อย่างที่คิด… หลังจากยืนยันสมมติฐาน เลียวนาร์ดไม่สานต่อบทสนทนา เลือกจะกลับไปที่หัวข้อแรก
“ตาแก่ คุณถามใช่ไหมว่าผมเข้าฝันของใคร… อา… ในวันที่พวกเราแก้แค้นอินซ์·แซงวิลล์ ราชาเทวทูตที่เป็นพี่ชายของอามุนด์ได้ปรากฏตัว”
ภายในใจ เสียงค่อนข้างชรามิได้ตอบทันที แต่เงียบไปหลายวินาทีก่อนจะถอนหายใจ
“อย่าที่คิด… เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ 0-08 มักดึงดูดอาดัมเข้ามาหา… โชคดีที่ข้าหลับลึกไปก่อน”
เลียวนาร์ดไม่มีเวลาพอจะทำความเข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายกล่าว เพียงพูดอย่างตะกุกตะกัก
“ตาแก่… นี่คุณ… กล้าเอ่ยนาม… ของท่าน?”
การเฝ้ามองของอาดัมกำลังจะมาถึง หรืออาจจะถึงแล้ว!
เสียงที่ค่อนข้างชราหัวเราะ
“หืม… รู้ถึงคุณสมบัติของอาดัมด้วยสินะ… แต่ข้าสามารถเอ่ยได้โดยไม่เป็นปัญหา เพราะท่านจะคิดว่าผู้อื่นเป็นคนเอ่ยถึง อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ควรรู้จักท่านมากเกินไป เพราะนั่นจะทำให้เอาแต่คิดถึงท่าน ยามใดที่เข้าใกล้อีกฝ่าย อาดัมจะตระหนักถึงเจ้า คุณสมบัตินี้เหมือนกับ 0-08 แต่สมบัติปิดผนึกจะมีขอบเขตการแสดงพลังเทียบเท่าเมืองใหญ่ ส่วนอาดัมนั้นทั่วโลก”
น่ากลัวไม่ต่างจากอามุนด์… เป็นความสยองขวัญในอีกรูปแบบหนึ่ง… เลียวนาร์ดรวบรวมสติ บังคับตัวเองมิให้คิดถึงอาดัม หันกลับไปทบทวนสิ่งที่พาลีส·โซโรอาสเตอร์กล่าวไปเมื่อครู่
ทันใดนั้น มันเกือบจะหลุดโพล่งออกมาโดยไม่หรี่เสียง
“ตาแก่… คุณมิได้หลับลึกเพราะอ่อนเพลีย แต่เป็นเพราะกลัวการเผชิญหน้ากับพี่ชายอามุนด์?”
“แฮ่ม” พาลีสล้างคอ “ก็ทั้งสองอย่าง ปัจจัยทั้งสองข้อมิได้ขัดแย้งกันสักหน่อย หลังจากข้ามอบหนอนกาลเวลาให้สองตัว สภาพปัจจุบันของข้าก็แย่ลง ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หากลงมือ ข้าคงไม่มีทางปกปิดตัวเองต่อหน้าราชาเทวทูต… ข้าแก่แล้ว แขนขาไม่ค่อยมีแรง การต่อสู้ใดที่ไม่จำเป็น ข้าก็ต้องซ่อนตัว”
เลียวนาร์ดมิอาจหาคำมาโต้แย้ง กล่าวหลังจากเงียบไปสักพัก
“อามุนด์และพี่ชายน่าจะอายุมากกว่าคุณหลายเท่า… เทพสุริยันบรรพกาลดำรงตนมาตั้งแต่ยุคก่อนมหาภัยพิบัติ…”
โดยไม่รอให้พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบ มันถอนหายใจผ่อนคลาย
“สรุปโดยสั้น… เป็นเพราะคุณหลับลึกและผนึกตัวเอง ราชาเทวทูตจึงไม่พบความผิดปรกติในตัวผม?”
พาลีสหัวเราะในลำคอ
“ไม่… ข้าถูกพบ”
“…” สีหน้าเลียวนาร์ดพลันว่างเปล่า อดใจไม่ให้มองไปรอบๆ ตัว
มันกำลังสงสัยว่า ตอนนี้อาดัมอาจแอบนั่งตรงมุมห้อง ฟังบทสนทนาระหว่างตนกับตาแก่อย่างเงียบงัน
พาลีสเสริม
“เจ้าอยู่ใกล้กับท่านเกินไป… เจ้าคิดว่าสามารถซ่อนความคิดของตัวเอง จากราชาเทวทูตที่ปรองดองเอกลักษณ์ของเส้นทางผู้ชมได้หรือ? นอกจากนั้น เจ้ายังเอาแต่ตะโกนว่า ‘ตาแก่’ อย่างเสียมารยาทในช่วงเวลาแสนวิกฤติ”
เลียวนาร์ดเผยสีหน้างุนงง ตอบตามจิตใต้สำนึก
“ค…คุณได้ยิน?”
มันเริ่มสงสัยว่าชายชราอาจได้ยิน แต่แสร้งทำเป็นไม่ตอบสนอง ด้วยเกรงว่าอาดัมจะรู้ตัว
“เปล่า” พาลีสถอนหายใจเล็กน้อย กล่าวต่อเชิงติดตลก “ข้าไม่จำเป็นต้องเห็นหรือได้ยินก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าจะทำอะไร… คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเป็นคนยังไง?”
เลียวนาร์ดพลันกระอักกระอ่วน กล่าวต่อ
“อาดัมทราบว่าเจ้าเป็นโฮสต์ให้ปรสิต แต่เนื่องจากข้าหลับลึกและผนึกตัวเอง อีกฝ่ายจึงไม่ทราบว่าใครเป็นปรสิตในร่าง… ครึ่งเทพที่สามารถตรวจสอบได้มีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน”
แบบนี้นี่เอง… เลียวนาร์ดโล่งใจ เพราะสิ่งที่มันกังวลที่สุดก็คือ อาดัมมองเห็นตาแก่และกลับไปบอกให้ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ทราบ
คิดถึงตรงนี้ เลียวนาร์ดถามในสิ่งที่คาใจ
“ตาแก่ ราชาเทวทูตคืออะไร?”
พาลีส·โซโรอาสเตอร์ไม่ได้ถามว่าเลียวนาร์ดไปได้ยินมาจากไหน
“มากกว่าลำดับ 1 แต่ยังไม่ใช่เทพ… หากกล่าวถึงแปดราชาเทวทูต นอกจากคำนิยามเมื่อครู่ ยังรวมถึงการเคยรับใช้เทพสุริยันบรรพกาลก่อนมหาภัยพิบัติ”
สูงกว่าลำดับ 1 แต่ยังไม่เป็นเทพ? ต้องทำยังไงถึงจะได้มา? ปรองดองกับเอกลักษณ์? เลียวนาร์ดคิดจะถามเพิ่มเติม แต่เชื่อว่าตาแก่คงไม่ยอมอธิบายในเชิงลึก จึงเตรียมถามคำถามอื่น จากนั้นค่อยวกกลับมาในภายหลัง
ครุ่นคิดสักพัก มันหรี่เสียงถาม
“ระหว่างการต่อสู้กับอินซ์·แซงวิลล์ ผมประสบปัญหาใหญ่ ไม่สามารถจ้องมองศัตรูได้โดยตรง จึงมิอาจใช้ยันต์โจรปล้นดวง… เมื่อขอความช่วยเหลือจากคุณไม่ได้ ผมจึงเลือกจะเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูล… และได้รับการตอบสนอง… หลังจากทุกสิ่งจบลง ผมรู้สึกราวกับถูกดึงไปอยู่ในความฝัน รอบตัวเป็นพระราชวังโบราณ ด้านล่างเป็นสายหมอกไร้ขอบเขต”
โดยไม่รอให้เลียวนาร์ดกล่าวจบ พาลีสที่เงียบมาสักพัก ชิงพูดแทรก
“เจ้าได้พบกับเดอะฟูล?”
“ถูกต้อง ออร่าของเรากว้างใหญ่ยิ่งกว่ามหาสมุทร สูงตระหง่านยิ่งกว่าขุนเขา… ร่างกายถูกปกคลุมด้วยสายหมอกสีเทา ยากจะเห็นอย่างชัดเจน” เลียวนาร์ดสาธยายเป็นกวี “ท่านก่อตั้งองค์กรและจัดการชุมนุมขึ้นทุกบ่ายวันจันทร์… เป็นสภาอันศักดิ์สิทธิ์… ผมกลายเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว”
พาลีสเงียบไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่กล่าวคำใดเป็นเวลานาน จนกระทั่งส่งเสียง
“เดอะฟูลอนุญาตให้เจ้าบอกข้า?”
“ใช่” เลียวนาร์ดนั่งพยักหน้าตามลำพัง หรี่เสียงลง “ตาแก่ คุณรู้จักท่านไหม”
พาลีสถอนหายใจ
“ไม่รู้จัก แต่พอจะเดาต้นกำเนิดของเขาได้… เจ้าไม่ต้องถาม เพราะข้าจะไม่บอก… หึหึ นี่ถือเป็นโอกาสอันดีของเจ้า ไม่อย่างนั้น การเป็นครึ่งเทพคงเกิดขึ้นได้ยาก”
เลียวนาร์ดขยับปาก แต่ปิดกลับไป ไม่กล้าเอ่ยถึงชุมนุมทาโรต์ เพราะมิสเตอร์ฟูลมิได้อนุญาตให้แพร่งพรายข้อมูลอื่นๆ
มันไตร่ตรองสองสามวินาที
“ตาแก่ ยังมีราชาเทวทูตอีกหนึ่งตน… ชื่อเมดีซี… เทวทูตสงคราม?”
พาลีสอืมเบาๆ
“หรืออีกชื่อหนึ่งคือเทวทูตสีชาด… แต่ท่านร่วงหล่นไปนานแล้ว และเจ้าเองก็เคยเข้าใกล้สถานที่ตายของท่าน”
“ที่ไหน?” เลียวนาร์ดประหลาดใจ ไม่มีความทรงจำเลยสักนิด
พาลีสหัวเราะ
“พวกคนของโบสถ์รัตติกาลความจำสั้นกันหมดเลยหรือ? แต่ไม่ยักเห็นว่าเทพธิดาของเจ้าเป็นแบบนั้น… ยังจำซากปรักหักพังใต้ดินในเบ็คลันด์ได้ไหม?”
“จักรวรรดิร่วมทูดอร์-ทรันซอสต์? สถานที่ที่อลิสต้า·ทูดอร์เลื่อนลำดับเป็นจักรพรรดิโลหิต?” เลียวนาร์ดถามด้วยสีหน้าขบคิด
เสียงค่อนข้างชรากล่าวอีกครั้ง
“ถูกต้อง”
เลียวนาร์ดพยายามทำความเข้าใจกับตรรกะที่ซ่อนอยู่ จึงยอมเล่าเรื่องวิญญาณมาร
“…เศษเสี้ยวดวงวิญญาณที่หลงเหลือของเมดีซี ผสานเข้ากับเทวทูตจากเซารอนและไอน์ฮอร์น กลายเป็นวิญญาณมารตนใหม่?” พาลีสทวนคำของเลียวนาร์ดด้วยน้ำเสียงคลางแคลง ก่อนจะกล่าวติดตลก “ทั้งสามล้วนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน แทบจะทนเห็นหน้ากันไม่ได้ แต่กลับต้องอยู่ด้วยกันหลังจากตายไป… นี่มัน… ฮะฮะ! คงน่าสนุกไม่น้อย”
เลียวนาร์ดไม่เข้าใจอารมณ์ขันของอีกฝ่าย ถามตามจิตใต้สำนึก
“พวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาต?”
พาลีสหยุดหัวเราะ
“ถูกต้อง… เมดีซีพลาดท่าถูกจับตัวเนื่องจากกำลังรับมือกับบรรพบุรุษของเซารอนที่พลาดท่า ‘ติดกับ’ ของเมดีซี… ใช่ว่าท่านจะไม่เตรียมพร้อมรับมือ แต่ขณะกำลังหันไปสนใจแม่มดบรรพกาล ใครจะไปคิดว่าอลิสต้า·ทูดอร์ดันเกิดเสียสติขึ้นมากะทันหัน… หึหึ… สำหรับเรื่องนี้ อามุนด์กับอาดัมมีบทบาทสำคัญมาก”
วิญญาณมารตนนั้นเป็นศัตรูกับอาดัม… แล้วทำไมจักรพรรดิโลหิตถึงต้องจับเมดีซี และเทวทูตจากเซารอนกับไอน์ฮอร์น? พวกท่านร่วงหล่นในสถานที่เดียวที่อลิสต้า·ทูดอร์เลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิโลหิต… ถูกใช้เป็นวัตถุดิบของพิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็นเทพ? อา… จากคำบอกเล่าของมิสเตอร์ฟูล หลังจากอาดัมได้ครอบครอง 0-08 ราชาเทวทูตตนนั้นก็เข้าใกล้ความเป็นเทพทันที… นั่นก็เป็นการรวบรวมวัตถุดิบ? อามุนด์พยายามจัดการกับตาแก่ด้วยเหตุผลเดียวกัน? เลียวนาร์ดลองคาดเดา ภายในใจอยากถามออกไป แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปิดเงียบ
มันกลัวว่าตนจะก้าวก่ายมากเกินไป ส่งผลให้อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาในเชิงลบ
มันเตรียมนำความสงสัยเหล่านี้ขึ้นไปถามในชุมนุมทาโรต์
เงียบงันอยู่สักพัก เลียวนาร์ดจ้องไปทางประตูที่ปิดสนิท หรี่เสียงลง
“มิสเตอร์ฟูลกับทางศาสนจักรร่วมมือกันในระดับหนึ่ง?”
“ถ้าไม่มีใครสืบสวนเจ้าก็ใช่” พาลีสตอบตรงๆ
เลียวนาร์ดพยักหน้าเล็กๆ
“แล้วพวกเขาจะให้ผมทำอะไรต่อ?”
“ให้ทำอะไร? ก็คงมอบคะแนนผลงานจำนวนมาก และเมื่อเจ้าย่อยโอสถสมบูรณ์ พวกเขาก็จะอำนวยความสะดวกในการเลื่อนเป็นลำดับ 5… จากนั้นก็มอบหมายให้คุมหน่วยถุงมือแดง ส่งไปทำภารกิจ หรือไม่ก็ส่งไปประจำการที่วิหารสำคัญอย่างเบ็คลันด์ กลายเป็นอาวุโสที่ต้องรับผิดชอบพื้นที่” พาลีสกล่าวเสียงสบายๆ
กลับเบ็คลันด์… ดูเหมือนว่าไคลน์วางแผนบางอย่างไว้ที่เบ็คลันด์… ความคิดเลียวนาร์ดเริ่มกระจัดกระจาย
มันไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เอนกายพิงกำแพงด้านหลังพร้อมกับสอดมือประสานท้ายทอย นั่งในท่าโปรด
…
กลางดึกสงัด ณ ชายแดนระหว่างไบลัมตะวันออกและตะวันตก ด้านนอกทิวแถวโกดัง
ในชุดสูทสุภาพสีขาว ดอน·ดันเตสถือไม้ค้ำเลี่ยมทอง ส่งสัญญาณและรหัสผ่านให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จากนั้นก็ยืนมองอีกฝ่ายเปิดประตูโกดัง
“ทั้งหมดอยู่ข้างใน ตรวจสอบสินค้าเอาเองเลย… แล้วก็ อย่าลืมจ่ายส่วนที่เหลือก่อนจะขนออกไป”
ดอน·ดันเตสพยักหน้ารับ มือเขย่ากระเป๋าเดินทางเล็กน้อย ยืนยันว่าด้านในมีธนบัตรจำนวนห้าพันปอนด์ เป็นเงินมัดจำจากเมซันเญส
ในเวลาเดียวกัน ณ อาคารสามชั้นที่อยู่ถัดไปสองโกดัง คนสองคนกำลังเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงัน
……………………………………