Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 849 : ค่ารักษา

ราชันเร้นลับ 849 : ค่ารักษา
ฝันร้าย? ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะตอบ

“มีบ้าง… ผมฝันถึงเมืองที่เต็มไปด้วยสายหมอก ดวงจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าบ้างสว่างบ้างริบหรี่… ใจกลางเมืองมีวิหารสีดำ ภายในวิหารมีศพถูกแขวนกลางอากาศ ศพสวมเสื้อผ้าที่มาจากต่างยุคสมัย โยกเอนไปตามสายลมพร้อมกับส่งเสียงเพรียกพิสดาร… นอกจากนั้นยังมีหญิงงามที่ถูกแขวนกลางอากาศ ตามซอกฟันของเธอเต็มไปด้วยเลือดเนื้อมนุษย์… เห็ดยักษ์ที่ประกอบจากเห็ดขนาดเล็กจำนวนมาก”

เพื่อรักษาอาการทางจิต ไคลน์เล่าความฝันอย่างละเอียด แต่ไม่ได้บอกว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกความจริง ไม่ได้บอกว่ารู้จักกับสตรีลึกลับที่ถูกแขวน ไม่ได้บอกว่ารู้จักต้นตอของเห็นพิสดาร นอกจากนั้นยังปกปิดตัวตนของหนอนแมลงโปร่งใสและเรื่องของซาราธ

ออเดรย์ฟังอย่างตั้งใจ อาศัยความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับและพลังพิเศษของตัวเองช่วยตีความ หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงกล่าว

“มิสเตอร์เวิร์ล ดิฉันสัมผัสถึงความน่ากลัวและชั่วร้ายภายในความฝันข้างต้น รวมถึงความหวาดกลัวในจิตใจของคุณ”

เมื่อเห็นว่าบุรุษฝั่งตรงข้ามไม้กระดานมิได้โต้แย้ง ออเดรย์เริ่มมั่นใจว่าเป็นตามที่เธอกล่าว จึงใช้พลัง ‘ปลอบโยน’ อีกหนึ่งครั้งและเริ่มการ ‘ชี้นำ’

“ความกลัวที่เกิดขึ้นในความฝันส่วนมากมักเป็นผลจากห้วงอารมณ์ลึกๆ ในจิตใจ ตามปรกติแล้ว ต้นตอของความกลัวในจะมีอยู่สองประเภท หนึ่งคือความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้ และอีกหนึ่งคือความกลัวที่เกิดจากการยอมสยบ… ภาพอันโหดร้ายที่คุณเห็นเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน ไม่ใช่ความจริง ความกลัวที่แท้จริงของคุณจะซ่อนอยู่ในความหมายที่แฝงมากับสัญลักษณ์”

กล่าวจบ ออเดรย์ถามทันที

“สิ่งนั้นคืออะไร?”

ไคลน์ที่นั่งฟังเสียงอันไพเราะของจัสติสพลันเกิดความผ่อนคลายและเคลิบเคลิ้ม จนกระทั่งได้ยินคำถาม จึงตอบกลับไปตามจิตใต้สำนึก

“ตัวตนที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา”

มันเว้นวรรคสักพัก เสริมด้วยความลังเล

“นอกจากจะไม่รู้จัก ผมยังต้องยอมสยบต่ออีกฝ่าย”

ทันใดนั้น ไคลน์เข้าใจทันทีว่าทำไมตนถึงฝันร้าย รวมถึงเหตุผลที่เกิดอาการทางจิต

สัญชาตญาณของมันหวาดกลัวต่อบางสิ่ง จนเกิดอารมณ์ด้านลบโดยไม่รู้ตัว

ความหวาดกลัวเกิดจากทั้งกลุ่มก้อนหนอนแมลงสีใส พฤติกรรมอันน่ากลัวของซาราธ รวมถึงเจตนาที่ไม่ชัดเจนของเทวทูต ‘นักลบ’ และเหตุผลที่สามารถใช้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดในการเปิดประตูหลบหนี ทุกสิ่งล้วงสร้างความสิ้นหวังที่ทำให้ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน ส่วนความไม่รู้เกิดจากการที่ตนไม่รู้ว่า ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู และใครกำลังวางแผนแบบใด

