ย่อยสมบูรณ์แล้ว? สมเหตุสมผล… ถึงจะพึ่งพายันต์โจรปล้นดวงเป็นหลัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือการสะกดจิตครึ่งเทพ ช่วยให้สามารถเปิดประตูกายปัญญาได้อย่างแท้จริง และหลังจากนั้น ปรับแต่งสามัญสำนึกรวมถึงการฝังการชี้นำก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยตัวเอง ความประมาทแม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้เหยื่อต่อต้าน และง่ายที่จะเผชิญความล้มเหลว… ผลลัพธ์ที่สุดยอดเช่นนี้จึงนำพาไปสู้การย่อยโอสถอย่างก้าวกระโดด… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวชม
“นั่นเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน”
ออเดรย์เข้าใจในสิ่งที่มิสเตอร์เวิร์ลต้องการสื่อ ภายใต้วังวนพายุที่เกิดจากฝีมือของ ‘เทวทูตจินตภาพ’ อาดัมและกษัตริย์จอร์จที่สาม ต่อให้เธอมีหน้าที่แค่อยู่รอบนอก แต่ก็คงอดไม่ได้ที่จะตระหนักถึงความเปราะบางและไร้พลังของตัวเอง จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องการพัฒนาฝีมือตัวเอง
หญิงสาวกล่าวพยักหน้าและกล่าว
“ดิฉันจะพยายามยื่นข้อเสนอให้เดอะซันและพัฒนาเป็นลำดับ 5 ให้เร็วที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น ดิฉันหวังว่าจะได้พรจากมิสเตอร์ฟูลเพื่อให้มีสติกระจ่างชัดภายในความฝัน”
ไคลน์ที่เตรียมตัวไว้แล้ว ยิ้มและกล่าว
“อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้น เร็วที่สุดวันพรุ่งนี้ และช้าที่สุดวันศุกร์ ผมสามารถขายตะกอนพลังนักท่องฝันให้คุณได้”
“จริงหรือ…?” ดวงตาออเดรย์พลันเบิกกว้าง มิอาจเก็บซ่อนความประหลาดใจ
ไคลน์พยักหน้าและตอบ
“มันเป็นของเฮอร์วิน·แรมบิส… ไม้กางเขนที่มิสเตอร์ฟูลเพิ่งได้รับมา มีพลังในการสกัดตะกอนพลังออกจากวัตถุทีละระดับ”
ชายหนุ่มตอบห้วน ไม่ลงลึกรายละเอียด รักษามาดสุขุมของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“อย่างนี้นี่เอง…” ออเดรย์ยกมุมปากยิ้มอย่างมีความสุข ตามด้วยการใช้มือทาบหน้าอกและกล่าว “มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ~ แล้วก็ ขอบคุณมากนะคะมิสเตอร์เวิร์ล”
ไม่ต้องขอบคุณคนเดียวกันสองครั้งก็ได้… ไคลน์รำพันติดตลก ก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“ผมแค่ทำธุรกิจ”
เธอต้องจ่าย! ชายหนุ่มเน้นยำในใจ
ออเดรย์ฉีกยิ้มพลางถาม
“เช่นนั้นแล้ว คุณต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน?”
“สำหรับตะกอนพลังของโอสถลำดับ 5… แปดพันปอนด์” ไคลน์เลือกในสิ่งที่มิสจัสติสสามารถหาได้ง่ายและเร็วที่สุด
ออเดรย์แทบไม่แยแสด้านราคา ดวงตาของเธอแปรเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด
“ถ้าแยกออกมาได้… คุณช่วยขายตะกอนพลังนักสะกดจิตให้ดิฉันด้วยได้ไหม?”
กล่าวถึงตรงนี้ หญิงสาวยิ้มแห้งพลางตอบกระอักกระอ่วน
“ไว้สำหรับซูซี่… ได้เธอช่วยไว้มากในครั้งนี้… เอ่อ… ยิ่งซูซี่มีลำดับมากเท่าไร ก็ยิ่งมอบความช่วยเหลือได้มากเท่านั้น… หมายถึงพวกเราจะช่วยเหลือกันและกัน”
“ไม่มีปัญหา สี่พันปอนด์” ไคลน์คาดหวังคำถามนี้ไว้แล้ว จึงมีราคาในหัว
ตามแผนเดิมของชายหนุ่ม การแยกส่วนตะกอนพลังจะหยุดลงก็ต่อเมื่อตะกอนพลังนักสะกดจิตถูกสกัดออกมา และนั่นหมายความว่า ไคลน์ต้องมัดไม้กางเขนเจิดจรัสไว้กับตะกอนพลังและทิ้งไว้เป็นเวลานาน
“รวมแล้วหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์ใช่ไหมคะ?” ออเดรย์ถามเชิงโวหารเพื่อความแน่ใจ สีหน้าท่าทีมิได้รู้สึกกดดันมากนัก
นั่นเพราะในช่วงหลายเดือนหลัง เธอแทบไม่ได้ใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ ลำพังเงินเก็บก็มีมากถึงหนึ่งหมื่นปอนด์ สามารถใช้สอยได้ตามสะดวก
เมื่อเห็นเดอะเวิร์ลพยักหน้า หญิงสาวถอนหายใจโล่งอก
“ดิฉันจะจ่ายให้ก่อนวันศุกร์”
หลังจากสะสางเรื่องดังกล่าว ประกอบกับการที่ปัญหาเกี่ยวกับเฮอร์วิน·แรมบิสสิ้นสุดลง หญิงสาวผ่อนคลายตัวเองลงมาก จึงสนทนาจิปาถะอย่างเป็นกันเอง
“สำหรับสมองที่สมบูรณ์ของมังกรจิตโตเต็มวัย ดิฉันจะยังคงซื้อจากเดอะซัน แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเหมือนเดิมแล้ว… ซูซี่คงย่อยโอสถนักสะกดจิตได้ไม่เร็วเท่าไร”
กล่าวถึงตรงนี้ ออเดรย์มองหน้าเดอะเวิร์ลด้วยความมั่นใจมากขึ้น
“แล้วถ้าเป็นตะกอนพลังครึ่งเทพของเฮอร์วิน·แรมบิส… ดิฉันต้องแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด?”
ไคลน์ยิ้มและตอบ
“ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าตัวเองขาดเหลือสิ่งใด… ไม่เพียงตะกอนพลัง ‘จอมบงการ’ ของเฮอร์วิน·แรมบิส ผมยังมีสูตรโอสถที่เกี่ยวข้อง… ระหว่างที่คุณกำลังย่อยโอสถนักท่องฝัน ผมจะค่อยๆ คิดหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ จากนั้นก็มอบหมายงานให้คุณทำ หรือไม่ก็รวบรวมบางสิ่งบางอย่าง จนกระทั่งคุณมีคะแนนผลงานมากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับมัน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ดวงตาสีเขียวของออเดรย์สว่างขึ้น
“ตกลง!”
หลังจากได้รับคำตอบ หญิงสาวถามด้วยความสนใจ
“วิธีนี้เหมือนกับที่ซิลสะสมคะแนนผลงานจาก MI9 ใช่ไหม?”
“ถูกต้อง… วิธีนี้ยังเป็นที่นิยมกันในโบสถ์หลัก” ไคลน์ช่วยยืนยัน
ออเดรย์พยักหน้า ก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“มิสเตอร์เวิร์ล คุณทราบชื่อโอสถลำดับสูงของเส้นทางผู้ชมบ้างไหม?”
ไคลน์ยิ้ม
“จอมบงการ นักสานฝัน ผู้เห็นแจ้ง นักประพันธ์ และลำดับ 0 นักสร้างฝัน”
แค่ได้ยินก็มากพอจะทำให้ผู้คนไล่ไขว่คว้าอยากจะเป็น… โดยเฉพาะนักประพันธ์และนักสร้างฝัน… ออเดรย์ชื่นชมสองสามวินาที ก่อนจะกลับมายังหัวข้อสนทนา
“เฮอร์วิน·แรมบิสได้บอกไหมคะว่าความลับของกษัตริย์คือสิ่งใด? แล้วทำไมพวกเขาถึงร่วมมือกัน?”
ส่วนหนึ่งเธอถามเพื่อซิล แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นความกังวลส่วนตัว
“ความลับของกษัตริย์? เขาต้องการจะละเมิดสัญญาสามข้อที่เหล่าราชวงศ์ทำไว้กับโบสถ์หลักเมื่อนานมาแล้ว จุดประสงค์เพื่อผลักดันให้ตัวเองกลายเป็นครึ่งเทพ เพื่อการนั้น เขาจำเป็นต้องควบคุมวัตถุบางอย่างภายในโบราณสถานจักรพรรดิโลหิตผ่านพิธีกรรมสังเวยขนาดใหญ่… หึหึ… นี่คือคำตอบที่ได้รับจากเฮอร์วิน·แรมบิส อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด และอาจเป็นแค่ส่วนน้อย” ไคลน์แทรกความเห็นของตัวเองขณะเล่าผลลัพธ์การสื่อวิญญาณ “สำหรับสมาคมแปรจิตหรือสภานักสิทธิ์สนธยา ความต้องการของพวกเขาคือสงครามที่กวาดล้างโลก เป็นสิ่งที่พวกเขาพยายามผลักดันมานาน เพื่อหวังให้กระแสเวลาแล่นไปตามที่ตัวเองปรารถนา”
“สงครามที่กวาดล้างโลก…” ออเดรย์พึมพำ คิ้วที่โก้งโค้งงดงามขมวดชนกัน ความยินดีปรีดาเมื่อครูสลายไปในทันที
แม้ว่าจากตัวตนและสถานะของเธอ หญิงสาวจะยังไม่เคยลิ้มรสความโหดร้ายของสงครามตรงๆ แต่เธอก็ไม่ใช่ไข่ในหินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สามารถจินตนาการถึงมันได้เลื่อนราง
ปล่อยให้ความเงียบงันปกคลุมสักพัก ออเดรย์สูดลมหายใจและฝืนยิ้ม
“หวังว่าพวกเราจะหยุดเรื่องนี้ได้”
หลังจากแลกเป็นคำพูดกันอีกเล็กน้อย หญิงสาวออกจากมิติเหนือสายหมอก กลับไปยังโลกความจริง ส่วนไคลน์ยุ่งอยู่กับการรวบรวมน้ำกลั่นบริสุทธิ์ ยางไม้ ผงสมุนไพร และวัตถุดิบอย่างเลือดของนักล่าพันหน้า กับผงละอองของหัวขโมยโลกวิญญาณ เพื่อ ‘ปรุง’ ร่วมกับตะกอนพลังของเฮอร์วิน·แรมบิส กลายเป็นโอสถที่ไม่มีชื่อและเต็มไปด้วยปัญหาอย่างไม่ต้องสงสัย
จากนั้น ชายหนุ่มนำขวดแก้วธรรมดาๆ มาบรรจุโอสถ รอชมผลลัพธ์ว่ามันจะกลายเป็นสมบัติปิดผนึกแบบใด
เนื่องจากกระบวนการนี้ต้องใช้เวลานาน ไคลน์ตัดสินใจระดมพลังจากมิติเหนือสายหมอกเพื่อสร้างบาเรียทรงกลมห่อหุ้มขวดดังกล่าวไว้ ป้องกันไม่ให้ผลผลิตที่เกิดขึ้นสร้างอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อม
จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มส่งตัวเองกลับบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน เตรียมอัญเชิญ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสเพื่อถามเกี่ยวกับสัตว์วิเศษทั้งสองชนิด – สุนัขแห่งฟัลกริมและหมาป่าอสูรแห่งสายหมอก
ปัจจุบัน เมฆสูงเริ่มจับตัวเป็นก้อนใหญ่ แสงอาทิตย์ถูกบดบังอีกครั้ง เบ็คลันด์ทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยสภาพอากาศเย็นเยียบและหม่นหมองในตอนเช้า
ไคลน์ยืนหน้าโต๊ะอ่านหนังสือ มองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ภายในใจรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่าตนและโบสถ์รัตติกาลกำลัง ‘ละเลย’ บางสิ่งที่สำคัญมาก
การสอบสวนในพักหลังราบรื่นขึ้นมาก ข้อมูลที่สืบได้มีแต่จะลึกลงไปเรื่อยๆ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ไคลน์กลับรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก
หรือว่าการสืบสวนจะได้ถูกก่อกวนโดยอิทธิพลบางอย่างให้ไปผิดทาง? เป็นจุดบอดที่พวกเราคาดไม่ถึง? แต่การทำนายบนมิติหมอกคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก ปลายทางคงหนีไม่พ้น ‘ท่าน’ … ไคลน์รีบรวบรวมสมาธิ คลี่กระดาษและหยิบปากกาวาดสัญลักษณ์และลวดลายที่ซับซ้อนของ ‘ความลับ’ และ ‘การส่องความลับ’
หนึ่งวินาที สองวินาที จนกระทั่งเจ็ดแปดวินาทีถัดมา ผิวกระจกเต็มบานใหญ่ภายในห้องนอนพลันกลายเป็นสีสลัว มีคลื่นน้ำกระเพื่อม ควบแน่นกลายเป็นข้อความสีเงินคำแล้วคำเล่า
“ท่านผู้ปกครองสูงสุดและเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดสมาพบท่านตามคำเรียกหาแล้ว”
“ด…ดูเหมือนข้าจะมาสายเกินไป นั่นเพราะตอนนี้ข้ากลายเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 1 แล้ว กว่าจะแก้ผนึกและออกมาข้างนอกได้ จำเป็นต้องใช้เวลาสักพัก นายท่านได้โปรดให้อภัยข้าด้วย”
“เจ้ากลายเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 1 แล้วหรือ?” ไคลน์ถามด้วยความประหลาดใจ
ภายในใจ ชายหนุ่มสามารถจินตนาการข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดในโบสถ์จักรกลไอน้ำระยะหลังได้:
กระจกที่ชอบเล่นเกมถามตอบบานนั้นเริ่มอาละวาดแล้ว!
บนผิวกระจก ข้อความสีเงินสั่นไหวและเรียงตัวใหม่กลายเป็นประโยค
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ นั่นคือคำถามใช่ไหม?”
ใจจริง ไคลน์อยากตอบ ‘ไม่’ แต่เพื่อนรักษาภาพพจน์ ชายหนุ่มพยักหน้า
“ใช่”
‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสเขียนคำตอบทันที
“ข้ายังไม่ถูกจำแนกให้เป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 1 จริงๆ เพียงแต่ถูกเก็บรักษาในแบบเดียวกัน นั่นเพราะการครอบครองสมบัติปิดผนึกระดับ 1 มีระเบียบซับซ้อน ทางโบสถ์ต้องแจ้งให้โบสถ์อื่นทราบและมีการจัดระเบียบหมายเลข แต่โบสถ์จักรกลไอน้ำยังไม่ต้องการทำ”
อย่างนี้นี่เอง… ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว”
บนผิวกระจกบานใหญ่ คลื่นน้ำมายากระเพื่อมอีกครั้งพร้อมกับสร้างประโยคใหม่
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ คราวนี้ท่านมีคำถามใดจะทดสอบข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์อย่างอาโรเดส?”
“เล่าทุกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับสุนัขแห่งฟัลกริมและหมาป่าอสูรแห่งสายหมอก” ไคลน์ถามโดยไม่มากพิธี และไม่แยแสว่านั่นเทียบเท่ากับคำถามสองข้อ
บนผิวกระจก แสงสีเงินเรียบเรียงตัวเองใหม่ราวกับมีชีวิต
“สุนัขแห่งฟัลกริมเป็นสัตว์วิญญาณชนิดพิเศษ อาศัยอยู่แค่ภายใน ‘ช่องว่างประวัติศาสตร์’ เท่านั้น แม้แต่เจ็ดแสงพิสุทธิ์ก็ยังทำได้เพียงรู้จัก แต่มิอาจพบปะพูดคุย นอกเสียจากพวกมันต้องการจะออกมาล่านอกช่องว่างประวัติศาสตร์ แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เห็นก็อาจเป็นเพียงภาพฉายจากอดีต”
“หมาป่าอสูรแห่งสายหมอกคือหมาป่าอสูรขั้นสูง หลังจากเทพบรรพกาลร่วงหล่นและเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ พวกมันถูกไล่ล่าโดยตระกูลซาราธ อันทีโกนัส และโบสถ์รัตติกาล แทบไม่หลงเหลือแล้วในปัจจุบัน แถมทุกตัวยังมีพลังในการต่อต้านการทำนายและพยากรณ์ระดับสูง การค้นหาไม่ใช่เรื่องง่าย”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โบสถ์รัตติกาลน่าจะมีวัตถุดิบเกี่ยวกับหมาป่าอสูรค่อนข้างมาก? และด้วยสิ่งนี้ เราสามารถนำพวกมันเข้าไปในโลกวิญญาณเพื่อล่อลวงสุนัขฟัลกริมด้วยกฎการดึงดูดของพลัง? เพียงได้ยินคำตอบ ไคลน์เริ่มวางแผนในใจ
…………………………