อนุสาวรีย์บรรจุศพถูกสร้างขึ้น… ถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว… ไคลน์จ้องไดอารีในมือด้วยความคิดเดือดพล่าน ข้อสันนิษฐานมากมายผุดขึ้นและหายไป
ตามความเห็นของมัน ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ฉบับนี้คือเครื่องพิสูจน์ว่า สมมติฐานคราวก่อนของตนถูกต้อง : โรซายล์เลือกที่จะเปลี่ยนไปยังเส้นทาง ‘จักรพรรดิมืด’ ในช่วงบั้นปลายชีวิต เสี่ยงกลายเป็นเทพกึ่งเสียสติ เทพแท้จริงในลำดับ 0!
อะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้จักรพรรดิต้องทำถึงขนาดนี้? พิจารณาจากความปั่นป่วน แรงกระตุ้น และความบ้าคลั่งของไดอารีฉบับก่อนหน้า คุณไปเจออะไรเข้า? และเมื่อเทียบกับครั้งนั้น อารมณ์ในไดอารีหน้าปัจจุบันกำลังสุขุมและสงบนิ่งจนน่าเหลือเชื่อ แต่ขณะเดียวกันแฝงความรู้สึกที่รุนแรง… เดาไม่ออกเลย เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิในช่วงบั้นปลายกันแน่ บุคลิกถึงได้ต่างกันสุดขั้วเช่นนี้… เป็นอาการเสียสติที่เกิดจากสถานะของเทวทูต หรือมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตที่เป็น ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ของเขา? อา… ถ้าเข้ายังอยู่ในสภาวะปรกติ น่าจะรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อกลืนกิน ‘ปราชญ์เร้นลับ’ ไม่ใช่หรือ? ไคลน์คิดหลายสิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็มิอาจหาหลักฐานมาสนับสนุน
และในหน้านี้ของกระดาษ มีข้อความเขียนไว้เพียงสองบรรทัด ราวกับกำลังบอกว่า นี่คือไดอารีหน้าสุดท้ายในชีวิตจักรพรรดิโรซายล์มหาราช ตรงกับช่วงสิ้นปี ลากยาวไปถึงต้นปีใหม่ เป็นช่วงที่ถูกระบุว่าเขาตายในวังเมเปิ้ลขาว…
ข้อความสุดท้ายของมหาจักรพรรดิ ผู้เป็นนักเดินทางข้ามโลก? ไคลน์ถอนหายใจเงียบ พลิกไปยังไดอารีอีกหน้าหนึ่ง
หน้านี้ไม่มีวันที่ระบุ แต่เมื่อเงยขึ้น มันเห็นอักษรภาษาฟุซัคโบราณเขียนไว้ว่า
“ถัดจากเมื่อครู่”
อักษรบรรทัดนี้ถูกเงียบอย่างสวยงามและมีสติมั่นคง แตกต่างจากลายมือของจักรพรรดิโรซายล์ที่ผ่านๆ มาอย่างชัดเจน เห็นแวบแรกก็ทราบได้ทันทีว่าถูกเขียนเพิ่มโดยคนอื่น
คงเป็นการเขียนกำกับของราชินีเงื่อนงำ… เพื่อบ่งบอกว่า นี่คือจุดสิ้นสุดของไดอารีของจริง โดยถูกเขียนหลังจากจักรพรรดิระบุว่า ตนลงมือไปไกลจนไม่สามารถถอยหลังได้? แต่ทำไมถึงไม่มีวันที่กำกับ? ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่เมื่อก้มลงไปอ่านเนื้อหาด้านล่าง ดวงตาของมันพลันแข็งทื่อ
“ฉันเชื่อว่า บนโลกใบนี้ ฉันไม่น่าจะเป็นนักเดินทางข้ามโลกเพียงคนเดียว”
“ถ้ามีใครอ่านไดอารีของฉันออก โปรดจงจำไว้ว่า เลือกเส้นทางผู้วิเศษอย่างรอบคอบ”
“เพราะเส้นทางที่เลือก จะเป็นการกำหนดมิตรและศัตรูในอนาคต”
“ฉันไม่สามารถมอบคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงได้ เพราะไม่เคยโฉมหน้าที่แท้จริงของเทพทั้งเจ็ดมาก่อน ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเหล่าเทพมาร สิ่งเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองซึ่งองค์กรเก่าแก่ดังกล่าวครอบครอง แต่น่าเสียดาย ฉันทำได้แค่คาดเดาเนื้อในส่วนที่ถูกซ่อนไว้ ไม่สามารถยืนยันรายละเอียดได้ชัดเจน”
“ในทำนองเดียวกัน ฉันก็ไม่เคยเห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่ง”
“คำเตือนที่มีประโยชน์ก็คือ อย่าเลือกเส้นทางที่ลำดับ 0 ไม่ว่างเด็ดขาด และยังต้องคอยระวังลำดับ 0 และ 1 ในเส้นทางใกล้เคียง ฉันต้องเผชิญความสูญเสียมากมายเพราะเรื่องนี้”
“และถ้าจะถามว่าลำดับ 0 คืออะไร ถ้าคุณยังไม่ทราบ พยายามหาไดอารีอื่นๆ ของฉันให้พบ”
“ฮะฮะ! หน้านี้เปรียบได้กับเนื้อหาบทสุดท้ายของชีวิตฉัน หากทำสำเร็จ หลังจากนี้จะมีเทพแท้จริงถือกำเนิดขึ้น กลายเป็นเนื้อหาบทใหม่โดยสิ้นเชิง แต่ถ้าล้มเหลว มันคงก็ไม่มีอีกแล้ว… คุณคงทราบเหตุผลดี”
“จงก้าวไปข้างหน้า สหายที่สามารถอ่านไดอารีของฉันเอ๋ย เพื่อสำรวจความลับที่พวกเราไขว่คว้าและความจริงเบื้องหลังมัน ฉันจะคอยเฝ้ามองคุณ… ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ล่ะนะ”
“และคำเตือนสุดท้าย จงจำไว้ว่า”
“ระวังดวงจันทร์ให้ดี!”
มีนักเดินทางข้ามโลกมากกว่าหนึ่งคน ไคลน์ไม่แปลกใจ เพราะตนทราบถึงการมีตัวตนของ ‘รุ่นพี่’ จักรพรรดิโรซายล์ได้จากไดอารี
สิ่งที่ชายหนุ่มสงสัยก็คือ โรซายล์ไปพบรายละเอียดหรือข้อมูลใดเข้า จึงทราบว่ามีนักเดินทางข้ามโลกมากกว่าหนึ่งคน?
ประเด็นนี้สำคัญมาก สำคัญอย่างยิ่งสำหรับไคลน์ ผู้กำลังหาทางกลับไปยังโลกเก่า!
คล้ายกับสมการที่มีตัวแปรไม่ทราบค่าอยู่หลายตัว หากตัวอย่างไม่เพียงพอให้เปรียบเทียบ ไม่มีเงื่อนไขเพียงพอ ไม่ว่าจะพยายามถอดสมการสักเท่าไร ก็ไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน ต้องรอจนกว่าจะได้สูตรการคำนวณที่ถูกต้อง ผลลัพธ์จึงจะปรากฏ
อา… จักรพรรดิคงบันทึกการค้นพบเรื่องดังกล่าวไว้ในไดอารีฉบับก่อนๆ น่าเสียดาย เราไม่มีทางเดาได้เลยว่าเป็นช่วงไหน ไม่อย่างนั้นคงตีกรอบการรวบรวมให้แคบลง… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ หันไปครุ่นคิดประเด็นอื่นที่ถูกเขียนไว้ใน ‘บทสุดท้าย’
สภานักสิทธิ์สนธยาปกปิดเนื้อหาบางส่วนของศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง?
“พวกมันจงใจซ่อน หรือยังรวบรวมมาไม่ครบ… หรือแท้จริงแล้ว ศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน อึกครึ่งหนึ่งตกอยู่ในมือขององค์กรอื่น?”
“เส้นทางผู้วิเศษของเรา ได้รับอิทธิพลมาจากไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์… จากเนื้อหาของ ‘บทสุดท้าย’ ถ้าอ้างอิงจากกฎการอนุรักษ์พลังพิเศษ เราสามารถยืนยันได้ว่า เส้นทาง ‘นักทำนาย’ ยังไม่มีลำดับ 0 เพราะลำดับ 1 คือซาราธที่เสียสติ… หึหึ ในประเด็นนี้ เราสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า กฎของความไม่ลงรอย จะไม่มีลำดับ 0 อย่างแน่นอน หากยังลำดับ 1 ยังมีชีวิตอยู่”
“บุคคลที่เราต้องระวังคือซาราธ มิสเตอร์ประตู ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ และพาลีส·โซโรอาสเตอร์ รวมถึงลำดับ 1 ตนอื่นๆ จากทั้งสามเส้นทางที่ใกล้เคียงกัน”
“ให้ระวังดวงจันทร์… หมายความว่ายังไง?”
“ดวงจันทร์บรรพกาล?”
“แล้วทำไมไม่เขียนตรงๆ?”
“ถ้าจำไม่ผิด จักรพรรดิเคยมีความคิดที่จะสำรวจดวงจันทร์สีแดง… หรือว่าลองทำดูแล้ว? ค้นพบอะไรเข้า? สำคัญจนถึงกับต้องบอกให้นักเดินทางข้ามโลกคนอื่นระวังตัว?”
“หรือว่า… ดวงจันทร์สีแดงเกี่ยวกับเดินทางข้ามโลก?”
“อา… สำเนียงการเขียนของจักรพรรดิช่วยบอกใบ้ว่า เขายังปิดบังข้อมูลบางอย่างเอาไว้ ปัจจุบันอาจยังไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์ กำลังคอยจับตามองเราจากที่ใดสักแห่ง… เรื่องนี้อาจจะถูกเขียนไว้ในไดอารีก่อนๆ เช่นกัน”
หลังจากข้อสรุปและคำถามมากมายแล่นผ่านสมอง ไคลน์ค่อยๆ สะสางไปทีละหัวข้อ
จากนั้น ชายหนุ่มเสกไดอารีในมือให้หายไป หันไปทาง ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา
“คำถามคืออะไร”
‘เฮอร์มิท’ แคทลียาดันแว่นเลนส์หนาที่ดั้งจมูก ก้มลงและกล่าวด้วยความเคารพ
“เรียนมิสเตอร์ฟูล ดิฉันต้องการทราบว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จักรพรรดิโรซายล์จะยังมีชีวิตอยู่”
ทันทีที่เธอกล่าวจบ สมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่นๆ ซึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง พลันตื่นจากภวังค์อย่างพร้อมหน้า รีบมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวด้วยสายตาคาดหวัง
แม้ว่าเรื่องที่จักรพรรดิโรซายล์จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่ได้สำคัญกับพวกมันเลยก็ตาม แทบไม่กระทบกับการดำรงชีวิต แต่หัวข้อที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ทุกคน!
เราคิดว่า หลังจากกลายเป็น ‘นักจิตบำบัด’ เราจะมีภูมิต้านทานกับเรื่องทำนองนี้เสียอีก… เฮ่อ ทำไมถึงได้อยากรู้ขนาดนี้! ‘จัสติส’ ออเดรย์มองมิสเตอร์ฟูลด้วยดวงตาเปล่งประกาย รอให้อีกฝ่ายเฉลยคำตอบ
จากบรรดาสมาชิกทั้งหมด มีเพียง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคที่เรียกได้เต็มปากว่าไม่สนใจ แต่มันก็เป็นหนึ่งในคนที่มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว เพียงเพราะทุกคนก็ทำ
นึกแล้วเชียว… คำถามของราชินีเงื่อนงำจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของไดอารีที่เธอส่งมาเสมอ… ไคลน์มิได้ประหม่า เพียงหัวเราะในลำคออย่างเหนือชั้น
“อาจจะ”
คำตอบของมันคือ ‘อาจจะ’ แสดงให้เห็นว่า จักรพรรดิโรซายล์มีความหวังที่จะเอาตัวรอดจากความตาย ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ และไม่ได้อยู่ในแก่นสารของคำถาม และเหนือสิ่งอื่นใด อาจไม่มีใครทราบคำตอบไปตลอดกาล
อาจจะ… มิสเตอร์ฟูลหมายความว่า มีโอกาสที่จักรพรรดิโรซายล์จะยังมีชีวิตอยู่? ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและคนที่เหลือ ต่างทำสีหน้าราวกับกำลังได้ยินความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก อารมณ์ตื่นเต้นเริ่มเผยในดวงตาแต่ละคน
ทว่า พวกมันเองก็ตระหนักถึงความนัยที่แฝงมากับคำตอบดังกล่าว เนื่องจากเนื้อหาของไดอารีไม่ค่อยปะติดปะต่อ และท่านยังอ่านไม่มากพอหลังจากเพิ่งลืมตาตื่นและฟื้นคืนพลัง มิสเตอร์ฟูลจึงไม่มั่นใจว่าจักรพรรดิโรซายล์ทำสำเร็จหรือไม่ จำเป็นต้องศึกษาจากเบาะแสและหลักฐานเพิ่มเติมในอนาคต
แต่ไม่ว่าอย่างไร จักรพรรดิโรซายล์ได้เตรียมใจที่จะถูกลอบสังหารไว้แล้ว
ขณะจัสติสและแฮงแมนกำลังเค้นสมอง ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้ กล่าวเสียงเรียบ
“เชิญ”
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สสลัดเรื่องของโรซายล์ออกจากหัวอย่างยากลำบาก มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว
“เรียนมิสเตอร์ฟูล ดิฉันขอสนทนาส่วนตัวกับมิสเตอร์เวิร์ล ใช้เวลาไม่นาน”
ยังต้องคุยอะไรกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์อีก? เรื่องขอมิสเตอร์ X ยังไม่จบหรือ? ไคลน์เกิดความฉงน พยักหน้ารับแผ่วเบา
“ตกลง”
จากนั้น ชายหนุ่มปิดกั้นประสาทสัมผัสของสมาชิกคนอื่น บังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้มและถาม
“ยังมีอะไรอีกหรือ”
ฟอร์สนึกทบทวนสองสามวินาที ตอบกลับไป
“คือว่า… ศีรษะของมิสเตอร์ X นำมาซึ่งรางวัลตอบแทนมากมาย สำหรับเรื่องนี้ หากพิจารณาถึงระดับความยากของภารกิจ ฉันคิดว่าตัวเองจ่ายคุณน้อยเกินไป จึงอยากจะเพิ่มเงินสดให้อีกจำนวนหนึ่ง… คุณอยากได้เท่าไร?”
เยี่ยม! เป็นฝ่ายริเริ่มชดใช้ให้เอง… แม้ว่าในบางครั้ง มิสเมจิกเชี่ยนจะค่อนข้างโลภ เห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ เสมอ แต่ก็ถือว่าเป็นคนจริงใจและซื่อสัตย์ อา… การซื้อขายย่อมต้องทำกำไรสินะ ไม่ใช่ความโลภ… ไคลน์ที่เกิดความสุขอย่างคาดไม่ถึง ชมเชยสองสามคำในใจ บังคับให้เดอะเวิร์ลพูด
“เท่าไรก็ได้”
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สลังเลสักพัก ก่อนจะตอบ
“ห้าพันปอนด์”
รางวัลที่อาจารย์มอบให้นั้นมีมูลค่ารวมหนึ่งหมื่นปอนด์ เธอจึงคิดจะแบ่งให้มิสเตอร์เวิร์ลครึ่งหนึ่ง และเนื่องจากสูตรโอสถ วัตถุดิบหลัก และลูกแก้วคือสิ่งที่เธอต้องใช้ ดังนั้น สิ่งที่แปลงเป็นเงินสดได้ก็คือโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับ
นั่นคือเหตุผลที่ฟอร์สสามารถใจกว้าง โดยขณะเดียวกัน เธอเชื่อว่าภารกิจลอบสังหารมิสเตอร์ X มีระดับความยากมากกว่าที่ตนประเมินไว้ในตอนแรก ราคาที่อีกฝ่ายเรียกร้องจึงยังน้อยเกินไป และนอกจากนั้น เธอเริ่มหวาดกลัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์มากขึ้นทีละนิด ไม่กล้าทำให้นักผจญภัยเสียสติ นักล่าค่าหัวที่น่าพรั่นพรึงคนนี้ต้องขุ่นเคืองใจ
ตระกูลอับราฮัมจ่ายหนักเหมือนกันแฮะ… ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลหัวเราะในลำคอ
“ถ้าคุณสามารถแปลงเป็นเหรียญทองปอนด์ได้ ผมยินดีลดราคาให้ ขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญทองที่รวบรวมได้”
“ฉันจะพยายาม” แม้ว่าฟอร์สจะไม่เข้าใจว่า เหตุใดเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถึงยึดติดกับเหรียญทองนัก พูดเหมือนกับที่เคยกำชับ ‘เฮอร์มิท’ ก่อนหน้านี้ทุกประการ แต่เธอก็ไม่กล้าถามออกไป
หญิงสาวเว้นวรรค จากนั้นก็ถามประเด็นอื่น
“มิสเตอร์เวิร์ล คุณคิดจะยืมบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ตอนไหน? ฉันจะได้วางแผนในช่วงก่อนหน้าและหลังจากนั้นถูก หาโอกาสปล่อยให้สมาชิกคนอื่นเช่า ทำเงินและรวบรวมพลังพิเศษไปพร้อมกัน”
“>ปล่อยให้เช่า? เช่าสมบัติวิเศษ? ไคลน์ตกตะลึงเมื่อได้ยิน คาดไม่ถึงว่า ‘เมจิกเชี่ยน’ จะมีหัวการค้าขนาดนี้!
…………………………………………………