ใช่แล้ว… เรากลัวกลุ่มหนอนแมลงสีใสที่น่าจะเป็นลำดับ 1 ของเส้นทางนักทำนาย ‘บริวารเร้นลับ’ … เรากลัวเพราะไม่รู้ว่าซาราธได้อะไรจากการหลอกให้เราเปิดประตู… เรากลัวเทพธิดาที่มีเจตนาไม่ชัดเจน เฉกเช่นเทวทูตนักลบตนดังกล่าว… ไคลน์หายใจเข้าออกเชื่องช้า ก้นบึ้งหัวใจยอมรับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น

ออเดรย์ใช้พลังปลอบโยนอีกครั้ง พบว่าจิตของเดอะเวิร์ลคลายความกังวลลงหลายส่วน หญิงสาวที่เริ่มความยินดีตัดสินใจพูดเข้าประเด็น

“สาเหตุหลักของความกลัวคือความไม่มั่นใจในตัวเอง ลองนึกดูให้ดีว่าคุณเคยทำตัวประมาทเลินเล่อ หรือละเลยสิ่งใดจนดวงวิญญาณต้องคอยตักเตือน คอยบอกใบ้และนำทาง จนกระทั่งพัฒนากลายเป็นส่วนหนึ่งของฝันร้าย”

ทำตัวประมาทเลินเล่อ ก่อความผิดพลาดจนดวงวิญญาณต้องคอยตักเตือน… ไคลน์นึกทบทวนคำพูดมิสจัสติส พยายามวิเคราะห์อย่างละเอียด

เพียงไม่นาน สีหน้าของมันเริ่มดำมืดขณะพบปัญหา

เราสาบานกับดาบศักดิ์สิทธิ์โดยมีเทพธิดาเป็นสักขีพยาน… แม้ในตอนที่ทำการสาบาน เรายังไม่ได้ตัวตลก พลังของสายหมอกยังมิได้แทรกแซงโลกความจริง ช่วยให้เล็ดลอดจากสายตาของเทพบางตน ครึ่งเทพ และสัตว์วิญญาณ แต่ในความเป็นจริง เรามิอาจเปลี่ยนแปลงหรือปกปิด ‘โชคชะตา’ ดังกล่าวได้ และพลังของ ‘โชคชะตา’ อยู่ในขอบเขตเส้นทางสัตว์ประหลาด…

แต่ต้องไม่ลืมว่า เทพธิดารัตติกาลยังมีสมญานาม ‘จักรพรรดินีแห่งหายนะและความอับโชค’ มีอำนาจในขอบเขตของ ‘โชคร้าย’ เป็นส่วนหนึ่งของพลังในขอบเขต ‘โชคชะตา’ !

ทำให้เราถูก ‘พระองค์’ จับตามองในภายหลัง?

จิตไคลน์เริ่มสงบลง ความกลัวที่มีบ่อเกิดจากความไม่รู้เริ่มบรรเทาลงหลายส่วน

ชายหนุ่มไม่ชอบคำถามหรือปล่อยให้จัสติสพูด ชิงถามตัดหน้า

“ถ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูหรือกลุ่มศัตรูที่ยากจะเอาชนะ เป็นคุณจะทำอย่างไร?”

ออเดรย์มิได้หงุดหงิดที่คนไข้ถาม กลับกัน เธอมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี จึงมอบคำตอบหลังจากครุ่นคิด

“อันดับแรกก็ต้องซ่อนตัวให้มิดชิด พยายามพัฒนาตัวเอง”

“แล้วถ้าเวลาในการซ่อนตัวมีไม่มากพอจะพัฒนาฝีมือจนสามารถต่อกรกับอีกฝ่าย?” ไคลน์ถามจี้ “แล้วถ้าระยะห่างของทั้งสองฝ่ายมากเกินกว่าจะลดช่องว่าง?”

ออเดรย์ตอบกึ่งปลอบใจกึ่งสาระ

“มองหาตัวช่วย”

ตัวช่วย… หลากหลายชื่อผุดขึ้นในใจไคลน์ ช่วยให้จิตใจของมันเริ่มชุ่มชื่น ก่อนจะถามต่อ

“แล้วถ้าต่อให้มีผู้ช่วยมากมาย ศัตรูก็ไม่ใช่ระดับที่สามารถเอาชนะได้? แล้วถ้าผู้ช่วยบางคนมีเจตนาคลุมเครือ ยากจะคาดเดาว่ามีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน?”

ออเดรย์ผงะเล็กน้อย ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ

“สวดวิงวอนถึงเทพ”

เธอเกือบจะหลุดปากไปว่า มิสเตอร์เวิร์ล ทำไมถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล!

คำถามเมื่อครู่ช่วยให้ออเดรย์มั่นใจในหนึ่งเรื่อง นั่นคืออาการทางจิตของมิสเตอร์เวิร์ลมีบ่อเกิดจากตัวตนลึกลับและทรงพลัง ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทราบเจตนาและจุดประสงค์ของ ‘ผู้ช่วย’ ฝ่ายตนดีพอ

สวดวิงวอนถึงเทพ… ไคลน์ไม่กล้าถามออกไปว่า แล้วถ้าเทพช่วยอะไรไม่ได้ล่ะ? ความคิดของเทพ ยากที่มนุษย์จะหยักถึงแก่นแท้ อย่างไรก็ตาม มันพูดเช่นนั้นไม่ได้ เพราะที่นี่คือดินแดนของเดอะฟูล และตัวมันก็เป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล

ชายหนุ่มเรียบเรียงคำพูด

“เทพช่วยได้แค่บางเรื่องเท่านั้น ถ้านั่นยังไม่เพียงพอล่ะ?”

“…” ออเดรย์ต้องการตอบกลับไปว่า ความดีจะชนะความชั่วร้ายเสมอ แต่สุดท้ายเธอก็ปิดปากเงียบเนื่องจากนึกตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมไม่ออก ทำได้เพียงเม้มปากตอบ

“ดิฉันเองก็ไม่ทราบ”

ภายในตู้สารภาพบาป ความมืดมิดและเงียบสงัดกำลังปกคลุมทุกอณู คนทั้งสองไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน ต่างฝ่ายต่างต่อสู้กับความขัดแย้งภายในใจ

ในที่สุด ออเดรย์ตัดสินใจทำลายความเงียบ จ้องไปยังแผ่นกระดาษที่กั้นคนทั้งสองและกล่าว

“อย่างไรก็ดี คุณต้องดิ้นรนทำอะไรสักอย่าง ห้ามถอดใจยอมแพ้โดยที่ยังไม่ลงมือเด็ดขาด”

นั่นสินะ… อย่างน้อยตัวเราก็ยังมีความลับอีกมาก ยังมีอีกหลายสิ่งให้พึ่งพา… ไคลน์หลับตาลงพลางเอนหลังพิงพนัก สตินึกทบทวนเหตุการณ์ล่าสุดโดยปราศจากความตึงเครียดและกังวล

ออเดรย์ที่สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลง รีบใช้พลังปลอบโยนซ้ำอีกครั้ง หลังจากลงมือเสร็จ สภาพจิตใจไคลน์ฟื้นฟูกลับสู่ภาวะปรกติโดยสมบูรณ์

“ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณสำหรับการรักษา… คุณคิดค่ารักษาเท่าไร?” ไคลน์ถามนำ

อันที่จริง ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณสำหรับโอกาสในการรักษาคนไข้ที่หาได้ยาก… ออเดรย์ผู้ไม่ต้องการเก็บค่ารักษา มองตรงไปยังแผ่นกระดานท่ามกลางความมืดสนิท อดไม่ได้ที่จะนึกทบทวนภาพจำเก่าๆ เกี่ยวกับเดอะเวิร์ล นึกทบทวนเรื่องที่ชายคนนี้เป็นนักฆ่ามากประสบการณ์และเลือดเย็น

หืม… อาการทางจิตของเขา บางส่วนอาจเป็นผลมาจากอุปนิสัยส่วนตัว… ออเดรย์ฉุกคิดบางสิ่งได้ ยกมุมปากเล็กๆ ก่อนจะตอบ

“ค่ารักษาที่ดิฉันต้องการนั้นมิได้มากมายอะไร… ใช่แล้ว… แค่อวยพรให้ดิฉันมีความสุขก็พอ!”

อะไรอีกล่ะนั่น… ไคลน์ตะลึงจนเกือบลืมสวมหน้ากากเกอร์มัน·สแปร์โรว์

คำขอแบบนี้ มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยสักครั้ง!

ไคลน์ลังเลสักพัก แต่สุดท้ายก็ตอบกลับด้วยมาดเย็นชาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“ในเมื่อเป็นสิ่งที่คุณต้องการ… ขอให้มีความสุขมากๆ”

ออเดรย์ฉีกยิ้มกว้างทันที

“ฉันก็ขอให้คุณมีความสุขเช่นกัน! มิสเตอร์เวิร์ล อย่าเก็บสิ่งต่างๆ ไว้ในใจมากเกินไป ยิ้มให้มาก มีความสุขให้มาก นั่นจะช่วยขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในใจได้หลายส่วน… เอาล่ะ อาการทางจิตของคุณได้รับการรักษาแล้ว แต่ต้องมีการตรวจซ้ำเพื่อติดตามผลในอีกสองสามวันข้างหน้า หรือไม่ก็สัปดาห์หน้า”

ไคลน์ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก ทำได้เพียงอืมในลำคอ

จากนั้น ชายหนุ่มได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งของตู้สารภาพบาปถูกเปิดออก อาศัยมุมมองของเดอะฟูล มันเห็นหญิงสาวก้าวออกไปพร้อมกับเหยียดตัวยืนตรง

หลังจากส่งอีกฝ่ายกลับโลกความจริง ไคลน์ไม่กล้าแช่อยู่บนมิติเหนือสายหมอกนานนัก รีบส่งตัวเองกลับและทิ้งตัวนอนบนเตียง

ทันใดนั้น เมื่อจิตใจถูกฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปรกติ เมื่อร่างกายและจิตใจผ่อนคลายโดยแท้จริง ชายหนุ่มพบว่าโอสถนักเชิดหุ่นถูกย่อยไปมากชนิดที่เหนือความคาดหมาย!

เป็นเพราะในหมู่บ้านสายหมอก เราใช้หุ่นเชิดตบตาครึ่งเทพพานาเทียสำเร็จ รวมถึงหลอกล่อมิสเตอร์ A อย่างสนิทใจจนแผนการใหญ่ลุล่วง? หมายความว่ากฎเหล็กของนักเชิดหุ่น นอกจาก ‘ร่างต้นต้องอยู่หลังจาก’ และ ‘หุ่นแต่ละตัวมีบุคลิกแตกต่างกัน’ แล้ว เราต้องเพิ่มกฎ ‘ใช้หุ่นเชิดคอยชักนำศัตรูเพื่อกำกับการแสดงและบรรลุเป้าหมาย’ เข้าไปด้วย… ไคลน์พึมพำกับตัวเอง เชื่อว่าโอสถนักเชิดหุ่นน่าจะถูกย่อยเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้

ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน หันหน้าไปด้านข้าง มองแสงจันทร์ที่ส่องลอดผ่านผ้าม่าน

คนงานที่เราสลับตัวด้วยคงถูกหาพบแล้ว… ร่วมถึงเบาะแสที่เราทิ้งไว้…

ภายในชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ด ซินดี้ บ๊อบ และคนที่เหลือหันไปมองหัวหน้าโซสต์ที่เพิ่งกลับจากการประชุม รอให้อีกฝ่ายเปิดเผยเบาะแสเพิ่มเติม

โซสต์ดื่มกาแฟหอมกรุ่นของมันพลางกล่าว

“พบคนงานที่หายตัวไปแล้ว… และภายในห้องที่เขาถูกทิ้งไว้ มีร่องรอยของเสื้อผ้ากับรองเท้าจำนวนหนึ่ง… ทางเรายืนยันแล้วว่าเป็นสัมภาระของนักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังโลดแล่นในท้องทะเลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา”

ทำไมเรื่องนี้ถึงเกี่ยวข้องกับนักผจญภัยเสียสติ? เลียวนาร์ดที่กำลังฉงนตัดสินใจถาม

“เขาเข้ามาในเบ็คลันด์ตอนไหน?”

“ไม่มีใครทราบ… สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้ก็คือ นักผจญภัยเสียสติรายดังกล่าวสังหารโจรสลัดไปมากมายในช่วงสองสามสัปดาห์ล่าสุด” โซสต์มอบคำตอบอย่างไม่รีบร้อน “โบสถ์วายุสลาตันมีข้อมูลมากกว่าเรา และดูเหมือน MI9 ก็จะมีข้อมูลไม่น้อยเช่นกัน เบื้องบนของเรากำลังส่งคนไปสอบถาม”

หลังจากโซสต์พูดจบ โทรเลขถูกส่งเข้ามาทันที

มาจากทีมเหยี่ยวราตรีในแคว้นเดซีย์ เนื้อหาที่ถอดรหัสมีใจความว่า

“ข้อมูลที่ดอน·ดันเตสแจ้งไว้เป็นของปลอม เขาอาศัยอยู่ในทวีปใต้กว่าสิบปีและอาศัยการผจญภัยเพื่อสั่งสมความมั่งคั่ง… ข้อมูลเพิ่มเติมคงต้องใช้เวลาสักพัก ทวีปใต้คือดินแดนแห่งความวุ่นวายและเต็มไปด้วยสงคราม แถมเขตการปกครองยังถูกเปลี่ยนมือบ่อยครั้ง”

………………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset