ไม่เลว ‘ผู้ชม’ ยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีเหมือนเดิม… ไคลน์ชมเชยเงียบๆ พลางเหลือบมองไปทางสุนัขขนทองตัวใหญ่ที่เบาะหลังจักรยาน นอกจากนั้นยังสังเกตว่าจักรยานคันนี้ไม่เหมือนกับจักรยานปรกติตามท้องถนน จึงถามอย่างเป็นกันเอง
“จักรยานโฉมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ?”
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่า ออกแบบมาสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ? ถ้าคุณอยากขี่ก็ขี่ได้เหมือนกัน” ออเดรย์ยิ้มตอบ “ฉันแค่ให้คำแนะนำกับคนของบริษัทจักรยาน บอกให้พวกเขาช่วยพิจารณากลุ่มที่มีความต้องการต่างกัน และนี่คือผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดซึ่งยังไม่เข้าโรงงาน พวกเขาส่งมาให้ฉันทดลองปั่นและแสดงความคิดเห็น”
“เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก” ไคลน์ชมเชยพลางยิ้ม ครุ่นคิดสักพักจึงถามต่อ “คุณรู้จักเจ้าของบริษัทเบ็คลันด์จักรยานด้วยหรือ?”
ออเดรย์หรี่ตาตอบ:
“แน่นอน ดิฉันคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน”
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่… ลืมเสียสนิท… เป็นเธอเองสินะ… คล้ายกับไคลน์เข้าใจบางสิ่ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยการส่ายหัวเล็กๆ
“เข้าใจแล้ว… จินตนาการของผมยังไม่สูงพอ… แล้วเป็นยังไงบ้าง คุณรู้สึกยังไงหลังจากทดลองขับ?”
ออเดรย์ในท่ากำ ‘แฮนด์’ จักรยาน ทำหน้านึกสักพักก่อนจะตอบหลังจากจำได้:
“ยอดเยี่ยมมาก เหมาะสำหรับสุภาพสตรีจริงๆ”
คุณหนู… เมื่อสักครู่ไม่ได้คุณพูดแบบนี้… ไคลน์เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้ขัดจังหวะคำพูดของสตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ออเดรย์ยังคงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม
“สำหรับดิฉัน มันช่วยปรับอารมณ์ได้ดี ช่วยปลดปล่อยความเครียดเหมือนกับการขี่ม้า แต่การขี่ม้าต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าพิเศษสำหรับขี่ ต้องเดินทางไปยังสนามแข่งม้าหรือแถบชานเมือง เพราะไม่ว่าจะที่บ้านหรือบนถนน ม้าก็ไม่มีทางวิ่งได้อย่างสมบูรณ์ ขาดกลิ่นอายบางอย่างไป… ทว่า กับจักรยานนั้นไม่มีปัญหาดังกล่าว และยังสามารถปั่นเข้าไปในตรอกที่รถม้าไม่สามารถเข้าได้ ช่วยให้เห็นวิวทิวทัศน์มากมาย… ย้อนกลับไปในตอนที่ปั่นจักรยานแถวบ้าน ดิฉันเห็นดอกไม้สองสามดอกกำลังเบ่งบานอยู่ในสวน นั่นทำให้มีความสุขมาก… อา… และในตอนที่เจอนักปั่นคนอื่น ทุกคนก็กำลังอารมณ์ดี แม้พวกเขาเหล่านั้นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงชีวิต แม้จะยุ่งวุ่นวายและเร่งรีบ แต่สีหน้ากลับยังสดใส… อา… อย่าหัวเราะเยาะเชียวนะคะ… ดิฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร กำลังจะบอกว่า คนที่มีเงินซื้อจักรยานย่อมไม่ใช่จุดต่ำสุดของสังคม… ฉันเองก็เข้าใจ แต่การได้เห็นพวกเขามีความสุข ก็พลอยทำให้ฉันมีความสุขไปด้วย… หวังว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะมีโอกาสปั่นจักรยานไปตามถนนทุกสายในเบ็คลันด์”
หลังจากยืนฟังอย่างเงียบงัน อารมณ์ของไคลน์ดีขึ้นเล็กน้อย
ด้วยคำบรรยายของมิสจัสติส คล้ายกับฉากที่เกี่ยวข้องปรากฏขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม และต้องไม่ลืมว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ไคลน์เป็นคนนำมาสู่โลกใบนี้
มันยิ้ม:
“ผิดแล้ว… ผมไม่มีความคิดที่จะหัวเราะเยาะ เพราะนั่นฟังดูน่าสนใจมาก และเป็นภาพที่ผมหวังว่าจะได้เห็นมากยิ่งขึ้นในกรุงเบ็คลันด์… ในตอนแรก ผมเองก็ยังกังขา ตอนนี้ไม่แล้ว”
กล่าวจบ มันชี้ไปทางประตูอาคารหมายเลข 22 ถนนเฟลป์ ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก”
“ตกลงค่ะ ดิฉันขอตัวไปเก็บจักรยานก่อน” ออเดรย์ลงจากจักรยาน เดินจูงยานพาหนะสองล้อชนิดนี้พร้อมกับสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ไปทางด้านหลังตึก
ฝั่งประตูหลังของอาคารมีจุดจอดจักรยานโดยเฉพาะ เป็นเขตภายในตัวตึก ไม่จำเป็นต้องกลัวฝน สำหรับองค์กรอย่าง ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ พนักงานซึ่งมีเหตุให้ต้องออกไปข้างนอกบ่อยครั้ง ปัจจุบันหันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครกล้านำยานพาหนะประเภทนี้เข้าไปในเขตตะวันออก เพราะสำหรับที่นั่น ทุกสิ่งสามารถถูกขโมยได้
ขณะเดินเข้าใกล้ประตูหลัง ซูซี่ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ กระโดดลงจากจักรยาน มองย้อนกลับไปจุดที่พวกตนเดินผ่านมา ถามด้วยสีหน้างุนงงเล็กๆ
“ออเดรย์ ในตอนที่มิสเตอร์ดันเตสได้ยินว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจักรยาน อารมณ์ของค่อนข้างซับซ้อน แต่ฉันแปลความหมายไม่ออก”
ออเดรย์เม้มริมฝีปาก หัวเราะในลำคอ:
“ฉันเคยได้ยินมาว่า มิสเตอร์ดันเตสคือหนึ่งในผู้แข่งประมูลหุ้นบริษัทจักรยานกับพี่ฮิบเบิร์ต”
“เข้าใจแล้ว!” ซูซี่เผยรอยยิ้ม ราวกับกำลังพึงพอใจที่ตัวเองสังเกตเห็นความผิดปรกติได้แม่นยำ
ภายใน ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ ไคลน์รออย่างใจเย็นจนกระทั่งมิสออเดรย์เดินกลับมาพร้อมกับสุนัขแสนรู้ของเธอ ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นไปยังชั้นสอง
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายและกล่าวกับออเดรย์
“มิสผู้อำนวยการ… อธิการบดีพอร์ตแลนด์·โมมงต์แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเบ็คลันด์กำลังรอคุณอยู่ที่ห้องรับแขก”
“ท่านอธิการบดีโมมงต์มาทำอะไร?” ออเดรย์ถามด้วยสีหน้าเจือความประหลาดใจ
เจ้าหน้าที่หันมาทักทายกับผู้อำนวยการดอน·ดันเตส ก่อนจะหันกลับไปตอบ
“เขาไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ พอร์ตแลนด์·โมมงต์ที่มีใบหน้าแดงก่ำ สางเส้นผมสีขาวของมันให้ตรงพลางเดินออกมาจากห้องรับแขก
พอร์ตแลนนำมือทาบหน้าอก กล่าวทักทาย:
“มิสออเดรย์ผู้สูงศักดิ์ ผมต้องขออภัยด้วยที่มาหาอย่างกะทันหัน”
ตามธรรมเนียมโลเอ็น หลังจากได้รู้จักกัน สุภาพสตรีมีอายุจะถูกเรียกด้วยชื่อตระกูล ส่วนหญิงสาวจะถูกเรียกด้วยชื่อจริง
“ถือเป็นเกียรติของดิฉันค่ะ” ออเดรย์ตอบอย่างสุภาพ
พอร์ตแลนด์·โมมงต์เป็นอธิการบดีที่ถนัดในด้านวิชาการมากกว่า จึงไม่มัวมากพิธี ยิ้มและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา:
“เรื่องมีอยู่ว่า ผมต้องการเพิ่มห้องปฏิบัติการเครื่องกลที่มหาวิทยาลัย จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวัน จึงอยากทราบว่า คุณหนูสนใจจะร่วมบริจาคหรือลงทุนบ้างไหม? หึหึ… ดอน… คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? อยากร่วมมือกันไหม? และมั่นใจได้เลย ผมจะขอทุนสนับสนุนจากคณะกรรมการอุดมศึกษาด้วยเช่นกัน”
เป็นความคิดที่ดี… แต่ทั่วทั้งกรุงเบ็คลันด์ ทั่วทั้งอาณาจักรโลเอ็น อาจถูกปกคลุมด้วยวังวนพายุลูกใหญ่หลังจากนี้… ได้ยินคำพูดของอธิการบดีโมมงต์ ไคลน์เหม่อลอยไปสักพัก
ออเดรย์พยักหน้ารับ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฟังดูน่าสนใจ แต่ดิฉันต้องพิจารณาข้อมูลประกอบ นี่คือความรับผิดชอบของตัวดิฉันเอง และยังเป็นความรับผิดชอบต่อคุณ”
“ผมก็คิดแบบเดียวกัน” ไคลน์ลอกคำตอบ
พอร์ตแลนด์·โมมงต์ยิ้มกว้าง:
“ไม่มีปัญหา ผมจะเขียนรายงานส่งหลังจากกลับมหาวิทยาลัย”
…
ภายในทะเลหมอก บน ‘ฝันทองคำ’
เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นห่วงอาการของแอนเดอร์สัน… นอกจากนั้น หมายความว่ายังไงที่บอกให้รวบรวมวัตถุที่เกี่ยวข้องกับ ‘พลเรือโทโรคภัย’ ? มีโจรสลัดมากมายพยายามทำแบบนั้น แต่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ… เดนิสซึ่งได้รับข้อความจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ อดไม่ได้ที่จะฉงน
แต่ตรงข้ามกับความมึนงง มันไม่ลืมที่จะขอบคุณมิสเตอร์ฟูลอย่างเป็นการเป็นงาน
จากนั้น เดนิสวางคันเบ็ดลง หมุนตัวกลับและเดินเข้าไปในเขตห้องโดยสาร จนถึงห้องพักของแอนเดอร์สัน
มันเคาะประตูและเปิดพรวดเข้าไป จากนั้นในท่ายืนกอดอกที่ประตู เดนิสพูดกับแอนเดอร์สันซึ่งกำลังวาดภาพสีน้ำมัน:
“อาการเป็นยังไงบ้าง? วัตถุในท้องเริ่มย่อยบ้างหรือยัง?”
แอนเดอร์สันวางพู่กันลง ชำเลืองมาทางเดนิส ก่อนจะตอบด้วยเสียงหนักแน่น
“มันเริ่มเรียกฉันว่าพ่อแล้ว”
“…” เดนิสผงะถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
แอนเดอร์สันเผยสีหน้าผ่อนคลาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ล้อเล่นน่ะ… ก็ไม่เลว กัปตันของนายพยายามค้นหาวิธีแก้และทดลองไปบางส่วน แต่ปัญหาก็คือ พวกเราประสบความล้มเหลวมากเกินไป… แต่เรื่องดีก็คือ… วัตถุในท้องถูกกีดกันจากร่างกายแล้ว มันจะส่งอิทธิพลกับฉันอีก”
แอนเดอร์สันลูบท้องขณะตอบ
เดนิสเลิกคิ้ว ถามด้วยความสงสัย
“ตอนแรกมันเคยมีผลอิทธิพล?”
แอนเดอร์สันมองเดนิสหัวจรดเท้าสองสามครั้ง:
“นายน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง… ไม่ว่าจะเป็นตะกอนพลังหรือโอสถ หากสัมผัสกับวัตถุใดเป็นเวลานาน พวกมันจะแทรกซึมเข้าไปและเปลี่ยนวัตถุนั้นให้กลายเป็นสมบัติปิดผนึกที่ยากต่อการใช้งาน เพียงแต่ร่างกายมนุษย์เป็น ‘วัตถุ’ ที่ค่อนข้างพิเศษ… ในบางครั้งฉันเองก็นึกสงสัย บางทีนายคงได้รับพลังพิเศษจากการสัมผัสกับโอสถ ไม่ใช่การดื่มเข้าไป สมองของนายถึงได้ถูกกัดกินไปมากขนาดนี้”
หากเป็นเมื่อก่อน เดนิสคงโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปัจจุบัน มันทำเพียงพ่นลมหายใจ:
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าพวกมันไม่ถูกกีดกันออกจากร่างกาย ตะกอนพลังเหล่านั้นจะค่อยๆ แทรกซึมและเปลี่ยนแปลงอวัยวะในท้องของนาย จนกระทั่งลามไปถึงสมอง?”
แอนเดอร์สันพลันประหลาดใจ
“ทำได้ไม่เลว… พยายามเข้า นายคงใกล้เป็นลำดับ 6 เต็มทีแล้ว… หึหึ… ทักษะในการสุมไฟของนายพัฒนาได้ดีทีเดียว”
เดนิสตอบท่าทีรังเกียจ:
“ฉันยังขาดวัตถุดิบ”
เมื่อหวนนึกถึงคำสั่งของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เดนิสลังเลสักพักก่อนจะถาม:
“ในเมื่อกีดกันพวกมันสำเร็จแล้ว… นายจะทำยังไงต่อ?”
แอนเดอร์สันลูบกระดุมเม็ดแรกของเสื้อ ยิ้มพลางหัวเราะ
“สองทางเลือก… หนึ่งคือการมองหาความช่วยเหลือของครึ่งเทพเช่น ‘ผู้เจิดจรัส’ ให้พวกเขาช่วยสกัดมันออกมาบางส่วน สำหรับเรื่องนี้ กัปตันของนายอาจมีคนรู้จักที่พอจะทำได้ แต่ปัญหาก็คือ หากควบคุมได้ไม่ดี ตะกอนพลังจะถูกสกัดออกมามากเกินไป ลำดับของฉันอาจย้อนกลับ หรือในกรณีเลวร้ายจะกลายเป็นคนธรรมดา… วิธีที่สอง หาสูตรโอสถ ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ เตรียมพิธีกรรมและวัตถุดิบเสริม จากนั้นก็มองหาวิธี ‘ปรองดอง’ กับวัตถุดังกล่าวเพื่อใช้มันก้าวไปเป็นครึ่งเทพ”
“ฟังดูอันตรายชะมัด…” เดนิสวิเคราะห์วิธีหลังอย่างไม่ลำเอียง
แอนเดอร์สันยิ้มกว้างขึ้นขึ้นเล็กน้อย:
“ถูกต้อง… มันฟังดูอันตราย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสำเร็จไหม… แต่นายไม่คิดหรือว่ามันทั้งท้าทายและน่าสนใจมาก? อย่างน้อยก็สอดคล้องกับรสนิยมและสุนทรีย์ของฉันมากกว่าวิธีแรก”
เดนิสส่ายหน้าขึงขัง
“ไม่เลย”
จากนั้นมันถามกึ่งยียวนกึ่งหยั่งเชิง
“ถ้าจำไม่ผิด นายมีมรดก… เอ่อ… ทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ใช่ไหม? ฉันช่วยเอาเถ้ากระดูกไปฝังพร้อมกับพวกมันได้นะ”
แอนเดอร์สันมิได้โกรธ เพียงพยักหน้าขึงขัง
“เมื่อถึงตอนนั้น นายจะลองกินเถ้ากระดูกของฉันดูก็ได้นะ”
ทำไมหมอนี่ถึงมีภูมิคุ้มกันการยั่วยุสูงนัก… มุมปากของเดนิสพลันกระตุกอย่างมิอาจหักห้าม ตัดสินใจยกธงขาวและเดินไปหากัปตัน ถามถึงวิธีที่จะรวบรวมวัตถุซึ่งเกี่ยวข้องกับ ‘พลเรือโทโรคภัย’
…
กลางดึกสงัด ภายในบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ขณะไคลน์กำลังจะผล็อยหลับ มันเห็นมิสผู้ส่งสารเดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับสี่หัวทองตาแดง หนึ่งในนั้นกำลังงับซองจดหมายแผ่นบาง
“จากใคร?” ไคลน์ถามตามความเคยชิน พลางเอื้อมมือไปหยิบ
หัวทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เปิดปากพูดเรียงกัน:
“ชารอน…” “ผู้…” “ไม่ชอบ…” “ชื่อเล่น…”
…………………….