Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 840 : อาศัยความได้เปรียบ

ราชันเร้นลับ 840 : อาศัยความได้เปรียบ
เมื่อความผิดปรกติจางหาย ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก สำรวจสภาพแวดล้อมในบ้านอย่างใจเย็น ก่อนจะเลือกจุดที่มีแสงจันทร์สองเข้ามาเล็กน้อย หลบในมุมที่ไม่มืดเกินไป จะได้ไม่ถูกลอบจู่โจมอีก

ครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มเริ่มคาดเดาเกี่ยวกับร่างอันเลือนรางด้านนอกซึ่งเป็นเจ้าของเสียงคำรามสัตว์ร้าย

พวกมันทั้งหมดคือศพที่ถูกแขวนไว้ในวิหาร ศพที่เอาแต่ส่งเสียงเพรียก ‘โฮนาซิส… เฟรเกีย…’ !

ในตอนที่ไคลน์เดินผ่านกำแพงออกจากวิหาร ศพซึ่งถูกแขวนล้วนหันมาจ้องเทียนไขอย่างพร้อมเพรียง ขณะเดียวกันก็ไม่มีร่างอันเลือนรางมาเดินบนถนน จนกระทั่งไคลน์ดับเทียนไขจากระยะไกล ทุกสิ่งจึงกลับมาเหมือนกับปรากฏการณ์จันทร์กระจ่างคราวก่อน

เมื่อพระจันทร์สีแดงส่องแสงจ้า พลังจะทวีความเข้มข้น ส่งผลให้ ‘แม่เหล็ก’ บนยอดวิหารแผ่อิทธิพลปกคลุมไปทั่วหมู่บ้านสายหมอก ส่งผลให้เหล่าศพที่ถูกแขวนสามารถเดินไปเดินมา แสร้งทำตัวเหมือนคนปรกติ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แสงสว่างคงดึงดูดสายตาของ ‘ผู้เชิด’ เบื้องหลัง… หากเราดับเทียนไขไม่ทันเวลาจนถูกระบุตำแหน่ง เหตุการณ์สยองขวัญอาจเกิดขึ้น อา… ในอนาคต เราไม่ควรใช้พลังควบคุมไฟส่งเดช ไม่อย่างนั้นอาจเป็นการดึงดูดสายตาของ ‘ผู้เชิด’ … ไคลน์เตือนตัวเอง เปิดเนตรด้ายวิญญาณที่ปิดอยู่ ทดสอบเพ่งมองไปยังขนมปัง สตูมันฝรั่ง และไวน์แดงบนโต๊ะ

ชายหนุ่มสงสัยว่า อาหารที่นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‘แม่เหล็ก’ ถ้ากินเข้าไป ด้ายวิญญาณจะถูกกัดกร่อนและลอยเข้าไปในวิหาร รอจนกระทั่งจันทร์แดงกระจ่าง จะได้ออกมาเดินเล่นอีกครั้งในฐานะหุ่นเชิด ทฤษฎีนี้สอดคล้องกับคำบอกเล่าของมิสเตอร์ A ที่ระบุว่า คนที่หายตัวไปจะกลับมาเดินบนถนนในยามจันทร์แดงกระจ่าง

เพียงชำเลืองสายตา ไคลน์พบว่าอาหารบนโต๊ะราวกับมีชีวิต ทั้งหมดมีด้ายวิญญาณยืดยาว ปลายสายมุ่งหน้าไปยังวิหาร

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ พวกมันมีด้ายวิญญาณเพียงเส้นเดียว แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตปรกติที่จะจับกลุ่มหนา

เป็นอย่างที่คิด สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานของเรา… ไคลน์ที่ยืนยันทฤษฎีเบื้องต้น ถอนสายตากลับพลางครุ่นคิดว่า ตนจะจัดการ ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียได้อย่างไร

ด้านข้างชายหนุ่ม ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลในสภาพส่วนหมวกสามมุมทรงโบราณและแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะส่งเสียงกระดูกลั่นพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มกระเพื่อม จนกระทั่งแปลงโฉมเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เสร็จสมบูรณ์

นี่คือการใช้พลังผู้ไร้หน้าผ่านหุ่นเชิด!

ไคลน์จ้อง ‘ตัวตายตัวแทน’ สักพัก ก่อนจะพบข้อบกพร่องที่น่าเสียดาย นั่นคือเสื้อผ้าจะไม่เปลี่ยนตามร่างต้น และถ้าใช้พลังลวงตาปกปิด คงไม่มีทางตบตา ‘แม่มดสิ้นหวัง’ ระดับครึ่งเทพได้ ไม่แม้กระทั่งมิสเตอร์ A

ครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มบังคับเซนอลในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถอดเสื้อผ้า ส่วนร่างต้นก็ถอดชุดคลุมสีดำ จากนั้นก็สลับเครื่องแต่งกายกัน

ขณะแต่งกาย สีหน้าไคลน์บิดเบี้ยวเล็กน้อย เพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เสื้อผ้าชุดนี้ต้องเผชิญกับหลายสิ่ง ไม่ว่าจะลุยท่อระบายน้ำหรือฝังระเบิด กลิ่นไม่พึงประสงค์มากมายผสมปนเป

เฮ่อ… เป็นเพราะความขี้เกียจในอดีต ก็เลยต้องทุกข์ทรมานในวันนี้… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ เมื่อแต่งกายเสร็จ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ร่างต้นอยู่ในชุดของกัปตันโจรสลัด

ในเวลาเดียวกัน ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลสวมชุดคลุมสีดำเรียบร้อย ออร่าเต็มไปด้วยชีวิตชีวาไม่แตกต่างจากคนเป็น

หลังจากไตร่ตรอง ไคลน์นำยุบพองหิวโหยไปสวมไว้ที่มือซ้ายของพลเรือเอกโลหิต

ด้วยเหตุนี้ หุ่นเชิดได้กลายเป็นตัวตายตัวแทนเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างสมบูรณ์!

ถ้าคิดจะเล่นละคร ก็ต้องทำให้เต็มที่… หากยุบพองหิวโหยเกิดไม่เชื่อฟัง คนที่ถูกกินจะเป็นหุ่นเชิด ไม่ใช่เรา… และเมื่อหุ่นเชิดหมดอายุขัย เจ้านั่นก็จะกลับไปรู้สึกเหมือนไม่ได้กินอะไร แบบนี้จะน้อยใจไหม? คล้ายกับการกินยาหลอก… ไคลน์ซ้อมบังคับวิญญาณอาฆาตให้เกิดความเคยชิน ก่อนจะนำเนื้อปลาและสิ่งของอื่นๆ ออกมาพร้อมกับวางแผนอย่างรอบคอบ

การพึ่งพาหุ่นเชิดที่สามารถใช้พลังพิเศษของร่างต้น คงไม่เพียงพอจะเอาชนะแม่มดสิ้นหวัง… ลำพังการขโมยหินออบซิเดียนก็ยังแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอคือครึ่งเทพตัวจริง…

แม้การใช้หุ่นเชิดเพื่อดึงดูดความสนใจจะช่วยให้เราซุ่มโจมตีได้ง่ายขึ้น รวมถึงการสลับตำแหน่งไปมา ทำให้พานาเทียเกิดความสับสนจนตอบสนองได้ไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ยังไม่มากพอจะชดเชยความต่างชั้นของระดับตัวตนทางธรรมชาติ ทำให้แผนการกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย

เราสามารถใช้หุ่นเชิดเข้าต่อสู้ในระยะประชิด พยายามควบคุมด้ายวิญญาณของพานาเทีย เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เซนอลเป็นเพียงคนตาย ย่อมไม่ได้รับผลกระทบจากอาการป่วย เธอน่าจะคาดไม่ถึงเรื่องนี้… แต่ติดปัญหาอยู่สองข้อ หนึ่งคือ ‘ไวรัส’ และ ‘แบคทีเรีย’ ที่สร้างจากแม่มดสิ้นหวังจะทวีความแข็งแกร่งจากปรกติ บางทีอาจส่งผลต่อศพด้วย และข้อสอง เธออาจมีพลังพิเศษชนิดอื่นที่ซ่อนเอาไว้… มีความเป็นไปได้สูงมาก…

อา เราคงต้องไล่เรียงจุดที่ตัวเองได้เปรียบหรือสูสีกับแม่มดสิ้นหวัง จากนั้นก็มาดูกันว่าจะพบทางออกบ้างไหม…

เราสามารถซ่อนตัว… หุ่นเชิดที่สามารถใช้พลังของร่างต้น มีพลังต่อสู้ทัดเทียมระดับครึ่งเทพ… พลังสลับร่างในพริบตา… หมดแค่นี้… แต่ถ้าพิจารณาถึงสภาพปัจจุบันของแม่มดสิ้นหวัง ดูเหมือนเราจะเป็นต่อในเชิงจิตใจ

เธอกลายเป็นผู้วิเศษกึ่งเสียสติ การคิดแบบมีเหตุผลเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย พฤติกรรมเป็นไปอย่างสุดโต่ง เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ อา… ถึงจะยังหว่านเสน่ห์และโน้มน้าวได้เก่ง แต่นั่นคงมาจากสัญชาตญาณการล่อลวงเหยื่อ ส่วนเราปรกติสุดขีด สติปัญญาครบถ้วน ยังวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้ดี

หมายความว่า เราต้องเอาชนะด้วยสติปัญญา?

ไคลน์เริ่มฉุกคิดบางสิ่ง

แล้วทำไมเราถึงต้องสู้กับแม่มดสิ้นหวังตอนนี้?

ไม่เพียงเท่านั้น อีกฝ่ายเองก็ต้องการหนีออกจากหมู่บ้านสายหมอก ลึกๆ แล้ว เธอเองก็ต้องการออกจากที่นี่ เป็นความต้องการที่เข้มข้นยิ่งกว่าความหิวกระหาย แถมตอนนี้พานาเทียก็ยังอิ่มอยู่!

เราสามารถชักชวนให้เธอมาร่วมมือกัน บอกให้เธอส่งหินออบซิเดียนมา ส่วนเราจะวาดสัญลักษณ์พิเศษ เป็นอันครบเงื่อนไขสำหรับเปิดประตู…

นอกจากนั้น เรายังไม่ปักใจเชื่อซาราธเต็มร้อย ไม่มีใครรู้ว่ามันวางแผนอะไรอยู่ การลากแม่มดสิ้นหวังเข้ามาเกี่ยวข้อง จะช่วยให้สถานการณ์ชุลมุนจนอีกฝ่ายลงมือไม่สะดวก!

ความร่วมมือคือศิลปะเชิงการทูต มิใช่ศิลปะการต่อสู้ ตัวตายตัวแทนที่สมจริงและแข็งแกร่งทัดเทียมครึ่งเทพ จะมีประโยชน์มากกว่าหากนำไปใช้เจรจาแทนการต่อสู้ซึ่งหน้า เพราะนั่นจะทำให้เราใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทั้งหมดอย่างเต็มที่!

ไคลน์ตัดสินใจฉับไว ระหว่างที่วางแผนรายละเอียดการ ‘เจรจา’ ชายหนุ่มก็รอให้จันทร์สีแดงถูกหมอกบดบังไปในตัว

ผ่านไปสักพัก แสงจันทร์ที่ส่องผ่านผ้าม่านเริ่มหรี่ลง ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดผ่านกำแพง ออกจากบ้านหลังที่ซ่อนตัว

‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินไปตามถนน จนกระทั่งใกล้ถึงวิหารสีดำ

เพียงสิบวินาที ไคลน์พบว่าหุ่นเชิดเซนอลได้รับอาการป่วย

สำหรับคนตาย อาการป่วยอาจไม่ส่งผลเสีย แต่ไคลน์มองเห็น หากปล่อยไว้นานโดยไม่แก้ไข เชื้อโรคจะรุนแรงและพิสดารมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทำลายเส้นประสาท ยากจะขยับข้อต่อ หากต้องการขยับตัวก็ต้องกระโดดสถานเดียว

โชคดีที่เราไม่เลือกแผนใช้หุ่นเชิดเข้าควบคุมด้ายวิญญาณพานาเทีย… ไคลน์บังคับให้เซนอลเปิดปาก

“ฉันเข้าไปในวิหารมาแล้วสักพัก และยังไม่ตาย… ฉันพบทางหนีออกจากที่นี่แล้ว!”

กล่าวจบ เกอร์มัน·สแปร์โรว์พบว่า ความต้านทานอาการป่วยของตนลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอลง

ขณะเดียวกัน ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียในชุดคลุมสีขาวโพลน ปรากฏตัวใกล้กับประตูวิหาร เส้นผมถูกเกล้ามวยใหม่อีกครั้ง ช่วยให้ดูสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบ

เธอจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยดวงตาเปี่ยมเสน่หา ล้วงหยิบหินออบซิเดียนออกจากเสื้อ

เค้าโครงของหินออบซิเดียนก้นนี้ ตรงตามช่องว่างบนผนังด้านหลังรูปปั้นในวิหารทุกประการ!

“ใช้เจ้านี่ใช้ไหม?” พานาเทียถามเยือกเย็น

เมื่อพบว่าแม่มดสิ้นหวังสลายอาการป่วยและเชื้อโรค ชายหนุ่มบังคับ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลพยักหน้า

“ถูกต้อง ขอเพียงวางไว้ในจุดที่เหมาะสมด้านในวิหาร พร้อมกันกับสัญลักษณ์พิเศษ พวกเราจะเปิดประตูและหนีไปจากที่นี่ได้… ฉันเข้าใจว่าข้างในอันตรายสำหรับเธอ แต่นั่นมีต้นตอมาจากด้านวิญญาณ สำหรับฉันที่เป็นนักเชิดหุ่นซึ่งสามารถควบคุมด้ายวิญญาณ เธอจะปลอดภัยจากการถูกจับแขวนคอ”

‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียเงียบงันสักพัก ยกมุมปากยิ้มสดใส

“แล้วฉันก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของนาย? หรือนายจะหยุดช่วยเหลือในช่วงเวลาสำคัญ ปล่อยให้ฉันกลายเป็นร่างที่เดินเตร็ดเตร่ใต้แสงจันทร์?”

ไคลน์เตรียมคำตอบไว้แล้ว รีบบังคับให้หุ่นเชิดกล่าวกลับไปอย่างใจจริง

“แล้วต้องทำยังไงเธอถึงจะสบายใจ?”

พานาเทียไม่ตอบทันที ครุ่นคิดสักพักจึงค่อยกล่าว

“ส่งเส้นผมกับเลือดของนายมาให้ฉัน”

คำสาปที่แม่มดถนัด? คิดจะสาปเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยเส้นผมและเลือดเซนอล? ถ้าเธอทำสำเร็จ เรียกฉันว่าไอ้กระจอกได้เลย! ขณะเดียวกัน ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดแสดงสีหน้าลำบากใจ

“ถ้าเป็นแบบนั้น เธอจะฆ่าฉันตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ…”

‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียยิ้มตอบ

“ไว้ค่อยส่งเส้นผมกับเลือดของนายหลังจากพวกเราเข้าไปในวิหารแล้ว… ถ้าอยู่ข้างใน หากฉันทำท่าจะใช้คำสาป นายก็แค่เลิกควบคุมด้ายวิญญาณของฉัน และในทางกลับกัน ถ้านายทำตัวแปลกๆ ฉันก็จะสาปทันที… รอจนกระทั่งประตูเปิดออก ฉันจะเข้าไปก่อนพร้อมกับคืนเส้นผมและเลือดให้นาย”

‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ ทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานสองนาน หลังจากพิจารณาข้อเสนอของแม่มดสิ้นหวัง มันพยักหน้าและตอบ

“ตกลงตามนั้น”

ขณะพานาเทียเตรียมกล่าวบางสิ่ง ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย

“ไม่รู้ทำไม แต่ฉันยังรู้สึกไม่สบายใจ”

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset