ราชันเร้นลับ 830 : แทรกซึม
กระจกบนหมอนไคลน์เปล่งแสงคล้ายน้ำกระเพื่อม จุดแสงสีเงินรวมตัวกันเป็นอักษรโลเอ็นหนึ่งประโยค
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อาโรเดส ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และถ่อมตนมาคอยรับใช้ท่านแล้ว!”
ไคลน์ที่ยืนอยู่ข้างเตียง จ้องกระจกเงาและถามอย่างใจเย็น
“สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสอยู่ตรงไหนในประตูยานิส”
ชายหนุ่มจำเป็นต้องระบุพิกัดล่วงหน้า จะได้ตรงดิ่งไปยังเป้าหมาย ปฏิบัติภารกิจด้วยเวลาน้อยที่สุด หลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันทุกชนิดที่อาจเกิดขึ้น
บนผิวกระจก ตัวอักษรสีเงินบิดเบี้ยวและแปรเปลี่ยนเป็นข้อความใหม่
“สิ่งนั้นถือเป็นสมบัติปิดผนึกลำดับ 1 จึงอยู่ฝั่งขวาของห้องใต้ดินที่สอง แต่ข้ามองไม่เห็นมากกว่านี้แล้ว”
ไคลน์อืมในลำคอ
“ถึงตาเจ้าถาม”
อาโรเดสเปลี่ยนตัวอักษรสีเงินให้กลายเป็นคำถาม
“เจ้านายต้องการให้ข้าทำอะไรอีก?”
หากเป็นสถานการณ์ปรกติ ไคลน์คงถอนหายใจและส่ายหน้ารำพัน แต่ปัจจุบัน สติชายหนุ่มกำลังตึงเครียด จึงพยักหน้ารับและมอบคำตอบ
“คอยดูแลภาพลวงตาเหมือนคราวก่อน ตอบสนองต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”
“ขอรับ เจ้านาย!” ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสตอบโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เสริม “ข…ข้าจะพยายามระงับสัญชาตญาณของตัวเอง ข้าขอสาบาน! สาบานต่อหน้าผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ!”
ไคลน์พยักหน้ารับ ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เปลี่ยนให้กระจกกลายเป็นดอน·ดันเตส
ภาพมายาเริ่มคมชัดและขยายใหญ่ จนกระทั่งดูสมจริง
หลังจากปรับท่าทางเล็กน้อย ไคลน์จัดระเบียบให้อยู่ในท่านอนบนเตียง คล้ายกับกำลังหลับสนิท
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเห็นดอน·ดันเตสหันหน้ามาจ้องตน ยิ้มประจบประแจง เหยียดแขนออกและดึงผ้านวมขึ้น
“…” ไคลน์หมดคำจะกล่าวทันที เพียงเปลี่ยนรูปโฉมให้กลายเป็นนักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์เจ้าของสีหน้าเย็นชา พร้อมกับเปลี่ยนให้ยุบพองหิวโหยที่มือซ้ายกลายเป็นสีโปร่งใส
ร่างกายชายหนุ่มเลือนหายไปในพริบตา ‘ท่องเที่ยว’ ไปยังสุดเขตถนนเฟลป์ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารนักบุญแซมมวล จากนั้นก็เดินไปยังจัตุรัสที่มีนกพิราบบินในตอนกลางวัน ซ่อนตัวในมุมมืด
ถัดมาไม่นาน สาวกกลุ่มหนึ่งซึ่งเพิ่งร่วมพิธีมิสซาช่วงค่ำเดินกลับออกมา โดยหลังจากนั้นอีกสักพัก คนงานหลายคนเดินออกจากวิหารพร้อมกับสิ่งของเต็มไม้เต็มมือ ตรงไปยังถังขยะในตรอกด้านข้าง และมีคนงานกลุ่มหนึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกับอุจจาระในจุดที่รถม้าเคยจอด
ทันใดนั้น คนงานรายหนึ่งชักกระตุกแผ่วเบา ก่อนจะลดศีรษะลงและก้มหน้าทำงานตามเดิม จนกระทั่งมันเดินไปทางถังขยะประหนึ่งว่าต้องการเทขยะ ค่อยๆ ทิ้งระยะห่างออกจากคนอื่น
เมื่อคนงานรายนี้คลาดสายตาจากเพื่อนร่วมงาน มือข้างหนึ่งโผล่ออกจากอากาศว่างเปล่าและคว้าไหล่ไว้ เปลี่ยนให้ร่างกายของมันเลือนรางและหายไปจากตำแหน่งเดิม
ไคลน์พา ‘เที่ยว’ ไปยังห้องนอนเตียงคู่ของหอพักราคาถูกแห่งหนึ่งในเขตตะวันออก – เป็นห้องที่เปิดไว้ล่วงหน้าหลายวัน จองโดยการเปลี่ยนรูปลักษณ์และใช้ตัวตนปลอม
ความสามารถของนักท่องเที่ยวช่างสะดวกสบาย ปัญหาข้อเดียวก็คือ ทุกครั้งที่ใช้พลัง ต้องมีโจรสลัดเป็นเหยื่อสังเวย… ไคลน์รำพันเพื่อคลายความเครียด ขณะเดียวกันก็บังคับให้คนงานนอนลงบนเตียง พร้อมกับโยนหลอดโลหะบางๆ ให้อีกฝ่ายดื่ม
คนงานรับไว้อย่างชำนาญ ดึงจุกออก ดื่มยานอนหลับอึกอึกเข้าไปรวดเดียวหมด สลบเหมือดภายในไม่กี่วินาที ก่อนที่วิญญาณอาฆาตในแจ็คเก็ตสีแดงเข้มจะปรากฏตัวขึ้นด้านข้าง
ไคลน์ยืนจ้องคนงานบนเตียง ร่างกายหดลงกะทันหัน ลักษณะคล้ายกับสัตว์ประหลาดโคลน
อย่างไรก็ตาม โคลนมิได้ถล่มลงมากองบนพื้น โยกคลอนแผ่วเบา ก่อตัวเป็นรูปร่างที่มีความสูงลดลงสิบห้าเซนติเมตร ผิวคล้ำขึ้นจากปรกติ บนใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เพียงพริบตาก็กลายเป็นคนงานบนเตียง
ขณะเดียวกัน เซนอลกำลังถอดเสื้อผ้าของคนงานรายดังกล่าว
โดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า ไคลน์รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ย้ายกล่องบุหรี่โลหะและสิ่งของอื่นๆ มายังชุดใหม่
หลังจากหยิบไม้กวาดและสำรวจตัวเอง เมื่อยืนยันว่าไม่มีปัญหา ชายหนุ่มใส่เซนอลกลับไปบนผิวเหรียญทองอีกครั้ง ลดแขนซ้ายลงและกางนิ้วทั้งห้า เฝ้ามองยุบพองหิวโหยเข้าสู่ภาวะโปร่งใส
หลังจากเทเลพอร์ตกลับมาถึงมุมมืดหนึ่งในตรอก ไคลน์โน้มตัวลง บรรจงทำความสะอาดพื้น ค่อยๆ ขยับเข้าไปในกลุ่มคนงานอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงรักษาระยะห่างพอสมควร ด้วยเกรงว่าจะมีคนชวนคุย
ผ่านไปราวสามสิบนาที คนงานถูกเรียกให้มารวมกัน เดินเข้าไปในวิหารนักบุญแซมมวล เลี้ยวเข้าประตูฝั่งด้านข้าง
“เหนื่อยมาก” เมื่อพ้นจากสายตานักบวช คนงานเหยียดแขนยืดเส้นยืดสาย
ไคลน์แสร้งทำเป็นหมดแรง ไม่สนใจบทสนทนาของคนอื่น อย่างมากก็พยักหน้าอืออืม
เพียงไม่นาน คนงานเดินกลับมาถึงเขตห้องพัก แบ่งออกเป็นห้องใหญ่สองห้องหันหน้าชนกัน ด้านในเต็มไปด้วยเตียงสองชั้น แต่ละเตียงมีตู้เสื้อผ้าและกล่องไม้
ไคลน์ผงะไปชั่วขณะ เนื่องจากไม่ทราบว่าตนต้องเลี้ยวไปซ้ายหรือขวา
แต่โชคยังดี ในฐานะนักทำนาย มันสามารถพึ่งพาสัญชาตญาณที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังพิเศษหรือศาสตร์เร้นลับ นอกจากนั้นยังกำลังถือไม้กวาด จึงแสร้งทำเป็นจับไว้ แต่ความจริงแอบใช้เทคนิคทำนายด้วยแท่งวิญญาณ จนกระทั่งทราบว่าต้องเข้าไปในห้องขวา
หลังจากเข้าห้องฝั่งขวา ไคลน์จงใจก้าวให้ช้าลง เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนงานอื่นๆ เพื่อเรียนรู้ เดินไปวางไม้กวาดที่บริเวณหลังประตู และเดินออกไปยังห้องน้ำรวมด้านนอกเพื่อล้างหน้า ล้างปาก ล้างเท้า
ชายหนุ่มจงใจจัดการตัวเองให้เสร็จช้ากว่าคนอื่น เมื่อกลับถึงห้อง เตียงที่ควรเป็นของตนก็ถูกเผยออกมาตามธรรมชาติ – เตียงที่ไม่มีใครใช้
ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ไคลน์โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
คนงานต่างเหนื่อยล้าถ้วนหน้า เพียงไม่นานก็หลับสนิทและกรนเสียงดัง
ไคลน์ยังคงรักษาสติ บรรจงถอดยุบพองหิวโหยโดยไม่ให้คนรอบข้างรู้ตัว พับเป็นชิ้นเล็กๆ และยัดลงในกล่องบุหรี่โลหะ เก็บร่วมกับนกหวีดทองแดงอะซิกและเหรียญทองเซนอล
กระแสเวลาไหลผ่าน เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป ชายหนุ่มจึงหลับไม่ลง ได้แต่ใช้การเข้าฌานบังคับตัวเองให้หลับได้ต่อเนื่องสองสามชั่วโมง
หลังจากตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่ง ไคลน์ปลดปล่อยวิญญาณอาฆาต
ออร่าอันเย็นเยียบของหุ่นเชิดผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว ด้ายวิญญาณหดกลับเข้าไปในร่างกาย เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทและปราศจากต้นตอ
ยังควบคุมได้… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา บังคับวิญญาณอาฆาตกระโดดกระจกหลากสีสันบนหน้าต่างสูง รวมถึงพื้นหินที่มันวาว จนกระทั่งถึงบันไดที่พาไปสู่ห้องพักของ ‘ผู้คุม’ ที่อยู่ชั้นบน
ชายหนุ่มเชื่อว่า หากเซนอลไม่ถูกกัดกร่อนล่วงหน้า การเข้ามาในบริเวณนี้จะทำให้ถูกแก่นผนึกของประตูยานิสตรวจพบ จากนั้นก็กำจัดทิ้งอย่างไร้ความปรานี
ไม่มีทางที่ ‘วิญญาณอาฆาต’ จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในมหาวิหารของเจ็ดโบสถ์จารีตอยู่แล้ว!
และเนื่องจากได้รับ ‘อนุญาต‘ จากแก่นผนึก ผนวกกับการมีเทวทูตกระดาษช่วยลบร่องรอย ผู้วิเศษระดับเทวทูตที่อยู่ในวิหารจึงมิอาจสัมผัสถึงความผิดปรกติ!
ก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นสองขั้น อาศัยความรู้สึกจากออร่าที่ถูกกัดกร่อนของวิญญาณอาฆาต ไคลน์เลี้ยวซ้ายและพบกับห้องพักของบรรดาผู้คุม
พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์… คนที่รับผิดชอบเวรวันจันทร์ของสัปดาห์นี้… น่าจะเป็นผู้คุมที่เราพบในวันแรก… ไคลน์ค่อนข้างมั่นใจกับลำดับของเวรยาม บังคับให้วิญญาณอาฆาตที่สวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มลอยผ่านประตูไม้อย่างเงียบงัน เข้าไปในห้องเป้าหมาย
เนื่องจากในห้องมีแค่ไม่กี่คน ชายหนุ่มพบชายชราที่มีผิวหนังหย่อนยาน จมูกใหญ่ ผมบาง บรรยากาศเย็นเยียบ
เซนอลหยิบหลอดโลหะที่บรรจุยานอนหลับออกมาวางด้านข้างเตียง จากนั้นก็เข้าสิงร่างก่อนที่เป้าหมายจะสังเกตเห็น!
ผู้คุมในสภาพหลับใหล หมดสิทธิ์ตื่นขึ้นมาขัดขืน ต้องสูญเสียสิทธิ์ควบคุมร่างให้วิญญาณอาฆาต ลำพังจะลืมตายังยากลำบาก ทำได้เพียงชำเลืองเห็นตัวเองกำลังนำหลอดโลหะบรรจุของเหลวด้านข้างเตียง ยกดื่มรวดเดียวจนหมด
ร่างกายของมันชักกระตุกแผ่วเบา คล้ายกับเกิดการต่อสู้ภายใน จนกระทั่งผ่านไปครบหนึ่งนาทีเต็ม ทุกสิ่งเริ่มบรรเทาลง ผู้คุมหลับตาสนิทและเข้าสู่นิทราอันยาวนาน
จัดการทั้งหมดเสร็จ วิญญาณอาฆาตออกจากร่างผู้คุม กระโดดกระจกเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาถึงห้องพักคนงาน ปิดท้ายด้วยการสิงร่างไคลน์
ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าร่างกายเริ่มเย็นเยียบ เจือกลิ่นอายความตาย ออร่าสงบนิ่งไร้อารมณ์ กระทั่งสีหน้าก็ยังแทบไม่ปรากฏ
มันค่อยๆ ลุกขึ้น แอบเดินออกจากห้องพักคนงาน ผ่านทางเดินที่สองฝั่งมีจิตรกรรมฝาผนังมืดทึบ ก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น ตรงเข้าไปในห้องพักเป้าหมาย
ขณะยืนข้างเตียง ร่างกายที่ใช้รูปลักษณ์คนงานของไคลน์สูงขึ้นกะทันหัน เส้นผมบางลง จมูกใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
เพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มแปลงโฉมเป็นผู้คุมที่เพิ่งกินยานอนหลับอย่างสมบูรณ์ กระทั่งออร่าก็ยังแทบไม่ต่าง
หลังจากสวมเสื้อคลุมสีดำของนักบวชด้านข้าง ไคลน์ย้ายผู้คุมที่สวมชุดคนงานไปไว้ใต้เตียง ทิ้งตัวลงบนเตียงแทนเจ้าของ ยืนยันเวลาให้แน่ใจก่อนจะหลับ
จนกระทั่งตีห้าครึ่ง ชายหนุ่มตื่นก่อนเวลาเล็กน้อย กินขนมปังขาวที่เตรียมไว้เมื่อคืน ดื่มน้ำหนึ่งแก้ว มองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่กล่าวสิ่งใด
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง ไคลน์ยังคงรักษาบุคลิกเย็นชาและปราศจากอารมณ์ เปิดประตูเดินออกจากห้อง ลงไปยังชั้นหนึ่ง ตรงไปตามเส้นทางที่บันทึกในความทรงจำ ก่อนจะเลี้ยวซ้าย
เดินต่อไปอีกสักพัก ชายหนุ่มไม่ประหลาดใจที่ตนได้พบกับนักบวช
อาศัยประสบการณ์จากสมัยยังเป็นเหยี่ยวราตรี ไคลน์เชื่อว่าตนไม่มีทางหลงในวิหาร
นักบวชซึ่งยืนอยู่หน้าประตูลับที่นำไปสู่ชั้นใต้ดิน ยกมือขวาขึ้นมาทำสัญลักษณ์สี่จุดตามเข็มนาฬิกา
“ขอให้เทพธิดาอวยพร”
“สรรเสริญเทพธิดา” ไคลน์ตอบเสียงต่ำ วาดจันทร์แดงกลับไป
ชายหนุ่มไม่ยืนแช่ เดินผ่านนักบวชเข้าไปในประตู ท่ามกลางโคมไฟที่เรียงรายสองฝั่งกำแพง มันบรรจงก้าวลงบันไดทีละขั้น เดินต่อไปจนกระทั่งถึงทางแยก
อาศัยประสบการณ์เก่า ไคลน์ชื่อว่าฝั่งขวาคือทางออกจากวิหาร และปลายทางคงเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยสักแห่งที่เหยี่ยวราตรีเปิดเป็นฉากหน้า ดังนั้น มันเลี้ยวซ้ายโดยไม่ลังเล
แต่ถัดมาไม่กี่วินาที มันเห็นชายสวมถุงมือสีแดงกำลังเดินสวนมาจากระยะไกล
สุภาพบุรุษฝั่งตรงข้ามมีผมสีดำ ดวงตาสีเขียวมรกต ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางขี้เกียจ ไม่ใช่ใครนอกจากเลียวนาร์ด·มิเชล