Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 841 : คุมเชิงกันและกัน

ราชันเร้นลับ 841 : คุมเชิงกันและกัน
สัญชาตญาณเฉียบแหลมเกินไปแล้ว… ทั้งที่ไม่รู้ว่า ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ ตรงหน้าเป็นแค่ตัวตายตัวแทน แต่ยังสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดปรกติ… ไคลน์ที่ซ่อนอยู่ในบ้านไม่ห่างออกไป ขบคิดหลายสิ่ง เริ่มวางแผนขั้นตอนถัดไป

ชายหนุ่มบังคับ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลพูดเสียงทุ้ม

“ฉันเองก็กังวลเล็กๆ เหมือนกัน… หลังจาก ‘เปิดประตู’ ถ้าเธอออกไปก่อน ย่อมมีโอกาสซุ่มโจมตีฉันจากด้านนอก… ไม่สิ ระดับเธอไม่ต้องซุ่มโจมตี แค่ดักรอเฉยๆ ก็พอ… ฉันคิดว่าทางนี้ควรได้สิทธิ์ออกไปเป็นคนแรก แน่นอน เธอต้องคืนเส้นผมและเลือดมาก่อน เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะอยู่ใกล้ประตูมาก สามารถหนีออกจากประตูก่อนที่ด้ายวิญญาณจะถูกจับแขวนไว้บนวิหาร”

‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียยืนฟังอย่างเงียบงันสักพัก ย้อนถามกลับอย่างมีชั้นเชิง

“แล้วฉันจะป้องกันไม่ให้นายทำลาย ‘ประตู’ หลังจากหนีได้ยังไง?”

“นั่นก็เป็นปัญหาของทางนี้เหมือนกัน” หุ่นเชิดเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตอบกลับหน้านิ่ง “ไว้ฉันได้สัญลักษณ์พิเศษนั่น จะแสดงให้เธอเห็นก่อนออก ด้วยวิธีนี้ ถ้าฉันหนีไปพร้อมกับปิดประตู เธอยังเปิดมันใหม่ได้อีกครั้ง”

พานาเทียปิดปากเงียบไปพักใหญ่ คล้ายกับกำลังไตร่ตรองแผนการหนี แต่อากัปกิริยาขาดความเยือกเย็นอย่างชัดเจน ราวกับจิตใจกำลังถูกครอบงำด้วยความบ้าคลั่ง

ผ่านไปสิบวินาที เธอพูดอีกครั้ง

“ฉันคิดว่าคำสาปเพียงอย่างเดียวอาจทำร้ายนายไม่ได้… นักทำนายมีวิธีมากมายในการหลบหนี เช่นเดียวกับกระดาษคนตัวแทนที่นายเคยแสดงให้ดู”

ยังรอบคอบขนาดนี้เชียว… แต่ช่างเถอะ คนที่อยู่ตรงหน้าเธอมันปลอมไปทุกส่วน… ไคลน์จิกกัดขณะบังคับให้เซนอลดึงกระดาษรูปคนออกจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เผาทั้งหมดทิ้งต่อหน้าแม่มดสิ้นหวัง

“ฉันไม่มีทางยืนยันได้ว่านายยังซ่อนไว้อีกกี่ใบ” พานาเทียยังคงคลางแคลง

มุมปาก ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ กระตุกเล็กน้อย

“ทำไมไม่ลองใช้พลังทำนาย? แม่มดถนัดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”

พานาเทียยิ้ม

“ที่นี่ติดต่อกับโลกวิญญาณไม่ได้ และพลังวิญญาณของฉัน…”

เธอไม่พูดต่อให้จบ เพียงเผยสายตาอันตราย

ไคลน์ทราบความนัยของแม่มดสิ้นหวัง พลังวิญญาณของเธอถูกปนเปื้อนจาก ‘การกิน’ ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ในสภาวะยุ่งเหยิงและบ้าคลั่ง ยากจะมอบ ‘คำตอบ’ ที่น่าเชื่อถือในการทำนายถามพลังวิญญาณตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้วิเศษที่เชี่ยวชาญพลังทำนาย

บทสนทนาหยุดลง หาข้อสรุปไม่ได้เป็นเวลานาน

ทันใดนั้น บนหลังคาของบ้านฝั่งซ้ายมือ เสียงแหบพร่าและคลุมเครือดังขึ้น

“ฉันช่วยเป็นพยานให้ได้”

‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ และพานาเทียหันไปมองพร้อมกัน พบมิสเตอร์ A ‘งอก’ ออกจากเงามืดในสภาพสวมเสื้อคลุมสีแดงเลือด

“จะเป็นพยานด้วยวิธีไหน?” ไคลน์บังคับให้เซนอลถาม

มิสเตอร์ A ดึงผ้าคลุมศีรษะลง เผยรอยยิ้มลุ่มลึก

“ฉันจะใช้เวทมนตร์เลือดเนื้อเข้าไปแฝงตัวในร่างกายของนาย คอยเฝ้าตรวจสอบพฤติกรรม หากนายละเลยการควบคุมด้ายวิญญาณของหล่อน หรือคิดจะใช้กระดาษคนตัวแทน ฉันจะตักเตือนและพยายามขัดขวาง… เมื่อ ‘ประตู’ ที่นายพูดถึงเปิดออก ฉันจะออกจากร่างนายและเข้าไปในประตูก่อนที่ด้ายวิญญาณจะถูกแขวน”

แกคิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นไอ้งั่ง? ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดยกมุมปาก

“เท่าที่ฉันทราบ นักบวชกุหลาบสามารถซ่อนตัวในร่างกายคนอื่นได้ก็จริง แต่ในตอนที่ออกมา เจ้าของร่างจะต้องตาย”

“เข้าใจผิดแล้ว… นั่นคือกรณีที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จำเป็นต้องผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดเนื้อเจ้าของร่าง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีความจำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น แค่ซ่อนตัวเงียบๆ อยู่ในท้องของนายก็พอ” มิสเตอร์ A อธิบายอย่างละเอียด

เข้าใจผิดแล้ว… นั่นไม่ใช่ท้องของฉัน แต่เป็นท้องของเซนอล… ไคลน์บังคับให้ ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ หยิบเหรียญทองออกมาแสร้งทำนาย

‘นักผจญภัยเสียสติ’ พึมพำบางสิ่งขณะควงเหรียญทองเล่นระหว่างนิ้ว

จนกระทั่งมีเสียง ‘กิ๊ง’ เหรียญทองถูกดีดขึ้นไปในอากาศและหล่นลงบนฝ่ามือ

‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ มองเหรียญอย่างตั้งใจ

“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกหกสินะ… แต่นายต้องออกจากตัวฉันก่อนที่ทางนี้จะแสดงสัญลักษณ์ให้ ‘ท่านหญิงสิ้นหวัง’ เห็น”

หากไม่ทำแบบนี้ มีแนวโน้มสูงว่า ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ จะถูกคนทั้งสองรุม – ถ้าพานาเทียได้รับสัญลักษณ์เปิดประตูในขณะที่ถือหินออบซิเดียนในมือ เธอจะมีเวลาเหลือเฟือสำหรับหลบหนี ไม่ต้องกลัวจะถูกด้ายวิญญาณแขวน และไม่จำเป็นต้องคอยช่วยเหลือเกอร์มัน·สแปร์โรว์จากมิสเตอร์ A หน้าที่เดียวของมิสเตอร์ A คือการยับยั้งมิให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ใช้กระดาษคนตัวแทน

แต่ถ้ามิสเตอร์ A ออกจากตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์มาก่อน อันตรายต่างๆ ก็จะลดลงอย่างมาก ไม่ต้องกังวลว่าหลังจากพานาเทียได้รับสัญลักษณ์ไปจะย้อนกลับมาทำร้าย เพราะตนยังมีเวลาใช้กระดาษคนตัวแทนหลบหนี และพานาเทียก็ไม่มีทางเสี่ยงไล่ล่าในวิหารที่เธอสามารถถูกแขวนได้ทุกเมื่อ ทางเลือกเดียวของเธอคือการหนีออกไป!

นอกจากนั้น เธอไม่มีทางหนีไปพร้อมกับหินออบซิเดียน เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถเปิดประตูได้อีกครั้ง

แม้แผนนี้จะมีช่องโหว่ในรายละเอียดอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าเข้าท่าสำหรับทั้งสามฝ่าย หลังจากไตร่ตรองสักพัก ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียยกมือขึ้นสางผม ถามอีกครั้งอย่างใจเย็น

“ถ้าฉันหนีออกไปก่อน ไม่กลัวว่าจะถูกซุ่มโจมตีหรือ?”

นั่นคือสิ่งที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยเป็นกังวล

ไคลน์บังคับหุ่นเชิดยกมุมปาก

“กลัวสิ… แต่ทางนี้เองก็มีวิธีเอาตัวรอด ฉันสามารถเดิมพันกับมันได้”

พานาเทียขยับสองก้าวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

“งั้นมาเริ่มกันเลย”

หลังจากตัดสินใจ หญิงสาวเผยรอยยิ้ม

“นายช่างเป็นผู้ชายที่วิเศษ สามารถทำให้ฉันคนนี้เห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง… หากพวกเราหนีออกไปได้ ถ้าไม่รังเกียจ ฉันยินดีจะมอบความสุขที่นายจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตให้”

‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ ถอนสายตาอย่างยากลำบาก หันไปมองมิสเตอร์ A ด้านข้าง

“ฉันหมดข้อสงสัยแล้ว”

เกิดเสียงสายลมพัดผ่าน มิสเตอร์ A ร่องลงมาข้างล่างใกล้กับเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ร่างกายและเสื้อผ้าของมันละลายอย่างรวดเร็ว กลายเป็นก้อนเลือดเนื้อเหนียวข้น

แทบจะในทันที เลือดเนื้อก้อนนั้นบีบตัวเป็น ‘กระแสน้ำ’ ขนาดประมาณท่อนแขน ไหลเข้าไปใกล้เกอร์มัน·สแปร์โรว์

ในบ้านหลังที่ห่างออกไปไม่ไกล ไคลน์ร่างต้นเกิดความคลื่นไส้ที่ยากจะอธิบาย พลางบังคับให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์อ้าปากค้าง

‘กระแสเลือดเนื้อ’ ไต่ขึ้นไปบนร่างกายหุ่นเชิด ไหลเข้าปากเป็นทางยาว มอบความรู้สึกอบอุ่น ไหลผ่านหลอดอาหารจนกระทั่งถึงกระเพาะ

หนัก… แต่เลือดเนื้อของมิสเตอร์ A ช่วยถ่วงท้องไม่ให้บวมออกมา… ไคลน์สำรวจหุ่นเชิดสักพัก แหงนหน้ามองพระจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าที่ถูกหมอกบดบัง ก่อนจะหันไปพูดกับ ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทีย

“มาเริ่มกันเลย”

“ตกลง” พานาเทียที่แทบอดใจรอไม่ไหว เดินตรงไปทางประตูวิหาร

ไคลน์บังคับ ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ เดินตามไป ตามด้วยการดึงผมออกมาหนึ่งกระจุก จากนั้นก็เสกให้ตุ่มเนื้องอกจากผิวท่อนแขนและกระชากออกจนเลือดไหลซิบ

หากมีคนรู้จักของเราอยู่ที่นี่ พวกเขาคงสงสัย เพราะเราไม่ใช่คนที่ทำร้ายตัวเองได้เลือดเย็นขนาดนี้… อา แต่ในร่าง ‘นักผจญภัยเสียสติ’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ คนทั่วไปคงมองเป็นเรื่องปรกติ… ไคลน์พบจุดบกพร่องในพฤติกรรมของตน รีบบันทึกใส่ความทรงจำเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก จนกระทั่งหุ่นเชิดเดินผ่านประตูของวิหารที่เปิดค้างไว้ครึ่งหนึ่ง มันส่งเส้นผมและเลือดในมือให้กับแม่มดสิ้นหวัง

พานาเทียลดความเร็วลง นำตุ๊กตาที่น่าขยะแขยงขนาดเท่าฝ่ามือออกมาถือ ละเลงเลือดลงไปพร้อมกับพันเส้นผมรอบลำคอ

หญิงสาวถือตุ๊กตาต้องสาปไว้ในมือข้างหนึ่งพลางเดินผ่านประตูวิหาร ส่วนไคลน์บังคับให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ช่วยควบคุมด้ายวิญญาณของทั้งสอง ในกรณีมิสเตอร์ A เนื่องจากด้ายวิญญาณซ้อนทับกับเซนอล จึงควบคุมได้โดยไม่ต้องใช้สมาธิมากนัก

หืม… ถ้าเราทำได้… ซาราธที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเราก็น่าจะทำได้ไม่ใช่หรือ… เขาสามารถร่วมมือกับแม่มดสิ้นหวังและเปิดประตูออกไปได้นานแล้ว… ทำไมถึงไม่ทำ? หรือว่าส่งเสียงออกไปนอกวิหารไม่ได้ ขอบเขตการสนทนาอาจสั้นแค่บริเวณรูปปั้น ดังนั้น ถ้าไม่ใช่ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายลำดับหุ่นเชิดหรือสูงกว่า ก็จะไม่มีทางได้คุยกับซาราธ? ขณะไคลน์เพ่งสมาธิควบคุมหุ่น ความคิดส่วนหนึ่งกำลังไตร่ตรองหาเหตุผล

และภายในวิหาร ศพเหล่านั้นยังคงถูกแขวนกลางอากาศ ศีรษะก้มลง ดวงตาเหลือกขึ้นจนเห็นสีขาว ร่างกายโยกเอนแผ่วเบาท่ามกลางสายลมเอื่อย ส่งเสียงเพรียก ‘โฮนาซิส… เฟรเกีย…’ ออกมาเป็นระยะ

เห็นฉากดังกล่าว ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบรักษาความสุขุม เดินผ่านกลุ่มศพที่ถูกแขวนไปพร้อมเกอร์มัน·สแปร์โรว์

เพียงไม่นาน ทุกคนมองเห็นแท่นบูชาสีดำและรูปปั้นของทายาทเทพบรรพกาล

ซาราธยังคงนั่งด้านหลังรูปปั้นหิน สวมเสื้อคลุมศีรษะ ใบหน้าเต็มไปด้วยเคราดกสีขาว

เมื่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์และพานาเทียเข้าไปใกล้ มันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและยิ้ม

“ทำได้ดี… ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายต้องรู้จักใช้สมองให้มากกว่ากำลัง”

คล้ายกับคาดการณ์ล่วงหน้าว่ากระดาษคนตัวแทนของ ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ จะถูกทำลายไปเกือบหมด ซาราธเหยียดแขนออกมาและล้วงเข้าไปใน ‘ช่องว่าง’ ก่อนจะดึงมือกลับพร้อมกับปากกาขนนกที่แช่ในขวดหมึก และกระดาษหนังสีเหลือง

ฉากดังกล่าวทำให้พานาเทียขมวดคิ้ว

ซาราธหยิบปากกาเขียนสัญลักษณ์บนกระดาษหนัง จากนั้นก็ม้วนและส่งให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์

“นี่คือเครื่องหมายสำหรับเปิดประตู รวมถึงสูตรโอสถจอมเวทพิสดารที่เจ้าต้องการ… กระดาษหนังแผ่นนี้จะคงสภาพได้นานสี่สิบห้านาที และไม่สามารถนำออกไปข้างนอกได้”

ไคลน์คลี่กระดาษโดยไม่ให้แม่มดสิ้นหวังเห็น ตรวจสอบสูตรโอสถและสัญลักษณ์สำหรับเปิดประตู

ทันใดนั้น ชายหนุ่มหรี่ตาลงด้วยร่างกายแข็งทื่อ

สัญลักษณ์สำหรับเปิด ‘ประตู’ มีความใกล้เคียงกับสัญลักษณ์ซับซ้อนที่สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสสั่งให้ ‘หุ่นกระบอกอัปมงคล’ นำมาแสดงให้ตนเห็น เป็นภาพของดวงตาแนวตั้งที่เต็มไปด้วยลวดลายลึกลับ!

ทว่า มีจุดแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียด ภาพของจันทร์เสี้ยวและเครื่องหมายเส้นประถูกสลับตำแหน่งกัน!

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset