“อาดัมขยับเข้าใกล้ความเป็นเทพเข้าไปทุกทีแล้ว”
คำพูดง่ายๆ ได้กระเพื่อมไปทั่วชุมนุมทาโรต์ราวกับคลื่นสมุทร
นอกจากเลียวนาร์ด สมาชิกคนอื่น รวมถึงจัดจ์เมนต์ที่ได้รับข้อมูลล่วงหน้ามาจากเมจิกเชี่ยน ต่างนึกทบทวนเกี่ยวกับอาดัม
บุตรแห่งเทพสุริยันบรรพกาล พระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์ พี่ชายของอามุนด์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นราชาเทวทูตทั้งแปด
และบุคคลที่ราวกับตำนานเดินได้คนนั้น บุคคลที่รอดมาจากเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวบนโลกความจริงอีกครั้ง และกำลังขยับเข้าใกล้ความเป็นเทพ
นี่มัน… ถึงกับทำให้มิสเตอร์ฟูลถอนหายใจ หมายความว่าอาดัมน่าจะเหลืออีกเพียงก้าวเดียว พร้อมจะกลายเป็นเทพได้ทุกเมื่อ… คิดถึงตรงนี้ อัลเจอร์ประสานมือแน่น พยายามควบคุมอารมณ์อย่างยากลำบาก
เทพแท้จริงลำดับ 0 กำลังจะถือกำเนิด!
ในยุคสมัยที่ห้า จะมีเทพแท้จริงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตน?
อาดัมจะกลายเป็นเทพตนแรกในยุคนี้?
พิจารณาจากการที่เทพมิอาจเดินดินได้อีกต่อไป แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกลายเป็นลำดับ 0 ได้!
อัลเจอร์เป็นคนทะเยอทะยานก็จริง แต่เป้าหมายของมันมีเพียงลำดับ 2 เทวทูตเท่านั้น เรื่องราวของอาดัมจึงเป็นสิ่งที่ทำใจยอมรับได้ยาก
ต้องไม่ลืมว่า เทพตนสุดท้ายที่ประสบความสำเร็จในการเลื่อนลำดับคือเทพแห่งช่างฝีมือ หรือปัจจุบันคือเทพจักรกลไอน้ำ และนั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงปลายยุคสมัยที่สี่
นับตั้งแต่ยุคสมัยที่ห้า ผ่านมาแล้วกว่าสามร้อยปี ยังไม่มีใครก้าวขึ้นมาบนบัลลังก์เทพสำเร็จ!
เข้าใจแล้วว่าทำไม มิสเตอร์ฟูลถึงพูดว่ากระแสเวลากำลังจะเปลี่ยนผัน… ท่ามกลางความสับสนของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา เธอเริ่มเข้าใจในบางสิ่ง คล้ายกับเห็นคลื่นลูกใหญ่ที่ทำให้ยุคสมัยสิ้นสุดลง
ในช่วงหลายปีหลัง เธอรวบรวมวัตถุดิบและเตรียมตัวสำหรับประกอบพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับ 4 มีความหวังที่จะได้รับเศษเสี้ยวออร่าเทพ ยกระดับตัวตน แต่ท่ามกลางความสุข ความคาดหวัง และความกังวลเล็กๆ เรื่องราวของอาดัมกลับทำให้ความหวาดผวาผุดขึ้นจากก้นบึ้ง ตอนนี้เธออยากจะรีบออกไปคุยกับราชินีเงื่อนงำเพื่อยืนยันอนาคต
สำหรับฟอร์ส ซิล และสมาชิกคนอื่นต่างมีท่าทีตอบสนองที่หลากหลาย ในแง่หนึ่ง พวกมันตกตะลึงที่อาดัมกำลังจะกลายเป็นเทพ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในยุคสมัยที่ห้า ในอีกแง่หนึ่ง พวกมันกังวลเกี่ยวกับชีวิตในปัจจุบัน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเอ็มลินหรือผีดูดเลือด ไม่ว่าจะออเดรย์ที่เป็นชนชั้นสูง ทั้งหมดล้วนกำลังอยู่ในยุคสมัยที่ห้า อาศัยอยู่ในโลกที่เกิดจากการวางรากฐานมานานกว่าพันปี ไม่มีใครไม่รู้จักบารมีและความยิ่งใหญ่ของเทพ แม้แต่เทพมารอย่างพระผู้สร้างแท้จริง ทุกตนล้วนน่าเกรงขามและมีอิทธิฤทธิ์มากพอจะสลักความยิ่งใหญ่ไว้ในใจมนุษย์ ดังนั้น พวกมันไม่คิดว่าเทพจะถือกำเนิดได้ง่ายดายนัก และถ้าเกิดขึ้นจริง ไม่มีใครรู้ว่าโลกจะเป็นเช่นไรต่อไป
ในสายตาพวกมัน มิสเตอร์ฟูลเองก็เป็นเทพโบราณที่กำลังฟื้นคืนพลัง เป็นหนึ่งในลำดับ 0 อีกตน
เข้าใกล้ความเป็นเทพ… เทพแท้จริง… ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคกำลังตื่นเต้น คล้ายกับได้เห็นแสงแห่งความหวังและจุดมุ่งหมายในการต่อสู้ของตน
สำหรับมัน มีเพียงลำดับ 0 เท่านั้นที่จะช่วยให้เมืองเงินพิสุทธิ์รอด!
อาดัม? เทพแท้จริง… เลียวนาร์ดไม่ทราบว่าอาดัมเป็นใคร แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของการเข้าใกล้ความเป็นเทพ
ทันใดนั้น มันนำไปเชื่อมโยงกับนักบวชธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เก็บ 0-08 ไปต่อหน้าไคลน์หลังจากการต่อสู้สุดท้ายจบลง
นั่นคืออาดัม? หรือลูกน้อง? ไม่สิ 0-08 คือสมบัติปิดผนึกระดับ 0 อาดัมซึ่งเข้าใกล้ความเป็นเทพต้องลงมือด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงยากจะรับประกันผลสำเร็จ… เข้าใจแล้วว่าทำไมอินซ์·แซงวิลล์ถึงตายง่ายขนาดนั้น เราเคยคิดว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ เรากับไคลน์จะลากอินซ์·แซงวิลล์ลงนรกไปพร้อมกัน… อาดัมเป็นใครกัน ทำไมเราถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน? อาจเป็นเพราะมีเทวทูตสิ่งอยู่ในร่างและได้ทราบข้อมูลของยุคสมัยที่สี่มาไม่น้อย เลียวนาร์ดไม่ตกใจเรื่องที่อาดัมจะกลายเป็นเทพมากนัก เพียงสงสัยว่า ตัวตนที่แท้จริงของอาดัมคือใคร
ในเวลาเดียวกัน เดอะฟูลที่ถูกสายหมอกปกคลุมมิได้อธิบายเพิ่มเติม คล้ายกับต้องการแค่เตือนสติสมาชิกทุกคน ให้พร้อมกับรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น
ท่ามกลางความงงงวยและการวิเคราะห์ของทุกฝ่าย เป็นเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่หันมาทาง ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ด·มิเชลและกล่าวสั้นกระชับ
“อาดัมเป็นบุตรแห่งเทพสุริยันบรรพกาล… พี่ชายของ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์”
เลียวนาร์ดผงะทันที มิอาจควบคุมสีหน้าของตน
มันย่อมรู้จักอามุนด์ และความหวาดผวาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตาแก่ในตัวเคยสาธยายความน่าเกรงขามของหนึ่งในราชาเทวทูตให้ฟัง หากอาดัมเป็นพี่ชายของอามุนด์ ความแข็งแกร่งก็น่าจะไม่ต่างกันมากนัก!
เดอะเวิร์ลไม่สนใจท่าทีตอบสนองของเดอะสตาร์ ยังคงกล่าวต่อไป
“ปัจจุบันสามารถยืนยันได้แล้วว่า อาดัมคือหนึ่งในแปดราชาเทวทูต สมญานามเทวทูตจินตภาพ ระดับทัดเทียมกับ ‘เทวทูตกาลเวลา’ อามุนด์… จุดประสงค์ของท่านคือการช่วงชิง 0-08 เพื่อลดระยะห่างระหว่างตัวเองกับเทพแท้จริง และท่านประสบความสำเร็จ”
เทวทูตจินตภาพ… อาดัมเป็นราชาเทวทูตบนเส้นทางผู้ชม? ‘จัสติส’ ออเดรย์เชื่อมโยงสมญานามเข้ากับชื่อของราชามหามังกร แอนเคอร์เวล
และเธอย่อมทราบว่า มังกรจิตตนดังกล่าวเป็นตัวแทนของเส้นทางผู้ชม
สำหรับเลียวนาร์ด กำแพงความรู้ได้ผุดขึ้นในใจมัน ปัจจุบันยังไม่เข้าใจความหมายของราชาเทวทูตดีนัก แต่ไม่กล้าถามออกไป วางแผนจะกลับไปยังโลกความจริงและปรึกษาตาแก่ทีหลัง
อัลเจอร์ใคร่ครวญคำพูดของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ซักถามด้วยสีหน้าไม่ปรกติ
“คุณได้เห็นเหตุการณ์มากับตัว?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ตัวมัน เฮอร์มิท และทุกคนต่างได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอที่คุ้นเคย
หลังจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์หัวเราะจบ มันมองไปทางเลียวนาร์ดพร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น
“อินซ์·แซงวิลล์ตายด้วยฝีมือของผมและพวกพ้อง”
“…” สมอง ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพลันขาวโพลน
เธอพอจะทำใจยอมรับได้ว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถเอาชนะ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ แต่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขนาดเก็บครึ่งเทพลำดับ 4 ได้แล้ว!
แต่เพียงไม่นาน แคทลียาเริ่มสงบสติ เพราะในการต่อสู้ดังกล่าวมีราชาเทวทูตเข้ามาเกี่ยวข้อง การที่ผู้วิเศษลำดับ 5 จะปลิดชีพผู้วิเศษลำดับ 4 ที่บาดเจ็บสาหัส นั่นยังพอเป็นไปได้ นอกจากนั้นเขายังมีพวกพ้อง
‘จัสติส’ ออเดรย์มองเห็นถึงความมั่นใจผ่านน้ำเสียงของเดอะเวิร์ล จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“มิสเตอร์เวิร์ล ตอนนี้คุณเป็นครึ่งเทพแล้วใช่ไหม?”
เดอะเวิร์ลมิได้ตอบตรงๆ เพียงหัวเราะและกล่าว
“ในอนาคต หากพวกคุณมีปัญหากับครึ่งเทพ สามารถติดต่อผมได้ทุกเมื่อ”
และจากประโยคดังกล่าว สิ่งที่สมาชิกทุกคนเข้าใจก็คือ:
ไม่เพียงจะกลายเป็นครึ่งเทพลำดับ 4 แต่ยังมั่นใจด้วยว่า หากเป็นครึ่งเทพในรุ่นเดียวกัน ตนสามารถจัดการกับทุกคนได้ไม่ยากเย็น!
ทันใดนั้น แคทลียากำลังสุขุมอย่างน่าประหลาด เธอพยายามนึกทบทวนสิ่งที่เคยเห็นและได้ยิน และค่อนข้างมั่นใจว่า อีกฝ่ายอยู่ในลำดับ 6 ก่อนที่จะเข้าสู่ซากสมรภูมิแห่งเทพ โดยพึ่งพาพลังของถุงมือเพื่อให้มีฝีมือทัดเทียมลำดับ 5
ย้อนกลับไปตอนนั้น เป้าหมายของเกอร์มัน·สแปร์โรว์มีเพียงการตามหานางเงือกในซากสมรภูมิเทพ มิได้ล่าพวกหล่อน จึงค่อนข้างชัดเจนว่านั่นคือพิธีกรรมเลื่อนลำดับ หมายความว่าอีกฝ่ายเพิ่งได้เป็นลำดับ 5 ในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่ปัจจุบัน หลังจากผ่านไปเพียงสามเดือนหรือน้อยกว่านับตั้งแต่ที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์เข้าไปในซากสมรภูมิแห่งเทพ ชายคนนั้นสามารถเลื่อนลำดับอีกครั้ง กลายเป็นครึ่งเทพ เรื่องนี้ทำให้แคทลียามองโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
อายุของเธอก็ไม่ได้มากนัก ปัจจุบันยังอายุยังไม่ถึงสามสิบ แต่สามารถกลายเป็นลำดับ 5 และมีตำแหน่งเป็นพลเรือโจรสลัดที่โด่งดังมานานกว่าแปดปี จนกระทั่งปีที่แล้ว เธอมั่นใจว่าตนสามารถกลายเป็นครึ่งเทพได้ในเวลาอันใกล้ จึงเตรียมความพร้อมสำหรับทุกสิ่ง เตรียมนำหน้าทุกคนในรุ่นเดียวกันไปอีกขั้น
มิสเตอร์เวิร์ลสุดยอดมาก! กลายเป็นครึ่งเทพด้วยความเร็วระดับนี้… ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคดีใจจนเหนือคำบรรยาย ความรู้สึกเทิดทูนเดอะเวิร์ลทวีความแกร่งกล้า นึกอยากเป็นเหมือนอีกฝ่ายให้ได้ เร่งความเร็วใจการเป็นครึ่งเทพ
‘จัสติส’ ออเดรย์เองก็ตกใจปนสุข ขณะเดียวกันก็เริ่มเข้าใจสาเหตุของอาการทางจิตของอีกฝ่าย
ดูเหมือนว่า ภาวะซึมเศร้าและหม่นหมองจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลายเป็นครึ่งเทพ… คงเป็นผลมาจากการดื่มโอสถ เหมือนกับตอนที่เราดื่มโอสถนักจิตบำบัดและเกือบคลุ้มคลั่ง…
นอกจากนั้น หลังจากเขากลายเป็นลำดับ 4 คงมีการตระหนักถึงสัจธรรมของโลกมากขึ้น ค้นพบความจริงมากขึ้น ค้นพบว่าตัวเองหลับใหลเป็นเวลานานจนครอบครัวตายไปหมดแล้ว สูญเสียเป้าหมายในการดำรงชีวิต…
น่าสงสารมาก… ด้วยนิสัยที่อ่อนโยนของเขา คงเป็นห่วงและคิดถึงครอบครัวกับเพื่อนฝูงในอดีตมากทีเดียว…
แต่ก็มีมุมที่น่าอิจฉา… การเป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลช่วยให้เขาเลื่อนลำดับอย่างรวดเร็ว… เราเองก็อยากกลายเป็นครึ่งเทพบ้าง คำพูดของมิสเตอร์ฟูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสเวลาทำให้เรากังวล…
ขณะสมาชิกที่เหลือกำลังตื่นตกใจ แม้อัลเจอร์จะรู้สึกไม่ต่างกัน มีความอิจฉาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่มันกำลังคำนึงถึงเรื่องอื่น
ในฐานะข้ารับใช้ของเดอะฟูล การที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ที่มีเทวทูตและ 0-08 นั้นต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่…
หากมองในมุมกลับ นั่นจะกลายเป็นว่า มิสเตอร์ฟูลและเทวทูตจินตภาพกำลังร่วมมือกัน… ทุกอย่างลงล็อกพอดี!
สองบุคคลในตำนานที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ก่อนมหาภัยพิบัติ คนหนึ่งกำลังฟื้นคืนพลัง ส่วนอีกคนกำลังเลื่อนลำดับ เป็นความร่วมมืออย่างลับๆ!
คิดมาถึงตรงนี้ อัลเจอร์ผุดข้อสันนิษฐานใหม่
ในเมื่ออาดัมได้รับ 0-08 และสามารถเปิดประตูสู่บัลลังก์เทพ แล้วมิสเตอร์ฟูลได้สิ่งใดตอบแทน?
จากจิตใต้สำนึก อัลเจอร์หันไปมองยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวในท่าก้มศีรษะเล็กน้อย
มันไม่กล้ามองตรงๆ ทำเพียงชำเลืองด้วยหางตา
…………………………………