Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1048 : ‘สายลับ’ แท้และเทียม

ภายในวังโบราณเหนือสายหมอกสีเทา เมื่อคำพูดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์สิ้นสุดลง ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน

ฝ่ายกษัตริย์ร่วมมือกับสมาคมแปรจิตเพื่อสอบสวนเรากับซิล… สมาคมแปรจิตถือกำเนิดจากการค้นพบโบราณสถานของเฮอร์มิส… เฮอร์มิสเป็นสมาชิก ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ … ผู้นำสูงสุดของสภานักสิทธิ์สนธยาคือ ‘เทวทูตจินตภาพ’ อาดัม… และซิลกับเราเคยเอ่ยถึงอาดัมในโลกความจริง… กำลังจะบอกว่า… เราถูกจับตามองโดยราชาเทวทูต? ในโลกแห่งศาสตร์เร้นลับ แค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ชะตากรรมของคนเราต้องเผชิญอันตรายในระดับนี้เชียว? ในหัว ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเต็มไปคำเตือนของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ความหวาดกลัวนานัปการผุดขึ้นภายในใจ

แม้ว่าเธอจะเคยมีประสบการณ์มากมายในอดีต แต่ก็ไม่เคยรู้สึกอย่างชัดเจนมาก่อน ว่าโลกแห่งศาสตร์เร้นลับจะเต็มไปด้วยขวากหนามที่อันตรายเช่นนี้ ความผิดพลาดใดๆ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายสุดขั้ว

ในอนาคตเราต้องระมัดระวังให้มากขึ้น… แน่นอน ก่อนอื่นก็ต้องมีชีวิตรอดจากเฝ้ามองของอาดัมให้ได้! มิสเตอร์ฟูลได้โปรดอวยพรด้วย! ฟอร์สไตร่ตรองอย่างจริงจัง สวดวิงวอนเงียบๆ ในใจ

‘จัดจ์เมนต์’ ซิลคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์ของเธอจะเลวร้ายขนาดนี้ กลับกลายเป็นว่า ราชาเทวทูตมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย เลี่ยงไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปสักพัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคยมีความคิดที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ยอมเสียสละกระโดดขวางน้ำเชี่ยว เพียงไม่นานจิตใจก็สงบลง เธออดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปทางเมจิกเชี่ยน ภายในใจเกิดความรู้สึกผิดที่ลากเพื่อนสนิทเข้ามาในวังวนแห่งความวุ่นวาย

แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว การร้องไห้ฟูมฟายและการคร่ำครวญ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อีกต่อไป เราทำได้เพียงตั้งสติรับมือให้ดีที่สุด อย่าทำให้ฟอร์สต้องตกที่นั่งลำบาก… โชคดีที่มีมิสเตอร์ฟูลคอยปกป้อง… ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลพูดกับตัวเองในใจ ตามด้วยหันไปกล่าวกับ ‘จัสติส’ ออเดรย์

“แล้วฉันควรทำยังไงต่อ”

สำหรับเรื่องที่มิสจัสติสเป็นผู้ ‘ชักชวน’ ซิลเกิดความรู้สึกซับซ้อน ในแง่หนึ่ง เธอเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายมองชุมนุมทาโรต์ในเชิงบวก และการแนะนำดังกล่าวเกิดจากเจตนาที่ดี แต่ในอีกแง่หนึ่ง เธอค่อนข้างขุ่นเคืองใจที่จู่ๆ ก็ถูกตัวตนลึกลับจับตามองอย่างไร้เหตุผล โชคดีที่เป็นมิสเตอร์ฟูล ไม่อย่างนั้นเธอคงตายอย่างอนาถ บางทีแม้วิญญาณก็ไม่ได้หลับพักผ่อน

แต่อันที่จริง… เราเลือกที่จะเอ่ยพระนามเต็มของมิสเตอร์ฟูลโดยสมัครใจ ไม่ได้ถูกรบเร้าจากภายนอก… การที่ได้มานั่งตรงนี้ เป็นเพราะเราเลือกทางเดินของตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับมิสจัสติส… นอกจากนั้น หากไม่ใช่เพราะการแนะนำของเธอ เราคงไม่มีโอกาสล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ได้พัฒนาตัวเองและตามหาความจริง… ซิลเม้มริมฝีปากล่าง สูดลมหายใจเข้าลึก

‘จัสติส’ ออเดรย์ย่อมรู้ว่า ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ มีความเกี่ยวข้องกับเฮอร์มิสและอาดัม จึงเป็นคนที่สุขุมที่สุดในเวลานี้ เพียงแค่คาดไม่ถึงว่า การเอ่ยชื่ออาดัมของฟอร์สและซิลจะทำให้ถูกอีกฝ่ายจับตามอง

นั่นทำให้เธอตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า ทุกการเอ่ยถึงจะถูก ‘ล่วงรู้’

ถึงตรงนี้ ออเดรย์หันไปมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์และเริ่มตีความคำพูดของอีกฝ่าย

“มิสเตอร์ฟูลยังไม่อยากเป็นศัตรูโดยตรงกับสภานักสิทธิ์สนธยาในตอนนี้… แปลว่าลงมือโดยอ้อมได้?”

ไคลน์พยักหน้า

“มันควรจะเป็นเช่นนั้น”

“ลงมือโดยอ้อม… รวมถึงการแทรกแซงผลการทำนาย การเฝ้ามอง และพลังพยากรณ์ด้วยไหม?” ‘จัสติส’ ออเดรย์ถามครุ่นคิด

ในชุมนุมย่อยแห่งนี้ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์คือตัวแทนเจตจำนงของเดอะฟูล

ไคลน์หัวเราะในลำคอ:

“โดยอ้อมมากกว่านั้นอีกสักนิด”

คำตอบของมันค่อนข้างคลุมเครือ เพราะเดอะฟูลเองก็ยังไม่รู้ว่าตนทำอะไรได้บ้าง

บทสนทนาระหว่างทั้งสองคล้ายกับสร้างแรงบันดาลใจอัลเจอร์ มันรีบหันไปมองจัสติส จัดจ์เมนต์ และเมจิกเชี่ยนฝั่งตรงข้าม

“มีใครในหมู่พวกคุณนับถือเทพธิดารัตติกาลบ้าง?”

มันค่อนข้างมั่นใจ อย่างน้อยหนึ่งในสตรีสามคนนี้ต้องเป็นผู้ศรัทธาเทพธิดารัตติกาล เพราะท้ายที่สุด เมื่อพิจารณาจากปัจจัยสำคัญสามข้อซึ่งประกอบด้วย: อาณาจักรโลเอ็น กรุงเบ็คลันด์ และเพศหญิง คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มสูงที่จะนับถือเทพธิดารัตติกาล

“ฉัน…” ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลไม่ปิดบัง

‘จัสติส’ ออเดรย์เองก็ยกมือครึ่งแขน

ได้เห็นภาพตรงหน้า ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ผงกศีรษะรับ

“พวกเราสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้ ให้สมาคมแปรจิตเข้าใจว่ากองกำลังที่จัดการเฮอร์วิน·แรมบิสคือโบสถ์รัตติกาล ไม่ใช่ชุมนุมทาโรต์”

กล่าวถึงตรงนี้ อัลเจอร์จงเปลี่ยนสรรพนามส่วนตัวอย่างชาญฉลาด เห็นได้ชัดว่า แม้มันได้รับเชิญมาในฐานะ ‘ที่ปรึกษา’ และจะไม่ลงแรงหรือเอาตัวเข้าไปเสี่ยง แต่กลับยังเลือกใช้สรรพนามแทนว่า ‘เรา’

โยนความผิดให้โบสถ์รัตติกาล… ชุดความคิดแบบนี้… คุ้นเคยชะมัด… ไคลน์ซึ่งอยู่ในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ พลันเกิดอารมณ์ขันเล็กๆ

“แล้วจะทำให้ศัตรูเข้าใจผิดด้วยวิธีใด” ‘จัสติส’ ออเดรย์จ้องหน้าพร้อมกับถาม

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์มองไปรอบๆ และกล่าว

“เฮอร์วิน·แรมบิสทำเพียงสะกดจิตคุณเพื่อกำชับว่าห้าม ‘ขอความช่วยเหลือ’ และพยายามหลีกเลี่ยงพิธีมิสซาใหญ่ของโบสถ์รัตติกาล แต่ไม่ได้บอกให้หลบหน้าอาร์ชบิชอป… คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ หาโอกาสเข้าพบอาร์ชบิชอป แน่นอน คุณไม่ต้องเล่าอะไรให้เขาฟัง… และเมื่อเฮอร์วิน·แรมบิสตายหรือหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา สมาคมแปรจิตจะเริ่มสงสัยว่า โบสถ์รัตติกาลพบความผิดปรกติในตัวคุณและทำการขุดหลุมพรางดัก”

โดยไม่รอให้มิสจัสติสตอบ มันมองไปที่ “ทดลอง” ซิลอีกครั้ง:

Without waiting forมิสจัสติส to respond, he looked at Xio.

“หลังจากที่คุณถูกสะกดจิต ก่อนจะเดินทางออกจากเบ็คลันด์ แวะไปยังวิหารของโบสถ์รัตติกาลที่อยู่ใกล้เคียง สวดวิงวอนอย่างเอาจริงเอาจัง ทำตัวราวกับเป็น ‘สายลับ’ ที่โบสถ์รัตติกาลส่งไปแทรกซึมในชุมนุมทาโรต์… วิธีนี้จะทำให้สมาคมแปรจิตเข้าใจผิด คิดว่าความตายของเฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งดูเหมือนจะเป็นฝีมือของชุมนุมทาโรต์ แท้จริงแล้วเป็นแค่การตบตา แต่ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงคือโบสถ์รัตติกาล”

ทำตัวเป็นสายลับที่โบสถ์รัตติกาลส่งมาแทรกซึมชุมนุมทาโรต์… หืม… ไคลน์รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

มันคือข้ารับใช้แห่งรัตติกาลตัวจริงเสียงจริง!

และเลียวนาร์ดก็ไม่ใช่ ‘ถุงมือแดง’ ปลอมเช่นกัน!

หรือเล่าให้เห็นภาพยิ่งกว่านั้น… ประธานใหญ่ของชุมนุมทาโรต์อย่าง ‘มิสเตอร์ฟูล’ ทุกวันนี้ก็ยังวาดพระจันทร์แดงกลางหน้าอก… ไคลน์รำพันติดตลก ขณะเดียวกันก็ผุดแนวคิดใหม่ๆ มากมาย

“วิธีนี้สามารถตบตาได้แค่ผู้วิเศษทั่วไป… หากไม่มีพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล เบื้องบนของสมาคมแปรจิตคงสืบหาความจริงได้ไม่ยาก” ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเตือนสติ

แฮงแมนตอบ

“ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือการได้รับพรจากมิสเตอร์ฟูลทางอ้อม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันหลอกอาดัม ราชาเทวทูตแห่งเส้นทางผู้ชมได้แน่… และนอกจากนั้น มิสจัดจ์เมนต์กับมิสเมจิกเชี่ยน ในตอนที่พวกคุณแวะวิหารของเทพธิดารัตติกาลเพื่อสวดมนต์ เป็นการดีที่สุดถ้าจะสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล ขอให้พระองค์ช่วยประทานพรต้านทานการถูกสะกดจิต และอย่าเพิ่งรีบออกจากเบ็คลันด์… ในสถานการณ์แบบนี้ กรุงเบ็คลันด์ปลอดภัยกว่าที่อื่นมาก”

“ตกลง” ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลตอบขึงขัง

เมื่อคุยกันถึงประเด็นดังกล่าว ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างหันไปมอง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ รอการตอบสนองจากอีกฝ่าย

ไคลน์ที่พอจะมองเห็นภาพรวมเรียบร้อยแล้ว ยกมุมปากและกล่าวเสียงแหบพร่า

“อันที่จริง… มีวิธีแทรกแซงที่ง่ายกว่างั้น”

“วิธีใด?” ดวงตาออเดรย์เริ่มเบิกกว้าง ถามด้วยความคาดหวัง

ไคลน์จ้องหน้ามิสจัสติส ชี้ไปที่ศีรษะของเธอ:

“ทันทีที่เฮอร์วิน·แรมบิสกลับไป ให้คุณเผาเครื่องประดับหมวกอันนั้น ตามด้วยการกระตุ้นยันต์ที่ผมเคยมอบให้”

ขนนกประดับหมวกอันนั้น? เครื่องประดับที่สามารถติดต่อกับ ‘มรณา’ และได้รับการตอบสนอง? หรือมิสเตอร์เวิร์ลต้องการยืมพลังจากตัวตนดังกล่าวเพื่อแทรกแซงการทำนาย เฝ้ามอง และพยากรณ์? ดวงตาสีเขียวมรกตของออเดรย์สั่นเทาเล็กน้อย พยักหน้าและกล่าว:

“เข้าใจแล้วค่ะ”

เมื่อถึงตอนนั้น พลังที่ตอบสนองกลับมาคือพรแห่งการปกปิด… ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่อาดัมจะได้รับรู้ก็คือ เทพธิดารัตติกาลเป็นผู้ลงมือแทรกแซงโดยตรง และนั่นสอดคล้องกับความสำคัญที่ตระกูลฮอลล์มีต่อโบสถ์รัตติกาล ไม่เกี่ยวอะไรกับชุมนุมทาโรต์… ไม่รู้ว่าเทพธิดาจะประทานพรหรือส่งมาดามอาเรียนน่ามาช่วย หากเป็นอย่างหลัง การกำจัดเฮอร์วิน·แรมบิสก็ไม่ใช่เรื่องยาก… แต่ถ้าไม่ เราคงต้องใช้อ้อมกอดเทวทูตกับตัวเองล่วงหน้าและเข้าปะทะด้วยหุ่นเชิดไร้ชีวิต โอกาสสำเร็จมีสูงทีเดียว… ไคลน์พึมพำในใจ แต่มิได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม

‘จัสติส’ ออเดรย์ร่างแผนในหัวจนเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันไปพูดกับ ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลและ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส

“พวกคุณค่อยมาหาดิฉันตอนบ่ายวันพุธ ทางนี้จะได้มีเวลาแวะไปพบอาร์ชบิชอปของโบสถ์รัตติกาล… และก่อนหน้านั้น ดิฉันจะสวดวิงวอนเพื่อขอพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล จะได้ไม่ถูกสะกดจิตในตอนที่เฮอร์วิน·แรมบิสแวะมาถามคำตอบ และจะเริ่มลงมือหลังจากเขากลับไป… เฮอร์วิน·แรมบิสเป็นคนรอบคอบและหัวโบราณมาก คงเลือกที่จะเข้ามาหาฉันขณะกำลังเดินทาง หลีกเลี่ยงการถูกจับกุมหรือตกหลุมพราง…”

“…”

เพียงไม่นาน ท่ามกลางการระดมสมองของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ แผนการถูกสร้างขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์ โดยเกอร์มัน·สแปร์โรว์ปฏิเสธความช่วยเหลือจากแคทลียา เพราะท้ายที่สุด ชายหนุ่มยังไม่แน่ใจว่าจะมีเบื้องบนจากโบสถ์รัตติกาลมาช่วยสนับสนุนหรือไม่

สำหรับการแบ่งสมบัติ ทุกสิ่งที่ช่วงชิงมาได้จะตกเป็นของเดอะเวิร์ล ส่วน ‘จัสติส’ ออเดรย์สามารถจ้างงานมันโดยไม่ต้องเสียเงินได้หนึ่งครั้ง

บ่ายวันพุธ ในคฤหาสน์ของไวเคาต์กายลิน

หลังกลับจากสนามม้า ออเดรย์ซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของสตรี สวมเครื่องประดับเรียบง่าย กางเกงสีเดียวกันแบบเรียบๆ รองเท้าบูตหนังมันเงาที่ยาวถึงเข่า และพันแจ็คเก็ตหนังสีดำไว้รอบเอว กำลังยืนอยู่ในห้องอ่านหนังสือของไวเคาต์ มองไปทางซิลและฟอร์สกล่าว:

“ใครสั่งให้พวกคุณสอบสวนไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดและไล่ตามความลับของกษัตริย์?”

ดวงตาสีเขียวมรกตของหญิงสาวดูราวกับเป็นวังวนกระแสน้ำท่ามกลางหุบเหว ทั้งลุ่มลึก เงียบเชียบ และหนักแน่น ผู้คนต่างเคลิบเคลิ้มไปกับมันโดยไม่รู้ตัว

ในเวลานี้ ซิลและฟอร์สกำลังถูกสะกดจิตจริงๆ รายแรกตอบด้วยเสียงเหม่อลอย:

“เป็นความตั้งใจของฉันเอง… เพราะต้องการสืบสวนหาสาเหตุการตายของพ่อ… แต่ก่อนจะลงมือ ฉันได้สวดวิงวอนขอพรจากใครบางคนล่วงหน้า”

ออเดรย์สอบถามเพิ่มเติมเล็กน้อย จนกระทั่งได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ จึงกล่าวแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ออกไปจากเบ็คลันด์… ออกไปจากที่นี่… เมืองนี้ไม่ใช่สถานที่ของคุณ… เอาล่ะ… หลังจากได้ยินเสียงปรบมือ พวกคุณจะได้สติกลับมา”

ทันทีที่สิ้นเสียง ออเดรย์ตบฝ่ามือเสียงแผ่ว ดวงตาของซิลและฟอร์สพลันฟื้นคืนสติ

หลังจากพูดคุยอีกเล็กน้อย ซิลและฟอร์สกล่าวอำลาและจากไป ส่วนออเดรย์รอคอยอย่างอดทน

เธอตั้งใจจะอยู่ที่บ้านของไวเคาต์กายลินต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง รอจนกว่าซิลจะถึงวิหารของเทพธิดารัตติกาลที่ใกล้ที่สุดและเสร็จสิ้นการสวดมนต์ เธอจึงค่อยเริ่มเคลื่อนไหว

เมื่อถึงตอนนั้น ไม่สนว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะโผล่ขึ้นระหว่างทางหรือที่ไหน เธอก็พร้อมรับมือ

หลังจากหยิบหมวกอ่อนของสตรีซึ่งประดับตกแต่งด้วยขนนกสีขาว ออเดรย์เดินออกจากห้องอ่านหนังสือ เตรียมไปหาซูซี่ แอนนี่ และคนรับใช้ จากนั้นค่อยไปคุยกับกายลินสักพักเพื่อฆ่าเวลา

ขณะเดินไปได้เพียงสองก้าว สุ้มเสียงที่อ่อนโยนและยิ้มแย้มพลันดังขึ้นข้างหู:

“ทำได้ดีมาก”

“…” รูม่านตาออเดรย์พลันเบิกกว้าง รีบหันศีรษะอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางโคมไฟผนังที่งดงามทั้งสองฝั่ง ชายคนหนึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เส้นผมสีขาวโพลน ดวงตาสีฟ้าอ่อน ไม่ใช่ใครนอกจากเฮอร์วิน·แรมบิสที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสุดประณีต!

ครึ่งเทพรายนี้แอบเข้ามาในคฤหาสน์ของไวเคาต์กายลินนานแล้ว และมันกำลังรอให้ออเดรย์สะกดจิตเสร็จเพื่อที่จะทวงถามคำตอบทันที!

โดยที่ทั้งซิลและฟอร์สยังไม่น่าจะเดินพ้นประตูบ้านด้วยซ้ำ!

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของออเดรย์และแฮงแมนโดยสิ้นเชิง เพราะนั่นหมายความว่า เฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งอยู่ใกล้ๆ มาตั้งแต่ต้น ไม่จำเป็นต้องถามคำตอบผ่านออเดรย์ – มันสามารถสะกดจิตทุกคนรอบตัวและเค้นคำตอบได้ด้วยตัวเอง!

 ……………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset