เมื่อพบชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเป็นนักบวช แอนเดอร์สันผงะเล็กน้อย พลันรู้สึกว่าพันธนาการบางอย่างภายในใจถูกทำลายทันที เศษเสี้ยวความทรงจำนับไม่ถ้วนล้นทะลักผ่านบาเรียที่มองไม่เห็นและพุ่งออกไป ราวกับอารมณ์ที่ถูกเก็บงำไว้เป็นเวลานานในที่สุดก็ระเบิดออกมา
มันจำได้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา จำได้ว่า งานที่ครึ่งเทพมอบหมายให้ทำคืออะไร!
ย้อนกลับไปในบายัม หลังจากที่มันได้พบกับครึ่งเทพตามจิตใต้สำนึก มันติดตามอีกฝ่ายออกจากหมู่เกาะรอสต์ มุ่งหน้าไปยังแหล่งกบดานแห่งหนึ่งด้วยเรือ
ณ ที่นั่น มันเห็นนักบวชอยู่ด้านข้าง จับมันนอนในโลงศพโบราณท่ามกลางของเหลวที่ผสมด้วยวัตถุดิบวิเศษและบ่อเลือดที่แปลกประหลาด ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของตนทีละนิด
หลังจากปล่อยให้กัดเซาะนานกว่าหนึ่งเดือน ‘ดักแด้’ สีแดงเข้มก่อตัวขึ้นภายในร่างกายมัน จากนั้น ความทรงจำของมันก็เริ่ม ‘ถูกจองจำ’ พร้อมถูกส่งมายังไบลัมตะวันตก ขณะเดียวกันก็ถูกฝังการชี้นำทางจิตว่า ตนไม่สามารถออกจากไบลัมตะวันตกได้ก่อนที่ความทรงจำจะกลับคืนมา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภารกิจที่ครึ่งเทพมอบให้มันยังไม่จบ ทั้งหมดเป็นแค่การเตรียมการ!
ฉากแล้วฉากเล่ากะพริบผ่านสายตา แอนเดอร์สันพบตัวเองกำลังยืนเล่นฮาร์โมนิก้ากลางถนน จองโรงแรมกับเดนิส มุ่งหน้าไปยังโบสถ์ปัญญาความรู้เพื่อรับยันต์ ‘ชำนาญภาษา’ จากนั้นก็มายังแคว้นเหนือ ตลอดกระบวนการทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน มีนักบวชที่อ่อนโยนและเรียบง่ายรายนี้คอยอยู่ข้างๆ มันตลอดเวลา
ระหว่างมื้ออาหาร ชายคนนี้นั่งโต๊ะถัดไป ขณะเช่าโรงแรม ชายคนนี้กำลังนอนหลับอยู่ในห้องถัดไป ขณะเดินไปตามถนน ชายคนนี้คอยเดินเคียงข้างมัน ขณะเล่นฮาร์โมนิก้าและแสดงหุ่นกระบอก ชายคนนี้กำลังมองเข้ามาอย่างอ่อนโยน!
และทั้งหมดที่กล่าวมา แอนเดอร์สันไม่ทันสังเกตเห็นเลยสักนิด คนรอบข้างก็เช่นกัน ไม่มีใครสนใจหรือร้องทัก ราวกับไม่เคยเห็นนักบวชคนนี้มาก่อน!
ความเย็นเยียบจากก้นบึ้งหัวใจแผ่ซ่านไปยังกระดูกก้นกบ ลุกลามเข้ามายังหัวใจแอนเดอร์สัน ประสบการณ์เช่นนี้รุนแรงจนทำให้มันแทบบ้า แทบจะคลุ้มคลั่งคาที่
เดนิสซึ่งอยู่ห่างจากแอนเดอร์สัน รีบออกห่างจากอินซ์·แซงวิลล์ผู้สวมชุดนักบวชสีดำ พลางหันไปมองนักบวชธรรมดาที่กำลังหลับตาสวดมนต์บางบท ส่วนตัวมันรีบก้มศีรษะอย่างรวดเร็ว ท่องภาษาเฮอร์มิสโบราณเสียงต่ำ
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา… ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน มันได้รับวิวรณ์จากมิสเตอร์ฟูล ให้แสร้งทำเป็นยุ่งวุ่นวายใกล้ๆ กับแอนเดอร์สัน หากพบสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลให้รีบสวดวิงวอนทันที
แม้จะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทราบว่าต้องเจอกับใคร แต่เดนิสซึ่งรักชีวิตตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ตัดสินใจลงมือทำโดยไม่ประนีประนอม ไม่สนว่าตนจะคิดมากเกินไปจนเข้าใจเรื่องอื่นผิดเป็น ‘ความผิดปรกติ’ ที่มิสเตอร์ฟูลหมายถึง!
เพื่อการนั้น มันจงใจสวมถุงมือที่สร้างจากตะกอนพลังกรอซาย ให้แน่ใจว่าตัวเองลงมือทำก่อนแล้วค่อยคิดทีหลัง ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวคือเรื่องดีที่สุด!
ในเวลาเดียวกัน อินซ์·แซงวิลล์ชะงักฝีเท้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มข้างหนึ่ง เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยข้างหนึ่ง กำลังสะท้อนภาพของนักบวชสวมเสื้อคลุมสีขาวเรียบง่ายและสร้อยไม้กางเขนสีเงิน
เมื่อสมองประมวลผล ปากของมันแผดเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว:
“อาดัม!”
บุตรแห่งพระผู้สร้าง ราชาเทวทูตอาดัม!
ยังไม่ทันที่อินซ์·แซงวิลล์จะพูดจบ นักบวชแสนธรรมดาๆ ฝั่งตรงข้ามลืมตาขึ้น รูม่านตาสีอ่อนถูกย้อมด้วยทองคำบริสุทธิ์
เพียงพริบตา เสาหินสีดำสนิทผุดขึ้นจากความว่างเปล่า ตั้งเด่นตระหง่านอยู่รอบๆ จนกลายเป็นวิหารที่งดงาม
ภายในวิหาร ทุกต้นเสา ทุกเพดานโค้ง ทุกพื้นผิวของโดม ล้วนทำมาจากกระดูกของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ พวกมันเรียงตัวกันแน่นชิด ดวงตาจากกะโหลกหันมามองอินซ์·แซงวิลล์อย่างพร้อมเพรียง กึ่งกลางของทุกสิ่งคือไม้กางเขนยักษ์ที่สูงหลายร้อยเมตร
ด้านหน้าไม้กางเขนมีร่างอันคลุมเครือของบุคคลหนึ่งยืนอยู่ สายตาคล้ายกับกำลังจ้องมองทุกสิ่งด้วยความอาทร
ที่นี่คือวิหารกระดูก แต่บรรยากาศมิได้มืดมน ทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
ตามผนัง หน้าต่าง ประตูวิหารต่างมีใบหน้าโปร่งใสและบิดเบี้ยวนูนออกมา คล้ายกับวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกผนึกอยู่ด้านใน ส่งผลให้ผู้วิเศษผู้วิเศษมิอาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกมันในโลกวิญญาณและโลกดารา!
จัตุรัสและผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนอันตรธานหาย คล้ายกับถูกกีดขวางจากวิหารกระดูกที่ปรากฏตัวกะทันหัน
ปากกาขนนกโบราณในมืออินซ์·แซงวิลล์ลอยขึ้น เขียนบนชุดนักบวชสีดำของมันอย่างรวดเร็ว:
“แอนเดอร์สัน·ฮู้ดเป็นเพื่อนของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จึงถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษจากโอโรเลอุส ด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัดบางประการ โอโรเลอุสได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่!”
ทันทีที่ปากกาขนนกเขียนเครื่องหมายตกใจ แสงสว่างพลันเจิดจ้าบนกระจกหน้าต่างหลากสีของวิหารกระดูก กลายสภาพเป็นมายาแสนบริสุทธิ์หลายชั้น
ข้างใต้ปีก ร่างของบุคคลที่มีผมสีเงินยาวเริ่มก่อตัวในท่าคุกเข่าสวดวิงวอน จากนั้นก็ค่อยๆ เหยียดร่างกายยืนตรง
ชายคนดังกล่าวสวมเสื้อคลุมลินินเรียบง่าย ใบหน้าสง่างามและอ่อนนุ่ม ไม่ใช่ใครนอกจากราชาเทวทูต ‘ผู้กลืนหาง’ โอโรเลอุส!
ดวงตาที่ไม่แยแสของโอโรเลอุสเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็สะท้อนภาพนักบวชผู้อ่อนโยน
ไม่ว่าจะในรูม่านตาของมัน ฝ่าเท้าของมัน บนปีกแห่งแสงที่ซ้อนทับอยู่ข้างหลังมัน กงล้อทรงกลมที่ลึกลับเริ่มผุดขึ้นทีละหนึ่ง ก่อนจะเรียงตัวบรรจบกันเป็นสายธารมายาอันยาวไกลคล้ายงู เชื่อมต่อกันจากหัวถึงหาง
วิหารกระดูกถูกย้อนเวลากลับไปเป็นเสาหินสีดำที่เด่นตระหง่าน รอบๆ ยังคงมองเห็นจัตุรัสอย่างเลือนราง
ฉวยโอกาสดังกล่าว โอโรเลอุสเตรียมบินหนีออกจากที่นี่ อินซ์·แซงวิลล์เห็นดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมกลายเป็นสีสันฉูดฉาดและเข้มข้น ซ้อนทับกันหลายชั้น
ขณะผู้พิทักษ์ราตรีรายนี้กำลังจะเข้าสู่โลกวิญญาณ มันเห็นไม้กางเขนสูงกว่าร้อยเมตรตกลงมาจากเบื้องบน
กางเขนตกลงมายังใจกลางของวิหารที่ยังก่อตัวไม่สมบูรณ์ ร่างอันคลุมเครือที่กำลังถือมันเงยหน้าขึ้น
แสงอันเจิดจ้าไม่สิ้นสุดพลันสว่างไสว กลืนกินโอโรเลอุสและอินซ์·แซงวิลล์ที่ถือปากกาขนนก
วิหารกระดูกที่เต็มไปด้วยกระดูกของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงวิญญาณที่บิดเบี้ยวอีกนับไม่ถ้วน ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
…
ขณะได้ยินเสียงวิงวอนมายา ไคลน์กำลังอยู่ในห้องของโรงแรมและกำลังคิดถึงกิจวัตรที่แสนน่าเบื่อ
มันยืนขึ้นทันที ตรงไปยังหน้าต่าง มองออกไปเห็นจัตุรัสไม่ไกล
บนจัตุรัส ผู้คนกำลังสัญจรผ่านไปมา ใจกลางมีน้ำพุกำลังพวยพุ่ง มีเสียงดนตรีก้องกังวาน ทุกสิ่งคล้ายกับอยู่ในภาวะปรกติ แต่สิ่งที่ผิดแผกอย่างชัดเจนก็คือ แอนเดอร์สันกำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยสีหน้าแข็งทื่อ ส่วนเดนิสกำลังหลับตาด้วยอาการสั่นเทาพร้อมกับสวดวิงวอน
ไคลน์ไม่มัวคิดมาก รีบทำตามแผนที่เคยวางไว้บนมินิเหนือสายหมอก ควบคุม ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซที่อยู่ห่างไปร้อยกว่าเมตรให้เดินเข้าไปในสำนักงานโทรเลข – มันเป็นคนสั่งให้เดนิสเลือกพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ สำนักงานโทรเลข!
พร้อมกันนั้น มันนำฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาจ่อปาก พ่นลมเป่า
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ถือสี่เศียรเจ้าของผมสีทองดวงตาสีแดงเดินออกจากความว่างเปล่า ดวงตาทั้งแปดหันไปทางจัตุรัสอย่างพร้อมเพรียง
“ถึงเลียวนาร์ด·มิเชล เขาน่าจะยังอยู่ในขอบเขตใกล้ๆ เดิม” ไคลน์หยิบจดหมายกับเหรียญทองที่เตรียมไว้นานแล้ว ยื่นให้มิสผู้ส่งสาร
ทั้งคำพูดและการกระทำของไคลน์ในปัจจุบัน แข็งทื่อราวกับหุ่นเชิด เป็นการทำตามคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากเงื่อนไขไม่ตรงกับที่ตั้งไว้ มันจะเข้าฌานเพื่อดึงสมาธิกลับมา
นี่คือวิธีที่ชายหนุ่มเรียนรู้จากเสียงร้อง ‘อุแว๊’ ของวิล·อัสติน หากต้องการรับมือกับ 0-08 อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องวางแผนและกำหนดความคิดไว้บนมิติหมอก เมื่อกลับสู่โลกแห่งความจริงให้ลงมือตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้เท่านั้น!
และจากคำสวดวิงวอนหนึ่งของเดนิสในอดีต ไคลน์ใช้ ‘ภาพ’ จับตามองแอนเดอร์สันและสังเกตเห็นนักบวชคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นตา กำลังยืนอยู่ข้างกายแอนเดอร์สันตลอดเวลา
พิจารณาถึงความสัมพันธ์อย่างลับๆ ระหว่างสมาคมแปรจิตและสภานักสิทธิ์สนธยา เชื่อมโยงกับข้อมูลในไดอารี่ของจักรพรรดิโรซายล์ ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งได้ และเริ่มมั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในอนาคต:
ผู้นำสูงสุดแห่งสภานักสิทธิ์สนธยา บุตรชายของพระผู้สร้าง ‘เทวทูตจินตภาพ’ อาดัม กำลังตามหา 0-08!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีโอกาสสูงที่อินซ์·แซงวิลล์กำลังเล็งเป้าหมายเป็นแอนเดอร์สัน!
จากนั้น ไคลน์ปรับเปลี่ยนแผนการของตนเสียใหม่บนมิติหมอก แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ดำเนินกิจวัตรประจำวันต่อไปในสถานะ ‘หุ่นเชิดคนแสดง’
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์งับจดหมายด้วยหนึ่งในศีรษะ จากนั้น ดวงตาทั้งแปดจ้องหน้าไคลน์อย่างลึกซึ้งนานสองวินาที
ไคลน์พยักหน้ารับเล็กๆ โดยไม่กล่าวคำใด เพียงมองผู้ส่งสารของตนกลับเข้าไปในโลกวิญญาณ
ภายในสำนักงานโทรเลขคูคัว ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซส่งข้อความ ที่อยู่ปลายทาง และ ‘ทองเฟิร์ล’ ให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับกำชับว่าเป็นกรณีเร่งด่วน
“ไบลัมตะวันตก แคว้นเหนือ เมืองคูคัว อินซ์·แซงวิลล์ปรากฏตัว”
คลื่นวิทยุเดินทางด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ข่าวดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังสำนักงานต่างๆ ของโบสถ์รัตติกาลในไบลัมตะวันตกและไบลัมตะวันออก
…
ไบลัมตะวันออก
“ทำไมคุณเอาแต่เตร็ดเตร่รอบๆ วิหาร ไม่ยอมออกไปสืบสวนเพิ่มเติม?” ดาลีย์ถามเลียวนาร์ดเสียงเรียบ
เลียวนาร์ดครุ่นคิดสักพัก ตอบอย่างตรงไปตรงมาและเคร่งขรึม:
“รอฟังข่าว”
ดาลีย์พยักหน้าครุ่นคิด มิได้ถามเพิ่มเติม
หลังจากนั้นเธอก็เงียบไป เลิกล้อเล่นหรือยุแหย่เลียวนาร์ด คล้ายกับรอบางสิ่งเช่นกัน
ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของเลียวนาร์ดถูกกระตุ้น รีบมองไปทางซ้าย
ในฐานะ ‘ผู้เฝ้าประตู’ ดาลีย์มองไปยังทิศทางดังกล่าวก่อนเลียวนาร์ดเสียอีก
จดหมายโผล่ขึ้นจากที่ไหนไม่มีใครทราบ มันตกลงบนพื้นใต้โคมไฟถนน
เลียวนาร์ดไม่ปิดบังจากดาลีย์ เพียงก้มลงหยิบจดหมายและแกะซอง
เนื้อหาของจดหมายแสนเรียบง่าย มีเพียงถ้อยคำหนึ่งบรรทัด:
“ไบลัมตะวันตก แคว้นเหนือ เมืองคูคัว จัตุรัสคืนชีพ พิกัด…”
สีหน้าเลียวนาร์ดพลันเคร่งขรึม หันไปหาดาลีย์และกล่าว:
“มาดาม ช่วยกลบเกลื่อนที่อยู่ให้ผมด้วย”
ขณะกล่าว ถุงมือข้างซ้ายกลายเป็นสีโปร่งใส มือขวายัดลงไปในกระเป๋าเสื้อและกำยันต์ ‘โจรปล้นดวง’
ดาลีย์เงียบงันสักพัก กล่าวอย่างจริงจัง:
“พาฉันไปด้วย… ย้อนกลับไปในตอนนั้น อย่างน้อยคุณยังได้สู้ แต่ฉันกลับไม่ได้ทำอะไรเลย”
สีหน้าของเลียวนาร์ดเริ่มแปรเปลี่ยน พะงาบปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวสิ่งใด เพียงคว้าไหล่ของดาลีย์
ถนนซึ่งมีผู้คนบางตา ทั้งสองอันตรธานหายไป
…
หลังจากยืนดูผู้ส่งสารกลับไปและยืนยันว่ามีการส่งโทรเลขอย่างน้อยหนึ่งสำเนาแล้ว ไคลน์ถอยหลังสี่ก้าวทันที ส่งตัวเองเข้าสู่หมอกสีเทา
มันนั่งหลังตรงบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล จากนั้นก็โบกมือเพื่อเสกให้ไพ่ทรราช คทาเทพสมุทร และยันต์สีเทาเงินลอยมาหาอย่างพร้อมเพรียง
เพียงพริบตา ชายหนุ่มอยู่ในสภาพสวมมงกุฎและชุดสันตะปาปา ในมือถือคทากระดูก
ท่ามกลางสายฟ้าสีเงินสว่างรอบกาย ไคลน์แผ่พลังวิญญาณไปยังจุดแสงที่เป็นตัวแทนของเดนิส
…………………………………