซาฮิโกะ ประสานอิน จากนั้นเสาแหลมคมก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ในขณะนั้นเขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“อืม…แล้วนี่ละ…”
“จงออกมา คาถาแผดเผา : ลูกไฟแผดเผา!”
“ไหนละลูกไฟของฉัน?” แม้ว่า มาซาฮิโกะ จะใช้คาถาออกมาแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คาถาลาวา : อาภรณ์ลาวา?” ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเช่นเคย
เออ…
หลังจากการทดลองซ้ำ ๆ มาซาฮิโกะ พบว่า ขีดจำกัดสายเลือดที่มีคุณสมบัติจักระธาตุ ดิน , ไฟ หรือ ลบ เป็นประกอบด้วยไม่สามารถใช้งานได้ ท้ายที่สุดแล้วการเชื่อมโยงคุณสมบัติจักระทั้ง 3 เข้าด้วยกันก็เป็นการรวมกันที่แน่นหน้าจนไม่มีทางเอาพวกมันออกจากกันได้
“ไม่นะ! ลูกไฟของฉัน!..คาถาแผดเผา!..คาถาลาวา!..พวกมันใช้การไม่ได้อีกแล้ว! ทำไมการ คาถาธุลี มันแยกออกไม่ได้ละเนี่ย?!” มาซาฮิโกะตกใจเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาเป็นภาพของชายวัยกลางคนที่สวมแว่น เขาพูดกับ มาซาฮิโกะ ว่า “3 เหลี่ยมเป็นโครงสร้างที่มั่นคงที่สุด!” เขาพูดขณะยกนิ้วขึ้นมา 1 นิ้ว
นั่นคืออาจารย์สอนคณิตศาสตร์ระดับมัธยมของ มาซาฮิโกะ และความทรงจำนี้มาจากเรื่องราวในอดีตกว่า 70 ปีที่ผ่านมา
“3 เหลี่ยมเป็นโครงสร้างที่มั่นคงที่สุดงั้นเหรอ?” มาซาฮิโกะ พึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขายิ้มอย่างขมขึ้น “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแม้จะเป็นความรู้ระดับมัธยมก็ไม่ควรลืม…”
“เฮ้อ…เอาน่า เรายังสามารถใช้ คาถาธุลี ได้อยู่นี่น่า แล้วมันก็แข็งแกร่งกว่า ขีดจำกัดสายเลือด พวกนั้นด้วย” มาซาฮิโกะ พยายามมองโลกในแง่ดี
แต่ใบหน้าของเขาก็ซีดอีกครั้งเมื่อมีคนมาบอกเขาว่าผู้นำตระกูล อุซึมากิ กำลังตามหาเขาอยู่
จะเป็นเรื่องปานั่นรึเปล่า? หรือว่ามีใครเห็นเราบินได้?
เมื่อเขามาถึงห้องประชุม เขาก็เห็นว่าผู้นำตระกูลอยู่ที่นั่นแล้วพร้อมกับสมาชิกระดับสูงบางคนแล้ว เขาพบว่าใบหน้าของหลานชายของเขายังดูปกติ นั่นทำให้เขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“ท่านลุง…คาถานินจานั้นคือคาถาอะไรครับ? ทรงพลังสุด ๆ ไปเลย!” ผู้นำตระกูลกล่าว
มาซาฮิโกะ ตัวแข็งที่อขึ้นมาทันที “อ๊ะ? คาถานินจา? คาถาอะไรกัน?”
“ท่านลุงอย่างปฏิเสธเลยครับ…ถ้าท่านไม่ใช่คนทำท่านจะเป็นคนแรกที่ไปที่นั่น แต่ท่านก็ไม่ไป งั้นก็แสดงว่าเป็นท่าน” สมาชิกตระกูลบางคนหัวเราะออกมา
สีหน้าของ มาซาฮิโกะ เปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดว่าแผนของเขาจะมีช่องโหว่ เขากำลังจะหาวิธีอธิบายแต่ผู้นำตระกูลก็พูดออกมาว่า “ไม่เป็นไรผมไม่ใช่คนบ้า ท่านพัฒนาวิชาใหม่ที่ทรงพลังขึ้นมาได้ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย ในช่วงเวลาที่เกิดปัญหาแบบนี้ ป่าจะหายไปก็ปล่อยให้มันหายไป เราไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนิเนอะ”
“เกิดปัญหาอะไรเหรอ?” มาซาฮิโกะ ลืมที่เขาจะอธิบายและถามด้วยความสับสน
“เมื่อไม่นานมานี้ มาดาระ ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่เขากับ ฮาชิรามะ ต่อสู้กัน การต่อสู้ของพวกเขาจะทำลายพื้นที่โดยรอยเป็นระยะทางหลายไมล์ ผมส่งคนไปตรวจสอบและดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนจะไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ ตอนนี้ทุกคนเรียกพวกเขาว่า เทพเจ้าแห่งนินจา!” ผู้นำตระกูลอธิบาย
มาซาฮิโกะ รู้สึกตื่นเต้นมากในขณะนั้น
“ในที่สุด มาดาระ ก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว การต่อสู้ครั้งสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว! ในที่สุด โคโนฮะ ก็กำลังจะมา!”