ราชันเร้นลับ 870 : คำถามแทงใจ
ได้ยินเช่นนั้น ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคอึ้งไปสองสามวินาที ความละอายใจเริ่มจางหาย กล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ
“ผมจะเร่งมือสืบสวนเรื่องนี้ในเชิงลึก”
ผมจะพยายามสืบจากเครือข่ายข้อมูลสองแหล่งนี้… ไม่สิ เพื่อน… ก่อนที่ชุมนุมทาโรต์ครั้งหน้าจะเริ่มขึ้น… เดอร์ริคตั้งเป้าหมายใหม่ในใจอย่างรวดเร็ว
ได้เห็นเช่นนั้น ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบพร่า
“หากเกี่ยวข้องกับขอบเขตของเทพมรณา คุณสามารถปรึกษาผมได้โดยตรง”
เพราะฉันจะนำไปถามมิสเตอร์อะซิกต่อ… ชายหนุ่มพึมพำเงียบ
สำหรับเห็ดใหม่ของแฟรงค์·ลี ไคลน์ยังไม่มีความคิดที่จะส่งให้เดอะซันน้อยตอนนี้ เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ ‘ผล’ ของพวกมันยังเต็มไปด้วยการปนเปื้อนและจิตคลุ้มคลั่ง
“ขอบคุณครับมิสเตอร์เวิร์ล” เดอร์ริคกล่าวขอบคุณจากก้นบึ้ง
หลังจากสนทนาอีกสักพัก ชุมนุมทาโรต์เข้าสู่ช่วงเวลา ‘คาบเรียน’ จนกระทั่งสิ้นสุดลง
กลับถึงโลกความจริง ไคลน์เตรียมสะสางปัญหาเกี่ยวกับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมตนนั้น แต่เพียงไม่นานก็พบอุปสรรคตั้งแต่ขั้นตอนแรกของแผนการ
มันไม่รู้ว่าจะตามหาเลียวนาร์ด·มิเชลและคุณปู่ปรสิตได้ที่ไหน!
วิหารนักบุญแซมมวล? จริงอยู่ที่เลียวนาร์ดน่าจะอาศัยอยู่ชั้นใต้ดินของที่นั่นเป็นหลัก แต่เราเข้าไปไม่ได้… เลียวนาร์ดจะเข้าไปสวดมนต์ในวิหารสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง แถมเวลาก็ยังไม่ตายตัว หรือเราควรไปดักรอในโถงสวดมนต์วันละสามเวลาตลอดหนึ่งสัปดาห์? แผนอะไรล่ะนั่น? แถมยังอาจไม่สำเร็จด้วยซ้ำ เลียวนาร์ดเป็นถุงมือแดง จะออกไปทำคดีนอกเบ็คลันด์ตอนไหนก็ไม่มีทางเดาได้… ไคลน์รำพันด้วยความเศร้า นึกเสียดายที่ตนเอาแต่วางเชิงและใช้คารมคมคายกลั่นแกล้งเลียวนาร์ด จนลืมขอวิธีในการติดต่อ
เราควรพูดกับเลียวนาร์ดว่า ‘ผมจะบอกไคลน์·โมเร็ตติเรื่องที่ตัวตนของเขาถูกเปิดโปง ถ้าเขามีสิ่งใดจะพูดกับคุณ เขาจะฝากผมมาเป็นคนกลาง’ ด้วยวิธีนี้ เราก็จะขอช่องทางการติดต่อได้ไม่ยาก… ไคลน์ถอนหายใจ พบว่าตนเหลือเพียงทางเลือกเดียว
นั่นคือการถามกระจกวิเศษ!
หลังจากวาดสัญลักษณ์ ‘ส่องความลับ’ และ ‘การปกปิด’ บนกระดาษ ไคลน์หันไปมองกระจกเต็มบาน เฝ้ามองแสงสีขาวซีดที่ปรากฏขึ้นและรวมตัวกันเป็นข้อความภาษาโลเอ็น
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่ง อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ถ่อมตนและซื่อสัตย์ของท่าน มาตามการเรียกหาของท่านแล้ว… ก่อนจะตอบคำถาม ข้าอยากจะกล่าวว่า… ข้าผิดไปแล้ว! ผิดไปแล้วจริงๆ!”
ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมจู่ๆ ถึงยอมรับผิด?”
บนกระจก ข้อความสีขาวภาษาโลเอ็นเรียงตัวเป็นคำใหม่
“สรุปโดยสั้น ข้าเป็นฝ่ายผิดเอง…”
หลังจากจุดไข่ปลา ข้อความเรียงเป็นคำใหม่อีกครั้ง
“ในพักหลัง มีหลายคนถามเกี่ยวกับตัวตนของนายท่าน… ส่งผลให้ข่าวลือล่าสุดของนายท่านแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง”
หมายความว่า ข่าวลือที่ดอน·ดันเตสชื่นชอบสตรีทุกวัยขอเพียงมีเสน่ห์ ได้กระจายไปยังทุกซอกมุมของเมืองแล้ว ถึงขนาดที่แม้แต่มิสจัสติสก็เคยได้ยิน? แบบนี้ก็ไม่เลว เราสามารถอธิบายได้ว่า เป็นเพราะดอน·ดันเตสคือ ‘ตัวตนร่วม’ ของเหล่าข้ารับใช้ จึงมีรสนิยมทางสตรีหลากหลาย… หึหึ ดูเจ้ากระจกนี่สิ กำลังหวาดกลัวไม่ใช่หรือไง? ไคลน์แอบขบขัน ก่อนจะกล่าวต่อ
“ถึงตาเจ้าถาม”
กระจกเต็มบานสร้างประโยคใหม่ด้วยตัวอักษรสีขาว
“นายท่านจะยกโทษให้ข้าหรือไม่? ไม่สิ ท่านจะให้โอกาสข้าได้แก้ตัวหรือไม่?”
ทัศนคติยอดเยี่ยม… ไคลน์ชื่นชมในใจ ภายนอกกล่าวเสียงเรียบ
“ทำงานให้หนักขึ้น”
“ขอรับนายท่าน!” บนผิวกระจก ข้อความสีขาวซีดพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินระยิบระยับ “นายท่านอัญเชิญข้า แปลว่ามีเรื่องอยากถามข้าใช่ไหม?”
ไคลน์ผงกศีรษะ
“ถูกต้อง… เลียวนาร์ด·มิเชลจะอยู่ที่ไหนในช่วงสองสามวันถัดไป”
ตัวอักษรสีเงินสว่างบิดเบี้ยวก่อนจะจัดเรียงเป็นคำใหม่
“บ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์”
ใต้ข้อความ ผิวกระจกกระเพื่อมคล้ายคลื่นน้ำ ก่อตัวเป็นรูปภาพหนึ่ง
เป็นบ้านแถวติดถนน ชายหนุ่มผมดำตาเขียวเตรียมจะหยิบกุญแจไขประตู
ยังอยู่ที่เดิมสินะ… ถ้าเราไปเยี่ยมโดยตรง คงสูญเสียภาพลักษณ์อันน่าเกรงขามของดอน·ดันเตส นั่นไม่ใช่เรื่องดี… ให้เอ็มลินแวะไปเยี่ยมแทน? แบบนั้นเพื่อนรักนักกวีอาจสืบทราบว่า แวมไพร์ตนนี้ใกล้ชิดกับนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้… ปัญหาในตอนนี้ก็คือ เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานภาพของคุณปู่ปรสิต การให้ ‘ของขวัญ’ เขาอาจทำให้สถานการณ์ฝั่งเราแย่ลง อาจทำให้เลียวนาร์ดเดือดร้อน… เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องกับอันตรายของตัวเราโดยตรง การทำนายบนมิติหมอกคงไม่ได้ผลลัพธ์… หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์ตัดสินใจเปลี่ยนแผน
แทนที่จะบอกให้ปู่ปรสิตในตัวเลียวนาร์ดทราบเกี่ยวกับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม สู้ใช้ชื่อของพาลีส·โซโรอาสเตอร์หรืออามุนด์เพื่อข่มขู่ให้อีกฝ่ายออกจากบล็อกถนนไม่ดีกว่าหรือ? วิธีนี้นับว่าประนีประนอมและสร้างความวุ่นวายน้อยกว่า!
แน่นอน นั่นอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า เราต้องไม่เปิดเผยตัวเอง… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะถามต่อ
“ครึ่งเทพที่อยู่กับเฮเซล ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”
บนผิวกระจกเกิดคลื่นน้ำกระเพื่อม เผยให้เห็นฉากเคลื่อนไหว
บนพรมหนานุ่มที่ปักลวดลายงดงาม ท่ามกลางชุดโซฟาบุหนัง บนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่งที่ปกคลุมด้วยขนสัตว์สีขาว หนูสีเทากำลังนอนนิ่งอย่างสบายใจ เมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน ดวงตาของมันมีสีแดงเข้มผิดปรกติ
หนู… ครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมกลายเป็นปรสิตในร่างหนู? ตอนนี้กำลังนอนกลางวันอย่างสบายใจบนโซฟาหรูหราในห้องส่วนตัวของเฮเซล? เพราะเราเข้าไปขัดขวาง อีกฝ่ายจึงต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้? ไคลน์ผงะในตอนแรก ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
เมื่อฉากแปรเปลี่ยน ข้อความบนกระจกเรียงกันเป็นประโยคใหม่
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ต้องการให้ข้าลงมือหรือไม่?”
กระตือรือร้นมาก… ไคลน์อืมในลำคอ
“ใช้กระจกภายในห้องดังกล่าว ตักเตือนครึ่งเทพรายนั้น… บอกกับอีกฝ่ายว่า ในละแวกนี้ยังมีเทวทูตบนเส้นทางนักจารกรรมที่ไม่เป็นมิตรอาศัยอยู่หนึ่งตน นอกจากนั้น อามุนด์ยังสามารถปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ”
“ขอรับนายท่าน! ข้าจะลงมือทันที!” ตัวอักษรบนกระจกส่องแสงสีเงินระยิบระยับ
…
ในห้องนอนเฮเซล สัมผัสวิญญาณของหนูสีเทาถูกกระตุ้นกะทันหัน จึงรีบยืนขึ้นและหันไปมองกระจกเงาเต็มบานในห้อง
บนผิวกระจก ถ้อยคำที่ราวกับเขียนจากเลือดสดซึ่งยังไม่แห้ง ค่อยๆ เรียงกันทีละตัว
“ออกไปจากบล็อกถนนนี้!”
ดวงตาของหนูสีเทาชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากถาม
“ทำไม?”
ตัวอักษรที่ดูคล้ายเลือดสดค่อยๆ เรียงตัวเป็นคำใหม่
“ในละแวกใกล้เคียงมีเทวทูตเส้นทางนักจารกรรมที่กำลังกระหายพลัง ผู้วิเศษลำดับสูงบนเส้นทางเดียวกันย่อมถูกมองเป็นศัตรู ไม่เพียงเท่านั้น ผู้เย้ยเทพอามุนด์กำลังตรงมาที่นี่… ข้าเตือนเจ้าเพราะไม่อยากให้พวกมันได้ประโยชน์”
หนูส่งเสียงเล็กๆ พร้อมกับถามลุ่มลึก
“แล้วเจ้าเป็นใคร?”
มันกำลังหงุดหงิด หงุดหงิดเรื่องที่พลังซึ่งอุตส่าห์สั่งสมมาอย่างยากลำบาก กลับถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่าจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ส่งผลให้ไม่สามารถทำนายยืนยันสถานการณ์ปัจจุบันด้วยโหราศาสตร์
กระจกเงามืดลงตอนไหนไม่มีใครทราบ ถ้อยคำเปื้อนเลือดเลือนหายไปก่อนจะแทนที่ด้วยประโยคใหม่
“ข้าตอบคำถามของเจ้าแล้ว ตามหลักการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม เจ้าต้องตอบคำถาม”
ถัดมา ข้อความเลือดบรรทัดใหม่ถูกเขียนเพิ่มเติมด้านล่าง
“หลังจากรีบร้อนสิงร่างหนูในฐานะปรสิต เจ้าคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนและโครงสร้างทางชีวภาพ คำถามของข้าก็คือ เจ้าอยากจะผสมพันธุ์กับใครในตัวเลือกเหล่านี้: มนุษย์เพศหญิง มนุษย์เพศชาย หนูตัวเมีย หนูตัวผู้ หรืออะไรก็ได้? จงตอบ”
ในเวลาเดียวกัน เฮเซลเปิดประตูห้องเข้ามา แต่คล้ายกับหนูสีเทาไม่ได้เอะใจหรือสังเกตเห็น
เมื่อประตูเปิดแง้ม เฮเซลเห็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าครึ่งเทพซึ่งมีอยู่แค่ในตำนาน กำลังจ้องไปยังกระจกเงาด้วยสายตาเหม่อลอย ประหนึ่งหลงใหลในรูปลักษณ์ปัจจุบันเสียเต็มประดา รูปลักษณ์ที่ว่าคือหนูสีเทาดวงตาสีแดง
หือ… เฮเซลขมวดคิ้ว ชะงักมือที่กำลังผลักประตูโดยไม่รู้ตัว
จากนั้น เธอเห็นหนูสีเทากำลังตัวสั่น ดวงตาสีแดงปรากฏความเกรี้ยวกราดชัดเจน
“อย่ามาล้อเล่นกับข้า!” หนูสีเทาคำรามต่ำ
ขณะเตรียมวิ่งออกจากห้อง ร่างกายของมันพลันถูกพันธนาการด้วยบ่วงล่องหน!
หากเป็นสถานการณ์ปรกติ มันคงไม่ต้องกังวลกับอิทธิพลเล็กน้อยแค่นี้ แต่ปัจจุบัน พลังที่มันสั่งสมมาถูกใช้ไปจนเกือบหมดกับการสร้างความฝันให้กับผู้วิเศษที่ดอน·ดันเตสจ้างมาเป็นบอดี้การ์ด
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีเงินเส้นใหญ่ผุดขึ้นจากความว่างเปล่า ผ่าลงมายังกลางกระหม่อมของหนูสีเทา
การมองเห็นของเฮเซลสว่างวาบไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ กลับคืนมาทีละนิด จนกระทั่งเธอพบว่าหนูสีเทากำลังนอนหงายอยู่บนพื้นในสภาพไหม้เกรียม เท้าทั้งสี่ชักกระตุกแผ่วเบา