ราชันเร้นลับ 876 : วิธีดึงดูดความสนใจ
อามุนด์!
ดวงตาไคลน์หดลีบกะทันหัน ภายนอกอาจยังสวมสีหน้าเยือกเย็น แต่ภายในใจกำลังตึงเครียดสุดขีด
แม้ชายหนุ่มจะใช้ชื่ออามุนด์เพื่อขู่คุณปู่ปรสิตในร่างเลียวนาร์ดให้กลัว รวมถึงครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมที่อยู่ใกล้กับเฮเซล แต่นั่นเป็นแค่การแอบอ้างชื่อ ไคลน์ไม่คิดว่า ‘ผู้เย้ยเทพ’ และราชาเทวทูตร้ายนี้จะเดินทางมาที่เบ็คลันด์จริงๆ แถมยังตามหาองค์กรที่ศรัทธาในเดอะฟูล!
อันที่จริง เรื่องนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายจนเกินไป เพราะถ้าเบ็คลันด์มีครึ่งเทพและเทวทูตเส้นทางนักจารกรรมซ่อนตัวอยู่ ในไม่ช้าก็เร็ว อามุนด์ก็ต้องถูกลากเข้ามาด้วยกฎแรงดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง… แต่ปัญหาคือ ‘ท่าน’ ที่ค้นหาบางสิ่งในดินแดนเทพทอดทิ้งมานาน ไม่น่าจะละทิ้งกลางคันและกลับมาเบ็คลันด์กะทันหัน นอกจากนั้น สุสานของท่านที่ชานเมืองก็ถูกจิตแห่งจักรกลทำลายจนราบคาบไปแล้ว มิอาจเดินทางไปมาอย่างอิสระได้เหมือนสมัยอดีต… หมายความว่านี่คือร่างโคลน? เป็นร่างโคลนที่แฝงตัวอยู่บนทวีปเหนือนานแล้ว? อา เส้นทางนักจารกรรมสามารถสร้างร่างโคลนได้ด้วยหนอนกาลเวลา และร่างโคลนของอามุนด์น่าจะเหนือกว่าคนอื่นพอสมควร… สมองไคลน์ค่อยๆ ประมวลผลจนเริ่มมองเห็นคำตอบ
และบางที ไคลน์สงสัยว่าร่างสัตว์ในตำนานของเส้นทางนักจารกรรม อาจเป็นหนอนกาลเวลาที่รวมตัวกันเป็นรูปลักษณ์หนึ่ง
ในฐานะเทวทูตเส้นทางนักจารกรรมที่ดำรงชีวิตมาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ อามุนด์ย่อมทราบว่าชื่อ ‘เดอะฟูล’ หมายถึงสิ่งใด แถมท่านยังสามารถตรวจจับออร่าที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำ… ถึงขั้นเคยพยายามช่วงชิงมิติสายหมอกมาแล้ว… ความพยายามในการค้นหาเดอะฟูลคราวนี้คงสร้างความปวดหัวให้เราไม่น้อย… หลังจากผงะในตอนต้น ไคลน์เริ่มรวบรวมความเยือกเย็น
สิ่งที่ชายหนุ่มกลัวที่สุดก็คือ เนื่องด้วยกฎแรงดึงดูดของพลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง การเดินเล่นบนถนนก็อาจทำให้ตนบังเอิญสวนกับอามุนด์ โดยที่อีกฝ่ายสามารถมองเห็นความพิเศษในตัว ถ้าถึงตอนนั้น ยังไม่ทันจะมีความโกลาหลเกิดขึ้น บุคคลที่เรียกว่าเดอะฟูลคงต้องพิจารณาว่าตนจะตายแบบคืนชีพได้หรือไม่ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงราชาเทวทูต ศักดิ์เป็นรองเพียงเทพแท้จริงเท่านั้น ต้องไม่ลืมว่า เส้นทางนักจารกรรมขึ้นชื่อในด้านการหลอกลวงและปกปิด สามารถลงมือในเบ็คลันด์ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมาย และการขโมยชะตากรรมของใครบางคน อาจเป็นงานถนัดของมันอยู่แล้ว
ดูเหมือนว่า การออกจากเบ็คลันด์ชั่วคราวเพื่อไปทำธุรกิจในไบลัมตะวันตกสักพัก ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เลวร้ายอะไร… เพราะปัญญาส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเรา หากเราเลื่อนเป็น ‘จอมเวทพิสดาร’ ได้เมื่อไร ก็จะมีพลังในการลบออร่าของหมอกสีเทา เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เดินสวนกับอามุนด์ อีกฝ่ายก็คงไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ… ไคลน์สูดลมหายใจเข้าออก เป็นอีกครั้งที่มันตระหนักว่าตนต้องเร่งมือ
ต้องรีบเปิดประตูของลำดับ 4 โดยเร็ว รีบยกระดับตัวตนและกลายเป็นครึ่งเทพ!
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตามหาหุ่นเชิด การสวมบทบาทให้เข้มข้นเพื่อเร่งความเร็วย่อยโอสถ รวมถึงการรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถ มันต้องทำงานให้หนักขึ้นทุกด้าน!
ฟู่ว… เบ็คลันด์เป็นเมืองแบบไหนกัน… หากโอโรเลอุสยังไม่ออกไป หรือถ้าย้อนกลับมาแล้ว เท่าที่เราทราบก็จะมีอย่างน้อยสี่… ไม่สิ เทวทูตมากถึงห้าตน โดยสองในห้าเป็นถึงราชาเทวทูต! นี่ยังไม่นับคนของราชวงศ์และกองทัพที่ใช้เบ็คลันด์เป็นฐานบัญชาการ… ยังไม่นับวิญญาณมารใต้ดินซึ่งตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน – วิญญาณมารที่เกิดจากการรวมกันของอดีตราชาเทวทูตและเทวทูตอีกสองตน… และถ้า ‘เทพหายนะ’ เซียอา ตามล่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์มาถึงเบ็คลันด์ เมืองหลวงแห่งนี้จะคึกคักขึ้นทันตาเห็น เมื่อเทียบกันแล้ว สงครามระหว่างเทวทูตด้านนอกเมืองบายัมจะเป็นแค่เด็กหัดเดิน… ไคลน์จ้องภาพที่เอียนวาด ส่ายหน้าแผ่วเบา
“ขอบคุณ… ช่วยได้มากทีเดียว”
สำหรับเอียนและมาริค การส่ายหน้าของอีกฝ่ายหมายความว่า นักสืบเชอร์ล็อกไม่รู้จักคนในภาพ เพียงแต่ไม่อยากให้เสียน้ำใจ
“ขอตัวก่อน… ผมจะให้คำตอบก่อนเที่ยงคืน” ไคลน์ถอดหมวกและโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องบิลเลียด ใช้พลัง ‘ท่องเที่ยว’ ส่งตัวเองกลับถึงบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนจากด้านนอกผับวีรบุรุษ
ภายในห้องนอนใหญ่ สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดไม่ใช่คำขอร้องของมาริคและชารอน แต่เป็นวิธีหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่อามุนด์จะนำติดตัวมา
ตัวมันที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในด้านนี้ เพียงไม่นานก็ผุดแนวคิดใหม่
นั่นคือการหาอะไรมาดึงดูดความสนใจของอามุนด์ออกไป!
ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ต้องเป็นสิ่งที่อามุนด์มิอาจต้านทาน เป็นสิ่งที่อามุนด์ไม่มีทางเพิกเฉย ยกตัวอย่างเช่น เทวทูตของเส้นทางนักจารกรรม พาลีส·โซโรอาสเตอร์!
อีกฝ่ายอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อามุนด์กลายเป็นลำดับ 0 เทพแท้จริง สรุปโดยสั้น พาลีสย่อมต้องสำคัญกว่าการตามหาองค์กรลับที่ศรัทธาในเดอะฟูลแน่นอน
แน่นอน ไคลน์ไม่คิดจะ ‘ขาย’ คุณปู่ปรสิตในตัวเลียวนาร์ด เพราะจวบจนปัจจุบัน อีกฝ่ายยังไม่เคยแสดงเจตนาร้ายเลยสักครั้ง
ความคิดไคลน์ไม่ซับซ้อน อันดับแรกคือการแจ้งให้พาลีส·โซโรอาสเตอร์ทราบว่า อามุนด์อยู่ในเบ็คลันด์แล้ว จากนั้นก็รอดูท่าทีตอบสนองของเทวทูตที่รอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สี่ แผนการถัดไปจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์แรก
ถ้าคุณปู่จนปัญญาจะรับมือกับอามุนด์ที่เป็นเพียงร่างโคลน เราคงต้องบอกให้เลียวนาร์ดหาข้ออ้างออกไปทำภารกิจนอกกรุงเบ็คลันด์สักพัก ส่วนเราก็เดินทางไปยังทวีปใต้เพื่อประกอบธุรกิจ แต่ต้องไม่ลืมแวะกลับมาในวันที่อสรพิษปรอทลืมตาดูโลก นำเลือดจากสายสะดือไปส่งให้มาดามเฮอร์มิท… เมื่อตัดสินใจได้ ไคลน์หยิบเครื่องเขียนขึ้นมาและตวัดปากกาเป็นข้อความ
“อามุนด์มาถึงแล้ว”
พับกระดาษและเก็บปากกาเสร็จ ไคลน์นำฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาเป่า
เมื่อไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ปรากฏตัว ชายหนุ่มนำเหรียญทองออกจากกระเป๋าและวางลงบนซองจดหมาย
นี่คือหนึ่งในเหรียญทองที่ไคลน์สั่งให้ริชาร์ดสันไปแลกมาเมื่อช่วยบ่าย เพื่อจะรักษาภาพลักษณ์ความเท่าเทียมระหว่างดอน·ดันเตสและพาลีส·โซโรอาสเตอร์ ในตอนที่บอกเลียวนาร์ดเกี่ยวกับพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร ชายหนุ่มมิได้ระบุว่าต้องใช้เหรียญทอง
นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่า ภาพลักษณ์สามารถซื้อได้ด้วยเงิน… ไคลน์ถอนหายใจยาว ตามด้วยการหันไปพูดกับผู้ส่งสารที่สวมเดรสสีดำหรูหราและซับซ้อน
“นำไปส่งที่บ้านเลขที่ 7ถนนพินสเตอร์… เอ่อ แค่วางไว้ในกล่องจดหมายก็พอ ไม่ต้องให้ถึงมือผู้รับ”
เนื่องจากยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัดของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ ไคลน์ตัดสินใจเก็บซ่อนไพ่ตายให้มากที่สุด ดังนั้น ก่อนที่เลียวนาร์ดจะเป็นฝ่ายเขียนจดหมายมาหา มันจะไม่ยอมให้นักกวีอดีตเพื่อนร่วมงานได้เห็นมิสผู้ส่งสารเด็ดขาด
ศีรษะผมทองตาแดงในมือซ้ายของไรเน็ตต์ถูกยกขึ้นเล็กน้อย ปากหนึ่งดูดเหรียญทอง อีกปากหนึ่งงับซองจดหมาย ทว่า เธอมิได้หายตัวไปเหมือนทุกที เอาแต่ลอยค้างกลางอากาศพลางใช้ดวงตาทั้งแปดจ้องหน้าชายหนุ่ม
“มีอะไรหรือ?” ไคลน์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเดาได้ จึงซักถามด้วยสีหน้าแปลกๆ
“คุณไม่รู้ว่าบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์อยู่ที่ไหน?”
ชายหนุ่มเพิ่งฉุกคิดได้ว่า ผู้ส่งสารจะอาศัยการระบุพิกัดในเชิงศาสตร์เร้นลับ เป็นการกำหนดตำแหน่งระหว่างผู้ทำพันธสัญญากับเป้าหมายที่เคยไปส่งจดหมาย และถ้าฝ่ายหลังอยู่นอกเหนือขอบเขต ผู้ส่งสารก็มิอาจระบุพิกัดการส่ง
ได้ยินคำถามไคลน์ สี่หัวจากสองมือของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พยักหน้าพร้อมกัน บ่งบอกว่าไม่มีข้อมูล
ไคลน์ไอแห้งเล็กน้อย ก่อนจะดึงลิ้นชักและหยิบแผนที่ตัวเต็มของเมืองเบ็คลันด์ออกมากาง อันดับแรกเป็นการทำเครื่องหมายลงบนเขตเหนือ ตามด้วยการวงกลมรอบถนนพินสเตอร์
“เมื่อไปถึงถนน คุณจะเห็นเลขที่บ้าน” ไคลน์ผับแผ่นที่และยื่นให้อีกฝ่าย
ศีรษะในมือขวาของไรเน็ตต์อ้าปากงับแผนที่ ก่อนจะหายตัวไปในโลกวิญญาณ
เห็นเช่นนั้น ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลาย กลับตัวเดินออกจากห้องนอนใหญ่ อ้อมไปยังห้องกึ่งเปิดโล่งเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
รอจนกระทั่งตกดึก ก่อนที่จะแช่ร่างกายลงในอ่าน ชายหนุ่มถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอก
“การช่วยชารอนและมาริคขโมยมัมมี่ตูตันส์ที่สองถือเป็นเรื่องอันตราย” ไคลน์ถอนจี้บุษราคัมออกจากข้อมือซ้าย เริ่มทำนาย
จากนั้น ลูกตุ้มวิญญาณหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วค่อนข้างช้า องศาการแกว่งไม่กว้าง
แปลว่ามีอันตรายไม่มาก… ถึงจะเป็นกับดักที่วางไว้ล่อมาริคและชารอน แต่นั่นไม่ส่งผลกับเรา… ไคลน์ขยับมือเพื่อเสกให้ ‘แผ่นผลึกสีดำโปร่งแสง’ ขนาดเล็กลอยมาหา
นี่คือยันต์โจรปล้นดวง
ยันต์ระดับครึ่งเทพที่ไคลน์สร้างขึ้นด้วยหนอนกาลเวลา!
ถัดมา ชายหนุ่มเสกยุบพองหิวโหยให้ลอยเข้าหาและทำการสวมใส่ จากนั้นก็เสกคทาเทพสมุทรและสร้าง ‘พายุสายฟ้า’ กับ ‘ทอร์นาโด’ เพื่อทำการบันทึก
ปัจจุบัน ยุบพองหิวโหยถูกยกระดับโดยการกลายพันธุ์ ส่งผลให้สามารถบันทึกพลังพิเศษที่ไม่เกินลำดับ 3 เข้าไปได้สองครั้งผ่านดวงวิญญาณและตะกอนพลังของมิสเตอร์ X ช่วยให้ไคลน์ไม่ต้องพึ่งพาบันทึกการเดินทางของเลมาโน่อีกต่อไป ต่อสู้จึงคล่องตัวมากขึ้นเนื่องจากสองมือต้องถือแค่เพียง ‘ลางมรณะ’ และ ‘ยันต์โจรปล้นดวง’ เว้นเสียแต่จะมีมืองอกออกมาอีกสองข้าง
เตรียมตัวเสร็จ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง หยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียนคำลงไป
“เวลา สถานที่ และแผน”
…
ตีหนึ่งตรง เลียวนาร์ดที่หลับไปสองชั่วโมงเต็ม ตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า เตรียมออกจากบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์ไปยังชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล
เพียงก้าวขาออกจากบ้าน สัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้นทันที จึงต้องหันศีรษะไปมองทางด้านข้าง
ดวงตาเผยความสงสัย สองขาก้าวเดินเข้าใกล้กล่องจดหมายและเปิดออก
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ เลียวนาร์ดเก็บหนังสือพิมพ์ ใบเรียกเก็บเงิน และจดหมายทั้งหมดกลับเข้าไปในบ้าน ในกล่องจดหมายจึงไม่ควรมีอะไรอยู่เลยจนกระทั่งเช้าวันถัดไป เพราะบุรุษไปรษณีย์เลิกงานนานแล้ว ทว่า ภายในกล่องจดหมายตอนตีหนึ่งกลับมีจดหมายแผ่นบางๆ วางอยู่อย่างเงียบงัน
“ตาแก่ ไม่เห็นเตือนเลยว่ามีจดหมายใหม่” เลียวนาร์ดพึมพำขณะหยิบจดหมายออกมา
เสียงค่อนข้างชราภายในใจตอบ
“ไม่มีใครเข้ามาในบ้าน”
เลียวนาร์ดทราบเป็นอย่างดี ประสาทสัมผัสของชายชราจะมีขอบเขตไม่เกินเจ้าของร่าง จึงไม่ได้กล่าวตำหนิมากมาย เพียงแกะซองจดหมายและสะบัดคลี่อ่าน
กระดาษจดหมายเกือบจะว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งบรรดาถูกเขียนไว้
“อามุนด์มาถึงแล้ว”
อามุนด์มาถึงแล้ว… รูม่านตาเลียวนาร์ดขยายตัวทันที
พร้อมกันนั้น มันได้ยินเสียง ‘หายใจ’ ของปรสิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จำความได้