Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 802 : วิธีถัดมา

ราชันเร้นลับ 802 : วิธีถัดมา

เมื่อลืมตาอีกครั้ง เสียงข่มขู่และอ้อนวอนในใจไคลน์อันตรธานหายไป ตรงหน้ามีเพียงเปลวไฟสีฟ้าอ่อนที่แผดเผาอย่างเงียบงันบนเทียนไขสีดำ

ชายหนุ่มตรวจสอบสภาพวิญญาณดาราของตนอย่างถี่ถ้วน ยืนยันว่าร่องรอยความสับสนหายไปแล้ว สีของออร่ากลับไปเป็นบริสุทธิ์ ปราศจากจุดด่างดำเหมือนในตอนแรก

จบปัญหาสักที… ไคลน์ถอนหายใจพลางลดคทาเทพสมุทรลง ดีดนิ้วเพื่อดับเทียนไขจิตฝันร้าย

มันไม่รีบกลับสู่โลกความจริง ยังคงนั่งเงียบๆ เหนือมิติสายหมอกไปอีกสักพัก คอยขจัดอารมณ์ด้านลบที่ยังหลงเหลือท่ามกลางสถานที่เงียบสงบ

หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ดังกล่าว ไคลน์เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเส้นทางผู้วิเศษต้องคอยต่อสู้กับความบ้าคลั่งและอันตรายอยู่เสมอ สำหรับผู้วิเศษทุกคน หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อย หรือไม่ก็ถูกอิทธิพลจากสิ่งรอบข้างกระตุ้น ก็อาจเผชิญภาวะคลุ้มคลั่งหรืออาการทางจิตได้ง่ายดาย และเมื่อร่างกายส่งสัญญาณความผิดปรกติ หากไม่แก้ไขให้ทันเวลา ปัญหาจะลุกลามจนจัดการได้ยาก

บุคลิกภาพรองเกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก… ส่วนหนึ่งคงเพราะเราคือนักเดินทางข้ามโลก ความทรงจำและอารมณ์บางส่วนผสมกับเข้าไคลน์·โมเร็ตติ โดยธรรมชาติแล้ว จิตใต้สำนึกของตัวเองย่อมอยากแยกออกจากกัน… นอกจากนั้น เพื่อขโมยสมุดบันทึกของตระกูลอันทีโกนัส เราต้องสวมบทบาทเป็นดอน·ดันเตสผู้เดินบนขอบเหวตลอดเวลา เผชิญอาการเครียดอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถูกผู้คุมที่คลุ้มคลั่งกัดกร่อนวิญญาณ ปัญหาจึงปะทุลุกลามขึ้นมาทันที… ไคลน์เลื่อนมือลูบขมับ ร่างกายเลือนหายไปจากมิติเหนือสายหมอก

เมื่อกลับเข้าร่างเนื้อ ไคลน์พบว่าตัวเองผ่อนคลายและปลอดโปร่งกว่าเดิมมาก ประหนึ่งกระจกที่เคยมีฝุ่นเกาะหนาถูกทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน นอกจากนั้น โอสถ ‘ผู้ไร้หน้า’ ที่เพิ่มเข้ามาในร่างกายก็ยังถูกย่อยโดยสมบูรณ์

บุคลิกรองเกิดจากการสั่งสมของอาการทางจิตเก่าๆ การแก้ไขปัญหาด้วยเทียนไขจิตฝันร้ายนั้นเทียบได้กับการรักษาจากนักจิตวิเคราะห์มือฉมัง คงไม่เกิดปัญหาเดิมซ้ำภายในเวลาสั้นๆ แต่ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมของตัวเอง… ไคลน์เดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังระเบียง มองเห็นภูเขาระยะไกลและต้นไม้เขียวขจี เป็นภาพที่งดงามและสบายตา

ชายหนุ่มพบว่า ระดับการตระหนักรู้ของตนลึกซึ้งขึ้นกว่าแต่ก่อน ความรู้สึกท้อแท้ที่เคยมีมานานบรรเทาลงไปหลายส่วน

ไม่คิดว่าการเอาชนะบุคลิกรอง จะช่วยมอบประโยชน์ในแง่มุมนี้ด้วย… หากไม่ใช่เพราะว่าบุคลิกรองมีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งขึ้นและรับมือได้ยาก เราคงคิดจะสร้างบุคลิกรองอีกสักสองสามครั้งและฆ่า ‘ตัวเอง’ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ในเชิงบวก… ไคลน์ส่ายหน้าและยิ้ม หัวเราะกับตัวเอง

ว่ากันตามตรง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น อาการหลายบุคลิกถือเป็นเรื่องที่อันตรายและแก้ไขได้ยาก แต่ในกรณีของไคลน์ มันทราบว่าจะหาเทียนไขจิตฝันร้ายได้จากที่ไหน ทราบวิธีรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ ทราบถึงแก่นของปัญหาและรีบถอนรากถอนโคนโดยไม่ปล่อยให้ลุกลามใหญ่โต ไม่อย่างนั้น อาการคงพัฒนาไปอยู่ในระดับเดียวกับบิชอปยูทรอฟสกี้ในอดีต ปลายทางคือภาวะคลุ้มคลั่งอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

และเหนือสิ่งอื่นใด เรายังมี ‘นักจิตบำบัด’ ส่วนตัว… ไคลน์หัวเราะในลำคอ เดินกลับเข้าห้องอย่างไม่รีบร้อน นั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง

ชายหนุ่มนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างวัน จำแนกประเด็นที่ต้องคอยระวังในอนาคต

หากผู้วิเศษลำดับกลางของเส้นทาง ‘ผู้ไร้หลับ’ คลุ้มคลั่ง จะมีพลังในการดึงคนเข้าสู่ความฝันและกัดกร่อนจิตใจโดยตรง ต้องคอยระวังในอนาคต…

หากไม่ใช่ผู้วิเศษลำดับสูง ผู้วิเศษส่วนใหญ่ของเส้นทางอื่นทำแบบนี้ไม่ได้… อย่างมากก็แค่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด โจมตีหรือตรึงเป้าหมายด้วยพลังพิเศษจากโอสถ มิได้ถ่ายทอดการกัดกร่อนทางจิตของตัวเองให้ใคร…

นอกจากผู้วิเศษลำดับกลางของเส้นทางผู้ไร้หลับ ผู้วิเศษคลุ้มคลั่งจากเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ก็น่าจะทำได้เช่นกัน… หากเผชิญหน้ากับศัตรูประเภทนี้และไม่รีบจำกัดให้สิ้นซาก แม้แต่เราก็ยังไม่มีวิธีรับมือกับอันตรายที่อาจตามมา… ทั้งที่เรารู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับอาการของผู้คุม แถมยังรู้ด้วยว่าพวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของแก่นผนึกในบางแง่มุม แต่กลับหลีกเลี่ยงปัญหาไม่พ้น… ถ้าอยากจะลอบเข้าไปด้านในประตูยานิส เราต้องจำลองการถูกผนึกกัดกร่อนให้แนบเนียน จะได้ไม่ถูกพบความผิดปรกติ… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก แต่ก็จนปัญญา ทำได้เพียงลุกขึ้นยืนและเดินไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกาขึ้นมาวาดสัญลักษณ์ของความลับและการแอบมองลงบนกระดาษสีขาว

มันเตรียมอัญเชิญกระจกวิเศษ ‘อาโรเดส’

ทันใดนั้น คลื่นน้ำมายากระเพื่อมขึ้นบนผิวกระจกบานใหญ่ในห้องนอน แสงสีเงินสว่างขึ้นพร้อมกับเรียงตัวเป็นข้อความภาษาโลเอ็น

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยม อาโรเดส ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และถ่อมตน พร้อมจะรับใช้ท่านแล้ว… พฤติกรรมของข้าในครั้งก่อนได้ทำให้ภาพลักษณ์ของนายท่านต้องมัวหมอง ข…ข้าอับอายและรู้สึกผิดมาก ท่านจะยอมรับคำขอโทษหรือไม่?”

โฮ่… รู้ด้วยว่าตัวเองทำผิด… ไคลน์ ‘อืม’ ในลำคอและกล่าว

“อย่าทำผิดซ้ำเดิมอีก”

“ขอรับ!” ประโยคใหม่พรั่งพรูบนผิวกระจกเต็มบาน “นายท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือ?”

“เรามีคำถาม” ไคลน์กล่าวหลังจากครุ่นคิด “ผู้คุมภายในประตูยานิสของโบสถ์รัตติกาลถูกกัดกร่อนโดยพลังของแก่นผนึก เป็นสภาวะที่แตกต่างจากผู้วิเศษทั่วไป มีวิธีใดบ้างที่จะปลอมตัวเป็นพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ?”

อักษรสีเงินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นข้อความใหม่

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับคำถามของท่าน คำตอบมีวิธีเดียวก็คือ เสียสละหุ่นเชิดของนายท่านหนึ่งตัว ปล่อยให้มันถูกแก่นผนึกกัดกร่อนจนมีสถานะเหมือนผู้คุมเหล่านั้น ขณะปลอมตัวก็ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายเพื่อตบตาแก่นผนึก”

ทำแบบนั้นได้ด้วย? แนวคิดน่าสนใจ… แต่หุ่นเชิดซึ่งเป็นลำดับ 5 ‘วิญญาณอาฆาต’ คือสิ่งที่ถึงจะมีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้… หากหวังครอบครองสูตรโอสถและวัตถุดิบลำดับครึ่งเทพ ก็ต้องยอมเสียสละสิ่งสำคัญสินะ… ไคลน์ใช้ความคิดสักพัก

“ถ้าอย่างนั้น จะทำให้หุ่นเชิดถูกกัดกร่อนได้ด้วยวิธีใด?”

โดยทั่วไปแล้ว หุ่นเชิด ‘วิญญาณอาฆาต’ นั้นแทบไม่มีโอกาสเข้าใกล้ประตูยานิส ไม่แม้แต่โถงสวดมนต์หลัก เพราะจะถูกแก่นผนึกตรวจพบและทำลายทิ้งในทันที!

ผิวกระจกเงาเต็มบานสั่นกระเพื่อมในลักษณะคลื่นน้ำ ตามด้วยการฉายภาพหนึ่ง

บุคคลดังกล่าวสวมหมวกคลุมหน้าแบบเก่า รูปร่างสูง ผมยาวสีเกาลัด ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต

“นายท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากเธอได้” อาโรเดสเรียบเรียงคำเพื่ออธิบาย

เป็นเธอ? ราชินีเงื่อนงำไม่ใช่ผู้วิเศษเส้นทางรัตติกาลสักหน่อย จะช่วยเราได้ยังไง? หรือว่าเธอมีสมบัติปิดผนึกของเส้นทางรัตติกาลที่คล้ายคลึงกับแก่นผนึกด้านหลังประตูยานิส? จริงสิ พลเรือเอกดวงดาวปรารถนาเลือดของสัตว์ในตำนานหนึ่งหยด นอกจากจะต้องมอบสิ่งตอบแทนที่วิล·อัสตินพึงพอใจ เธอยังต้องจ่ายค่านายหน้าให้เราด้วย… และสิ่งนี้คือค่านายหน้า! ไคลน์ผงกศีรษะพลางใช้ความคิดเป็นเวลานาน

“ทำได้ดี เจ้ากลับไปได้”

“ขอรับ นายท่านผู้ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยม อาโรเดส ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน จะรอการเรียกใช้งานจากท่านอีกครั้ง” ขณะตัวอักษรสีเงินปรากฏขึ้น อาโรเดสวาดภาพมือที่กำลังโบกผ้าเช็ดหน้าบนกระจก

มุมปากไคลน์กระตุกแผ่วเบา ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก

เขตตะวันตก ภายในคฤหาสน์ของตระกูลโอดรา

เอ็มลิน·ไวท์ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ สุ่มนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวในห้องรับแขก

ฝั่งตรงข้ามในแนวเฉียง รุส·บาโธรี บารอนผีดูดเลือดอีกหนึ่งตน กำลังถือแก้วไวน์ที่เต็มไปด้วยเลือดสด จ้องมาทางเอ็มลินด้วยดวงตาเหยียดหยัน เจือความเกลียดชังโดยไม่ปิดบัง – ขณะรุส·บาโธรีกำลังไล่ล่าสาวกดวงจันทร์บรรพกาลรายแรก ไม่เพียงจะลงเอยด้วยอาการบาดเจ็บ แต่ยังถูกเอ็มลินขโมยผลงาน

ยิ่งทำตัวแบบนี้ ข้าก็ยิ่งมีความสุข… เอ็มลินยิ้มเยาะ มองไปทางด้านข้างซึ่งคาซีมี·โอดรากำลังเปิดประตูเข้ามา รอให้อีกฝ่ายประกาศผลและแจกรางวัล

คาซีมีพยายามไม่สนใจสายตาของเอ็มลิน เดินตรงไปที่หน้าเตาผิงซึ่งมีกลุ่มผีดูดเลือดรออยู่

“ที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ เพราะการแข่งล่าได้ผู้ชนะเรียบร้อยแล้ว”

ใครกัน? ผีดูดเลือดต่างมองหน้ากันและกัน พยายามเดาว่าใครคือผู้ชนะ

ทุกสายตาค่อยๆ จดจ้องไปยังรุส·บาโธรี มีไม่กี่คนที่คิดว่าเป็นเอ็มลิน·ไวท์ และจากบรรดาทั้งหมด มีเพียงรุส·บาโธรีคนเดียวที่พอจะคาดเดาบางสิ่งได้ รีบจ้องไปทางผีดูดเลือดที่มันเกลียดชังด้วยสายตาประหลาดใจ

คาซีมีถอนหายใจเงียบ

“เอ็มลิน·ไวท์จัดการเป้าหมายไปแล้วสามตน จึงได้รับชัยชนะไปโดยปริยาย”

“อะไรนะ?” บรรดาผีดูดเลือดโพล่งขึ้นด้วยความตกตะลึง

ผีดูดเลือดมีจำนวนประชากรน้อยกว่ามนุษย์มาก และในเบ็คลันด์ก็เป็นเพียงส่วนเดียวของทั้งหมด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี

เอ็มลินเป็นผีดูดเลือดประเภทใด ไม่มีใครที่ไม่ทราบเรื่องนี้!

………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset