ราชันเร้นลับ 834 : โชคดี
“เจอตัวแล้ว”
เส้นไหมล่องหนถูกยิงออกมาพร้อมกับคำพูดพานาเทีย รัดพันร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างรวดเร็ว คล้ายกับจะจับชายหนุ่มมัดขังไว้ในรังไหม
ทันใดนั้น ร่างที่สวมชุดคลุมนักบวชสีดำพลันแบนราบ กลายเป็นกระดาษที่ถูกเกาะกินด้วย ‘สนิม’
ถัดมา ร่างไคลน์โผล่ขึ้นด้านนอกโรงสี ก่อนจะเผ่นหนีหนีเข้าไปยังใจกลางหมู่บ้าน
ชายหนุ่มเคยเห็นร่างจริงของเทพสุริยันเจิดจรัสและยังรอดชีวิตมาได้ โดยธรรมชาติแล้ว ไคลน์มีภูมิคุ้มกันร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก ยากจะคลุ้มคลั่งเพียงเพราะได้เห็นร่างสัตว์ในตำนานเพียงชั่วครู่ นอกจากนั้น พานาเทียยังไม่ใช่สัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์ ดังนั้น ถึงจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมิติหมอก ไคลน์ก็ยังสามารถขจัดความคิดที่พลุ่งพล่าน คืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากพบว่าตนอาการไม่ดี ชายหนุ่มฉวยโอกาสจังหวะที่ไอกระแอม แอบใช้พลังกระดาษคนตัวแทน!
กระดาษคนไม่ใช่วัตถุวิเศษ ไม่มีพลังวิญญาณแฝงอยู่ ไคลน์จึงกล้าพกติดตัวเป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำปฏิกิริยากับแก่นผนึกหลังประตูยานิส
และก่อนที่ไคลน์จะเริ่มเผ่นหนี มันนำนิ้วโป้งขวาถูกกับนิ้วกลางเพื่อจุดไฟแป้งที่วางกองอยู่เต็มพื้นโรงสี!
บึ้ม!
แสงสว่างวาบ ระเบิดฝุ่นส่งผลให้โรงสีกระจัดกระจาย กังหันลมตกพื้นในสภาพหัวปัก ร่างพานาเทียแตกกระจัดกระจายท่ามกลางคลื่นกระแทกและเปลวไฟ ราวกับเป็นเพียงกระจกแผ่นหนึ่ง
แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวของเธอโผล่ขึ้นด้านหลังไคลน์ มวยผมที่เกล้าไว้หลวมๆ เริ่มคลี่ออกและลอยขึ้นไปในอากาศ
เป๊าะ!
ไคลน์รีบดีดนิ้วเพื่อเผาใบไม้ด้านข้าง ขณะเดียวกันก็บังคับให้พลเรือเอกโลหิตกระโดดกระจกไปโผล่บนหน้าต่างชั้นสองของบ้านข้างๆ พานาเทีย จากนั้นก็พยายามสิงร่างโดยการไปโผล่บนกระจกตาสตรีที่น่าหวาดกลัว
เปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชน ห่อหุ้มร่างกายไคลน์ทุกส่วน ช่วยให้ชายหนุ่มหายตัวไปโผล่ในอีกหลายสิบเมตร ส่วนทางด้านพานาเทีย ราวกับกระจกตาของเธอมีกระจกซ่อนอยู่ด้านใน ภาพสะท้อนของชายวัยกลางคนสวมหมวกสามมุมทรงโบราณ ซ้อนทับกันหลายชั้นอย่างสับสนวุ่นวาย
ไคลน์ไม่ลังเล บังคับให้เซนอลกระโดดกลับมาที่หน้าต่าง แปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าและกระโจนใส่แม่มดด้วยความเร็วสูง
ถูกต้อง ไคลน์ยืนยันแล้วว่าพานาเทียคือแม่มด แถมยังเป็นแม่มดครึ่งเทพ!
เส้นผมสีดำและใยบางๆ โปร่งใสจนเกือบล่องหน พลันยืดขยายออกจากร่างกายพานาเทีย เกิดเป็นโครงข่ายใยแมงมุมซับซ้อน ห่อหุ้มร่างกายเซนอลที่ปกคลุมด้วยกระจุกขน
ทว่า ในวินาทีดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะสัมผัสกัน ร่างของพลเรือเอกโลหิตพลันโปร่งใสอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เส้นผมสีดำขลับและใยแมงมุมมายาของแม่มดพุ่งผ่านไป มิอาจพันธนาการเป้าหมาย
ร่างวิญญาณอาฆาต!
“ฮึ!” สีหน้าของพานาเทียยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงการพ่นลม
เพียงพริบตา เส้นผมที่ยาวหนาและด้ายมายาเส้นบางซึ่งพุ่งผ่านร่างเซนอล เกิดระเบิดกะทันหันพร้อมกับสร้างเปลวสีดำลุกไหม้ ราวกับใช้พลังวิญญาณเป็นเชื้อไฟ เปลี่ยนวิญญาณอาฆาตให้กลางเป็นคบเพลิง!
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! พลเรือเอกโลหิตที่ถูกเผา กลับคืนร่างมนุษย์หมาป่าในสภาพยับเยิน เศษเลือดเนื้อร่วงหล่นทีละชิ้น
หุ่นเชิดลำดับ 5 ‘วิญญาณอาฆาต’ หมดสภาพโดยสมบูรณ์
ขณะเดียวกัน ไคลน์ดีดนิ้วต่อเนื่อง กระโจนไฟไปยังจุดแล้วจุดเล่า หนีเข้าไปยังส่วนลึกของหมู่บ้านด้วยการสังเวยหุ่นเชิด
เพียงการหายตัวไม่กี่ครั้ง ชายหนุ่มสร้างระยะห่างกับพานาเทียได้หลายร้อยเมตร
ทันใดนั้น ไคลน์พบว่าหน้าผากของตนเริ่มร้อนผ่าว ปอดกลายเป็นเครื่องสูบลมของช่างตีเหล็ก ส่งเสียงดังทุกครั้งที่หายใจเข้าออก มาพร้อมกระแสลมร้อนระอุ
เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ ชายหนุ่มจึงใช้กระดาษคนตัวแทนได้ช้ากว่าปรกติ ไม่สามารถสลัดอาการป่วยออกไปได้หมดจด ทำได้เพียงบรรเทาบางส่วน และในตอนแรก ไคลน์เชื่อว่าร่างกายตนแข็งแกร่งพอจะหลุดพ้นจากอิทธิพลโรคภัยของพานาเทีย แต่อาการป่วยกลับรุนแรงและกำเริบเร็วกว่าที่คาดไว้มาก!
เหนือสิ่งอื่นใด แม้จะหนีมาไกลกว่าร้อยเมตร แต่อาการป่วยยังไม่หายไป!
ตุ้บ! ขณะไคลน์เตรียมกระโจนไฟ แข้งขาอ่อนแรงกะทันหัน มิอาจดีดนิ้ว ทำได้เพียงล้มฟุบลงไปกับพื้น
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของพานาเทียดังก้องข้างใบหู
“ถึงจะหนีไปยังสุดขอบหมู่บ้าน แต่นายก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากระยะเชื้อโรค… เผื่อนายยังไม่ทราบ ในกรุงเบ็คลันด์ เขตตะวันออกทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยหมอกโรคระบาดที่ฉันสร้างขึ้น นอกจากย่านที่ห่างไกลอย่างเขตราชินีและเขตตะวันตก เขตอื่นๆ ภายในเมืองล้วนได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย”
นี่มัน… ท่านหญิงสิ้นหวังที่ร่วมมือกับมิสเตอร์ A… หนึ่งในคนร้ายตัวจริงของโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน… ในสภาพป่วยไข้ สมองไคลน์เริ่มขาวโพลน แม้จะไม่ถึงแก่ความตาย แต่อาการไอรุนแรงที่มิอาจยับยั้ง ส่งผลให้ชายหนุ่มไม่สามารถใช้พลังพิเศษ
พานาเทียย่างกรายเข้าใกล้อย่างใจเย็น ดวงตาอันงดงามเผยความกระหายเลือดอย่างไม่ปิดบัง ราวกับคนเร่ร่อนที่หิวโซมาหลายวันได้เห็นสเต๊กเนื้อย่างบนเตาร้อน
มือของเธอกำลังแบกศพเซนอลในสภาพแขนขาขาด
สิ่งนี้น่าจะถูกใช้เป็นอาหารสำรอง
“เสียงดีดนิ้วของนายไพเราะมาก ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่า นิ้วทั้งสองของนายจะอร่อยขนาดไหน” พานาเทียจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังไอทุรนทุรายบนพื้นห่างออกไป
กล่าวจบ หญิงสาวยกมือขึ้นพร้อมกับนำนิ้วชี้ของเซนอลยัดใส่ปาก กัดและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ไคลน์จ้องมองฉากดังกล่าวด้วยทัศนวิสัยพร่ามัว ดวงตาเหม่อลอย รู้สึกราวกับนิ้วของตนกำลังปวดแปลบ
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มพบว่า ‘ท่านหญิงสิ้นหวัง’ พานาเทียเข้าสู่ภาวะกึ่งเสียสติเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกินเนื้อของผู้วิเศษคนอื่นมากเกินไป
ขณะไคลน์เริ่มสิ้นหวังในการเอาตัวรอด แสงจันทร์สีแดงเข้มพลันสว่างวาบจากด้านบน
ชายหนุ่มเห็นพานาเทียเผยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด หันหลังกลับโดยไม่ลังเล รีบเข้าไปในบ้านใกล้เคียงและปิดประตูดังโครม
เมื่อพบว่าอาการป่วยของตนบรรเทาลง ไคลน์รีบแหงนหน้ามองฟ้า พบดวงจันทร์สีแดงกำลังส่องผ่านทะเลเมฆหมอก มอบแสงสว่างท่ามกลางความมืดอย่างกระจ่างชัดและเงียบสงบ
หัวใจชายหนุ่มเริ่มเต้นแรงเมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่พานาเทียเคยพูด รีบกระเสือกกระสนโซเซเข้าไปในบ้านอีกหนึ่งหลัง และไม่ลืมที่จะลงกลอนมิดชิด
“เมื่อพระจันทร์สีแดงกระจ่างชัด ที่นี่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมอันตรายใหญ่หลวง”