Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 873 : การสื่อสารที่แนบเนียน

ราชันเร้นลับ 873 : การสื่อสารที่แนบเนียน
หลังจากเดินผ่านประตูอาคารบ้านเลขที่ 22 ถนนเฟลป์ ออเดรย์เห็นดอน·ดันเตสเดินออกมาจากทางเดินด้านข้าง

สุภาพบุรุษหนุ่มใหญ่มาดสง่างามรายนี้สวมสูทดำทางการ ถือไม้ค้ำเลี่ยมทอง กำลังสนทนาอยู่กับเจ้าหน้าที่กองทุนด้านข้าง

คล้ายกับสัมผัสถึงสายตาของออเดรย์ ดอน·ดันเตสหันศีรษะมาทางประตูหน้าตามธรรมชาติ ดวงตาสว่างวาบเล็กน้อยประหนึ่งได้พบขุมทรัพย์ ตามด้วยการยิ้มให้และพยักหน้าทักทาย

ออเดรย์ยิ้มและทักทายกลับตามมารยาท ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่กองทุนคนที่รออำนวยความสะดวก ขึ้นไปยังชั้นสอง

ระหว่างนี้ แม้เธอจะไม่ได้หันไปมอง แต่ด้วยเพราะสัญชาตญาณของสตรี หรือไม่ก็เพราะสัญชาตญาณของ ‘ผู้ชม’ ออเดรย์ตระหนักว่าสายตาของดอน·ดันเตสยังคงแอบเหล่เธออย่างลับๆ จนกระทั่งถูกผนังของบันไดบดบัง

แสดงได้เยี่ยมมาก! เขาเผยอากัปกิริยาของสุภาพบุรุษซึ่งยากหักห้ามใจตัวเองต่อหน้าสาวงาม แต่เนื่องจากเพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งที่สอง จึงต้องสงวนท่าทีไว้หลายส่วน… สวมบทบาทของคนที่เพิ่งเคยพบกันแค่ครั้งเดียวได้สมจริงจนน่าทึ่ง… เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติในอุดมคติ ถึงขั้นทำให้ดวงตาส่องประกายเล็กๆ …

นี่เป็นความสามารถจากพลังพิเศษ หรือพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิดของเขา? เกอร์มัน·สแปร์โรว์… ไม่สิ ต้องเรียกว่ามิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ แสดงได้เก่งกาจราวกับมืออาชีพ… ไม่สิ เหนือยิ่งกว่านั้นไปอีก เพราะเขาไม่ได้เล่นใหญ่เหมือนพวกนักแสดงละครเวที… ออเดรย์ชื่นชมจากก้นบึ้ง ก่อนจะได้พบกับนักข่าวจำนวนหนึ่งที่มารอทำข่าวการจัดตั้งกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น

เธอมิใช่สตรีที่ชื่นชอบการถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ หลังจากบอกให้บุรุษรับใช้ชายแจ้งกับทางนักข่าวว่า เอิร์ลฮอลล์ไม่อนุญาตให้ใครถ่ายภาพ ออเดรย์เดินเข้าไปในห้องรับรองพร้อมกับสาวใช้ส่วนตัว แอนนี่

เอิร์ลฮอลล์สนิทกับเจ้าของสำนักพิมพ์ชื่อดังหลายแห่ง นอกจากนั้นยังหุ้นหนังสือพิมพ์เป็นจำนวนมาก หากออเดรย์ต้องการ เธอสามารถเจียดเงินมรดกหรือที่ดินบางส่วนมาก่อตั้งบริษัทหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ได้สบาย

ภายในห้องรับรองแขกพิเศษ ออเดรย์ที่ตระหนักว่าไม่เหมาะจะพาสุนัขเข้ามาด้วย กล่าวคำทักทายกับเหล่าลูกหลานขุนนางและเศรษฐีภายในห้อง รวมถึงนักบวชของศาสนจักร อาศัยความเคยชินเลือกที่นั่งซึ่งสามารถมองเห็นทุกคนได้ชัดเจน นั่งรอจนกว่าพิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น นั่นจะเป็นช่วงเวลาประชุมคณะกรรมการนัดแรก

หญิงสาวมองไปรอบๆ และกล่าวกับเจ้าหน้าที่สตรีที่คอยอำนวยความสะดวก

“โลวีซา… ฉันเพิ่งเคยเข้าร่วมงานขององค์กรการกุศล อยากทราบว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง”

โลวีซาคือหญิงสาวอายุไม่ถึงสามสิบ ผมสีทอง ผิวหยาบกร้าน มีกระสีดำหลายจุดบนใบหน้า แต่รอยยิ้มสดใสร่าเริงมาก จึงเข้ากับคนรอบข้างได้ง่าย

ได้ยินคำถามของออเดรย์ โลวีซาเล่าทุกสิ่งโดยไม่ปิดบัง

“ยุทธศาสตร์เบื้องต้นก็คือ อย่าเพิ่งขยายขอบเขตทำการมากนัก เน้นหนักเฉพาะกรุงเบ็คลันด์ไปก่อน พุ่งเป้าไปยังโรงเรียนรัฐ โรงเรียนวันอาทิตย์ และโรงเรียนภาคค่ำ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนทราบเกี่ยวกับการมีอยู่ของกองทุน โน้มน้าวให้พวกเขาสมัครเข้าร่วมกับเรา… หลังจากสมัคร ทางเราจะส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่การตรวจสอบเอกสารกับทางรัฐบาล แต่ยังต้องตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของผู้สมัครด้วย… เมื่อได้รับการอนุมัติ เราจะแจกเงินทุนสำหรับการศึกษา ให้ผู้ยากไร้ที่กระหายความรู้ ลงมือเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง…”

ขณะโลวีซากำลังพูด เสียงทุ้มลึกของบุรุษดังแทรกเข้ามา

“ผมมีคำแนะนำสองเรื่อง… ประการแรก ส่งคนไปตามโรงเรียนวันอาทิตย์ โรงเรียนภาคค่ำ และโรงเรียนรัฐเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนทุกคนตระหนักถึงการมีอยู่ของกองทุน เนื่องจากเดือนมิถุนายนเป็นฤดูกาลแห่งการสอบ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนระดับสูง หากเราทำงานล่าช้า จะมีนักเรียนที่เรียนดีจากหลายครอบครัวต้องขาดโอกาสเนื่องจากมีทุนทรัพย์ไม่เพียงพอจะสมัครสอบ แม้ในภายหลังจะได้ทราบถึงการมีอยู่ของกองทุนเรา แต่เด็กๆ เหล่านั้นคงมิอาจทำใจยอมรับช่วงเวลาที่หายไปหนึ่งปีเต็ม ส่งผลให้สูญเสียโอกาสในการพลิกชะตาชีวิตของตัวเอง… สิ่งที่พวกเราทำอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วสามารถพลิกผันชะตาชีวิตของเด็กที่มีพรสวรรค์ได้หลายคน ดังนั้น ทางเราต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด จะมัวเสียเวลาไม่ได้เด็ดขาด”

ไม่ใช่ใครนอกจากดอน·ดันเตสที่เพิ่งเข้ามาในห้องรับรองแขกพิเศษ มันแสดงความเห็นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่สีหน้าขึงขัง

จริงด้วย… เดือนมิถุนายนเป็นฤดูแห่งการสอบ ไม่ว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าโรงเรียนสามัญ สอบเข้าโรงเรียนเทคนิคเพื่อสั่งสมความชำนาญ เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับนักเรียนทุกคน… หากพวกเขาถอดใจยอมแพ้การสอบในเดือนหน้า ก็ต้องรอถึงมิถุนายนปีหน้ากว่าจะได้สอบใหม่… เราลืมเรื่องนี้เสียสนิท มิสโลวีซาและทีมงานต่างก็ลืมเสียสนิท… มิสเตอร์ดอน·ดันเตสสังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านี้ได้ยังไง? เขาเป็นห่วงเด็กๆ ที่กำลังจะสูญเสียความฝันจากก้นบึ้ง… หรือความจริงแล้วเขาจะเป็นคนจิตใจดี? ออเดรย์เริ่มมองดอน·ดันเตส – เกอร์มัน·สแปร์โรว์ในมุมใหม่

นั่นคือข้อมูลที่เธอได้รับจากพลังของผู้ชม

นักฆ่าและนักผจญภัยที่เลือดเย็นคนนั้น แท้จริงแล้วมีจิตใจอ่อนโยน? น่าเสียดาย ข่าวลือด้านลบเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่เราเคยได้ยินมาล้วนไม่มีหลักฐานยืนยัน… ออเดรย์กะพริบตาสองสามครั้ง ฟังคำอธิบายของดอน·ดันเตสอย่างตั้งใจ

“คำแนะนำที่สอง เงินทุนของนักเรียนจะถูกเก็บไว้ในบัญชีธนาคาร เมื่อครบกำหนดจ่ายค่าเทอม ให้นักเรียนนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาทำเรื่องถอนออกไป ในส่วนของค่าอาหารและที่พัก เอกสารจะลดลงจากค่าเทอม มีความซับซ้อนในการถอนน้อยกว่า เพราะพวกเขาต้องทำเป็นประจำรายสัปดาห์หรือรายเดือน… ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันมิให้พ่อแม่หรือญาติของนักเรียนนำเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย สำหรับครอบครัวที่ยากจน การถือเงินจำนวนมากในคราวเดียวเป็นเรื่องยากที่จะอดใจไหว… เราจะเปิดหนึ่งบัญชีธนาคารต่อนักเรียนหนึ่งคน หากใครต้องการถอนเงิน ก็ต้องเดินทางมาที่ธนาคารพร้อมกับเอกสารและตัวนักเรียนเสมอ นี่คือวิธีการเบื้องต้นสำหรับรับมือกับความโลภในใจมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

กล่าวไคลน์ ไคลน์นำมือทาบอก กล่าวกับออเดรย์และโลวีซา

“ได้โปรดยกโทษที่ผมเสียมารยาท พูดแทรกระหว่างบทสนทนาของพวกคุณ”

ออเดรย์ยิ้มและตอบ

“มิสเตอร์ดันเตส ข้อเสนอของคุณยอดเยี่ยมมาก ทำให้ดิฉันตระหนักว่าตัวเองยังตกหล่นในจุดใด… แต่ปัญหาก็คือ คุณพูดกับพวกเราไปก็ไม่เกิดประโยชน์… ใช่ไหมคะ มิสโลวีซา?”

โลวีซายิ้ม

“ใช่ค่ะ คุณควรนำเรื่องนี้ไปพูดในที่ประชุมคณะกรรมการนัดแรกมากกว่า”

ดูไม่ออกหรือว่าคำพูดเมื่อครู่เป็นการโน้มน้าวมิสออเดรย์ล่วงหน้า? หากซื้อใจมิสจัสติสได้ คณะกรรมการส่วนใหญ่คงไม่มีใครกล้าคัดค้าน ไม่อย่างนั้นข้อเสนอของเราอาจถูกปัดตกด้วยเหตุผลด้านขาดแคลนบุคลากร… ไคลน์แสร้งทำหน้าเศร้า ลูบฝ่ามือแผ่วเบา

“นั่นสินะครับ ผมคงหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไปจนลืมจุดยืนของตัวเอง… ผมแค่อยากทำให้มันกลายเป็นจริงหากตัวเองมีโอกาสและอำนาจในมือ”

ท่าทีของมิสเตอร์ดอน·ดันเตสแปลกไป… ค่อนข้างเล่นใหญ่… เขาน่าจะรู้ว่าตัวเราที่เป็นผู้ชมย่อมมองออก… หรือว่าเขาจงใจมาหาเรา เพื่อแอบบอกใบ้ให้เราช่วยสนับสนุนข้อเสนอทั้งสองในที่ประชุม? เมื่อออเดรย์อ่านความคิดอีกฝ่ายออก รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นอย่างสดใส

แม้เดอะเวิร์ลจะไม่เคยบอกให้ช่วย แต่เธอก็คิดจะสนับสนุนพวกพ้องชุมนุมทาโรต์อยู่แล้ว ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายแอบส่งข้อความอย่างลับๆ ในแบบฉบับมืออาชีพ นั่นยิ่งทำให้ออเดรย์มีความสุข เพราะหมายความว่าเดอะเวิร์ลมองเธอเท่าเทียมกับตัวเอง

หลังจาก ‘อภัย’ ให้กับท่าทีโผงผางของดอน·ดันเตส หลังจากนั่งมองแผ่นหลังของสุภาพบุรุษหนุ่มใหญ่เดินไปทางโต๊ะยาวที่มีเครื่องดื่มและของว่าง ออเดรย์หันกลับมองหน้าโลวีซา

“หน้าที่ของดิฉันคือการระดมเงินบริจาคตามโอกาสต่างๆ รวมถึงประสานงานกับรัฐบาลและรัฐสภา?”

“ไม่มีใครทำได้ดีกว่าคุณอีกแล้ว” โลวีซาตอบสุขุม

นั่นคือเหตุผลหลักที่ฝ่ายการกุศลของโบสถ์รัตติกาลไม่คัดค้านการเข้าร่วมของออเดรย์·ฮอลล์

ออเดรย์พยักหน้าครุ่นคิด

“หากมีเวลาว่าง ดิฉันสามารถติดตามคุณไปร่วมประชาสัมพันธ์ตามโรงเรียนด้วยได้ไหม? รวมถึงการตรวจสอบผู้สมัคร”

ใจจริง โลวีซาไม่อยากยอมรับข้อเสนอ ด้วยกังวลว่าสภาพแวดล้อมจะไม่เหมาะสมกับบุคคลอย่างมิสออเดรย์ แต่เมื่อได้เห็นดวงตาสีเขียวสดใสของอีกฝ่าย ภายในใจโลวีซายากจะคัดค้านคำขอ คำตอบที่เคยคิดจะยืนกรานเริ่มผ่อนคลายลง เธอมองว่าจิตใจที่งดงามเช่นนี้ไม่ควรถูกปิดกั้น ไม่ควรถูกแยกออกจากโลกความจริง

หากมิสออเดรย์ได้เห็นความทุกข์ยากและความน่าสังเวชของสังคมผู้ยากไร้ แล้วยังเต็มใจจะช่วยเหนือ นั่นจะเป็นผลดีอย่างมากต่อสังคม บรรดาขุนนางจะได้เลิกสร้างมโนภาพที่บิดเบี้ยวเสียที… โลวีซาหาเหตุผลให้ตัวเองได้ทันที จึงถอนหายใจและยิ้ม

“ได้สิคะ… แต่ว่า คุณไม่สามารถสวมชุดหรือเครื่องประดับหรูหราไปทำกิจกรรมได้”

ทำยังไงกับ ‘คำลวง’ ดี? แปลงเป็นกำไลข้อมือและซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อ? ออเดรย์ยิ้มตอบ

“ตกลงค่ะ”

ด้วยการสนับสนุนจากมิสออเดรย์·ฮอลล์ การประชุมคณะกรรมการนัดแรกหลังจากพิธีเปิด จบลงไปอย่างราบรื่น ไคลน์เดินทางกลับบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนอย่างอารมณ์ดี

เฉกเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอนใหญ่ตอนบ่ายสองเพื่องีบหลับ

ท่ามกลางความฝันที่เต็มไปด้วยหมอก ไคลน์สะดุ้งตื่นอย่างมีสติ

มีคนบุกรุกความฝันอีกแล้ว!

คราวนี้เป็นใครอีก? คิดจะขัดจังหวะกระทั่งการงีบยามบ่ายเลยหรือ? ไคลน์บ่นพลางเปลี่ยนความฝันของตนให้เป็นห้องกึ่งเปิดโล่งที่มีระเบียงใหญ่

จากนั้น มันเห็นเลียวนาร์ดเจ้าของผมสีดำไม่หวี ดวงตาสีเขียว กระโดดเข้ามาจากหน้าต่าง

หมอนี้เข้าทางประตูไม่เป็นรึไง? แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเข้ามาปุบปับนัก? อา คราวนี้ต้องไม่ลืมขอช่องทางติดต่อ… ไคลน์นั่งบนเก้าอี้เอนหลังด้วยสีหน้ามีชั้นเชิง ชำเลืองหางตาไปยังนักกวีอดีตเพื่อนร่วมงานพลางกล่าวด้วยเสียงผ่อนคลาย

“นี่ไม่ใช่การเยี่ยมเยียนที่สุภาพ”

ได้ยินเช่นนั้น เลียวนาร์ดโค้งศีรษะลวกๆ

“มิสเตอร์ดันเตส ผมมีบางสิ่งอยากปรึกษา”

ปรึกษา? ท่าทีค่อนข้างเป็นมิตร และดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่… ไคลน์ส่ายหน้าในลำคอ

“ว่ามา”

เลียวนาร์ดเลื่อนเก้าอี้นั่ง ถามเข้าประเด็น

“ในฐานะผู้เกี่ยวข้องกับคดีการฆ่าตัวตายของคารอน คุณคิดว่าใครคือคนร้ายตัวจริง”

เราเองก็อยากรู้เหมือนกัน… แต่ถ้าตอบไม่รู้ ภาพลักษณ์ของดอน·ดันเตสคงเสื่อมเสีย… ไคลน์คุ้นเคยกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างดี จึงหัวเราะในลำคออย่างชำนาญ ถามกลับอย่างมีชั้นเชิง

“ทางนั้นพบอะไรจากผลการสืบสวน?”

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset