ราชันเร้นลับ 887 : ร่างที่คุ้นเคย
ได้ยินคำถามไคลน์ ทารกที่ห่อด้วยผ้าไหมสีเงินยกท่อนแขนอันอวบอ้วนขึ้น
“เรื่องนั้นข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน ข้ายังอยู่ในท้องแม่! สำหรับนกกระเรียนกระดาษนั่น ถึงจะเขียนอะไรไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังช่วยให้ข้าระบุพิกัดของเข้าได้ และสามารถแจ้งข่าวให้ทราบได้ด้วย!”
สำหรับคำตอบของวิล·อัสติน ไคลน์พอจะเดาออกแต่แรกแล้ว จึงยิ้มอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า
“นกกระเรียนกระดาษตัวนั้นเสียหายเล็กน้อย เกรงว่าอาจส่งผลต่อการระบุตำแหน่ง”
จากนั้น ชายหนุ่มเสนอแนะ
“ยังมีอีกหนึ่งวิธี หลังจากที่คุณเกิด ให้ทำการอัญเชิญผู้ส่งสารของผมและส่งจดหมาย”
ไคลน์กังวลว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันหลังจากวิล·อัสตินลืมตาดูโลก ส่งผลให้อสรพิษแห่งชะตาต้องระหกระเหินไปที่อื่นจนตามหาตัวได้ลำบาก
ภายในรถเข็นเด็กสีดำ วิล·อัสตินอ้าปากเล็กน้อย ก่อนจะปิดปากอีกครั้ง ไม่มีเสียงใดถูกเปล่งออกมา
หลายวินาทีผ่านไป ทารกกล่าวพลางยกมุมปาก
“เจ้าคิดว่านั่นเป็นไปได้หรือ? ไม่เพียงจะให้ทารกจับปากกาเขียนจดหมาย แต่ถึงขั้นประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร?”
ไคลน์ยิ้มแห้ง
“แต่คุณเป็นถึงอสรพิษแห่งชะตา”
“แต่ข้าก็ต้องเคารพกฎของธรรมชาติด้วย!” วิล·อัสตินทุบแขนลงบนที่วางแขนด้านข้าง
ทารกครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว
“เอาแบบนี้เป็นไง ให้ใครสักคนเฝ้าบ้านหลังนี้ไว้ และแจ้งข่าวถึงเจ้าทันทีที่ทารกคลอด”
ไคลน์กลอกตาเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“แบบนั้นก็ได้”
สำหรับวิธีนี้ ชายหนุ่มมี ‘กำลังคน’ มากมายให้พึ่งพา ไม่ว่าจะเป็นแก๊งอันธพาลของชารอน ให้เธอเขียนจดหมายและส่งผ่านผู้ส่งสารหลังจากวิล·อัสตินเกิด หรือไม่ก็เอ็มลิน·ไวท์ที่ทำตัวว่างตลอดเวลา หรือไม่ก็มิสซิลนักล่าเงินรางวัล หรือไม่ก็มิสเมจิกเชี่ยน ให้เธอแจ้งข่าวมายัง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ผ่านเดอะฟูล รวมถึง ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสที่สามารถตรวจสอบละแวกใกล้เคียงและแจ้งข่าวแบบทางเดียว
แต่เอ็มลินจมูกดีเกินไป หมอนั่นอาจได้กลิ่นแปลกๆ จากสายสะดือและค้นพบต้นตอที่แท้จริง… ถ้าเป็นแบบนั้น ผลลัพธ์อาจเหมือนกับการได้เห็นร่างสมบูรณ์ของสัตว์ในตำนานโดยตรง จิตใจแตกสลายและเกิดการกลายพันธุ์… เมื่อเห็นรถเข็นเด็กของวิล·อัสตินเริ่มกลับเข้าไปในเงามืด ไคลน์รีบเอ่ยปากถาม
“ยังมีอีกเรื่อง… เอ่อ ผมมีอาจารย์อยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้ติดต่อกันนาน คุณช่วยตรวจสอบชะตากรรมปัจจุบันได้ไหม? ชื่อของเขาคืออะซิก·อายเกส”
เนื่องจากมิสเตอร์อะซิกยังไม่ตอบกลับ ไคลน์จึงอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล หลังจากลองใช้นกหวีดทองแดงทำนายบนมิติเหนือสายหมอก สิ่งมีพบมีเพียงความมืดมิดอันเงียบสงบและลุ่มลึก รวมถึงเสียงหายใจลากยาวจากจุดห่างไกล มิอาจตีความจากสิ่งเหล่านี้
วิล·อัสตินกล่าวพลางดูดหัวแม่มือ
“อาจารย์ของเจ้าอยู่ในสถานะกำลังเปลี่ยนแปลง อาจเป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ดี ข้ามองเห็นเพียงเท่านี้เนื่องจากในตัวเขามีบางสิ่งที่พิเศษกีดขวางอยู่”
บางสิ่งที่พิเศษ? หรือจะเป็นความพิเศษที่สืบทอดมาจากเทพมรณาโดยตรง? สถานะของเขากำลังเปลี่ยนแปลง? หมายความว่า มิสเตอร์อะซิกฟื้นฟูความทรงจำกลับมาได้บางส่วน จึงต้องฟื้นคืนพลังผ่านการนอนหลับสนิทเป็นเวลานาน? ไคลน์โค้งศีรษะขอบคุณพลางครุ่นคิด
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ”
วิล·อัสตินหันหน้าไปมองทางอื่น
ไคลน์ตัดสินใจกล่าวเตือน
“เท่าที่ผมทราบ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์มาถึงเบ็คลันด์แล้ว แน่นอน อาจเป็นเพียงร่างโคลนของมัน”
วิล·อัสตินผงะเล็กน้อย หัวเราะในลำคอและพูด
“สำหรับเจ้า เรื่องนี้อาจไม่ดี แต่สำหรับข้า เรื่องนี้มีผลในเชิงบวก อามุนด์และเจ้างูโง่โอโรเลอุสเป็นอริต่อกัน ไม่สิ ระบุให้ชัดก็คือ อามุนด์เกลียดพระผู้สร้างแท้จริงมาก จ้องกระชากอีกฝ่ายลงจากบัลลังก์เทพให้ได้ ส่วนโอโรเลอุสก็ภักดีต่อเทพมารตนนั้นมาก”
กล่าวจบ รถเข็นเด็กสีดำเลื่อนกลับเข้าไปในเงามืดของกระจก ทุกสิ่งกลับเป็นปรกติอีกครั้ง
อามุนด์เกลียดชังพระผู้สร้างแท้จริง? เราเริ่มเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ คือหนึ่งในบุคคลที่ร่วมวงการ ‘กิน’ เทพสุริยันบรรพกาล… ท่านคือทารกสีดำที่อยู่ท่ามกลางเทวทูตแห่งพายุ เทวทูตสีขาว และเทวทูตปัญญา? ไคลน์ถอนหายใจออก ขยับไปข้างหน้าสองก้าว เปิดก๊อกน้ำและล้างมือ
…
ในช่วงค่ำ ณ สโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก
ไคลน์มิได้รีบร้อนไปพบนายพันคาลวินที่มีหน้าเหมือนลาทันที แต่วางกระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจุธนบัตรรวมหนึ่งหมื่นปอนด์ไว้ในตู้นิรภัยของสโมสร เดินตามส.ส. มัคท์เข้าไปเพลิดเพลินกับบุฟเฟ่ต์ที่จัดเตรียมโดยสโมสรชั้นนำ
อาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเมนูของทวีปใต้ ประกอบด้วยขนมปังชีสทำจากแป้งมัน ไอศกรีมราดราสเบอร์รี่สีม่วง ซุปอาหารทะเลใส่กะทิ เครื่องในวัวตุ๋นกับพริกไทย มะเขือเทศ และหอมใหญ่ บาร์บีคิวฮาเก็นติเสียบเหล็กย่าง ซุปรวมของหุบเขาเพิร์ธ และสเต๊กกับหมึกย่าง
เมื่อเทียบกับที่อื่น วัตถุดิบและเครื่องเทศของสโมสรแห่งนี้มีคุณภาพสูงมาก แถมรสชาติก็ยังใกล้เคียงกับต้นตำรับ ไคลน์ค่อนข้างประทับใจในมื้ออาหาร หากไม่ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ มันคงเขมือบบาร์บีคิวฮาเก็นติและไอศกรีมราดซอสราสเบอร์รี่สีม่วงจนพุงกาง
อย่างที่คิด เราชอบอาหารรสจัดมากกว่า… แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับคืนนี้คือไวน์ก่อนอาหารแก้วหนึ่ง… ถ้าส.ส. มัคท์ไม่อธิบาย เราคงคิดว่าเป็นแค่น้ำผลไม้เบาๆ … มะนาวฝานสองชิ้นแช่ในของเหลวสีทองซีด ใส่น้ำแข็งลงไปสองสามก้อน รสชาติหวานอมเปรี้ยว ปราศจากแอลกอฮอล์ ชุ่มฉ่ำไปด้วยความเย็นและสดชื่น พรากความร้อนออกจากร่างกายได้ในพริบตา… ไคลน์วางผ้าปูโต๊ะลงบนจาน ภายในใจนึกทบทวนอาหารมื้อที่ผ่านมา
ทันใดนั้น ส.ส. มัคท์ที่กลับมาจากห้องน้ำ ยิ้มพลางโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูดอน·ดันเตส
“ห้องเดียวกับคราวก่อน”
“ตกลง” ไคลน์ขอตัวลุกขึ้น ก่อนอื่นก็เดินไปที่ห้องนิรภัย เบิกกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่บรรจุธนบัตรหนึ่งหมื่นปอนด์ออกมา จากนั้นก็ตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่เคยพบกับพันเอกคาลวินมาแล้วสองครั้ง
คาลวิน บุรุษผู้มีใบหน้ายาวเหมือนลา จ้องไปยังกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ดอน·ดันเตสถือพร้อมกับลุกขึ้นยิ้ม
“คุณช่างเป็นสุภาพบุรุษที่ใช้การกระทำนำคำพูด… ผมชื่นชอบคนที่มีทัศนคติแบบนี้มาก”
กล่าวจบ มันเหยียดแขนขวาออกมา ขอจับมือกับดอน·ดันเตส
จับมือกันเสร็จ ไคลน์ยื่นกระเป๋าเดินทางให้อีกฝ่าย ยิ้มอย่างสุภาพ
“ในฐานะนักธุรกิจ หากคุณเห็นลู่ทางในการสร้างรายได้อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ยอมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและฉับไว นั่นแสดงว่าคุณยังไม่เหมาะกับอาชีพนี้”
คาลวินนั่งลงอีกครั้ง ต่อหน้าดอน·ดันเตสและส.ส. มัคท์ มันเปิดกระเป๋าเดินทางใบเล็ก นับธนบัตรที่ถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบด้านในคร่าวๆ
เพียงไม่นานก็เสร็จสิ้นการตรวจสอบเบื้องต้น จึงปิดกล่องและเงยหน้า จ้องดอน·ดันเตสที่นั่งเฉียงออกไป
“คุณมีแผนการในหัวหรือยัง?”
ไคลน์จงใจสวมสีหน้าครุ่นคิดและเรียบเรียงคำพูด เงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะตอบ
“ผมจะรีบเดินทางลงไปยังทวีปใต้ทันที เป้าหมายคือไบลัมตะวันตก”
เมื่อเห็นทั้งคาลวินและมัคท์เผยสีหน้าประหลาดใจ มันเสริม
“บางเรื่องไม่เหมาะจะทำในตอนที่ขนอาวุธ และเพื่อให้การค้าขายเป็นไปอย่างราบรื่น ผลจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า… หึหึ ผมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นถึงธุรกิจที่มีมูลค่าหลักหมื่นปอนด์… แผนมีอยู่ว่า ผมจะเดินทางไปยังไบลัมตะวันตกล่วงหน้าเพื่อติดต่อกับลูกค้าและเคลียร์อุปสรรคระหว่างเส้นทางขนส่ง เมื่อถึงกำหนดเวลานัดหมาย ผมจะติดต่อคุณทางโทรเลข จากนั้นก็ไปรับสินค้าที่ชายแดนไบลัมตะวันออก”
คาลวินครุ่นคิดสักพัก
“หลังจากวันที่ 20 มิถุนายน คุณสามารถส่งโทรเลขมาถึงผม จากนั้นผมจะตอบรายละเอียดกลับไป… หลังจากได้รับโทรเลข ผมจะทำการแจ้งให้เจ้าหน้าที่เริ่มลงมือทันที ประสานงานมอบรหัสผ่านและลายเซ็นให้กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเปิดคลังสินค้า… แล้วก็… คุณอยากให้มีคนคอยคุ้มกันในช่วงแรกไหม? จะเริ่มออกเดินทางเมื่อไร?”
เราแค่อยากรีบไปที่ไบลัมตะวันตกและซ่อนตัวเงียบๆ ให้พ้นจากสายตาของโรงเรียนกุหลาบ ส่วนงานสืบข่าวจะเป็นของเดนิส… จะออกเดินทางเมื่อไร? ใจจริงอยากไปวันนี้เลย และถึงที่หมายวันนี้เลย แต่นั่นอาจทำให้ถูกสงสัย… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“ไม่ช่วงแรกยังไม่จำเป็นต้องคุ้มครอง เพราะในบางพื้นที่ของทวีปใต้ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมักเป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้ง… ไม่ต้องกังวล ผมมีเพื่อนในไบลัมตะวันตกพอสมควร ขอเพียงมิได้พกพาสิ่งของมีค่าติดตัว ก็สามารถรับรองความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง… ส่วนคำถามที่ว่าจะออกเดินทางเมื่อไร คำตอบของผมก็คือ ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
พันเอกคาลวินครุ่นคิดอยู่เกือบหนึ่งนาที ก่อนจะพยักหน้าและตอบ
“พรุ่งนี้หลังอาหารเย็น ผมจะส่งคนไปรับคุณ ทางกองทัพมีเรือเหาะสำหรับขนส่งเสบียงและกำลังพลไปยังอ่าวเดซีย์ โดยจากที่นั่น คุณสามารถนั่งเรือไปยังทวีปได้ด้วยเส้นทางที่สั้นที่สุด หากทุกสิ่งราบรื่น เพียงสองถึงสามวันก็ถึงจุดหมาย แต่ถ้ามีพายุขีดขวางเส้นทางจนต้องอ้อมไกล อย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์”
“ขอบคุณครับ” ไคลน์ลุกขึ้นยืนและโค้งศีรษะจากอย่างจริงใจ
สำหรับชายหนุ่ม การออกจากเบ็คลันด์ไปพร้อมกองทัพคือตัวเลือกที่ปลอดภัยและจะไม่มีใครสงสัย
หลังจากสนทนาเกี่ยวกับรายละเอียดปลีกย่อยอีกเล็กน้อย ไคลน์ลุกขึ้นยืนและกล่าวคำอำลา เดินกลับไปยังห้องโถงพร้อมกับส.ส. มัคท์ เตรียมเดินทางกลับ
ภายในห้องโถง ใกล้กับโต๊ะบุฟเฟ่ต์ สุภาพบุรุษกว่าสิบคนในเครื่องแบบทหารหรือชุดลำลอง กำลังยืนรวมตัวในท่าถือแก้วไวน์ สนทนาเกี่ยวกับข่าวลือล่าสุดอย่างออกรส
เมื่อไคลน์ชำเลืองไปมอง มันพบว่าในกลุ่มดังกล่าวมีคนที่ตนคุ้นเคย
ชายคนดังกล่าวสูงกว่า 1.85 เมตร แต่ไม่ถึง 1.9 เมตร แขนยาวกว่าปรกติเล็กน้อย ขาโก่งเล็กน้อย ไหล่กว้างกว่าปรกติเล็กน้อย ส่งผลให้สูทสีดำค่อนข้างคับ
นี่มัน… หัวใจไคลน์พลันเต้นแรงหลังจากค้นพบต้นตอความคุ้นเคย
นี่คือครึ่งเทพที่อยู่กับ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ในคืนนั้น!
ครึ่งเทพที่ต้องสงสัยว่าจะรับใช้ขั้วอำนาจหนึ่งในราชวงศ์ ครึ่งเทพผู้มีเอี่ยวกับการค้ามนุษย์!
แม้ผู้วิเศษลำดับสูงรายนี้จะสวมเสื้อคลุมหัวสีดำปกปิดหน้าตา แถมยังมีพลังในการแทรกแซงผลทำนาย แต่ไคลน์ก็สามารถจดจำเค้าโครงร่างกายได้แม่นยำ
นี่คือความชำนาญของผู้ไร้หน้า!