เขตเชอร์วู้ด ด้านนอกบริษัทโคอิม
เมื่อก้าวลงจากรถม้าและเหลียวซ้ายแลขวา ไคลน์ได้รับความรู้สึกอันคุ้นเคยอีกครั้ง
อันที่จริง มันไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับละแวกนี้ ชายหนุ่มทราบว่าฝั่งตรงข้ามคือห้างสรรพสินค้าการ์ดเล่ย์ซึ่งชนชั้นกลางชื่นชอบ และทราบว่ามีร้านขายพายเดซีย์รสเด็ดอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ครั้งหนึ่ง ไคลน์เคยทำลับๆ ล่อแถวนี้เพื่อคอยจับตามองโดรัค·เกเลอร์ จากนั้นก็สะกดรอยตามและหาเบาะแสชู้สาวของอีกฝ่าย!
ถอนสายตากลับ ไคลน์พาริชาร์ดสันเดินไปยังทางเข้าบริษัทโคอิมซึ่งมีมาดามแมรี่และสาวใช้ส่วนตัวรออยู่
ในอาณาจักรโลเอ็นที่ค่อนข้างหัวโบราณ สาวใช้ส่วนตัวของสุภาพสตรีต้องเป็นเพศเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจะถูกนินทาเสียๆ หายๆ ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและชีวิตคู่ ดังนั้น สาวใช้ประจำตัวของแมรี่จึงต้องสามารถทำหน้าที่เลขาได้ดีในระดับหนึ่ง ต้องมีกิริยามารยาทสง่างาม มีหัวด้านการเงินและการตลาด มีทักษะเจรจาต่อรอง ต้องเลือกสตรีที่มีคุณสมบัติทั้งหมดในตัวคนเดียว ห้ามเป็นชายเด็ดขาด
ในทำนองเดียวกัน บุรุษรับใช้ส่วนตัวของผู้ชาย รวมถึงเลขานุการ ก็ต้องเป็นเพศเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีคนมากมายที่ควบคุมแรงกระหายของตัวเองไม่ได้ เฉพาะในเบ็คลันด์ ทุกปีจะมีนายจ้างที่สร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรับใช้ และในหมู่เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ โดยมากแล้วเหยื่อจะเป็นสาวใช้ บ้างถูกหลอก บ้างถูกบังคับ และบ้างถูกล่อลวงให้มีความสัมพันธ์ลับๆ กับนายจ้างชาย จนกระทั่งเรื่องแดงขึ้น พวกเธอจะถูกไล่ออกอย่างไร้ความปรานี ต้องตกงานและเสียชื่อเสียง ไม่สามารถทำงานเป็นคนรับใช้ได้อีก ส่วนใหญ่กลายเป็นโสเภณีริมถนนในเวลาถัดมา
“ทิวาสวัสดิ์ ดอน” มาดามแมรี่ทักทายด้วยรอยยิ้ม
ไคลน์ทักทายกลับ
“ทิวาสวัสดิ์ครับ มาดาม แถวนี้นับว่าคึกคักผิดคาด”
คำโปรยเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการทักทายด้านสภาพอากาศ
หลังจากแมรี่ตอบกลับสองสามคำ เธอนำดอน·ดันเตสเข้าไปในบริษัทโคอิมพร้อมกับฉีกยิ้ม
“อีกสักพักจะมีมืออาชีพมาคอยอธิบายสถานการณ์และพาคุณเดินชมรอบๆ … ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง คุณต้องขึ้นไปยังชั้นบน ดิฉันเตรียมบุฟเฟต์และเชิญเพื่อนสนิทมาจากหลากหลายวงการ”
เพื่อนจากหลายวงการ… โอกาสในการขยายแวดวงทางสังคมของเรา… เธอจริงใจมาก! ไคลน์พยักหน้ารับ
“ในฐานะคนต่างถิ่นที่เพิ่งเข้ามาในเบ็คลันด์ ผมชื่นชอบการพบปะผู้คน”
“ผิดแล้ว คุณไม่เหมือนคนต่างถิ่นเลยสักนิด ตามความเห็นของดิฉัน คุณคือสุภาพบุรุษเบ็คลันด์ตัวจริงผู้มีการศึกษาดี” แมรีตอบกลับอย่างสุภาพ
ระหว่างพูดคุย พวกเขาเดินผ่านประตู เข้าสู่โถงต้อนรับซึ่งมีแสงไฟสว่างไสว ด้านในมีบุรุษคนหนึ่งกำลังรออยู่ ภายนอกดูแข็งแรง แต่งกายด้วยชุดทางการ
“นี่คือลุค·ซาเมอร์ เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท” แมรี่แนะนำอีกฝ่ายให้ดอน·ดันเตส
อันที่จริง ผมรู้จักเขาอยู่แล้ว… ไคลน์มองหน้าลุค ผงกศีรษะและส่งรอยยิ้ม
จากมุมมองของชายหนุ่ม ลุค·ซาเมอร์เป็นคนสุขุม มีความเป็นมืออาชีพสูง หลงใหลเครื่องยนต์กลไก และเป็นสุภาพบุรุษมากในงานเลี้ยง ลุคไม่เคยดูหมิ่นนักสืบจนๆ ที่ยังไม่มีชื่อเสียง และไม่พยายามประจบประแจงข้าราชการของเทศบาลเบ็คลันด์ในเขตถนนมินส์
“ทางนี้คือเพื่อนของดิฉัน ดอน·ดันเตส เขาสนใจแอนทราไซต์และถ่านหินคุณภาพสูง รบกวนช่วยเล่ารายละเอียดแทนฉันด้วย” แมรี่หันไปกล่าวกับลุค
ลุคที่ได้รับข้อมูลมาล่วงหน้า ก้าวเท้าออกมาและจ้องหน้าเศรษฐีจากอ่าวเดซีย์ เผยรอยยิ้มอ่อนโยน
“มิสเตอร์ดันเตส ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของบริษัทโคอิม… พวกเราทำสัญญาระยะยาวกับเหมืองถ่านหินแอนทราไซต์หลายแห่ง… บริษัทโคอิมจะคอยส่งถ่านหินคุณภาพสูงและแอนทราไซต์เข้าไปในเขตเชอร์วู้ด ฮิลสตัน เขตเหนือ และเขตตะวันตก โดยคิดเป็นสามสิบเปอร์เซ็นต์ของความต้องการทั้งหมด นอกจากนั้น ทางเรากำลังจะได้รับคำสั่งซื้อจากกองทัพเรือ…”
ไม่เคยเห็นลุคทำตัวแบบนี้มาก่อน… ไคลน์เดินตามอีกฝ่ายไปรอบๆ บริษัทโคอิมอย่างใจเย็น ฟังคำแนะนำและสถานการณ์ปัจจุบันในทุกแง่มุม ถามกลับเป็นครั้งคราว แต่มิได้เสนอความเห็น
ครึ่งชั่วโมงถัดมา พวกเขาขึ้นไปยังชั้นสอง เข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่
สถานที่ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า โต๊ะอาหารถูกวางใกล้กับผนัง จานอาหารวางเรียงรายแบบสุ่ม อาหารหลักของ ‘จานเย็น’ ประกอบด้วยแฮม เบคอน ไส้กรอก ขนมปัง สลัด เค้ก พุดดิ้ง และอาหารจานเย็นอื่นๆ นอกจากนั้นจะเป็นอาหารจานร้อนอีกเล็กน้อย
เพียงเดินเข้าไป แมรี่กล่าวแนะนำสุภาพบุรุษสองคนด้านข้างให้ดอน·ดันเตสรู้จัก
“ทางนี้คือไมค์·โยเซฟจากหนังสือพิมพ์เกาะกระแสรายวัน ส่วนทางนี้คืออลัน·คริสต์ ศัลยแพทย์มือฉมัง กรุงเบ็คลันด์ขาดเขาไม่ได้”
ไคลน์ฟังคำแนะนำของแมรี่พลางมองไปยังทั้งสองด้วยรอยยิ้ม มุมปากกระตุกแผ่วเบา
พวกเขาก็เป็นเพื่อนของผมเหมือนกัน! แถมยังสนิทกับทารกในครรภ์ภรรยาคุณหมออลัน… เดี๋ยวนะ ทำไมถึงฟังดูแหม่งๆ … ไคลน์รำพันเงียบ อดทนรอให้แมรี่แนะนำตัวดอน·ดันเตส จึงค่อยทักทายอลันและไมค์อย่างสุภาพ
เทียบกับที่ปีแล้ว ไมค์·โยเซฟเปลี่ยนไปไม่มาก คิ้วยังคงบางเฉียบ ผิวพรรณหยาบกร้าน ดวงตาสีฟ้าเจือเสน่ห์ ในส่วนของอลัน·คริสต์ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนเย็นชาและไม่ชอบสุงสิง แต่ปัจจุบัน บรรยากาศดังกล่าวบรรเทาลงมาก คล้ายกับชีวิตกำลังดำเนินไปได้สวยในช่วงไม่กี่เดือนหลัง ไม่ว่าจะอารมณ์หรือความมั่นใจ ทั้งหมดกำลังอยู่ในจุดสูงสุด
เมื่อได้ยินว่าดอน·ดันเตสเป็นเศรษฐีจากอ่าวเดซีย์ ไมค์หยิบนามบัตรออกมาแสดงและเผยรอยยิ้ม
“คงไม่รังเกียจใช่ไหมถ้าผมจะขอแนะนำตัว? หากคุณต้องการโฆษณาสินค้า สามารถติดต่อผมได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็น ‘เกาะกระแสรายวัน’ หรือ ‘หนังสือพิมพ์ทัสซอค’ คุณจะได้รับราคาพิเศษ”
กล่าวจบ ไมค์กะพริบตาเป็นนัยว่าติดตลก
นายก็แค่นักข่าวที่ชอบพกบัตรประจำตัวปลอมหลายๆ ใบ… ว่าแต่ ทำไมนายถึงไม่แนะนำเกี่ยวกับการลดราคาโฆษณาหนังสือพิมพ์ให้นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้บ้าง? ไม่ดูถูกนักสืบชื่อดังไปหน่อยหรือ? ไคลน์รำพันสองสามคำ แลกเปลี่ยนนามบัตรกับอีกฝ่าย
“ผมต้องได้ใช้บริการแน่”
ถัดมา ชายหนุ่มหันไปหาอลัน ยื่นนามบัตรอีกใบหนึ่งให้
“ผมเพิ่งป่วยและหายขาด เข้าใจความสำคัญของแพทย์เป็นอย่างดี”
“ผมเป็นศัลยแพทย์ ขอให้คุณไม่ต้องพบกับผมบ่อยนัก” แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่อลันก็ยอมแลกนามบัตร
ผิดแล้ว ไม่เพียงผมจะอยากเจอคุณ แต่ยังจะเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของลูกคุณด้วย… ไคลน์พึมพำ ตามด้วยการชักนำบทสนทนาเข้าสู่หัวข้อทางการแพทย์ คุยกับอลันและไมค์อย่างออกรส
มันเคยกังวลเกี่ยวกับวิธีที่จะเข้าใกล้อลันเพื่อติดต่อกับทารกในครรภ์อย่างแนบเนียน เพราะปัจจุบัน นกกระเรียนกระดาษใกล้ขาดเต็มที อาจใช้งานไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ และเป็นเรื่องยากที่จะให้เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ปรากฏตัวอย่างเปิดเผยในกรุงเบ็คลันด์ ไม่ต้องพูดถึงการเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด
แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว ด้วยการแนะนำของมาดามแมรี่ เราสามารถตีสนิทอลันได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อเวลานั้นมาถึง เราจะได้รับเชิญอย่างแน่นอน… หึหึ ไม่แน่ว่า เราอาจได้เป็นบิดาอุปถัมภ์ของอสรพิษปรอท… เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเราทุกคนล้วนเป็นสาวกของเทพธิดา… หืม… แบบนี้ทารกในครรภ์จะโกรธไหม? คงต้องระมัดระวังคำพูด หากอลันไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนก่อน เราจะไม่เปิดประเด็นด้วยตัวเองเด็ดขาด… ไคลน์ครุ่นคิดอย่างมีความสุข
ชายหนุ่มยังมีความเป็นมืออาชีพ สามารถยับยั้งชั่งใจไม่ให้ตีสนิทอีกฝ่ายมากเกินไปในการพบกันครั้งแรก เพียงพูดคุยตามประสาและเดินตามแมรี่ไปรู้จักคนอื่นๆ
ระหว่างนี้ ไคลน์ไม่ลืมที่จะกินอาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม
หลังจากเดินวนครอบรอบ แมรี่ชะงักฝีเท้าและหันมากล่าว
“ทุกคนที่นี่เป็นเพื่อนของฉัน”
หมายความว่า เธอจะไม่ชวนคนไม่รู้จัก… และยังหมายความว่า เราเป็นเพื่อนของเธอ? ไคลน์พยักหน้ารับอ่อนโยน
“ในฐานะสุภาพบุรุษ บางทีผมไม่ควรถามออกไป แต่ในฐานะนักธุรกิจ ผมต้องการทราบว่าใครกำลังพยายามแย่งชิงหุ้นเพื่อควบคุมบริษัทโคอิมแทนคุณ?”
แมรี่เงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบ
“บารอนซินดราสและผองเพื่อน… พวกเขาต้องการนำบริษัทโคอิมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ทำกำไรสูงเสียดฟ้าโดยไม่สนใจว่าบริษัทจะพัฒนาไปในทิศทางใด”
บารอนซินดราส หนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดของโลเอ็น… ในฐานะนายธนาคารและเจ้าของโรงงาน ชายคนนี้บริจาคเงินทุนให้พรรคอนุรักษนิยมจนได้เป็นขุนนาง… ยังบอกไม่ได้ว่าอยู่ขั้วอำนาจไหน แม้จะได้รับบรรดาศักดิ์จากพรรคอนุรักษนิยม แต่กลับเห็นอกเห็นใจกลุ่มนักธุรกิจ จึงมีความโน้มเอียงไปยังพรรคหัวก้าวหน้า… ไคลน์ใช้ความคิดสักพัก ก่อนจะยิ้มและถาม
“ทำไมคุณถึงไม่ให้มิสเตอร์ฮอลล์ช่วย? บิดาของเขาเป็นถึงขุนนางใหญ่และนายธนาคารชื่อดัง น่าจะให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
แมรี่ยิ้มแห้ง
“มิสเตอร์ฮอลล์ไม่ต้องการพัวพันกับเรื่องนี้ ด้วยกังวลว่า ในฐานะตำแหน่งเลขาธิการใหญ่แห่งคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติ ตนไม่ควรมีส่วนร่วมในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแอนทราไซต์และถ่านหินคุณภาพสูง”
สุภาพบุรุษที่ทะเยอทะยานจะเป็นนักการเมืองโดยแท้จริง… แต่อีกมุมหนึ่ง เขาอาจจะไม่อยากเป็นศัตรูกับบารอนซินดราส… หึหึ หากเรามีโอกาสได้เลือกพ่อบ้านใหม่ คงจะเลือกคนที่สามารถสานสัมพันธ์กับบารอนซินดราสได้… ด้วยความร่ำรวยขนาดนี้ หากเขาอยากได้หุ้นจนเพิ่มราคาเป็นเท่าตัว เกรงว่าเราคงจนปัญญาจะประมูลแข่ง… หรือไม่แน่ว่า เขาอาจทุ่มเงินเพื่อทำลายชีวิตเราในภายหลัง… ไคลน์ไม่สานต่อบทสนทนาเดิม เพียงหันไปพูด
“ผมจะไม่ตัดสินใจจนกว่าจะได้รับรายงาน”
เมื่อเห็นดอน·ดันเตสไม่ขวัญผวาหลังจากฟังความจริง แมรี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความซาบซึ้ง
“ในยุคสมัยปัจจุบัน บุรุษกล้าหาญหาได้ยากยิ่ง และคุณคือหนึ่งในนั้น”
ไคลน์ทำเพียงยิ้ม ไม่ได้สัญญาอะไรออกไป รอจนกระทั่งบุฟเฟต์จบลง จึงนั่งรถม้าสี่ล้อหรูหรากลับไปยังเขตเหนือ
ขณะมองออกไปนอกหน้าต่างพลางครุ่นคิด จู่ๆ ไคลน์ก็หันไปหาบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว แวะวิหารนักบุญแซมมวลให้หน่อย”
ในครั้งก่อน มีความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปรกติเกิดขึ้นและสงบลงทันที และเนื่องจากยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด ไคลน์จึงลังเลว่าตนควรหาโอกาสติดต่อกับผู้คุมประตูยานิสหรือไม่
ชายหนุ่มจับสังเกตได้ว่า ในช่วงบ่ายของทุกวัน ผู้คุมด้านในอย่างน้อยหนึ่งคนจะออกมาสวดวิงวอนถึงเทพธิดาในโถงหลัก
จะหาโอกาสติดต่อยังไง… ในสถานที่แบบนี้ การกระซิบก็กลายเป็นเสียงดังได้… และนั่นจะยิ่งทำให้คนรอบข้างผิดสังเกต… ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเฝ้าสังเกตไปก่อน จึงค่อยคิดหาวิธีลงมือในภายหลัง
รถม้ายังคงไม่เปลี่ยนเส้นทาง มุ่งหน้าไปยังถนนเบิร์คลุน แต่ไม่ได้หยุดที่หน้าคฤหาสน์ ยังคงตรงไปเรื่อยๆ
ไคลน์ในรถม้าหลับตาลง พยายามข่มความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
………………………………………………