Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 906 : คำเตือนของเลียวนาร์ด

ราชันเร้นลับ 906 : คำเตือนของเลียวนาร์ด
เบ็คลันด์ เขตเหนือ

ในยามค่ำคืน พระจันทร์สีแดงถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ บรรยากาศค่อนข้างสลัว มีเพียงโคมไฟริมถนนทั้งสองข้างทางเท่านั้นที่คอยมองแสงสว่างเจือจาง ช่วยให้มองเห็นถนนและทางเข้าบ้าน

กล่องจดหมายของบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์ถูกวางไว้อย่างเงียบงันตรงจุดตัดของแสงสว่างและความมืด อาบสายลมเย็นที่พัดผ่านจากด้านข้าง

ทันใดนั้น หนังสือพิมพ์ ใบเรียกเก็บเงิน และจดหมายจากแหล่งที่ไม่รู้จักพลันพรั่งพรูออกจากปากกล่อง

พวกมันดูคล้ายกับถูกจับด้วยมือที่มองไม่เห็น ลอยตรงไปทางประตู สอดเข้าไปในช่องว่าง

ภายในบ้าน ในห้องโถง หนังสือพิมพ์คลี่ออกด้วยตัวเอง พลิกหน้าอย่างรวดเร็วจนถึงแผ่นสุดท้าย จากนั้น ทั้งหมดหล่นลงบนเก้าอี้ ซ้อนทับกับหนังสือพิมพ์ฉบับก่อนๆ

ใบเรียกเก็บเงินและจดหมายยังคงลอยอยู่กลางบ้าน ตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น รายแรกหยุดลงอย่างรวดเร็ว เขย่าตัวเองสองสามครั้ง ก่อนจะร่อนลงไปบนโต๊ะกาแฟพร้อมกับจัดเรียงตัวเองอย่างเป็นระเบียบ สำหรับรายหลัง จดหมายฉบับใดที่ไม่มีซองจะคลี่ออกด้วยตัวเองกลางอากาศ

ผ่านไปสักพัก จดหมายบางส่วนลอยไปยังชั้นวางของในห้องอ่านหนังสือของที่ชั้นหนึ่ง บางส่วนลอยไปทางกรรไกรและแกะซองด้วยตัวเอง คลี่ตัวเองกลางอากาศค้างไว้สักพัก จากนั้นก็ทยอยลอยเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งตัวเองลงชักโครก

ครืด!

ปุ่มกลไกของโถส้วมกดตัวเอง เศษกระดาษจมลงไปในท่อน้ำทิ้ง

บ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์กลับสู่สภาวะปกติ เงียบสงบเช่นเดียวกับบ้านหลังอื่นๆ ที่ไม่มีใครอยู่

ณ ทวีปใต้ ไบลัมตะวันออก เมืองเครน

เลียวนาร์ด·มิเชลที่เพิ่งมาถึง กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักที่ทางโบสถ์รัตติกาลท้องถิ่นเตรียมไว้ให้

ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นในหัว

“เจ้าหนู มีจดหมายสำคัญ”

“จดหมาย?” เลียวนาร์ดถามเสียงต่ำ ภายในใจเริ่มคาดเดา

คนที่จะส่งจดหมายสำคัญไปยังบานเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์โดยสนใจว่าจะมีคนอยู่ที่บ้านหรือไม่ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สิ สองคน

ไคลน์·โมเร็ตติและดอน·ดันเตส!

สำหรับเหตุผลที่ชายชราเจ้าของชื่อพาลีส·โซโรอาสเตอร์ไม่ได้รับอิทธิพลจากทะเลคลั่ง สามารถส่งพลังข้ามไปยังทวีปเหนือและอ่านเนื้อหาของจดหมายได้อย่างชัดเจน เลียวนาร์ดพอจะคาดเดาเหตุผลได้หนึ่งถึงสองข้อ เพราะมันเคยช่วยอีกฝ่ายจับผีในบ้าน

ข้อสันนิษฐานของมันก็คือ

ชายชราคงแบ่งหนอนแห่งกาลเวลาออกไปสิงร่างผีตนนั้นในฐานะปรสิต คอยทำหน้าที่เป็นตา หู และปาก ขณะที่เดินทางมายังทวีปเหนือ

พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบคำถาม

“จดหมายจากไคลน์โมเร็ตติ มันกล่าวว่า ขณะดอน·ดันเตสกำลังเดินทางลงไปยังทวีปใต้ ร่องรอยของอินซ์·แซงวีลล์ถูกพบบนเกาะระหว่างทางในทะเลคลั่ง”

เลียวนาร์ดเงียบงันสักพัก อ้าปากเล็กน้อย แต่มิอาจกล่าวสิ่งใด

ผ่านไปเป็นเวลานาน มันกระซิบด้วยเสียงค่อนข้างแหบ

“อย่างที่คิด… มันยังไม่ลืมการแก้แค้น… ในสถานการณ์แบบนี้ ผมพอจะทำอะไรได้บ้าง?”

“เจ้าจะทำอะไรได้บ้าง? เจ้าอยู่ในลำดับ 6 ต่อให้อินซ์·แซงวิลล์ จะควบคุม 0-08 ได้ไม่ชำนาญ แต่เจ้าก็หมดสิทธิ์ล้างแค้นโดยสิ้นเชิง เพียงแค่อีกฝ่ายเผยร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ ก็มากพอจะทำให้เจ้าคลุ้มคลั่งในทันที หรือไม่ก็กลายเป็นคนเสียสติ โอกาสแก้แค้นสำเร็จอยู่ที่ศูนย์! สิ่งนี้เรียกว่าเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพของผู้วิเศษระดับครึ่งเทพ” พาลีส·โซโรอาสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างขึงขัง

มันเว้นวรรค หัวเราะในลำคอและพูดต่อ

“ถือว่าเจ้าทำได้ดี รู้จักเจียมตัวกว่าเมื่อก่อน หากเป็นสมัยอดีต เจ้าคงจะพูดว่า ผมจะรายงานเบาะแสของอินซ์·แซงวีลล์ให้ศาสนจักรทราบและเข้าร่วมทีมไล่ล่า แต่ปัจจุบัน เจ้ารู้จักประมาณตนและปรึกษาก่อน”

เลียวนาร์ดพยายามโต้แย้งในใจหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เงียบ

พาลีส·โซโรอาสเตอร์เล่าต่อ

“สิ่งที่เจ้าทำได้ในตอนนี้ก็คือ บอกข้อมูลที่จำเป็นกับไคลน์·โมเร็ตติ รอให้มันตอบกลับ จากนั้นก็รอสนับสนุนตามคำแนะนำของอีกฝ่าย”

“หมายความว่า ผมห้ามหาข้ออ้างเพื่อแจ้งให้ศาสนจักรทราบว่าอินซ์·แซงวีลล์อยู่ที่ไหน?” เลียวนาร์ดถามเสียงแผ่วเจือความประหลาดใจ

พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะในลำคอ

“ไม่ต้องกังวล รอให้ถึงช่วงเวลาสำคัญ ค่อยทำแบบนั้น… แม้ว่า 0-08 จะชอบฆ่าเจ้าของ แต่มันก็ไม่อยากกลับไปถูกปิดผนึก หากเจ้าแจ้งเบาะแสกับศาสนจักรและวางแผนไล่ล่า อินซ์·แซงวีลล์จะไหวตัวทันล่วงหน้าและหลบหนีไป… สำหรับตอนนี้ เจ้าต้องเตือนไคลน์·โมเร็ตติ”

เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อย ก่อนจะถาม

“ตาแก่… ดูเหมือนคุณจะรู้จัก 0-08 เป็นอย่างดี”

อีกฝ่ายไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังมาก่อน!

พาลีสหัวเราะด้วยน้ำเสียงค่อนข้างชรา

“แน่นอนว่าข้าคุ้นเคย เพราะในช่วงยุคสมัยที่สี่ 0-08 เคยทำให้เทวทูตต้องร่วงหล่นมาแล้ว… ข้าเล่าให้เจ้าฟังมากไม่ได้ เพราะถ้าเข้ารู้จักมันมาก มันก็จะรู้จักเจ้ามากเช่นกัน และนั่นจะทำให้เจ้ามีโอกาสกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่มันเขียน”

ได้ยินเรื่องเล่าอันคลุมเครือของชายชรา เลียวนาร์ดเริ่มหวาดกลัวในตัว 0-08 สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้myh’ ลึกลับและพิศวงเกินกว่าความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับของมัน!

ครุ่นคิดสักพัก เลียวนาร์ดถามตามความเคยชิน

“แล้วผมจะเตือนไคลน์โมเร็ตติโดยที่ไม่ให้ 0-08 รู้ตัวได้ยังไง? หรือต่อให้รู้ แต่ก็เป็นการรู้แบบผิวเผิน และผมจะเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องราว”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง เลียวนาร์ดกำหมัดแน่นพร้อมกับขบกราม จากนั้น โดยไม่ต้องรอให้ชายชราตอบ มันพูดกับตัวเอง

“การบอกใบ้ทางอ้อม? ก่อนอื่น ผมจะบอกมันว่า ผมจะยังไม่รายงานเบาะแสของอินซ์·แซงวีลล์ให้ศาสนจักรทราบ… จากตรงนี้ มันน่าจะเข้าใจว่ามีบางสิ่งไม่ปรกติ และการทำแบบนั้นจะสร้างปัญหา เข้าใจว่าพวกเราต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก และถึงแม้มันจะมองไม่เห็นคำใบ้ แต่องค์กรลับของมันยังมีสมาชิกที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยุคสมัยที่สี่ คงพอจะช่วยเหลือได้… และนอกจากนั้น หากผมเขียนไปว่า ‘หากคุณรู้จักมัน มันก็จะรู้จักคุณ’ โดยไม่เอ่ยถึง 0-08 โดยตรง ไคลน์น่าจะพอเดาได้ว่าหมายถึงสิ่งใด”

พาลีส·โซโรอาสเตอร์ฟังอย่างเงียบงัน หัวเราะในลำคอ

“มนุษย์จะเติบโตเมื่อเผชิญความกดดัน”

เลียวนาร์ดถอนหายใจแผ่ว นั่งลง มองหากระดาษและปากกา ถ่ายทอดประโยคเมื่อครู่ให้เป็นตัวอักษร

ถัดมา มันประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ทะเลคลั่ง เกาะแห่งหนึ่งระหว่างทาง บนเรือโดยสารที่กำลังจอดเทียบท่าลำหนึ่ง

ผู้โดยสารจำนวนมากมิได้ขึ้นฝั่ง เอาแต่นอนขดตัวอยู่ในโซนล่างของเขตห้องโดยสาร ปรารถนาจะเดินทางไปให้ถึงทวีปใต้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวัง

แม้จะใช้เวลาเดินทางแค่ไม่กี่วัน แต่พวกมันก็ใช้เวลานานกว่าจะรวบรวมเงินให้เพียงพอสำหรับค่าโดยสาร ทั้งหมดเป็นชาวโลเอ็นที่ไม่มีทางเลือกนอกจากเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า

ไคลน์ที่กำลังอยู่ในบทของ ‘เศรษฐี’ ดอน·ดันเตส มีความสะดวกสบายที่ต่างจากคนเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง พักอยู่ในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสอันกว้างขวาง สะอาด และหรูหรา มันอาศัยแสงเทียน แกะซองจดหมายที่ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เพิ่งนำมาส่ง

ตอนนี้จะยังไม่แจ้งเบาะแสของอินซ์·แซงวีลล์ให้ศาสนจักรทราบ… สำหรับเลียวนาร์ด การรายงานให้โบสถ์รัตติกาลทราบโดยไม่ถูกสาวถึงตัว ถึงจะทำได้ค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้… ไม่ใช่ว่าหมอนั่นเข้าร่วมถุงมือแดงเพื่อแก้แค้นหรอกหรือ? กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันมีเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้ไม่สามารถรายงานอินซ์·แซงวีลล์ได้ในตอนนี้… ไคลน์ขบคิดพลางก้มอ่านส่วนที่เหลือของกระดาษจดหมาย: ‘หากคุณรู้จักมัน มันก็จะรู้จักคุณ’

ทันใดนั้น ไคลน์พบว่าคำอธิบายนี้ค่อนข้างคุ้นหู!

มันเหมือนกับสภานักสิทธิ์สนทนา… ทุกการเอ่ยถึงจะถูกรับรู้… กล่าวอีกนัยหนึ่ง 0-08 เป็นสมบัติปิดผนึกของเส้นทางผู้ชม? การที่เลียวนาร์ดไม่แจ้งศาสนจักร เพราะกังวลในเรื่องนี้… มันคิดจะรอให้ถึงโอกาสที่เหมาะสมเสียก่อน? อา… คนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาคงเป็นคุณปู่ปรสิตในตัวมัน… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย แอบโล่งใจที่ตนมิได้ขอความช่วยเหลือจากไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ในจังหวะเมื่อครู่

สำหรับมิสผู้ส่งสาร สิ่งนี้น่าจะเป็นอันตรายสำหรับเธอเช่นกัน

และประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ เรายังไม่ได้เตรียมตัว หากเสี่ยงโดยมีคนสนับสนุนแค่คนเดียว มีแนวโน้มสูงที่แผนของเราจะถูก 0-08 ตรวจพบล่วงหน้า จากนั้นก็การความบังเอิญมากมาย ช่วยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่มันต้องการ… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ไตร่ตรองว่าตนควรทำอย่างไร แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน

หากไคลน์ต้องการพัฒนาลำดับพลัง สิ่งที่จำเป็นคือเบาะแสของมารพิสดารและหัวขโมยโลกวิญญาณ อย่างแรกขึ้นอยู่กับคำขอร้องจากเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ อย่างหลังขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มิสเมจิกเชี่ยนจะได้รับพิกัดจากอาจารย์ของเธอ ทั้งคู่ต่างเกิดจากปัจจัยภายนอก ไคลน์ไม่สามารถเร่งความเร็วได้ดังใจ

สำหรับตอนนี้ สิ่งเดียวที่มันทำได้ก็คือ ย่อยโอสถนักเชิดหุ่นโดยเร็วที่สุด!

และเนื่องจากตอนนี้ระบุ ‘กฎการสวมบทบาท’ ได้เกือบครบแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการนำไปปฏิบัติจริง

ดังนั้น ไคลน์เชื่อว่าอีกไม่นาน ตนคงมีหุ่นเชิดในครอบครองได้มากถึงสองตัวพร้อมกัน!

ที่ต้องเลื่อนมานานขนาดนี้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีเป้าหมายที่เหมาะสมในการเป็นหุ่นเชิด ต้องไม่ลืมว่า การใช้ชีวิตอยู่ในเบ็คลันด์ต้องเผชิญกับสายตาจากกลุ่มคนรับใช้มากมาย หากไม่ใช่หุ่นเชิดที่มีความพิเศษบางอย่าง คงยากที่จะซ่อนตัวอย่างมิดชิด แต่ปัจจุบัน เมื่อมีโอกาสเดินทางมายังทวีปใต้ มันตัดสินใจอย่างหนักแน่นแล้วว่า ขอเพียงเจอเหยื่อที่ชั่วช้าและเหมาะสม ตนจะเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นหุ่นเชิดชั่วคราวทันที จากนั้นก็ค่อยแทนที่ด้วยเป้าหมายที่เหมาะสมกว่าในภายหลัง!

บางที การเชิดหุ่นธรรมดาๆ เพื่อเพิ่มระดับความยากของแผนการ อาจช่วยให้ย่อยโอสถได้เร็วขึ้น… อา… สเป็คหุ่นเชิดของเราเริ่มต่ำลงเข้าไปทุกที ตอนนี้ขอแค่พูดตูทานได้ก็พอ จะได้ไม่ต้องหาล่ามคอยแปลภาษา เพราะเจ้าของและหุ่นสามารถแบ่งปันประสาทสัมผัสระหว่างกัน… ไคลน์ได้ข้อสรุปเบื้องต้นให้ตัวเอง รอจนกว่าจะมีแผนใหม่ ค่อยเขียนจดหมายถึงเลียวนาร์ด·มิเชลอีกครั้ง

ไบลัมตะวันออก เมืองเครน

ไคลน์ถือกระเป๋าเดินทาง ก้าวลงไปยังท่าเรือ เข้าสู่ทวีปใต้อย่างเป็นทางการ

มันมองไปยังเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องสูงต่ำไม่เท่ากัน รำพันในใจอย่างเงียบงัน

ก่อนจะออกจากที่นี่ ต้องหาหุ่นเชิดให้ได้สองตัว…

และก่อนหน้านั้น มันยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำ นั่นคือการสลัดให้หลุดจาก ‘ผู้ติดตาม’ ที่ทางกองทัพส่งมา

ทักษะการสอดแนมของชายทั้งสองมีระดับค่อนข้างสูง แต่ในสายตาไคลน์ พวกมันเจิดจ้ายิ่งกว่าหิ่งห้อยในยามค่ำคืน เพราะไม่ว่าจะพยายามกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมสักเพียงใด ไคลน์ก็มีพลังของผู้ไร้หน้าที่สามารถสังเกตและจดจำลักษณะทางกายภาพกับใบหน้าของมนุษย์ได้แม่นยำ เพียงไม่นานก็จำแนกได้เด่นชัด

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset