Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 959 : เด็กใหม่เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน

แคทลียาหันไปด้านข้างเล็กน้อย มองหน้าเมจิกเชี่ยน

“ปัญหานี้ค่อนข้างซับซ้อน ฉันแนะนำให้คุณรออีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ยังไม่สามารถสัญญาอะไรได้ บอกได้เพียงว่า ในอนาคต น่าจะมีใครสักคนช่วยคุณสร้างสมบัติวิเศษได้”

น่าจะมีใครสักคน… หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นช่างฝีมือคนเก่า… เธอคิดจะบ่มเพาะช่างฝีมือขึ้นมาเอง หรือเปลี่ยนช่างฝีมือคนเดิมให้กลายเป็นสมบัติปิดผนึกและใช้มันสร้างสมบัติวิเศษ? อา… มาดามเฮอร์มิทเป็นผู้มากประสบการณ์อย่างที่คิด… ถ้าต้องฆ่าอีกฝ่าย แปลว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนเส้นทางดังกล่าว… ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดนั่งเงียบ วิเคราะห์หลายสิ่งภายในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มันตั้งใจในการประชุม

“ไม่มีปัญหา” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเชื่อใจมาดามเฮอร์มิทโดยไม่เคลือบแคลง เพราะท้ายที่สุด อีกฝ่ายเพิ่งได้รับหยดเลือดของสัตว์ในตำนาน อีกไม่นานก็คงเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ

ถึงตรงนี้ เธอได้ยินเสียง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวอย่างแหบพร่า

“ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกมาได้ทุกเมื่อ”

ทั้งการที่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหมกมุ่นอยู่กับมิติหมอกจนน่าแปลกใจ รวมถึงคำเตือนของโรซายล์ที่ระบุว่า ‘ระวังดวงจันทร์ให้ดี’ สำหรับไคลน์ซึ่งกำลังค้นหาความลับของการเดินทางข้ามโลกและประตูแห่งแสง ย่อมให้ความสนใจในโรงเรียนกุหลาบและดวงจันทร์บรรพกาล ซึ่งช่างฝีมือคนดังกล่าวกำลังพัวพันอยู่กับทั้งสองสิ่ง

แคทลียามิได้คาดหวังว่าเดอะเวิร์ลจะเสนอตัว จึงเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้า

“ตกลง ถ้าฉันจัดการไม่ไหว จะขอความช่วยเหลือคุณผ่านมิสเตอร์ฟูล”

เธอจงใจเอ่ยประโยค ‘ขอความช่วยเหลือผ่านมิสเตอร์ฟูล’ เพื่อจะบอกสมาชิกใหม่ว่า ชุมนุมทาโรต์มีวิธีการติดต่อสื่อสารแสนวิเศษ ไม่ต้องมัวติดขัดในเรื่องพื้นฐาน ถึงเวลาก็จะเข้าใจกันเอง

ในฐานะนายพลโจรสลัดที่มีค่าหัวสูงที่สุดในห้าห้วงสมุทร ณ ปัจจุบัน และผู้นำกลุ่มโจรสลัดที่มีสมาชิกหลายร้อย การที่เธอทำเช่นนี้ มิใช่เพราะเมตตาโดยสุจริต หรือเพราะกลัวว่าคำถามของสมาชิกใหม่จะขัดอรรถรสของชุมนุมทาโรต์ แต่เธอทำไปเพื่อสร้างแรงสะกดข่มต่อสมาชิกหน้าใหม่

แน่นอน ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ที่มีเวลาจำกัด จนเธอประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ทัน แคทลียาจะไม่เลือกวิธีที่รบกวนมิสเตอร์ฟูลเด็ดขาด

ขอความช่วยเหลือผ่านมิสเตอร์ฟูล… ซิลเข้าใจบางสิ่ง พยายามข่มใจให้ไม่มองฟอร์ส

ขอความช่วยเหลือผ่านมิสเตอร์ฟูล? เลียวนาร์ดครุ่นคิดหลายสร้าง สร้างข้อสันนิษฐานในใจ

เมื่อเห็นใครบางคนสาธิตเป็นตัวอย่าง มันผ่อนคลายลงเล็กน้อย คิดสักพักก่อนจะพูด

“ผมต้องการสมบัติวิเศษ”

“ประเภทใด?” ‘จัสติส’ ออเดรย์ตอบทันที เพื่อป้องกันมิให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน

เลียวนาร์ด ‘เอ่อ’ ยาวและแสดงความลังเล ก่อนจะตอบตามจิตใต้สำนึก

“ผมไม่ทราบ…”

มันแค่วางแผนไว้ แต่ยังมิได้ไตร่ตรองรายละเอียดเชิงลึก เพราะเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้หลังจากเข้ามานั่งในชุมนุมทาโรต์เรียบร้อยแล้ว

ไม่ทราบ… นายมันบ้า… ไคลน์ฝืนหุบยิ้มไม่ให้ขำใส่เลียวนาร์ดที่มักทำตัวง่ายๆ

เมื่อเห็นทุกคนมองมาทางตน สายตาแฝงอารมณ์หลากหลาย ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดรู้สึกอับอายทันที รีบเสริมอย่างรวดเร็ว

“ผมหมายความว่า จำเป็นประเภทใดก็ได้ ขอเพียงมีประสิทธิภาพด้านการโจมตีและมีพลังช่วยในการอำพรางตัว รวมถึงผลข้างเคียงต่ำ ที่เหลือไม่ติดขัด”

มันต้องการใช้ประโยชน์จากพลังการตรึงที่แข็งแกร่งของ ‘ฝันร้าย’ งานควบคุมศัตรูจะเป็นของตน ส่วนพาลีส·โซโรอาสเตอร์จะคอยควบคุมสมบัติวิเศษ สร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่ศัตรูที่ถูกตรึง และเมื่อกลายเป็น ‘จอมอาคมวิญญาณ’ อาศัยความช่วยเหลือจากวิญญาณหรือเงาดำที่ผนึกไว้ในฟัน มันสามารถทำหลายสิ่งพร้อมกันได้มากกว่าคนปรกติถึงสามเท่า

หลังจากเดอะสตาร์อธิบายจบ อัลเจอร์ไม่ทวนรายละเอียด เพียงถาม

“ต้องการสมบัติวิเศษในระดับใด?”

“แข็งแกร่งกว่าสมบัติปิดผนึกระดับ 2 เล็กน้อย… เอ่อ… ประมาณลำดับ 5 หรือ 6” เลียวนาร์ดติดนิสัยชอบเปรียบเทียบกับสมบัติปิดผนึก จึงรีบเปลี่ยนคำเรียกในตอนหลัง

ทันใดนั้น ความคิดที่เหมือนกันผุดขึ้นในใจออเดรย์ แคทลียา อัลเจอร์ และซิล:

เดอะสตาร์เป็นผู้วิเศษของทางการ หรืออย่างน้อยก็เคยเป็น!

จากมุมมองของพวกมัน ผู้วิเศษเถื่อนมีสิทธิ์ในการเปรียบเทียบระดับกับสมบัติปิดผนึกก็จริง แต่เมื่อเป็นสิ่งที่ต้องการรายละเอียดแน่ชัด โดยทั่วไปแล้วมักจะเปรียบเปรยกับอย่างอื่น เช่นการนำไปเปรียบกับลำดับพลังซึ่งแบ่งแยกได้ชัดเจนกว่า ง่ายต่อการเข้าใจมากกว่า

ดังนั้น ทุกคนจึงสรุปตรงกัน

และนั่นทำให้สถานการณ์น่าสนใจมากขึ้น

หืม… ทำไมมิสเตอร์เวิร์ลถึงสนิทกับผู้วิเศษของทางการ… พวกเขารู้จักกันได้ยังไง? แล้วทำไมถึงกล้าชวนเข้าชุมนุมทาโรต์? ออเดรย์ปิดปากเงียบ สงวนมารยาทของผู้ชม สนุกสนานไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ทันใดนั้น อัลเจอร์อืมในลำคอ

“สมบัติวิเศษในลำดับ 5 จะมีมูลค่าอย่างน้อยเก้าพันปอนด์ แต่ถ้าจะเอาที่ตรงใจคุณ ราคาคงไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์”

ตรงไปตรงมาดี… เลียวนาร์ดพยักหน้า

“เข้าใจแล้ว”

หลังจากได้ยินคำตอบ ไคลน์เกือบจะเผลอเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้า ภายในใจถอนหายใจยาว

แบบนี้ไม่เท่ากับปล่อยไก่ต่อหน้ามิสเตอร์แฮงแมนหรอกหรือ?

กล้าพนันได้เลยว่า หากชายคนนั้นพบสมบัติวิเศษที่เหมาะสม เขาจะขายให้นายแพงกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์แน่นอน!

นอกจากเจ็ดพันปอนด์จาก ‘อินธน์’ เลียวนาร์ดยังมีเงินเก็บเหลือจากส่วนอื่น… นั่นสินะ หากมีคุณปู่นักจารกรรมสิงอยู่ในตัว การออมเงินก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่อย่างนั้นคงไม่รวยพอจะซื้ออินธน์ได้ตั้งแต่แรก…

เข้าใจแล้ว หมอนั่นไม่กลัวการถูกโก่งราคาเพราะตัวเองยังเข้าร่วมชุมนุม ‘ผู้สันโดษแห่งชะตา’ และสามารถเปรียบเทียบราคาจากสองฝั่ง แต่ปัญหาคือ ชุมนุมนั่นจัดขึ้นปีละครั้ง เป็นความถี่คนละเรื่องกับชุมนุมทาโรต์…

ในวินาทีนี้ ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหาของมาขายให้นักกวีเพื่อนรักด้วยตัวเอง อาจเป็นของที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหลังจากกลายเป็นครึ่งเทพ หรือไม่ก็เป็นประเภทที่มีพลังซ้ำกับเส้นทาง

ขณะเดียวกัน แฮงแมนตอบอย่างสุขุมลุ่มลึก

“ตกลง ผมจะช่วยดูให้”

“ตกลง” แคทลียาและสมาชิกคนอื่นต่างก็ตอบรับในแบบเดียวกัน

หลังจากนั้น ไม่มีธุรกรรมใหม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ชุมนุมทาโรต์เข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ

โดยไม่รอให้แฮงแมนถาม เดอร์ริคยกมือพูด

“ผมกลับมาถึงเมืองเงินพิสุทธิ์แล้ว ท่านเจ้าเมืองบอกว่า การสำรวจวังราชาคนยักษ์เบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า… เขากำลังหมายความว่า ให้ผมรีบเลื่อนลำดับกลายเป็นนักบวชแสง?”

วังราชาคนยักษ์? ทีมสำรวจวังราชาคนยักษ์? เลียวนาร์ดหันไปมองเด็กวัยรุ่นเก้าอี้ติดกันด้วยความประหลาดใจ

เท่าที่มันทราบ วังราชาคนยักษ์ถูกทำลายไปนานแล้วนับตั้งแต่ยุคสมัยที่สอง พาลีส·โซโรอาสเตอร์ที่เป็นเทวทูตเล่าว่า สถานที่ดังกล่าวเลือนหายไปกับแม่น้ำแห่งกาลเวลาแล้ว

ใครจะไปคิดว่า เดอะซันแห่งชุมนุมทาโรต์กลับกำลังจะไปสำรวจที่สุด แถมยังไม่มีสมาชิกคนใดประหลาดใจ!

ใช่แล้ว ไม่แม้แต่คนเดียว กระทั่งมิสจัดจ์เมนต์ที่เป็นเด็กใหม่เหมือนกัน ก็ยังดูเหมือนจะทราบเรื่องนี้และวางตัวปรกติ

หรือว่า… มิสเมจิกเชี่ยนอัปเดตข้อมูลการชุมนุมให้มิสจัดจ์เมนต์จนถึงครั้งล่าสุด จึงเหลือเพียงเลียวนาร์ดที่ไม่รู้อะไรเลย… ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้พลางวิเคราะห์พฤติกรรมของตัวเอง

หลังจากดึงเลียวนาร์ดขึ้นมาบนมิติหมอกและมอบไพ่เดอะสตาร์ ไคลน์ก็ละเลยอีกฝ่ายมาตลอด ไม่แม้แต่จะเขียนจดหมายแนะนำสถานการณ์เบื้องต้น!

เทียบกับผู้หญิง ผู้ชายมักหลงลืมเรื่องแบบนี้… ขณะไคลน์เตรียมควบคุม ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ให้อธิบายกับเลียวนาร์ด ‘เดอะมูน’ เอ็มลินชำเลืองนักกวีข้างๆ ตนพลางตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ

“วังราชาคนยักษ์อยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้ง”

กล่าวจบ มันไม่แยแสท่าทีตอบสนองของเลียวนาร์ด เพียงหันไปกล่าวกับเดอะซัน

“เจ้ามีวัตถุดิบโอสถนักบวชแสงแล้วหรือยัง?”

มันทราบว่า อีกฝ่ายเพิ่งได้รับสูตรโอสถไปเมื่อหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อน

“ครับ ผมได้มาจากมิสเตอร์เวิร์ล” เดอร์ริคตอบเถรตรง แต่ไม่เล่ารายละเอียด

ในเวลาเดียวกัน สมองเลียวนาร์ดเต็มไปด้วยคำว่า ‘ดินแดนเทพทอดทิ้ง’ และ ‘วังราชาคนยักษ์’ รู้สึกราวกับตนกำลังเดินหลงเข้ามาในโลกแห่งเทพนิยาย

สัญชาตญาณของมันบอกให้ปรับตัวเข้ากับข้อมูลของชุมนุมทาโรต์โดยเร็ว เริ่มตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำกล่าวที่ว่า ‘ทุกคนมาจากต่างสถานที่’

แม้แต่เจ็ดโบสถ์หลักก็ยังมิอาจตามหาดินแดนเทพทอดทิ้งพบ แต่ชุมนุมทาโรต์กลับทำได้ แถมยังดึงคนของที่นั่นมาเป็นสมาชิก… นอกจากนั้น อะซิก·กายเอสที่น่าจะถือไพ่ ‘เดธ’ ก็ยังไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม… บางที สมาชิกส่วนหนึ่งอาจรับคำสั่งจากมิสเตอร์ฟูลโดยตรง… ไม่ผิดจากที่เราคิดไว้ ชุมนุมทาโรต์คือองค์กรลับที่สามารถพัฒนาไปถึงเจ็ดโบสถ์หลัก มิได้อ่อนแอไปกว่าชุมนุมแสงเหนือหรือโรงเรียนกุหลาบ แถมยังแข็งแกร่งกว่าในบางเรื่อง… นี่คือชุมนุมแห่งเทพของจริง… เลียวนาร์ดเต็มไปด้วยความคิด ในเวลาเดียวกัน อัลเจอร์เห็นพ้องกับข้อสันนิษฐานของเดอะซัน

“น่าจะเป็นแบบนั้น… การสำรวจวังราชาคนยักษ์เป็นภารกิจที่อันตราย เขาคงต้องการให้คุณเติบโตขึ้นจนสามารถถ่วงดุลอำนาจกับอาวุโสคนเลี้ยงแกะ”

‘เดอะซัน’ เดอร์ริคพยักหน้ารับทราบ

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากมิสเตอร์แฮงแมน”

จากนั้น เด็กหนุ่มเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในเมืองนอร์ธ ทำให้ซิลและเลียวนาร์ดต่างพากันนั่งอึ้ง จินตนาการภาพที่อีกฝ่ายบรรยายไม่ถูก ทั้งตัวเมืองและบรรยากาศ

อย่างไรก็ตาม ‘เดอะฟูล’ ไคลน์สัมผัสถึงบางสิ่งที่คุ้นเคย พบว่ามีความคล้ายคลึงกันระหว่างเมืองนอร์ธและหมู่บ้านสายหมอก

ชาวเมืองที่เดินไปเดินมา มีโอกาสสูงที่จะเป็นหุ่นเชิดไร้ชีวิต!

หมายความว่า มีวัตถุหรือสัตว์ประหลาดลำดับสูงของเส้นทางนักทำนายอยู่แถวนั้น? ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงจดบันทึกเมืองนอร์ธลงไปในสมอง

ทันใดนั้น จัดจ์เมนต์หันไปกล่าวกับเดอะเวิร์ลด้วยท่าทีค่อนข้างเป็นมิตร

“MI9 กำลังสืบสวนเกี่ยวกับภูมิหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์”

………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset