Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 890 : ไม่ต้องสนใจ

ราชันเร้นลับ 890 : ไม่ต้องสนใจ
สำหรับคำถามของมิสจัสติส ไคลน์ครุ่นคิดมาสักพักแล้ว เพราะท้ายที่สุด การส่งปัญหาไปยังหน่วยงานทางการที่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือสิ่งที่ไคลน์พึงกระทำมาตลอด แต่ปฏิกิริยาของเลียวนาร์ดกับพาลีส·โซโรอาสเตอร์ทำให้มันสัมผัสถึงมุมมองใหม่

เลียวนาร์ดเป็นถึง ‘ถุงมือแดง’ หน่วยหัวกะทิแห่งเหยี่ยวราตรี เห็นได้ชัดว่าสามารถแอบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการมาถึงของอามุนด์ไปยังโบสถ์รัตติกาลได้ง่าย จากนั้นก็ปล่อยให้อาร์ชบิชอปและอาวุโสใหญ่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร ไม่จำเป็นต้องออกหน้าด้วยตัวเอง เป็นการขจัดภัยอันตรายซ่อนเร้นอย่างง่ายดาย แต่มันกลับเลือกใช้แผนออกไปทำภารกิจนอกเบ็คลันด์ เป็นตัวเลือกที่ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ราวกับใช้ปลายเท้าตัดสินใจ

ไคลน์จึงเริ่มฉุกคิดว่า การแจ้งให้โบสถ์รัตติกาลทราบ อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม โดยเหนือสิ่งอื่นใด เทวทูตเส้นทางนักจารกรรมในตัวเลียวนาร์ดน่าจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ และชายคนดังกล่าวรู้จักพลังของอามุนด์ดีกว่าใครทั้งหมด

ในเมื่อยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร การตัดสินใจตามผู้มีประสบการณ์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ… ถึงเราจะมีมิติเหนือสายหมอกคอยกีดขวางพลังบางส่วน แต่คนที่จะเดือดร้อนคือมิสจัสติส ชุมนุมทาโรต์มีสมาชิกไม่มากนัก เราต้องทะนุถนอมเป็นอย่างดี… ความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ จากนั้น มันกล่าวด้วยเสียงราบเรียบเจือรอยยิ้ม

“ไม่ต้องสนใจ”

ไม่ต้องสนใจ? มิสเตอร์ฟูลทำเหมือนกับอีกฝ่ายเป็นเพียงสุนัขจรจัด… ในสายตาของท่าน มีเพียงเทพแท้จริงลำดับ 0 เท่านั้นจึงจะควรค่าให้สนใจ? นั่นสินะ เมื่อคราวก่อนที่เดอะซันน้อยถูกร่างโคลนของอามุนด์สิงสู่ มิสเตอร์ฟูลทำการปัดเป่าทิ้งไปอย่างง่ายดาย ตราบใดที่ไม่ใช่อามุนด์ร่างหลัก สำหรับท่านก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่… อา มิสเตอร์ฟูลแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบในช่วงแรกก็เพื่อให้เราเพิ่มความระมัดระวัง… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ครุ่นคิดด้วยความกลัวเจือตะลึง

ออเดรย์เองก็แปลความนัยได้ว่า นี่เป็นแค่ ‘เรื่องเล็กๆ’ จากนั้นก็ปะติดปะต่อเรื่องราว

การที่มิสเตอร์เวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เตรียมออกจากเบ็คลันด์ช่วงเวลาหนึ่ง ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเทวทูตกาลเวลาตนนี้? สำหรับมิสเตอร์ฟูล แม้ว่าท่านจะยังฟื้นคืนพลังกลับมาไม่สมบูรณ์ แต่ลำพังร่างโคลนของอามุนด์นั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะขจัดทิ้ง เหตุการณ์กับเดอะซันน้อยถือเป็นเครื่องพิสูจน์… หมายความว่า การสั่งให้ข้ารับใช้หลีกเลี่ยงอามุนด์ ก็เพื่อไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของเทวทูตกาลเวลา เพราะนั่นจะทำลายแผนการฟื้นคืนพลังอย่างลับๆ?

เข้าใจแล้ว… สาเหตุที่มิสเตอร์ฟูลตักเตือนพวกเรา ก็เพราะกังวลว่าอาจมีใครเผชิญหน้ากับอามุนด์โดยบังเอิญและเผลอตอบสนองอย่างไม่เหมาะสม? มิสเตอร์ฟูลช่างเป็นห่วงเป็นใยทุกคน!

‘เดอะมูน’ เอ็มลินสรุปใจความได้ว่า ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ปรากฏตัวในเบ็คลันด์

แม้มันจะมีนิสัยหยิ่งผยอง แต่หลังจากเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์หลายครั้ง เอ็มลินพอจะทราบความหมายของราชาเทวทูต อีกฝ่ายคือตัวตนที่เป็นรองเพียงลิลิธ บรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด เป็นรองเพียงเทพแท้จริงที่อยู่ลำดับแรกสุด และเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งสามารถเดินไปมาบนโลกแห่งความจริงได้อย่างอิสระ!

จะมีเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นในกรุงเบ็คลันด์อีกแล้ว? เมื่อถึงตอนนั้น คงมีผู้คนมากมายล้มตาย บาดเจ็บ และล้มป่วย เรากับหลวงพ่อก็จะต้องเหน็ดเหนื่อยกันอีกครั้ง… เอ็มลินหวนนึกถึงช่วงชีวิตสมัยโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน กังวลว่าเหตุการณ์เดิมจะเกิดซ้ำรอย

‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเองก็ตระหนักว่าปัญหานี้ค่อนข้างใหญ่ เพราะถ้า ‘เทวทูตกาลเวลา’ อามุนด์อยากก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ กรุงเบ็คลันด์มีแนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายใหญ่หลวง ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะเอาตัวรอดได้ด้วยการหลบอยู่แต่ในบ้าน

หญิงสาวถอนหายใจเงียบ มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่ง สอบถามอย่างเป็นกังวล

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ เหตุใดอามุนด์ถึงส่งร่างโคลนเข้ามาในกรุงเบ็คลันด์?”

ไคลน์เรียบเรียงคำพูด เผยรอยยิ้มพลางมองไปรอบๆ

“เพื่อตามหาพวกเจ้าทุกคน”

ตามหาพวกเราทุกคน? ประโยคดังกล่าวเป็นราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ใส่หัวของฟอร์สและคนที่เหลือ บางคนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ บางคนชาไปทั้งตัว

จากนั้น ‘จัสติส’ ออเดรย์เริ่มเชื่อมโยงคำตอบเมื่อครู่กับคำตอบ ‘ไม่ต้องไปสนใจ’ ในตอนแรก พบว่ามิสเตอร์ฟูลเป็นราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่และไร้ก้นบึ้ง ส่วนร่างโคลนของอามุนด์เป็นเพียงก้อนหินริมทาง การโยนหินลงไปในทะเลนั้นแทบไม่เกิดผลกระทบใด

แม้ร่างโคลนของอามุนด์จะมาที่เบ็คลันด์เพื่อตามหาสมาชิกของชุมนุมทาโรต์ แต่มิสเตอร์ฟูลก็ยังบอกว่าไม่ต้องไปใส่ใจ… มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ! หัวใจของออเดรย์เริ่มชุ่มชื้น กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง

เดอะมูน เมจิกเชี่ยน และเดอะซันเองก็ตีความในทำนองเดียวกัน ต่างคนต่างเอนหลัง บ้างถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ทุกคนกล่าวคำสรรเสริญมิสเตอร์ฟูลในใจ

‘เฮอร์มิท’ แคทลียามิได้อยู่ในตอนที่ร่างโคลนของอามุนด์สิง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค จึงไม่ทราบรายละเอียดมากนัก อาจเคยได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกันในการชุมนุมสองสามหน แต่ก็ไม่รู้ลึกไปกว่านั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ราชาเทวทูตอามุนด์กำลังตามหาสมาชิกชุมนุมทาโรต์ มากพอจะทำให้เธอเกิดความกังวล

เหตุราชาเทวทูตอามุนด์ถึงเพ่งเล็งชุมนุมทาโรต์?

คงค้นพบองค์กรของเราจากเดอะซันน้อย…

เป้าหมายคืออะไร? และทำไมถึงได้มั่นใจนัก?

กำลังเพ่งเล็งไปที่มิสเตอร์ฟูล? เจ้านั่นสัมผัสถึงความผิดปรกติเกี่ยวกับสายหมอกสีเทา?

แต่มิสเตอร์ฟูลกำชับว่าไม่ต้องไปใส่ใจ… ความหมายก็คือ ภายในสถานการณ์ปรกติ อามุนด์มิอาจบอกได้ว่าใครคือสมาชิกของชุมนุมทาโรต์?

การที่ราชาเทวทูตค่อยๆ ปรากฏตัวเช่นนี้… ยุคสมัยที่ห้ากำลังจะจบลง?

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่เบาใจลงหลายส่วน เริ่มฉุกคิดถึงประเด็นอื่น

ในตอนแรกที่แจ้งโบสถ์วายุสลาตันเกี่ยวกับปัญหาของท่าเรือแบนชี ข้ออ้างที่มันใช้ก็คือ ‘ได้ยินคนในผับเล่ามา’ พร้อมกับอธิบายรูปลักษณ์ของบุคคลดังกล่าวให้ตรงตาม ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์!

อา… แม้ทางศาสนจักรจะพบตัวอามุนด์ แต่พิจารณาจากวิธีการทำงาน พวกเขาไม่น่าจะเสียเวลาสอบปากคำหรือถามไถ่สุขภาพของอีกฝ่าย และไม่ว่าผลลัพธ์จะลงเอยเช่นไร อามุนด์ก็เป็นวายร้ายเจ้าเล่ห์ในสายตาโบสถ์เสมอ… อัลเจอร์ไม่กังวลว่าตนจะถูกเปิดโปงด้วยเหตุผลเล็กน้อย เพียงตระหนักได้ว่า ในอนาคต หากต้องการ ‘โยนขี้’ ให้ใครสักคน อย่าได้แอบอ้างตัวตันลำดับสูงเด็ดขาด โดยเฉพาะเทวทูตขึ้นไป

ด้วยเหตุนี้ มันรีบตักเตือนตัวเอง:

จริงอยู่ ไม่ใช่ว่าตัวตนลำดับสูงทุกคนจะมีลักษณะพิเศษ ‘รับรู้ในยามที่ถูกเอ่ยถึง’ หรืออะไรทำนองนั้น แต่หากเอ่ยถึงอีกฝ่ายบ่อยครั้งเข้า ย่อมมีโอกาสที่จะถูก ‘พรหมลิขิต’ ชักนำให้ได้พบกัน เพราะยิ่งมีระดับตัวตนทางธรรมชาติสูงเท่าไร ก็ยิ่งเชื่อมโยงกับโชคชะตาอย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น!

เมื่อเห็นสมาชิกของชุมนุมทาโรต์ โดยเฉพาะสามคนที่อยู่ในเบ็คลันด์ รับทราบเกี่ยวกับข่าวคราวของร่างโคลนอามุนด์ด้วยทัศนคติตื่นตัว ไม่มีใครบ้าบิ่นจนคิดตามล่าอีกฝ่าย หัวใจชายหนุ่มเริ่มสงบลง เอนหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลาย เฝ้ามองทุกคนด้วยสายตาอ่อนโยน

แคทลียาสลัดความกังวลเกี่ยวกับทวีปเหนือใต้ หรือแม้กระทั่งห้าห้วงสมุทร มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ คราวนี้มีไดอารีใหม่จำนวนสามหน้า”

หญิงสาวยังจำได้แม่นยำ หลังจากชุมนุมทาโรต์เมื่อวันจันทร์ที่แล้วจบลง เธอเขียนจดหมายถึงราชินีเงื่อนงำและอธิบายความหมายของสองตัวอักษรของจักรพรรดิโรซายล์ทันที แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ เลยนานเกือบสัปดาห์ จนกระทั่งไดอารีจำนวนสามหน้าถูกส่งมาถึงในวันอาทิตย์ พร้อมกับคำถามที่ไม่สั้นไม่ยาว

“บ้านเกิดทางดวงวิญญาณของเขาอยู่ที่ใด? บนเกาะแห่งนั้น หรือในห้วงลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว?”

เมื่อ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาอ่านทวนคำถาม คล้ายกับเธอสัมผัสถึงอารมณ์ที่แปรปรวนขณะเขียนจดหมายของราชินีเงื่อนงำ ผิดไปจากความสงบนิ่งและสุขุมในยามปรกติ

เมื่อรับรู้เช่นนี้ ผนวกกับอุปนิสัยส่วนตัวของแบร์นาแดตที่เธอรู้จัก แคทลียาทำเพียงถอนหายใจเงียบ

ในหัวใจขององค์ราชินี จักรพรรดิโรซายล์คือปมใหญ่ที่คลายไม่ออกเสียที? และเป็นสาเหตุที่ไม่กล้าเลื่อนเป็นลำดับ 2?

ไคลน์ไม่มีทางทราบว่า ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากำลังคิดสิ่งใด เพียงพยักหน้าเล็กน้อย รอให้อีกฝ่ายส่งไดอารีชุดใหม่

เพียงไม่นาน แผ่นกระดาษสีน้ำตาลอมเหลืองปรากฏบนฝ่ามือชายหนุ่มสามแผ่น

“10 มีนาคม เป็นอีกครั้งที่เราเข้าร่วมองค์กรที่เก่าแก่และลึกลับที่สุด”

“หลังจากเฝ้าสังเกตุมาสักระยะ เรามีคำถามคาใจหนึ่งข้อ อะไรคือแนวโน้มของยุคสมัย? แล้วใครคือผู้กำหนดแนวโน้มของกระแสแห่งเวลา?”

“ถ้าเป็นไปถามที่พวกเขากล่าวอ้าง เมื่อโลกถึงคราวแตกดับ พระผู้สร้างต้นกำเนิดจะคืนชีพจากความตาย ตื่นจากการหลับใหล ทวงคืนทุกสิ่งกลับไปเป็นของพระองค์ สร้างโลกใหม่และประวัติศาสตร์ใหม่… แล้วทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากอย่างการคอยกำหนดกระแสเวลาให้ตรงตามแนวโน้ม? ก็แค่วางแผนยั่วยุให้เกิดสงครามโลกก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? สร้างสงครามเทวทูตหรือสงครามแห่งทวยเทพ เพียงเท่านี้โลกก็จะถึงจุดจบเร็วขึ้น”

“หรือว่า ‘เวลา’ เองก็เป็นส่วนหนึ่งของพระผู้สร้างต้นกำเนิด มีเพียงเส้นเรื่องที่ ‘เวลา’ ดำเนินไปตามความคาดหวังเท่านั้น พระองค์จึงจะดึงพลังจากมันและคืนชีพกลับมาได้? ไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด… อา ทุกสิ่งที่เราเห็นรอบตัวก็ไม่มีอะไรถูกหลักวิทยาศาสตร์แม้แต่อย่างเดียว”

“นอกจากนั้น ตามความคิดของเรา เหตุใดถึงต้องคืนชีพพระผู้สร้างที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง? ปล่อยให้ทุกคนทำตัวตามสบายและเพลิดเพลินไปกับชีวิตอย่างอิสระไม่ดีกว่าหรือ?”

“จากการสังเกตของเรา… หึหึ สมาชิกหลายคนที่นี่มีมุมมองคล้ายกับเรา แต่ก็มีบางคนที่ดื้อรั้นและเข้มงวด เอาแต่ทำตามคำสอนและปรัชญาของตัวเองอย่างเคร่งครัด ไม่แน่ใจว่าควรเรียกเจ้าพวกนั้นว่านักอุดมคติหรือพวกคลั่งลัทธิดี”

“สิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุดคือผู้นำลึกลับคนนั้น… มิสเตอร์เฮอร์มิสบอกกับเราว่า องค์กรนี้ถูกก่อตั้งโดยเขา ไม่สิต้องเรียกว่า ‘ท่าน’ ร่วมกับคนที่มีความเชื่อและเป้าหมายเดียวกัน แต่ท่านไม่ค่อยแสดงความเห็นสักเท่าไร แถมยังไม่ห้ามสมาชิกทำตามจุดประสงค์ส่วนตัวด้วย… ในบางครั้ง เราหลงลืมการมีอยู่ของท่าน คล้ายกับท่านชอบนั่งมองทุกคนคุยกันอย่างเงียบๆ”

“แต่เราเคยเห็นอำนาจของท่านด้วยตาตัวเอง… ครั้งหนึ่งเคยมีผู้วิเศษลำดับสูงคนหนึ่งละเมิดสิ่งที่เรียกว่าแนวโน้มของกระแสเวลา และด้วยอำนาจของท่าน ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสามสิบวินาที เหยื่อคนดังกล่าวก็กลายเป็นเป้าหมายของการถูก ‘ลบหาย’ โดยสมบูรณ์ เราเชื่อว่า ชายที่น่าสงสารคนนั้นคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงฤดูร้อน”

“ท่านเป็นใครกันแน่? เทพบรรพกาลจากยุคสมัยที่สอง??”

ในประโยคสุดท้าย โรซายล์ใช้เครื่องหมายคำถามถึงสองตัวเพื่อแสดงความฉงน นี่เป็นสิ่งที่มันทำไม่บ่อย และไคลน์เชื่อว่าคงเป็นเกณฑ์ที่ทำให้ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตเลือกไดอารีหน้านี้

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset