ดวงตาของ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินส่องประกายขณะเอนหลังพิงเก้าอี้ ยิ้มและตอบคำถามของมิสจัสติสดังจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว
“สิ่งที่ข้าต้องทำนั้นไม่ซับซ้อน นั่นคือการทำให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินแผนการไปอย่างราบรื่น”
ก็แปลว่าไม่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้? เดิมที ‘จัสติส’ ออเดรย์เตรียมจะถามอีกสักสองสามคำถาม แต่เมื่อสำรวจเดอะมูนหัวจรดเท้า เธอนึกทบทวนคำตอบก่อนจะยิ้มและกล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องเดียวที่คุณต้องทำก็คือ รักษาตัวเองให้ปลอดภัย”
สมเหตุสมผล เราไม่ควรหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อน และเดิมที เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว… เราไม่ได้อยู่ในงานที่ต้องแบกรับความเสี่ยง ขอเพียงเช่า ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ และขอให้เดอะเวิร์ลบันทึกพลัง ‘เทเลพอร์ต’ ไว้สักสองสามหน้า ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยอีกต่อไป… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินครุ่นคิดสักพัก พยักหน้ารับแผ่วเบาและกล่าว
“เป็นคำแนะนำที่ดี”
และเนื่องจากไม่มีสมาชิกของชุมนุมทาโรต์เข้าร่วมในการปฏิบัติการร่วมระหว่างผีดูดเลือดและผู้หลบหนีของโรงเรียนกุหลาบ สิ่งต่างๆ จึงอยู่นอกเหนือความควบคุมของพวกตน การชุมนุมย่อยจึงยุติลงภายในระยะเวลาอันสั้น สมาชิกถูกส่งกลับสู่โลกความจริงโดยพร้อมเพรียง
ไคลน์ไม่รีบร้อนกลับออกไป หลังจากที่ร่างของเดอะเวิร์ลเลือนหาย บนเก้าอี้ของ ‘เดอะฟูล’ มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มกวักมือเรียกไม้กางเขนเจิดจรัสที่ถูกยึดติดกับสมบัติวิเศษ ‘นิ้วหัก’ แห่งเส้นทางนักจารกรรม
สิ่งที่ไคลน์ได้เห็นก็คือ บนพื้นผิวของ ‘แหนบ’ สีเทาอ่อนซึ่งเกิดจากการขัดของกระดูกนิ้ว มีร่องรอยของเม็ดกรวดสีดำจำนวนมากปรากฏขึ้น สีของมันดำสนิทจนดูเหมือนกับดูดซับแสงรอบตัวทั้งหมดเข้าไป มันกำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าในลักษณะรวมตัวกัน คล้ายกับกำลังจัดระเบียบรูปทรงใหม่
สำหรับเนื้อกระดูกที่เป็นวัสดุของแหนบ ‘นิ้วหัก’ สีเทาของมันเริ่มกลายเป็นโปร่งใส ตามพื้นผิวเต็มไปด้วยรูพรุนจำนวนมาก
อย่างที่คิด ไม้กางเขนเจิดจรัสสามารถสกัดตะกอนพลังออกจากสมบัติวิเศษได้… พวกมันจะแตกตัวและค่อยๆ ผสานเข้าด้วยกันใหม่อย่างเชื่องช้า… แน่นอน กุญแจสำคัญก็คือการ ‘มัด’ ด้วยพลังลึกลับเหนือสายหมอกสีเทา ไม่อย่างนั้น ไม้กางเขนคงไม่ ‘เต็ม’ ที่จะสัมผัสกับสมบัติวิเศษอื่น… ไคลน์พยักหน้าพึงพอใจ
ทันใดนั้น ‘นิ้วหัก’ สีเทาอ่อนพลันสั่นระริกกะทันหัน จากนั้นก็ส่งเสียง:
“โอ้! บุตรชายของข้า”
“ข้าขอสรรเสริญ!”
“สรรเสริญดวงสุริยัน!”
“…”
วัตถุลักษณะคล้ายแหนบเริ่มร้องเพลง ภายในเนื้อมีเสียงปริแตกดังเป็นระยะ ประหนึ่งพร้อมจะแหลกละเอียดได้ทุกวินาที
ทว่า นั่นมิได้ส่งผลกระทบกับการสรรเสริญดวงอาทิตย์
“…” ไคลน์เฝ้ามองฉากนี้พร้อมกับอ้าปากค้างเล็กน้อย หมดคำจะกล่าวไปสักพัก
ผ่านไปไม่กี่วินาที มันถอนหายใจยาว จับแยกไม้กางเขนเจิดจรัสกับนิ้วหักออกจากกัน จากนั้นก็ถูกโยนไปทางซากกองขยะและตกในจุดที่แตกต่าง ปิดท้ายด้วยการถูกไคลน์ใช้พลังของมิติหมอกสยบ
ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มเตรียมกลับสู่โลกความจริง
แต่ว่า จุดแสงที่ทำเครื่องหมายไว้ จุดแสงซึ่งเป็นตัวแทนสาวกเพียงคนเดียวของเดอะฟูล กำลังยุบพองพร้อมกับส่งเสียงวิงวอน
ไคลน์หยุดความคิดทั้งหมดและถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป ทันใดนั้น ฉากตรงหน้าชายหนุ่มกลายเป็นภาพของเดนิสที่กำลังสวดวิงวอนอยู่ในห้องพัก:
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ สาวกผู้ถ่อมตนของท่าน ขอรบกวนให้ท่านถ่ายทอดข้อความเหล่านี้ไปถึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์… ตามคำบอกเล่าของกัปตัน แม้จะมีวัตถุหลายชิ้นในทะเลที่ลือกันว่าเป็นสิ่งของของ ‘พลเรือโทโรคภัย’ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นของปลอมโดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่หนึ่ง และเนื่องจากเคยถูกลอบสังหารจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นายพลโจรสลัดรายนี้จึงปกปิดแผนการเดินทางอย่างรัดกุมมาก ลงมือปล้นน้อยลง ครั้งสุดท้ายที่กองเรือของเธอปรากฏตัวขึ้นคือเมื่อสองเดือนก่อน ใกล้กับเกาะไซรอสทางตะวันตกของทะเลคลั่ง โดยในภายหลัง เรือของเธอแล่นเข้าไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ไม่มีใครทราบว่ามุ่งหน้าไปไหน… วัตถุแปลกปลอมในท้องของแอนเดอร์สันถูกควบคุมเบื้องต้นแล้ว ถูกกีดกันออกจากร่างกายในระดับหนึ่ง มันจะไม่แทรกซึมเข้าไปในเลือดเนื้อของแอนเดอร์สันสักพัก”
“มีสองวิธีที่จะแก้ปัญหาได้ชะงักงัน… หนึ่งคือการขอความช่วยเหลือจากลำดับ 4 ผู้เจิดจรัส แห่งเส้นทางสุริยัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ตะกอนพลังเดิมจะถูกขจัดออกไปด้วยในปริมาณมาก… วิธีที่สองก็คือ ตามหาสูตรโอสถของลำดับ 4 เส้นทางนักล่า ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ จากนั้นก็อาศัยความช่วยเหลือจากพิธีกรรมและวัสดุ ดูดซับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปโดยตรง”
“แอนเดอร์สันชอบตัวเลือกหลังมากกว่า เขายินดีที่จะเสี่ยง”
เห็นได้ชัดว่าเดนิสกำลังท่องคำตอบของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เพราะฟังยังไงก็ไม่เหมือนกับสำเนียงการพูดตามปรกติของหมอนั่น… แต่ทำไมถึงยังพูดผิดในบางคำ? เดนิสแอบเปลี่ยนตามที่ตัวเองเข้าใจ? หรือเขากังวลว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะไม่เข้าใจ? ไคลน์เลิกคิ้ว หันเหสมาธิกลับมาสนใจเนื้อหา:
พลเรือโทโรคภัยทำตามคำสั่งของนิกายแม่มด ตัดสินใจซ่อนตัวในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้? หากเป็นเรื่องจริง การจับกุมเธอในระยะสั้นๆ คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ และในอีกหนึ่งถึงสองเดือนถัดไป เรื่องราวอาจดำเนินไปถึงบทสรุปจนเราไม่จำเป็นต้องตามหาเธอ…
คงต้องส่งเดนิสไปสืบด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ … อา… ตอนนี้ไม่มีทางเลือก ต้องเบนเป้าไปหาแม่มดทริสซี่ เพราะเรามีวิธีติดต่อกับเธอ… จากนั้นใช้ข้ออ้างว่าจะร่วมมือกันปราบ ‘นักบุญขาว’ คาร์เทอริน่า… เราจะให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปพบกับเธอซึ่งๆ หน้า ดูว่าจะใช้เธอล่อลวงคาร์เทอริน่าออกมาได้ไหม…
สำหรับสองวิธีที่จะช่วยแอนเดอร์สัน เราสามารถทำได้ทั้งคู่… แต่ในเมื่อหมอนั่นชอบความเสี่ยง อยากลองเลื่อนลำดับเพื่อดูดซับสิ่งแปลกปลอม เราก็ไม่ขัดข้อง… ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องวุ่นวายขายสิทธิ์ในการเช่าไม้กางเขนผ่านเดนิส… อา… อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่า ไม้กางเขนที่อาดัมจงใจทิ้งไว้ จะไปทำปฏิกิริยาประหลาดๆ กับวัตถุที่อาดัมใส่ในท้องแอนเดอร์สัน
สำหรับสูตรโอสถ ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ ถ้าพิจารณาว่าแอนเดอร์สันมีบทบาทสำคัญในการล่อลวงอินซ์·แซงวีลล์ออกมา ใช่ว่าเราจะยกให้หมอนั่นไม่ได้… หืม… แบบนี้จะเท่ากับว่า สิ่งแปลกปลอมในท้องคือ ‘รางวัล’ จากอาดัมด้วยเช่นกัน? ว่าแต่… แอนเดอร์สันไม่ใช่สาวกของเดอะฟูล เราไม่สามารถ ‘มอบ’ ให้โดยตรง… เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะยกรางวัลที่มีค่าขนาดนี้ให้…
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์คิดไวทำไม เสก ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์และทำท่าสวดวิงวอน
…
ทะเลหมอก ภายใน ‘ฝันทองคำ’
โครม!
ประตูไม้ถูกผลักกะทันหัน บานประตูชนกำแพงอย่างแรง
ท่ามกลางเสียงเอะอะ แอนเดอร์สันหยุดใช้นิ้วพลิกหน้าหนังสือ สายตาหันไปมองเดนิสซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้อง สีหน้าเป็นไปอย่างเหนื่อยหน่าย
“ฉันมีงานดีๆ มาให้นายทำ” เดนิสผู้สวมเสื้อคลุมแต่ไม่สวมถุงมือ เชิดคางขึ้นพลางหัวเราะในลำคอ
แอนเดอร์สันสำรวจโจรสลัดฝั่งตรงข้ามหัวจรดเท้า ส่ายหน้าและเดาะลิ้นเสียงดัง:
“นายดูภูมิใจมากเลยนะ… ภารกิจอะไร?”
เดนิสชำเลืองด้วยหางตา ก่อนจะกล่าว
“ไปเกาะไซรอสกับฉัน ช่วยกันสืบหาเบาะแสของพลเรือโทโรคภัย… นอกจากนั้น ช่วยฉันรวบรวมวัตถุดิบวิเศษสำหรับนักวางแผน… หึหึ… และแน่นอน นายต้องเป็นคนจ่ายเงิน”
แอนเดอร์สันพยักหน้าครุ่นคิด
“แล้วฉันจะได้อะไร?”
เดนิสยิ้มมุมปาก กล่าวด้วยท่าทีของผู้เหนือกว่า
“วัตถุดิบเสริมและพิธีกรรมสำหรับเลื่อนเป็น ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ ”
แอนเดอร์สันไม่ตอบในทันที ไม่กล่าวสิ่งใดสักพัก เอาแต่จ้องหน้าเดนิสนานเกือบสิบวินาที
จากนั้น คล้ายกับมันทนไม่ไหวอีกต่อไป ลุกพรวดพร้อมกับโยนหนังสือในมือทิ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
“ออกเดินทางเมื่อไร?”
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตตะวันออก ภายในบ้านเช่าสองห้องนอนที่กำลังขึงผ้าม่านปิดมิดชิด
ทริสซี่ในเดรสสีดำกำลังเก็บสัมภาระ เตรียมย้ายแหล่งกบดาน
ใบหน้ากลมกลึงของเธอซูบลงกว่าเดิมเล็กน้อย นอกจากความอ่อนหวาน ปัจจุบันเปี่ยมไปด้วยความงดงามอันยากจะบรรยาย แม้จะเป็นฝั่งตะวันออกที่สกปรกและวุ่นวาย แต่ดูราวกับส่งสกปรกและมลทินไม่สามารถสัมผัสกับตัวเธอ
ทริสซี่ยังไม่ยกกระเป๋าเดินทางสีดำ หลังจากมองไปรอบตัว เธอเดินไปทางโต๊ะอ่านหนังสือ กางกระดาษจดหมาย หยิบปากกาขึ้นมาเขียน
“มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์… ฉันได้รับข้อมูลสำคัญจากหัวหน้าราชองครักษ์: ชายคนนั้นจงรักภักดีอย่างแท้จริงกับกษัตริย์จอร์จที่สาม… คุณน่าจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้เป็นอย่างดี… เป้าหมายถัดไปของฉันคือการสืบหาว่า กษัตริย์กำลังวางแผนทำอะไร และเพื่อการนั้น ฉันเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องต่อสู้กับ ‘นักบุญขาว’ คาร์เทอริน่าแห่งนิกายแม่มด เธอต้องรู้ความลับบางอย่างแน่… เธออยู่ในลำดับ 3 แม่มดยุพนิรันดร์ เป็นเรื่องมากที่จะกำจัด และยากยิ่งกว่าที่จะจับเป็น… ขอสารภาพว่า พลังของฉันคนเดียวไม่เพียงพอที่จะจัดการกับเธอ หากคุณสนใจ และมีความมั่นใจ พวกเราสามารถร่วมมือกันได้… คุณรู้วิธีติดต่อฉันอยู่แล้ว”
“จากทริสซี่”
วางปากกาลง ทริสซี่พับกระดาษจดหมาย ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เธอไม่เคยเขียนจดหมายถึงนักผจญภัยเสียสติจนกระทั่งตอนนี้ ด้วยกังวลว่าอีกฝ่ายจะใช้ผู้ส่งสารเพื่อ ‘ล็อกเป้า’ ตำแหน่งของเธอ จากนั้นก็เทเลพอร์ตมาจู่โจมฉับพลัน ดังนั้น เธอรอจนกระทั่งใกล้ย้ายแหล่งกบดาน จึงค่อยติดต่อทางจดหมาย
ทริสซี่ไม่แน่ใจว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์มีเจตนาเป็นเช่นไร มิอาจบอกได้ว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเข้ามาแบบกะทันหันหรือไม่ จึงระวังตัวไปตามนิสัย เลือกใช้วิธีที่ตัวเองปลอดภัยที่สุด
หลังจากยื่นจดหมายให้ผู้ส่งสาร เราก็แค่ออกไปจากที่นี่ รอให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ติดต่อกลับมา และไม่เจอเขาจนกว่าจะได้ร่วมมือกัน… ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าองค์กรใดอยู่เบื้องหลังเขา คงต้องหาโอกาสใช้ประโยชน์จากเรื่องที่มีจุดประสงค์ร่วมกัน แต่ห้ามเชื่อใจมากเกินไป… วุ่นวายชะมัด แต่อย่างน้อยก็ปลอดภัย… ทริสซี่สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ถอยหลังสองก้าว จ้องแสงเทียน ท่องเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ:
“ตัวข้า…”
“ขออัญเชิญในนามของข้า:”
“ผู้เตร็ดเตร่ในความว่างเปล่า… สิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรและพร้อมรับคำสั่ง… ผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แต่เพียงผู้เดียว!”
ทันทีที่กล่าวจบ แสงเทียนไขพลันขยายตัวและกลายสีซีด
ในวินาทีถัดมา ร่างหนึ่งก้าวออกจากแสงเทียน เป็นสตรีสวมเดรสสีดำซับซ้อน สองมือถือสี่หัวที่มีเส้นผมสีทองและดวงตาสีแดง
แปดตาบนสี่หัวหันมามองอย่างพร้อมเพรียง จ้องหน้าทริสซี่ซึ่งอยู่ตรงข้าม
รูม่านตาทริสซี่พลันเบิกกว้าง คล้ายกับกำลังเห็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
………………….