Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 955 : วิญญาณอาฆาตโบราณ

รูม่านตาฟอร์สพลันเบิกกว้าง คล้ายกับต้องการรับแสงให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ตรวจสอบสภาพปัจจุบันของซิลอย่างชัดเจน

พร้อมกันนั้น ด้านหน้าของเธอพลันสว่างวาบ สว่างยิ่งกว่ากล้องรุ่นเก่า ย้อมทุกสิ่งให้กลายเป็นสีขาวโพลน

วินาทีถัดมา นิ้วของเธอเลื่อนไปยังหน้าหนึ่งของบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ หมอกสีดำพวยพุ่งขึ้นจากฝ่าเท้า ปกคลุมร่างกายโดยสมบูรณ์

หมอกสีดำที่เข้มข้นแปรสภาพกลายเป็นค้างคาวมายาขนาดเท่าฝ่ามือ บินไปยังทิศทางต่างๆ ของห้องโถงใต้ดิน

นี่คือปีกแห่งความมืดที่บันทึกไว้ในสมุดเวทมนตร์

หน้าที่เดิมของมันคือการเพิ่มความเร็ว ช่วยให้บินระยะสั้น สามารถแปลงเป็นฝูงค้างคาวแวมไพร์เพื่อโจมตีศัตรู แต่ฟอร์สมิได้ใช้งานในลักษณะนั้น เพียงมองเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการแสดง

หลังจากค้างคาวมายาจำนวนมากบินออกไป ในจุดที่ฟอร์สเคยยืนก็กลายเป็นว่างเปล่า

เธอเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปไกลกว่าสิบเมตร!

หลังจากจิตสำนึกสั่งให้หนีและปกป้องตัวเอง ในที่สุดฟอร์สก็เริ่มสงบลง รีบหันไปทางซิลที่มีร่างกายผิดปรกติ

ทว่า ซิลในสายตาของเธอยังคงมีผมสีทองกระเซิงเล็กน้อย ใบหน้าคล้ำนิดๆ จากการเดินทางกลางแดดเป็นเวลานาน สีหน้ากำลังสับสนสุดขีด ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนสนิทถึงมีท่าทีตอบสนองรุนแรงเช่นนี้ ปราศจากร่องรอยการถูกสิงร่างจากภูตผีหรือวิญญาณอาฆาตโดยสิ้นเชิง

“เกิดอะไรขึ้น?” ซิลถามอย่างสงสัยเจือความระแวง

ฟอร์สหรี่ตาลง ยังไม่ตอบทันที เพียงพลิกสมุดเวทมนตร์พร้อมกับถาม

“ซิล เธอสูงเท่าไร?”

ซิลตอบกลับทันที

“152… ทำไมหรือ?”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง นิ้วของฟอร์สเลื่อนผ่านสัญลักษณ์และอักขระเวทมนตร์บนหน้ากระดาษ

ท่ามกลางความเงียบงัน แสงศักดิ์สิทธิ์ของเปลวเพลิงสาดส่องลงมายังห้องโถงใต้ดิน

เป็นแสงที่เจิดจ้า มันห่อหุ้มร่างซิลพร้อมกับสร้างคลื่นแสงแดดกระเพื่อม

หลังจากแสงแดดเข้มข้นแผดเข้ามาในดวงตาฟอร์ส เธอเห็นภาพของห้องโถงกำลังถล่ม พื้นหินโดยรอบกำลังแตกกระจัดกระจาย

ทุกสิ่งทุกอย่างสว่างวาบและดับไป ฟอร์สคืนสติจากภวังค์เหม่อลอยและพบว่าตนกำลังยืนอยู่ในจุดเดิมตอนแรก มิได้หนีไปไหน

ภาพลวงตา? ฟอร์สหันหน้าไปด้านข้าง พบว่าซิลกำลังจ้องสำรวจไปยังประตูคู่บานใหญ่

ฟอร์สครุ่นคิดสักพัก เปิดปากถาม

“ซิล เธอสูงเท่าไร?”

ซิลชำเลืองด้วยหางตา กล่าวอย่างฉุนเฉียว

“เลิกถามอะไรโง่ๆ สักที!”

ฟู่ว… ตัวจริง… ฟอร์สถอนหายใจโล่งอก รีบอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

หลังจากเงียบไปสองสามวินาที ซิลใช้มือข้างที่ถือตะเกียงสัมผัสกับแขนซ้ายฟอร์ส

“พวกเราควรถอยก่อน บางที ยิ่งเข้าใกล้ประตูนั่น พวกเราอาจยิ่งเห็นภาพหลอน”

“ตกลง…” ฟอร์สพยักหน้ารับ เดินถอยหลังไปสองสามก้าว

จากนั้น เธอมองไปรอบๆ พลางพึมพำด้วยความสงสัย

“ทำไมพวกเราถึงยังไม่เธอภูตผีที่นี่? ไม่ใช่ว่าพวกมันชื่นชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้หรือ?”

ซิลเองก็ประหลาดใจ เริ่มสำรวจอย่างมีสมาธิ จนกระทั่งจ้องไปทางดวงอาทิตย์ย่อส่วนที่ลอยเหนือศีรษะฟอร์ส

“ลองดับมันดู” เธอแนะนำ

ฟอร์สฉุกคิดบางสิ่งได้ รีบยกเลิกแหล่งกำเนิดแสง

ความมืดมิดที่เงียบสงัดพลันปกคลุมห้องใต้ดินอีกครั้ง มีเพียงแสงสีเหลืองอ่อนของตะเกียงคอยต่อต้านพวกมัน

ถัดมา ในทัศนวิสัยเนตรวิญญาณของฟอร์ส เธอมองเห็นสองร่าง

ทั้งสองอยู่ใกล้กับบานประตูทองแดง ร่างหนึ่งเป็นสตรี ผมเกล้ามวย สวมกางเกงรัดรูปของอัศวินและเสื้อสีสันฉูดฉาด อีกร่างเป็นผู้ชาย สวมชุดเกราะสีเงินสลับดำ ถือดาบที่เต็มไปด้วยสนิท คล้ายกับพร้อมบุบสลายได้ทุกเมื่อ

รายแรกมีใบหน้าพร่ามัว เดินวนเวียนไปมาระหว่างบานประตูกับจุดที่ฟอร์สและซิลยืนเมื่อครู่ รายหลังยืนเฝ้าประตูไม่ไปไหน ปากพึมพำบางสิ่ง

นี่คือวิญญาณอาฆาตโบราณทั้งสอง? ฟอร์สใช้ข้อศอกสะกิดซิลพร้อมกับหรี่เสียงพูด

“ฉันเห็นวิญญาณ”

“ฉันก็เห็นเหมือนกัน พวกเขาไม่ได้พยายามซ่อนตัวแม้แต่น้อย” ซิลโน้มตัวและตั้งท่าเตรียมสู้

ฟอร์สรีบสะกิด

“อย่าใจร้อน เรายังไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นเป้าหมาย”

เธอลองก้าวไปข้างหน้าสามก้าว แต่ร่างที่คลุมเครือทั้งสองก็มิได้มองตรงมา

ฟอร์สครุ่นคิดสักพัก เปิดปากพูด

“มาดาม คุณกำลังทำอะไรอยู่หรือ?”

เธอเคยได้ยินจากชุมนุมลับอื่นๆ ว่า หากวิญญาณอาฆาตมีระดับสูง พวกมันสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ฟอร์สพลันเสียใจในสิ่งที่ตัวเองพูด เพราะถึงแม้ว่าจะสื่อสารกับอีกฝ่ายสำเร็จ เธอก็คงมิอาจบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการบอกให้อีกฝ่ายฆ่าตัวตายและส่งวัตถุดิบวิเศษมา

เมื่อฟอร์สพบว่าเธอไม่มีทางเลือกนอกจากโจมตีเข้าไปตรงๆ สตรีในเสื้อสีสันฉูดฉาดและกางเกงอัศวินตอบคำถามเมื่อครู่

“ฉันกำลังตามหาสามี… เขาเป็นองครักษ์ของที่นี่”

สื่อสารกับมนุษย์ได้… ฟอร์สถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“แล้วเขาไปไหน?”

ทันใดนั้น ซิลที่เดินตามมา ถามด้วยท่าทีหวาดระแวง

สตรีร่างคลุมเครือตอบ

“เขาเป็นองครักษ์ของที่นี่… เขาบอกกับฉันว่า ด้านหลังประตูมีพลังแปลกประหลาดแทรกซึมเข้ามาและกัดกร่อนพวกพ้อง เขาต้องการให้ฉันออกไปจากที่นี่พร้อมกับคนแจ้งข่าว… เขายืนกรานว่าจะช่วยให้ฉันหลบหนีอย่างปลอดภัย แต่ฉันไม่ต้องการแบบนั้น ฉันอยากหนีไปพร้อมกับเขา… หลังจากพาคนแจ้งข่าวออกไปสำเร็จ ฉันกลับมายังห้องใต้ดินเพื่อตามหาเขา แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ…”

พิจารณาจากการที่ปราสาทหลังนี้หลงยุคไปมาก องครักษ์คนสุดท้ายมีสิทธิ์เสียชีวิตและกลายเป็นวิญญาณอาฆาตโบราณ… ฟู่ว… เรื่องราวของเธอทำให้เราสะเทือนใจ ไม่อยากลงมือกับอีกฝ่ายตรงๆ … ฟอร์สใช้ความคิดสักพัก เดินอ้อมสตรีคนดังกล่าวอย่างระมัดระวัง เข้าไปยังจุดที่ใกล้กับบานประตูทองแดง

ระหว่างทาง เธอมิได้เห็นภาพหลอน คล้ายกับพิสูจน์ว่า เหตุการณ์ในครั้งก่อนเกิดจากจิตใต้สำนึกของหญิงสาวร่างกายพร่ามัว

เมื่อเข้าไปในระยะของชายสวมชุดเกราะสีเงินสลับดำที่ถือดาบขึ้นสนิม ฟอร์สพยายามสนทนา

“คุณสุภาพบุรุษตรงนั้น คุณกำลังทำอะไร?”

อัศวินหยุดพึมพำ หันมากล่าวกับฟอร์ส

“ผมกำลังเฝ้าประตูดำบานนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าภรรยาสามารถหนีไปยังที่ปลอดภัย… ถ้าคุณพบเธอ กรุณาบอกกับเธอว่า อัศวินของเธอจะสู้เพื่อเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย”

อา… ประตูดำ… แต่นี่มันสีทองแดงชัดๆ … เดี๋ยวนะ เขาพูดว่าอะไรนะ? กำลังเฝ้าประตู เพื่อให้แน่ใจว่าภรรยาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัย… นี่มัน… ไม่ใช่เรื่องราวอีกครึ่งหนึ่งต่อจากที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าหรือ? หมายความว่าเขาเป็นสามีของเธอ? ฟอร์สตกตะลึงสุดขีด รีบมองสลับไปมาระหว่างวิญญาณอาฆาตโบราณทั้งสอง

สตรีในเสื้อสีสันฉูดฉาดและกางเกงอัศวินกำลังเดินเข้าใกล้ประตูทองแดง หลังจากนั้นก็วนกลับไปยังกึ่งกลางห้องโถงอีกครั้ง ทำซ้ำเช่นนี้ไม่รู้จบ โดยบุรุษสวมเกราะสีเงินดำและดาบขึ้นสนิมเอาแต่วนเวียนอยู่หน้าบานประตูทองแดงยักษ์ มีบางครั้งที่พวกเขาสวนกัน แต่ก็ดูเหมือนจะมองไม่เห็นกัน

เป็นแบบนี้มานานกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี… หรือมากกว่านั้น… ท่ามกลางความเงียบ ฟอร์สหันไปมองซิลด้านข้าง พบว่าเพื่อนสนิทของตนกำลังมีดวงตาพร่ามัว

อ่อนไหวง่ายชะมัด… ฟอร์สทนไม่ไหว ตัดสินใจตะโกนไปทางวิญญาณอาฆาตหญิง

“มองไปที่ประตูสิ! สามีของเธออยู่ตรงนี้มาตลอด!”

สตรีสวมกางเกงอัศวินลดความเร็วลง ชำเลืองสายตามาทางฟอร์สก่อน จากนั้นก็หันไปมองประตูใหญ่

สายตาของเธอมองผ่านอัศวินในชุดเกราะสีเงินดำไปตกอยู่ที่ด้านหลัง

“ฉันไม่เห็นเขา…” วิญญาณอาฆาตพึมพำ ก่อนจะกลับไปทำกิจวัตรแบบเดิม

ฟอร์สรู้สึกโศกเศร้าอย่างเหนือพรรณนา ขณะเตรียมกล่าวบางสิ่ง เธอเห็นอัศวินสวมชุดเกราะสีเงินสลับดำหันหน้ามาทางตนและซิล แผดเสียงตะโกน

“พวกคุณเป็นใคร?”

เมื่อสิ้นเสียง วิญญาณอาฆาตหญิงหันมาทางซิลและฟอร์สอีกครั้ง

ฟอร์สตระหนักได้ทันทีว่าสติของเธอเฉื่อยชาลง คล้ายกับมีมวลความเย็นก่อตัวในร่างกาย แผ่ซ่านไปยังอวัยวะทุกส่วน แช่แข็งกล้ามเนื้อและข้อต่อ และในมุมสายตา ซิลเองก็กำลังเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกัน บรรยากาศรอบตะเกียงหล่นลงกะทันหัน

ทันใดนั้น ในดวงตาของซิลมีเส้นสายฟ้าสว่างขึ้น

วิญญาณอาฆาตชายทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ร่างกายพร่ามัวยิ่งกว่าเก่า

ซิลหลุดพ้นจากการถูกแช่แข็งทันที รีบโยนมีดสามคมไปทางวิญญาณอาฆาตหญิง

ปลายมีดสามคม สายฟ้ามายาสว่างวาบ ปะทะกับร่างของสตรีสวมชุดสีสันฉูดฉาดและกางเกงอัศวิน

เฆี่ยนจิต!

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของวิญญาณอาฆาตหญิง ร่างกายของเธอพร่ามัวลง

สติฟอร์สกลับมาคมชัด รีบเปิดสมุดเวทมนตร์พร้อมกับเลื่อนนิ้วไปบนหน้ากระดาษ

ทันใดนั้น คล้ายกับกลุ่มเงารอบๆ ตัวมีชีวิตขึ้นมา แปรสภาพเป็นโซ่สีดำ พันธนาการปากของอัศวินในชุดสีเงินสลับดำ

ตรวนนรก!

พร้อมกันนั้น ซิลเริ่มออกวิ่ง ในมือถือเหล็กตีตรามายา ประทับลงบนร่างวิญญาณอาฆาตหญิง

ขณะเพื่อนสนิทช่วยรับมือวิญญาณอาฆาตหญิง ฟอร์สเริ่มเคลื่อนไหวอย่างอิสระ

เธอพลิกหน้าสมุดเวทมนตร์ เลื่อนนิ้วลงบนหน้ากระดาษ

สายฟ้าสีเงินสว่างแผ่กิ่งก้านลงมาจากเบื้องบน วิญญาณอาฆาตอัศวินถูกผ่าเข้าอย่างจัง พร้อมกับแปรสภาพบริเวณใกล้เคียงให้พังพินาศ

ท้ายที่สุด เสาลำแสงที่มาพร้อมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผุดขึ้นจากความว่างเปล่า โอบล้อมร่างกายวิญญาณอาฆาตอัศวินพร้อมกับชำระล้าง

เมื่อจัดการศัตรูได้หนึ่ง ฟอร์สหันหลังกลับ เตรียมช่วยซิลจัดการกับวิญญาณอาฆาตหญิงต่อ

เธอมิได้หวงแหนพลังในสมุดเวทมนตร์ นำพวกมันมาผสมผสานกันอย่างเหมาะสม และด้วยความช่วยเหลือจากซิล ฟอร์สลับไปมาระหว่างพลังตรึงศัตรูกับพลังโจมตี เพียงไม่นานก็กำจัดเป้าหมายสำเร็จ

บรรยากาศกลับมาเงียบสงบ ฟอร์สหายใจเข้าออกเชื่องช้า มองไปยังสนามรบด้วยสายตาเหลือเชื่อ

“จบแล้ว?”

เธอเคยคิดว่า วิญญาณอาฆาตโบราณสองตนนั้นเป็นศัตรูที่ค่อนข้างพิเศษ มีระดับสูงมาก หากไม่ใช่ผู้วิเศษกึ่งลำดับ 5 คงรับมือได้ยาก แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกสิ่งจบลงอย่างราบรื่น

เรื่องนี้ทำให้เธอประจักษ์ความยอดเยี่ยมของ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ พร้อมกับคาดหวังความแข็งแกร่งในลำดับถัดไปอย่าง ‘นักบันทึก’

ซิลเองก็ประหลาดใจไม่น้อย ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว

“เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว กับเรื่องที่หลายคนมักพูดว่า ในลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพ จำนวนผู้วิเศษและการประสานงานที่ดี รวมถึงการผสมผสานพลังพิเศษอย่างลงตัว สำคัญกว่าความสูงต่ำของลำดับ”

ทันทีที่กล่าวจบ เธอได้ยินเสียงเคาะประตูดัง ปัง! ปัง!

มันทำลายความเงียบงันภายในห้องใต้ดินโดยสิ้นเชิง ต้นเสียงดังมาจากด้านหลังประตูทองแดง

…………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset