Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 934 : หนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง

ตั้งแต่ส่งข้อมูลของ ‘ตัวจำแลงกาย’ ที่สงสัยว่าจะเป็นมารพิสดารให้มิสเตอร์เวิร์ล เดอร์ริคคิดอยู่เสมอว่าต้องมีสักวันที่อีกฝ่ายจ้างตนตามหาวัตถุดิบดังกล่าว แต่ปัจจุบันมันยังแข็งแกร่งไม่พอ แม้จะตั้งทีมล่าร่วมกับเพื่อนสนิท แต่โอกาสสำเร็จก็ยังต่ำมาก นอกจากนั้น การสำรวจทางไกลก็ยังต้องมีหนึ่งใน ‘หกสภาอาวุธ’ เป็นคนนำทาง เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่อนุญาตให้ทีมสำรวจที่ตั้งกันเองออกไปล่าได้ไกลจากเขตเมืองมากนัก มันอดทนเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมาสักพัก ในบางครั้งก็ใช้เป็นแรงผลักดันที่จะพัฒนาตัวเองและเลื่อนลำดับพลัง

แล้วก็ต้องผิดคาด ผ่านไปเพียงไม่นาน เมืองเงินพิสุทธิ์ตั้งทีมสำรวจเมืองนอร์ธขึ้น แถมยังนำทางโดยเจ้าเมืองโคลิน·อีเลียดด้วยตัวเอง!

เมื่อผนวกเข้ากับเนื้อหาของชุมนุมทาโรต์ในคราวก่อนที่ตนแลกเปลี่ยนข้อมูลกับมิสเตอร์แฮงแมน จัสติส และคนอื่นๆ เดอร์ริคเริ่มสร้างข้อสันนิษฐาน

ระหว่างการสำรวจอนุสาวรีย์บรรจุศพของอดีตเจ้าเมือง มิสเตอร์ฟูลเสนอความช่วยเหลือบางอย่างให้กับเจ้าเมืองคนปัจจุบัน ช่วยให้อีกฝ่ายขัดขวางแผนการของ ‘พระผู้สร้างเสื่อมทราม’ สำเร็จอย่างราบรื่นพร้อมกับสะสางปัญหา ดังนั้น เมื่อนักล่าปีศาจรายนี้เห็นว่าเดอร์ริคถามถึง ‘ตัวจำแลงกาย’ มันก็คิดจะล่าวัตถุดิบมาสังเวยให้กับเทพเพื่อเป็นการเอาใจ!

“นี่คือการตอบแทนตามมารยาท แถมยังเป็นการรักษาสมดุลของพลัง…” ถ้อยคำที่แฮงแมนกล่าวเอาไว้ กำลังดังกังวานภายในจิตใจเดอร์ริค ช่วยให้จิตใจของมันปราศจากความลังเล อาศัยจังหวะก่อนที่จะออกเดินทาง สวดวิงวอนถึงเดอะฟูลเพื่อแจ้งต่อให้เดอะเวิร์ลทราบเกี่ยวกับการสำรวจในครั้งนี้

มันได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงของเดอะเวิร์ลที่กล่าวว่า:

“…ถ้าการล่ามารพิสดารเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป ผมยินดีลดระดับความต้องการลง เอาแค่เลือดของมันจำนวนหนึ่ง… หากคุณรวบรวมได้เมื่อไร ตะกอนพลังนักบวชแสงจะตกเป็นของคุณทันที”

ตะกอนพลังของ ‘นักบวชแสง’ ? มิสเตอร์เวิร์ลมีตะกอนพลังของ ‘นักบวชแสง’ ในมือแล้ว? หรือเขากำลังหมายหัวเหยื่อไว้และสามารถไปเชือดได้ทุกเมื่อ? แค่เราได้เลือด… ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเมือง ผนวกกับทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยมของหน่วยสำรวจ โอกาสสำเร็จมีสูงมาก… เดอร์ริคโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เดินถือ ‘เทพสายฟ้าคำราม’ ออกจากบ้าน ตรงไปที่สนามซ้อม

ทันทีที่ถึงจุดหมาย มันเห็นร่างของเจ้าเมืองโคลิน·อีเลียด ดาบยาวสองเล่มถูกสะพายไว้บนหลัง สูงโปร่งและน่าเกรงขาม ทำให้ทุกคนเกิดความสบายใจแค่เพียงได้มอง

และถัดจาก ‘นักล่าปีศาจ’ ยังมีอีกหนึ่งคนยืนอยู่ เธอสวมชุดคลุมสีดำที่มีลวดลายสีม่วง ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘คนเลี้ยงแกะ’ อาวุโสโลเฟียร์ สตรีเจ้าของผมหยักศกสีเงินยาวสลวย

โลเฟียร์ที่ดูเหมือนเข้าร่วมทีมสำรวจนี้ด้วย หันหลังกลับมามอง กระจกตาสีเทาซีดของเธอสะท้อนร่างเดอร์ริค·เบเกอร์โดยปราศจากความผันผวนทางอารมณ์

เดอร์ริคผงะตกใจ ลดความเร็วลงโดยไม่รู้ตัว

ไบลัมตะวันออก เหนือหมอกสีเทา

หลังจากชื่นชมพฤติกรรมของเจ้าเมืองเมืองเงินพิสุทธิ์ที่ริเริ่มตั้งทีมสำรวจเมืองนอร์ธ ไคลน์กำชับกับเดอะซันน้อยว่า ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายมากนัก สิ่งที่ต้องการจากเป้าหมายมีเพียงเลือด

เมื่อถึงตอนนั้น มันสามารถนำเลือดมาป้ายลงบนปกการเดินทางของกรอซาย จากนั้นก็เตรียมทำศึกใหญ่กับ ‘มารพิสดาร’ ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี เก็บเกี่ยววัตถุดิบที่ต้องการจากมัน

สำหรับคำถามที่ว่า พลังในการดูดกลืนเข้าไปในโลกหนังสือของ ‘บันทึกการเดินทางของกรอซาย’ จะถูกตัดขาดโดยความพิเศษของดินแดนเทพทอดทิ้งหรือไม่ ไคลน์เองก็คำนึงถึงประเด็นนี้และคิดหาทางแก้ไขไว้แล้ว นั่นคือการส่งหนังสือเล่มดังกล่าวให้เดอะซันน้อยพกพา จากนั้นก็สังเวยคืนเมื่อเสร็จภารกิจ

และนอกจากนั้น มันมิได้กังวลว่า ‘มารพิสดาร’ จะเป็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณที่ไม่มีเลือด เพราะสูตรโอสถจอมเวทพิสดารระบุไว้อย่างชัดเจนว่า:

“วัตถุดิบเสริม: เลือดของมารพิสดารสองร้อยมิลลิลิตร…”

วิธีแก้ปัญหามักมีมากกว่าปัญหาเสมอ… ไคลน์พึมพำด้วยความพึงพอใจ ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง

ก่อนจะเข้านอน มันได้รับจดหมายจากเลียวนาร์ด·มิเชลโดยมีเนื้อหาระบุว่า ‘หนอนกาลเวลา’ ที่ต้องการจะพร้อมส่งในอีกสองวันข้างหน้า รวมถึงเขียนอธิบายเกี่ยวกับวิญญาณมารอย่างละเอียด

อีกหนึ่งวันถึงจะได้ และมีเพียงสองตัวเท่านั้น สภาพของคุณปู่ในตัวเลียวนาร์ดคงค่อนข้างย่ำแย่… อา… ไม่สามารถออกจากอาณาเขต สามารถใช้พลังได้ในรัศมีที่กำหนดเท่านั้น… ความปรารถนาที่มีร่วมกันก็คือ ข้อแรก แนวโน้มในการสูบวิญญาณของสิ่งมีชีวิต และข้อที่สอง ปรารถนาการกินวัตถุดิบโอสถในเส้นทางเดิมสมัยยังมีชีวิตอยู่… กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิญญาณมารจะใช้ร่างกายอินซ์·แซงวิลล์ในการรวบรวมวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องและตะกอนพลัง… นี่เส้นทางการสืบสวนที่ควรเป็นจุดตั้งต้น… ไคลน์ถือจดหมายด้วยมือทั้งสองข้าง สมองครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย

ทันใดนั้น มันจดจำได้หนึ่งสิ่ง

ย้อนกลับไปในตอนที่มันได้พบกับอินซ์·แซงวิลล์บนเกาะกลางทะเลคลั่ง อีกฝ่ายกำลังถูกไล่ล่าโดยครึ่งเทพที่แข็งแกร่งของเส้นทาง ‘นักล่า’ !

หรือว่า… จะเป็นเพราะวิญญาณมารตนนั้น?

เราเคยคิดว่าอินซ์·แซงวิลล์ได้รับมอบหมายจากฝ่ายราชวงศ์บางกลุ่ม ลงมือทำอะไรบางอย่างกับอินทิส แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวและต้องเปิดเผยตัวเอง ส่งผลให้ถูกครึ่งเทพของพวกมันตามล่า…

แต่จากข้อมูลล่าสุด ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ใช่แบบนั้น… วิญญาณมารในตัวมันปรารถนาตะกอนพลังของเส้นทาง ‘นักล่า’ และทันทีที่สามารถควบคุมร่างกายได้ชั่วขณะ มันจะไล่ฆ่าผู้วิเศษในเส้นทางนักล่า… ผลลัพธ์อาจเป็นได้ทั้งสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ก็ไม่แคล้วลงเอยด้วยการถูกครึ่งเทพของเส้นทางนักล่าหมายหัว โดยที่อีกฝ่ายอาศัยสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของนักล่าเพื่อสะกดรอยตาม… ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ก็ยิ่งเชื่อว่าข้อสันนิษฐานล่าสุดเข้าใกล้ความจริง

เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะอธิบายได้ว่า เหตุใดอินซ์·แซงวิลล์ที่ครอบครอง 0-08 ถึงถูกพบตัว!

ในเวลาเดียวกัน หุ่นเชิดเอ็นโซและลูเธอร์ไวล์ก้มตัวลงและบีบนวดขาของไคลน์

ปัจจุบัน ข้อมูลที่ค่อนข้างแน่ชัดมีเพียง วิญญาณมารตนดังกล่าวอยู่บนเส้นทางนักล่า… เราจะตอบจดหมายเลียวนาร์ดและให้หมอนั่นคอยชี้นำถุงมือแดงให้สำรวจในทิศทางนี้… เฮ่อ… แต่หมอนั่นเล่นละครไม่เก่ง ไม่ชำนาญจิตวิทยามนุษย์ คงไม่แคล้วได้ถูกเปิดโปงเข้าจนได้… แต่ก็ไม่แน่ เลียวนาร์ดอาจจะโยนเรื่องทั้งหมดให้กับสายข่าวนิรนามไม่เปิดเผยตัวตน… สายข่าวที่ไม่เคยมีอยู่จริง… วิญญาณมารของเส้นทางนักล่า… วิญญาณมารของเส้นทาง… นักล่า… ดวงตาไคลน์พลังเบิกโพลง ลำตัวลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ปล่อยให้หุ่นเชิดทั้งสองพลันเหม่อลอย

ไคลน์รู้จักวิญญาณมารไม่มากนัก และจากบรรดาทั้งหมด มีเพียงตนเดียวที่อยู่บนเส้นทางนักล่า!

ดวงวิญญาณดังกล่าวมีแก่นเป็น ‘เทวทูตสีชาด’ เมดีซี โดยผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเทวทูตลำดับ 1 อีกสองตนจากตระกูลเซารอนและไอน์ฮอร์น!

หากเป็นเส้นทางนักล่า คงไม่มีวิญญาณมารตนใดที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกแล้ว เว้นเสียแต่ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์จะยังหลงเหลือเศษเสี้ยวดวงวิญญาณ!

ก่อนหน้านี้ อินซ์·แซงวิลล์อยู่ในเบ็คลันด์ และวิญญาณมารที่น่าจะเป็นเมดีชีก็อยู่ในเบ็คลันด์เหมือนกัน…

และในภายหลัง วิญญาณมารสามารถหลบหนีจากผนึกโดยไม่มีใครทราบที่ไป ในทางกลับกัน อินซ์·แซงวิลล์ก็ถูกวิญญาณมารเข้าจริงจนต้องทุกข์ทรมาน

วิญญาณมารทั้งสองเป็นเส้นทางนักล่าเหมือนกัน…

อย่าบอกนะว่า… วิญญาณมารที่สิงร่างอินซ์·แซงวิลล์คือเทวทูตสีชาด? ไคลน์ขมวดคิ้ว แทบไม่เชื่อการคาดเดาของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ยิ่งขบคิดก็ยิ่งมองเห็นถึงความเป็นไปได้!

ท่ามกลางกระแสข้อมูล มันพบหลักฐานสนับสนุนใหม่:

คุณสมบัติพิเศษของ 0-08 ก็คือ ‘ทุกการตระหนักถึงจะถูกล่วงรู้’ แน่นอนว่า เมดีซีที่เป็นราชาเทวทูตจากยุคสมัยที่สอง ย่อมทราบข้อมูลของ 0-08 อย่างทะลุปรุโปร่ง!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากวิญญาณมารตระหนักถึง 0-08 ตัว 0-08 เองก็จะตระหนักถึงวิญญาณมารด้วยเช่นกัน เกิดเป็นความเชื่อมโยงในบางแง่มุม

อา… เรายังเคยได้ยินวิญญาณมารพูดว่า ‘ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน’ … บ้าจริง… แต่ปัญหาก็คือ เราเคยสันนิษฐานว่า วิญญาณมารตนนั้นครอบครองตะกอนพลังลำดับ 1 อย่างน้อยหนึ่งก้อน ไม่มีเหตุผลให้มันต้องไปไล่เก็บผู้วิเศษเส้นทางนักล่า… หรือว่ามันไม่สามารถย่อยตะกอนพลังของลำดับ 1 ได้? ไคลน์ลูบหน้าผากด้วยความเคร่งเครียด ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอยหลังสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่มิติสายหมอก

หลังจากนั่งลงและเสกปากกากับกระดาษ มันเขียนประโยคทำนาย

“ผู้ที่สิงร่างอินซ์·แซงวิลล์ คือวิญญาณมารที่ถูกผนึกในซากปรักหักพังใต้ดินของอลิสต้า·ทูดอร์”

หลังจากอ่านทวนซ้ำทุกคำนานหลายวินาที ไคลน์ถอดจี้บุษราคัมออกจากข้อมือซ้ายเพื่อทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณ

เมื่อลืมตาขึ้น ภาพที่มันเห็นก็คือ

จี้บุษราคัมแน่นิ่ง

หมายถึงการทำนายล้มเหลว

ระดับตัวตนของอีกฝ่ายสูงเกินไป แถมยังมี 0-08… ไม่สิ วิญญาณมารยังมีไพ่นักบวชสีชาด ไพ่ใบดังกล่าวมีพลังต่อต้านการทำนายอย่างรุนแรง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะล้มเหลวเมื่อเผชิญหน้าสามสิ่งนี้พร้อมกัน… อา แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการยืนยันทางอ้อมไม่ใช่หรือ? ไคลน์ขบคิดหาเหตุผล ไตร่ตรองเกี่ยวกับวิธีที่พอจะทดสอบหาความจริง

มันเอานิ้วเคาะลงบนขอบโต๊ะทองแดงยาว พึมพำกับตัวเอง

นอกจากจะฝากฝังให้เลียวนาร์ดคอยชักนำการสืบสวนของถุงมือแดง เราเองก็ต้องลงมือทำอะไรบางอย่างเช่นกัน…

สมมติให้วิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ เข้าสิงอินซ์·แซงวิลล์และมีโอกาสควบคุมร่างกายเป็นครั้งคราว มันจะหาตะกอนพลังหรือวัตถุดิบของเส้นทางนักล่าได้จากที่ไหน?

ทรีอาร์ เมืองหลวงของอินทิส? นักบุญมิลอน เมืองหลวงของฟุซัค? หรือจะอาศัยไพ่เย้ยเทพเพื่อดึงดูดแมลงเม่าเข้ากองไฟด้วยกฎการดึงดูดของพลังพิเศษ?

เดี๋ยวก่อนนะ… มันเคยเล่าว่า ลูกหลานของตระกูลเมดีซีอยู่ในท่าเรือแบนชี…

แม้จะถูกทำลายจนราบคาบ แต่ก็น่าจะมีบางสิ่งหลงเหลืออยู่!

นอกจากนั้น วิญญาณมารที่เกิดจากการผสานสามเทวทูตเข้าด้วยกัน มีนิสัยยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของวิญญาณมารที่เลียวนาร์ดอธิบายในจดหมาย… บางที มันอาจจงใจทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้บนเกาะแบนชี…

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกมาพร้อมกับสวดวิงวอน เนื้อหาระบุให้ ‘แฮงแมน’ แวะกลับไปเยี่ยมท่าเรือแบนชีอีกครั้งเพื่อสำรวจหารายละเอียดเพิ่มเติม

หลังจากจัดการเสร็จ ไคลน์ไตร่ตรองอย่างละเอียด หากยืนยันได้ว่าวิญญาณมารในตัวอินซ์·แซงวีลล์เป็นเทวทูตสีชาดจริง ตนสามารถใช้กฎการดึงดูดของพลังพิเศษเพื่อวางกับดักล่วงหน้าได้ไหม?

เส้นทางนักล่า… นักล่า… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์พลันนึกถึงนักล่าสองคนที่กำลังเตร็ดเตร่อยู่ในไบลัมตะวันตก

มันขมวดคิ้วเล็กน้อย วิเคราะห์ตามความเคยชิน

ไบลัมตะวันออกและตะวันตกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และระยะทางจากเมืองสุดท้ายที่อินซ์·แซงวิลล์ปรากฏตัว กับเมืองของแคว้นเหนือที่เดนิสกับแอนเดอร์สันอาศัยอยู่ ก็อยู่ห่างกันค่อนข้างมาก ต่อให้เป็นครึ่งเทพ แต่ถ้าไม่มีพลัง ‘ท่องเที่ยว’ ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบวัน ในทางทฤษฎี เดนิสและแอนเดอร์สันจะยังปลอดภัยไปอีกสักพัก… ถึงลำดับของพวกเขาจะค่อนข้างต่ำ แต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าจะปลอดภัย…

ไบลัมตะวันตก แคว้นเหนือ เมืองคูคัว

เดนิสเหลือบมองแอนเดอร์สันด้านข้าง โพล่งขึ้นด้วยคำถาม

“ฉันจะไปสืบหาข้อมูล แล้วทำไมนายถึงยังตามมา? ไม่ใช่ว่าต้องกลับไปทะเลหมอกผ่านท่าเรือเบห์เรนส์รึไง?”

………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset