ชารอนผู้ไม่ชอบชื่อเล่น? เธอรู้ได้ยังไง? เคยพูดคุยกับมาดามชารอน? ได้ยินตอบของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไคลน์ผงะเล็กน้อย ภายในใจผุดความสงสัย
ตามความเห็นของมัน ภายใต้สถานการณ์ปรกติ ย่อมไม่มีการสื่อสารระหว่างผู้ส่งสารและคนรับ กระบวนการมีเพียง ฝ่ายหนึ่งส่งจดหมาย ส่วนอีกฝ่ายก็แค่รับไว้
นอกจากนั้น มิสผู้ส่งสารจำเป็นต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่ายเพื่อตั้งชื่อเล่นด้วยหรือ? แล้วแฟรงค์·ลีกับแพทริค·เบรนไปยินยอมตอนไหน?
ผ่านไปไม่กี่วินาที ไคลน์เริ่มคาดเดาบางสิ่ง นั่นก็คือ ต้องมีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างมิสผู้ส่งสารกับมาดามชารอน และไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ก็ไม่พยายามปิดบังมันมากนัก
สลัดความคิดดังกล่าว ไคลน์เปิดซองจดหมาย อ่านเนื้อหาภาพรวมอย่างรวดเร็ว:
“ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ไว้คุยรายละเอียดกันที่ผับวีรบุรุษ…”
เทียบกับในอดีต มาดามชารอนไม่หวงคำพูดเหมือนเมื่อก่อน… เป็นผลพวงจากการเลื่อนลำดับเป็นครึ่งเทพ? ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก เดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบปากกาเขียนลงบนกระดาษ
“ให้ผมไปหาตอนไหน?”
วางปากกาลง ชำเลืองไปทางไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ยังคงไม่ไปไหน ราวกับคาดหวังจดหมายตอบกลับ ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์รู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น ชายหนุ่มพับกระดาษจดหมาย ยื่นให้อีกฝ่ายและกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“ถึงชารอน”
ขณะหนึ่งในศีรษะของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์งับจดหมาย อีกสามหัวพูดเรียงกัน:
“เจ้า…” “ยัง…” “ไม่ได้จ่าย…”
“ไม่รับ…” “เก็บเงิน…” “ปลายทาง…”
ไคลน์กระแอมในลำคอ หยิบเหรียญทองออกมายื่นให้มิสผู้ส่งสาร
เฝ้ามองไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หายตัวไป ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย เดินไปทางเก้าอี้เอนหลังและนั่งลง รอคอยคำตอบอย่างอดทน
ไม่ถึงหนึ่งนาทีถัดมา มิสผู้ส่งสารที่สวมเดรสสีเข้มเดินออกจากความว่างเปล่าอีกครั้ง ปากหนึ่งงับกระดาษจดหมายแผ่นเดิม
ไคลน์ไม่ได้ถามว่าจากใคร เพียงรับไว้และเปิดอ่าน
“ถ้าคุณไม่ติดขัด คืนนี้เลยยิ่งดี”
คืนนี้… ไคลน์พยักหน้าตรึกตรอง สะบัดข้อมือแผ่วเบา เสกให้เปลวไฟสีแดงลุกไหม้กระดาษจดหมายอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปลวไฟลุกลาม จดหมายก็กลายเป็นซากเถ้าถ่าน
รอจนกระทั่งไฟมอด ร่างของไคลน์หายไปจากเก้าอี้เอนหลัง ส่วนเศษเถ้าถ่านเล็กๆ ที่กำลังโปรยปราย พวกมันถูกสายลมที่มองไม่เห็น พัดตกลงไปในถังขยะใกล้ๆ
กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด ย่านสะพานเบ็คลันด์ ภายในบ้านที่ติดเขตเหนือ แสงจากโคมไฟแก๊สติดผนังบรรจงสว่างขึ้นทีละหนึ่งดวง ก่อนจะกลับไปดับมืดตามเดิม
เพียงไม่นาน ไคลน์ปรากฏตัวในห้องพักรอบนอกเขตตะวันออกที่เช่าไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมแว่นตากรอบทอง ออกจากห้องในรูปลักษณ์ของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้จนกระทั่งถึงผับวีรบุรุษ
ในคราวนี้ ชายหนุ่มไม่ตามหาเอียนซึ่งกำลังเล่นเกมกระดานกับคนกลุ่มหนึ่งในห้องเล่นไพ่ แต่เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจสักพัก จนกระทั่งเอื้อมมือออกไปเปิดประตูห้องบิลเลียด
ทันทีที่ลงกลอนตามหลัง มันเห็นเงาสองจุดถูกวาดขึ้นจากพื้นทางฝั่งซ้ายและขวาตามลำดับ
คนฝั่งซ้ายนั่งบนเก้าอี้สูง สวมหมวกอ่อน ชุดหรูหราประหนึ่งชาววัง ผมสีทองอ่อน ไม่ใช่ใครนอกจากชารอนผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีฟ้า เมื่อเทียบกับสมัยก่อน ใบหน้าของเธอมิได้ซีดเซียวอีกต่อไป ดูซีดกว่าปรกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่วยให้ภาพลักษณ์ของเธอเปลี่ยนจาก ‘ผีผู้หญิง’ กลายเป็น ‘ตุ๊กตา’ มากขึ้น
มาริคยืนอยู่ทางฝั่งขวา ชายผู้ชอบเล่นไพ่กับซอมบี้รายนี้เริ่มมีใบหน้าซีดเซียว จิตสังหารที่เคยต้องเก็บซ่อนอย่างยากลำบาก ปัจจุบันบรรเทาลงมาก เปลี่ยนไปได้บรรยากาศเย็นเยียบและหดหู่แทน
“สายัณห์สวัสดิ์” ไคลน์ยิ้มและถอดหมวกทักทาย
“สายัณห์สวัสดิ์ คุณนักสืบ” ร่างกายของชารอนที่ดูล่องลอยราวกับไม่มีน้ำหนัก โค้งคำนับอย่างจริงใจพร้อมกับมาริค
ในวินาทีนี้ บรรยากาศภายในห้องบิลเลียดพลันหลอนหูหลอนตาอย่างบอกไม่ถูก
ไคลน์ดึงเก้าอี้สูงออกมานั่ง หัวเราะในลำคอและกล่าว
“คราวนี้มีอะไรหรือ”
“ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณอีกครั้ง” ชารอนคำนับซ้ำ
มาริคเป็นฝ่ายพูด:
“เราบรรลุข้อตกลงกับผีดูดเลือดแล้ว เป้าหมายคือการกำจัดสมาชิกคนสำคัญของโรงเรียนกุหลาบภายในกรุงเบ็คลันด์… มีหลายเรื่องที่พวกเราต้องทำด้วยตัวเอง เช่นการหลอกล่อศัตรูออกมา รวมถึงการวางแผนซุ่มโจมตี พวกเราอยากให้คุณช่วยเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ จากวงนอก และยื่นมือช่วยเหลือในการหลบเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน… คุณต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน สองเสนอมาได้”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราเป็นหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน… แล้วเราจะทำยังไงถ้าเอ็มลินขอให้ ‘เดอะเวิร์ล’ แอบช่วยเหลืออย่างลับๆ เช่นกัน? เมื่อถึงตอนนั้น แผนของพวกเขาคือการมีครึ่งเทพสองคนเป็นหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน… อึก… อาจจะทำได้ก็ได้… ฝั่งหนึ่งเราเล่นเป็นตัวเอง เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ส่วนอีกฝั่งก็ให้โจนาสโจนาส·โคลเกอร์รับบทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก ไม่ตอบมาริคโดยตรง แต่หันไปกล่าวกับชารอน
“ขอฟังรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน”
มาริคเหลือบมองชารอนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและตอบ
“ตกลง”
ไคลน์จ้องชารอนบนเก้าอี้สูงที่ดูราวกับเป็นตุ๊กตา:
“มัมมี่ตูตันส์ที่สองที่ชิงมาได้ก่อนหน้านี้ คือวัตถุดิบในการเลื่อนเป็นลำดับ 4 ‘หุ่นกระบอก’ และคุณก็ประสบความสำเร็จในการเป็นครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว?”
นี่คือข้อมูลที่มันได้ทราบจากบทสนทนาก่อนหน้าและจดหมาย ไคลน์ถามเพื่อยืนยันให้มั่นใจ จะได้ไปต่อที่หัวข้ออื่น
ชารอนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเงียบงัน ก่อนจะเปล่งเสียงอันล่องลอยจนฟังดูไม่เหมือนกับมนุษย์:
“ใช่”
ไคลน์พยักหน้ารับ ถามอย่างตรงไปตรงมา:
“ความสัมพันธ์ของคุณกับไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์คืออะไร”
ดวงตาสีฟ้าของชารอนขยับเล็กๆ :
“ท่านเป็นอาจารย์ของฉัน”
อาจารย์… ท่าน… แม้ว่าไคลน์จะเดาได้สักพักแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดหายใจ กรามกระทบกันแน่น
เพียงพริบตา แม้ว่าสีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่ภายในใจเต็มไปด้วยฟองความคิด
…มิสผู้ส่งสาร แท้จริงแล้วเป็นเทวทูต?
เรากำลังใช้เทวทูตเป็นผู้ส่งสาร… ไม่หรูหราเกินตัวไปหน่อยหรือ?
แถมยังเป็นอาจารย์ของมิสชารอน… ดูเหมือนว่า การที่เธอสมัครใจมาเป็นผู้ส่งสารให้เรา คงไม่ใช่เพราะเหตุผลง่ายๆ อย่างที่เคยเข้าใจ!
มองจากภายนอก เธอคงอยู่คนละฝั่งกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… เธอยอมเป็นผู้ส่งสารให้เราเพราะมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายต้องการตัวเรา? ไม่สิ เพราะเรามีชะตากรรมต้องกลายเป็นศัตรูกับทางนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้?
เข้าใจแล้วว่าทำไมมาดามชารอนถึงหาสูตรโอสถ ‘หุ่นกระบอก’ และวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องได้ง่ายนัก…
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ตัดสินใจถามให้ลึกลงไป จุดประสงค์เพื่อใช้คำตอบจากชารอนหรือมาริคช่วยบรรเทาอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน
มันไตร่ตรองสักพักก่อนจะพูด
“ขอฟังสถานการณ์เพิ่มเติม”
คราวนี้ชารอนเป็นฝ่ายตอบ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกับวัตถุไร้ชีวิตชีวา มากยิ่งกว่าหุ่นกลของฮารามิคเสียอีก
“ในช่วงต้นยุคสมัยที่ห้า เมื่อครั้งเทพมรณาถึงคราวร่วงหล่น ทวีปใต้เกิดการจลาจลเพื่อต่อต้านปกครองของจักรวรรดิไบลัมขึ้นทุกหัวระแหง ไม่ว่าจะเป็นที่ราบสูงดวงดาวหรือหุบเขาเพิร์ธ… ระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว เทพผู้ถูกล่ามปรากฏตัวขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโรงเรียนกุหลาบ… เดิมที อาจารย์ของฉันเป็นบุตรสาวของผู้ปกครองที่ราบสูง แต่ในภายหลัง ท่านกลายมาเป็นข้ารับใช้ของเทพผู้ถูกล่าม จึงช่วยบิดาก่อตั้งอาณาจักรที่ราบสูงสำเร็จ… หลังจากนั้น ท่านกลายเป็นเทวทูตลำดับ 2 กลายเป็นหนึ่งในผู้นำของโรงเรียนกุหลาบ ท่านอยู่ฝ่ายฝักใฝ่การระงับแรงปรารถนา ต้องคอยต่อสู้กับความบ้าคลั่งอย่างยากลำบาก… แต่เมื่อราว 922 ปีก่อน ‘บุตรแห่งเทพ’ เซียอาได้ถือกำเนิดขึ้น ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไปนับแต่นั้น ฝ่ายฝักใฝ่แรงกระหายและการสังเวยเลือดเริ่มได้รับความนิยม… ในตอนแรก อาจารย์สามารถรับมือไหว ช่วยให้ฝ่ายฝักใฝ่การระงับแรงปรารถนาไม่ได้รับผลกระทบมากนัก สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้… ทว่า เมื่ออิทธิพลของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเพิ่มขึ้น เซียอาประสบความสำเร็จในการเลื่อนลำดับ กลายเป็น ‘เทพหายนะ’ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา… จนกระทั่งสงครามภายในปะทุขึ้นอย่างรุนแรง อาจารย์ตัดสินใจช่วยพวกเราหลบหนีออกจากที่ราบสูง และฉันต้องเห็นท่านตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมเซียอาและผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ … แต่ท่านมิได้ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์เนื่องจากมีการเตรียมตัวล่วงหน้า จึงคืนชีพในสภาพพิเศษภายในโลกวิญญาณ ปัจจุบันกำลังทวงคืนร่างกายที่สมบูรณ์”
อย่างนี้นี่เอง… กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้มิสผู้ส่งสารมีคุณสมบัติของเทวทูต แต่ปราศจากอำนาจในขอบเขตที่สอดคล้องกัน… อยู่ในสภาพอ่อนแอสินะ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงจัดการกับครึ่งเทพแจ็คส์แห่งโรงเรียนกุหลาบได้ไม่ง่ายนัก… อา… แม้จะมีเทวทูตจำนวนมากที่คอยช่วยเรา แต่เกือบทั้งหมดล้วนไม่สมบูรณ์หรือไม่ก็อ่อนแอ… หากไม่นับมาดามอาเรียนน่า ทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด ไม่ว่าจะมิสเตอร์อะซิก พาลีส·โซโรอาสเตอร์ วิล·อัสติน มิสผู้ส่งสาร… มีอะไรผิดปรกติเกี่ยวกับสมญานาม ‘เดอะฟูล’ รึเปล่า? หรือว่าพวกเขาเหล่านี้กำลังรอให้เราใช้พลังของ ‘ปราชญ์โบราณ’ ? ไคลน์ผงะเล็กน้อย เต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
มันไม่ได้ถามว่าทำไมไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ถึงยังต้องการเงิน เพียงคิดสักพักก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“มาดามชารอน โรงเรียนกุหลาบไม่น่าจะขาดแคลนสูตรโอสถ ‘หุ่นกระบอก’ หลังจากที่คุณได้รับมัมมี่ตูตันส์ที่สอง พวกมันย่อมทราบคุณเป็นครึ่งเทพ นอกจากนั้น มาดามไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เคยปรากฏตัวต่อหน้าครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบมาแล้ว ถึงขั้นต่อสู้กัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง โรงเรียนกุหลาบทราบว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ย่อมเตรียมวิธีรับมือล่วงหน้า รวมไปถึงความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์… ในสถานการณ์เช่นนี้ แผนการที่คุณคิดจะใช้ตัวเองกับมาริคเป็นเหยื่อล่อเพื่อกำจัดสมาชิกคนสำคัญของโรงเรียนกุหลาบในกรุงเบ็คลันด์ ไม่ฟังดูตื้นเขินไปหน่อยหรือ? คิดว่าพวกมันจะส่งครึ่งเทพแค่ตนสองตนมาจัดการกับคุณ? ตระกูลผีดูดเลือดจะช่วยได้มากสักแค่ไหนเชียว? นอกจากนั้น ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกำลังไล่ล่าบางตัวตนของผมอยู่ ถึงขั้นให้ ‘เทพหายนะ’ เซียอาลงมือเองโดยตรง นอกจากนั้น เรื่องที่อาจารย์ของคุณกับผมร่วมมือกัน พวกมันก็ทราบเป็นอย่างดี… หลังจากผนวกทุกสิ่งเข้าด้วยกัน หากคุณปรากฏตัวขึ้น จะถูกรุมโจมตีด้วยสารพัดวิธีแบบใดบ้าง คงเดาได้ไม่ยากกระมัง”
กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าไคลน์มืดมนลง:
“พวกคุณคิดจะให้กรุงเบ็คลันด์เกิดเหตุการณ์ ‘เทพเสด็จเยือน’ หรือ…?”
ทันใดนั้น บรรยากาศเงียบสงัดพลันปกคลุมห้องบิลเลียด แต่สีหน้าของชารอนยังคงไม่แปรเปลี่ยน
……………………