Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 850 : ในรายละเอียด

ราชันเร้นลับ 850 : ในรายละเอียด
“ฟังดูเป็นเรื่องแต่ง… ตั้งแต่มีการค้นพบเส้นทางเดินเรือใหม่ ตำนานความร่ำรวยที่เกิดจากการเสี่ยงชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” โซสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาโทรเลข ตามด้วยการหันไปทางถุงมือแดงคนหนึ่ง “ผมจำได้ว่าพวกเราเคยสอบปากคำดอน·ดันเตสในความฝันมาแล้ว”

“ใช่ครับ” ถุงมือแดงคนเดียวกันพยักหน้าและเสริม “ผมไม่ได้ถามเรื่องนี้โดยตรง แต่สามารถบอกได้ว่าดอน·ดันเตสคุ้นเคยกับทวีปใต้เป็นอย่างดี มีประสบการณ์มากมายที่นั่น”

หึหึ ดอน·ดันเตสคงจงใจทำให้นายคิดแบบนั้น… เลียวนาร์ดไม่เชื่อเนื้อหาของโทรเลขมากนัก สงสัยว่านี่คงเป็นตัวตนอีกหนึ่งชั้นของสัตว์ประหลาดที่รอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สี่

อย่างไรก็ตาม มันมิได้เสนอแนวคิดของตัวเอง เพราะไม่มีเหตุผลรองรับที่ดีพอ

โซสต์มิได้ใส่ใจมากนัก เพียงหันหน้าไปทางหนึ่งและกล่าว

“คุณมีเบาะแสเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์บ้างไหม?”

“นักผจญภัยเสียสติรายนี้ปรากฏตัวบนท้องทะเลอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามสัปดาห์หลัง แล้วเขากลับมาที่เบ็คลันด์ตอนไหน?” ในฐานะ ‘ฝันร้าย’ ซินดี้ตอกย้ำความฉงนก่อนหน้า “ฉันไม่สนใจว่าเวลาที่แน่นอน แต่คาใจมากเรื่องที่เขาสามารถเดินทางมาถึงกรุงเบ็คลันด์ภายในเวลาสั้นๆ ด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนั้น… พวกคุณก็รู้ เมืองหลวงของโลเอ็นอยู่ห่างจากทะเลค่อนข้างมาก”

โซสต์พยักหน้ารับแผ่วเบา

“ในการประชุมเมื่อครู่ อาวุโสคนหนึ่งในตั้งคำถามแบบเดียวกัน ตำแหน่งสุดท้ายที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ปรากฏตัว เมื่อคำนวณจากเวลาและระยะทาง ไม่มีโอกาสที่เขาจะลอบแทรกซึมวิหารนักบุญแซมมวลเมื่อคืนได้เลย… แน่นอน ผมกำลังหมายถึงในสถานการณ์ปรกติ… คนงานที่หายไปบอกกับเราว่า ขณะกำลังทำความสะอาดจัตุรัสด้านนอก จู่ๆ ก็ควบคุมร่างกายไม่ได้ หมดสิทธิ์ร้องขอความช่วยเหลือโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็เห็นสีสันทั้งหมดฉูดฉาดขึ้นราวกับภาพวาดสีน้ำมัน ร่างกายเบาหวิวและลอยขึ้น… หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไป และเมื่อตื่นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งในเขตตะวันออก… พลังในช่วงแรกสอดคล้องกับ ‘การเข้าสิง’ ของวิญญาณอาฆาตที่ผู้คุมเคยอธิบายให้ฟัง ส่วนพลังอย่างหลังสอดคล้องกับ ‘เทเลพอร์ต’ ของนักท่องเที่ยว”

“ถ้าเป็น ‘เทเลพอร์ต’ จริง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็สามารถปรากฏตัวในเบ็คลันด์ได้ตลอดเวลา”

ในฐานะหน่วยหัวกะทิของเหยี่ยวราตรี ถุงมือแดงมีข้อมูลในเชิงศาสตร์เร้นลับมักกว่าเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน จึงคุ้นเคยกับโอสถที่ชื่อวิญญาณอาฆาตและนักท่องเที่ยว

หลังจากฟังคำอธิบายของหัวหน้า ถุงมือแดงอีกหนึ่งคนเสริมอย่างรอบคอบ

“พลเรือเอกโลหิตซึ่งมีข่าวลือว่าถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ล่าไปแล้ว… เป็นวิญญาณอาฆาต”

รายละเอียดสอดคล้องกัน!

และเหตุผลเรื่องที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถใช้พลังของวิญญาณอาฆาตได้อย่างไร คำอธิบายไม่ซับซ้อน ง่ายที่สุดคือการนำตะกอนพลังของเหยื่อไปให้ช่างฝีมือสร้างเป็นสมบัติวิเศษ

ซินดี้เล่าเสริม

“กล่าวกันว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถแปลงโฉมได้… ผู้คุมถูกแปลงโฉมสวมรอยเพื่อแทรกซึมเข้าไปในประตูยานิส”

อีกหนึ่งข้อมูลที่สอดคล้อง!

“สรุปได้เยี่ยม” โซสต์ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผาก “พิจารณาจากข้อมูลเมื่อครู่ เราสามารถฟันธงได้ว่าคนร้ายคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ และถ้าอนุมานจากทฤษฎีดังกล่าว การคาดเดาและแนวทางการสืบสวนในตอนแรกของเรากำลังไปผิดทาง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่จำเป็นต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด เขาสามารถแปลกโฉมเป็นใครก็ได้ ลอบเข้ามาในวิหารทุกวันด้วยใบหน้าที่แตกต่าง สำรวจโครงสร้างอาคารและเวรยามของผู้คุม วิธีนี้จะแนบเนียนยิ่งกว่าการมีผู้สมรู้ร่วมคิด”

ในฐานะวิหารของโบสถ์รัตติกาลที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเบ็คลันด์ มีสาวกจำนวนมหาศาลหลั่งไหลมาสวดวิงวอนที่วิหารนักบุญแซมมวลในทุกวัน ไม่มีทางที่บิชอปจะจดจำใบหน้าได้หมด

“นั่นหมายความว่า รายชื่อผู้ต้องสงสัยก่อนหน้าไม่มีความหมายแล้ว?” เลียวนาร์ดยกมือขึ้นถาม น้ำเสียงค่อนข้างมีอารมณ์ร่วม

“ถูกต้อง ตอนนี้พวกเราต้องทุ่มความสนใจไปยังเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นหลัก สำหรับผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ เราจะไม่ทำมากไปกว่าการสอบสวนเบื้องต้น” กล่าวจบ โซสต์ปรบมือ “เอาล่ะ แยกย้ายไปทำตัวยุ่งกันได้แล้ว”

เลียวนาร์ดไม่โต้แย้ง เตรียมเดินทางไปหาจิตแห่งจักรกล ทูตพิพากษา และ MI9 เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม

เช้าตรู่วันอังคาร ไคลน์ตื่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติหลังจากหลับยาว ภายในใจเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย สงบสุข และมีความสุขที่ยากจะบรรยาย

พลังพิเศษของนักจิตบำบัดมีประโยชน์มาก… แถมยังเหมาะสมมิสจัสติสที่ชอบมองโลกในแง่บวกประหนึ่งแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมายังโลก… ไคลน์ลุกพรวดและเดินไปเปิดผ้าม่าน

ชายหนุ่มดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของดวงอาทิตย์สีทองด้านนอก จิตใจที่ถูกกระตุ้นให้มีแรงฮึดอีกครั้ง เริ่มวางแผนระยะยาวในอีกสองสามเดือนถัดไป หรือแม้กระทั่งหนึ่งปี

อันดับแรก มองหาหุ่นเชิดตัวใหม่…

อันดับที่สอง อาศัยตัวตนดอน·ดันเตสและหุ่นเชิดใหม่และทำการ ‘กำกับการแสดง’ เพื่อย่อยโอสถ…

อันดับที่สาม ระหว่างนั้นก็คอยรวบรวมวัสดุสำหรับปรุงโอสถจอมเวทพิสดาร… จากบรรดาทั้งหมด เราสามารถถามเบาะแสของมารพิสดารได้จากเดอะซันน้อย ส่วนหัวขโมยโลกวิญญาณคงต้องปรึกษากับมิสเตอร์อะซิก เพราะโลกแห่งความตายเองก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณ…

อันดับที่สี่… สืบสวนหาเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ รวมถึงสืบสวนอินซ์·แซงวีลล์และครึ่งเทพที่ฆ่าปิดปากกัปตันคลั่ง… ไม่มีใครเหมาะแก่การเป็นเหยื่อสังเวยในพิธีกรรมเลื่อนลำดับไปมากกว่าพวกมันอีกแล้ว… แต่ต้องคอยระวัง 0-08 ให้ดี คอยตรวจสอบว่ามีความบังเอิญเกิดขึ้นอย่างผิดปรกติหรือไม่… อา ระหว่างการสืบสวน งานหลักของเราคือการสนับสนุนจากวงนอก ส่วนงานอันตรายจะตกเป็นของแม่มดทริสซี่”

แนวทางของไคลน์ทวีความชัดเจน แม้ลึกๆ แล้วจะยังหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจอีกต่อไป

ถอนสายตากลับจากระเบียง ไคลน์เดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนบุคคล

เพียงไม่นาน ชายหนุ่มเปิดประตูด้วยสีหน้าสดชื่นและพบกับบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน รวมถึงพ่อบ้านวอลเตอร์ที่กำลังยืนรอด้านนอก

สุภาพบุรุษรายหลังผู้สวมถุงมือสีขาว โค้งศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม

“อรุณสวัสดิ์นายท่าน กำหนดการของวันนี้มีเพียงเรื่องเดียว บ่ายสามโมงตรง นายท่านต้องแวะไปเยือนสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก เข้าร่วมกิจกรรมของส.ส. มัคท์… เขาเป็นสมาชิกของพรรคหัวก้าวหน้า การตอบรับคำเชิญในวันนี้จะเท่ากับเป็นการแสดงจุดยืนทางการเมืองเบื้องต้นของนายท่าน ตอนนี้ยังมีเวลาให้ตัดสินใจ”

ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ

“ไม่จำเป็นต้องลังเล นั่นคือตัวเลือกของผม”

มันเว้นวรรคเล็กน้อย ตามด้วยถามกึ่งหยั่งเชิง

“นี่คือครั้งแรกที่ผมจะได้เข้าไปในสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก มีเรื่องใดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษไหม?”

“ยกย่องคุณงามความดีที่พวกเขาเคยทำในไบลัมตะวันออก รวมถึงการบริจาคเงินในจำนวนที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ตัวเลขที่ผมแนะนำคือห้าร้อยปอนด์” พ่อบ้านวอลเตอร์แสดงความเห็นส่วนตัว

ห้าร้อยปอนด์… ให้ตายสิ ไม่ว่าจะเข้าสู่แวดวงใดก็ต้องจ่ายหนักเสมอ… นั่นสินะ ดอน·ดันเตสมิได้มีชาติตระกูลหรือปูมหลังที่สูงส่ง จำต้องใช้เงินเป็นใบเบิกทาง… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา เห็นด้วยกับข้อเสนอของพ่อบ้าน

ขณะเดียวกัน มันคำนวณทรัพย์สินปัจจุบันภายในใจ

ช่างฝีมือยังผลิตสมบัติวิเศษของผู้ขับขานสมุทรไม่เสร็จ แต่เราได้รับเงินจากตะกอนพลังของผู้ชี้นำความสับสนและดรูอิดแล้ว รวมทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นหกพันปอนด์…

เมื่อนำไปรวมกับเงินสดของเดิม หักออกไปหนึ่งหมื่นสามพันปอนด์จากหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโคอิม หักค่าบริจาคให้กับวิหารนักบุญแซมมวลและค่าใช้จ่ายปัจจุบันของเศรษฐี เราจะเหลือเงินสดติดตัว 23,985 ปอนด์กับอีกห้าเหรียญทอง…

นอกจากนั้น เรายังติดหนี้ของมิสผู้ส่งสารอีก 3,413 เหรียญทอง…

ห้าร้อยปอนด์จะเท่ากับทรัพย์สินของเราประมาณสองเปอร์เซ็นต์…

ไคลน์ไม่กล่าวคำใด เดินออกจากห้องนอนลงไปยังชั้นสอง เพลิดเพลินไปกับอาหารมื้อเช้า

ภายในชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ด·มิเชลกลับมายังห้องทำงานเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นๆ

มันเพิ่งได้รับข้อมูลที่สำคัญอย่างมากมาชุดหนึ่ง

องค์ชายเอ็ดซัคที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ ครั้งหนึ่งเคยจ้างนักสืบเอกชนมาสืบสวนการตายของครูสอนขี่ม้าส่วนตัว ทาลิม·ดูมงต์

และนักสืบเอกชนคนนั้นมีชื่อว่า

เชอร์ล็อก·โมเรียตี้!

เป็นอย่างที่คิด! ชายคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างห่างๆ กับโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน! เลียวนาร์ดเลื่อนมือขึ้นมาสางผมด้วยความดีใจเจือตื่นเต้น

ถัดมา มันใช้กำปั้นกดลงบนแผ่นเอกสารบนโต๊ะ พยายามมองหาเบาะแสเพิ่มเติม

แต่สุดท้ายกลับหยุดนิ่งนานเจ็ดแปดวินาที ก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบพลางพึมพำ

เมื่อครู่เราคิดจะทำอะไร? ดันลืมสนิทหลังจากชกกำปั้นลงไป…

หลังจากนั่งนึกอย่างถี่ถ้วน เลียวนาร์ดที่นึกออกรีบเปิดลิ้นชัก หยิบไพ่ทาโรต์ออกมาหนึ่งสำรับ

จากนั้นก็นำไพ่เดอะฟูลวางไว้บนแผ่นกระดาษสีขาว เขียนชื่อสามชื่อลงไป

“เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ดอน·ดันเตส”

ลังเลสักพัก ก่อนที่เลียวนาร์ดจะลากเส้นจากทั้งสามชื่อไปหาเดอะฟูล สื่อว่าทั้งสามเป็นสมาชิกขององค์กรลับที่นับถือเดอะฟูล

จากบรรดาทั้งสาม มันไม่มั่นใจเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์มากนัก จึงวาดเครื่องหมายคำถามไว้ด้านข้าง

ถัดมา เลียวนาร์ดนำไพ่ ‘จักรพรรดิ’ วางไว้ข้างชื่อเชอร์ล็อก·โมเรียตี้พร้อมกับเขียนกำกับ : สงสัยว่าจะเป็น

เกอร์มัน·สแปร์โรว์กับดอน·ดันเตสสอดคล้องกับไพ่อะไร? เลียวนาร์ดพึมพำสักพัก ตามด้วยหยิบเอกสารรายงานเกี่ยวกับนักผจญภัยเสียสติขึ้นมาอ่าน

ทันใดนั้น มันพบ ‘ช่วงเวลา’ ที่ตนคุ้นเคยอีกครั้ง

ต้นเดือนมกราคม!

เกอร์มัน·สแปร์โรว์ปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงต้นเดือนมกราคม!

อย่าบอกนะว่า… เลียวนาร์ดสูดลมหายใจลึก รีบเปิดอ่านเอกสารถัดไปจนกระทั่งพบข้อความท้ายกระดาษ

“ในช่วงปลายเดือนมกราคม เชอร์ล็อก·โมเรียตี้เดินทางออกจากกรุงเบ็คลันด์เพื่อพักร้อนทางใต้ แต่จากนั้นก็ไม่กลับมาอีกเลย”

สิ้นเดือนธันวาคม… ต้นเดือนมกราคม… เบ็คลันด์… ท่าเรือพริสต์… เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถแปลงโฉม… อย่าบอกนะว่า? เลียวนาร์ดกระซิบแผ่วเบา พลางขีดเครื่องหมาย ‘เท่ากับ’ ระหว่างชื่อของเกอร์มัน·สแปร์โรว์และเชอร์ล็อก·โมเรียตี้

นักสืบชื่อดังรายนี้คือกุญแจสำคัญ… เลียวนาร์ดนำภาพเหมือนของนักสืบเชอร์ล็อกที่วาดจากพิธีกรรมออกมาตรวจสอบอีกครั้ง เพ่งมองอย่างตั้งใจ

หลังจากพิจารณาในมุมมองที่ว่า ‘รูปลักษณ์สามารถเปลี่ยนแปลง’ มันพยายามสร้างภาพนักสืบขึ้นมาหลายแบบ

ทำอยู่ได้สักพัก ดวงตาเลียวนาร์ดค่อยๆ แข็งทื่อ คิ้วขมวดชนกันอย่างมิอาจควบคุม

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset