เกอร์มัน·สแปร์โรว์… ได้ยินเช่นเช่นนั้น เส้นเลือดที่หน้าผากโดเรี่ยนพลันปูดโปน เลื่อนมือขึ้นมาจับโดยไม่รู้ตัว ร่างกายเกิดอาการชาไปทุกส่วนโดยไม่มีเหตุผล
มันอาศัยอยู่ในท่าเรือพริสต์ ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับทะเลย่อมชัดเจนกว่าชาวเมืองเบ็คลันด์ที่ต้องอาศัยการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อให้ทันโลก
ในช่วงหลายเดือนหลัง มันมักได้ยินข่าวเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์จากช่องทางที่แตกต่าง เริ่มจากการสังหาร ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ ลงมือกับ ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่ ประสบความสำเร็จในการล่า ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล โดยเรื่องราวทั้งหมดเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
มันหายไปจากทะเล มาที่เบ็คลันด์? แถมยังไม่เปลี่ยนนิสัยอันบ้าบิ่นนั่น! โดเรี่ยนปกปิดความกลัวและตื่นตัวที่คุกรุ่นภายในใจ จ้องหน้าศิษย์ของตน กล่าวเสียงทุ้ม
“พยายามติดต่อนักล่าค่าหัวคนนี้ให้น้อยลง… เขาจะสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นในสักวัน และเวลานั้นคงอีกไม่นาน”
อาจารย์ช่างมากประสบการณ์ สายตาเฉียบแหลม มองเห็นแก่นแท้ของมิสเตอร์เวิร์ลได้อย่างรวดเร็ว… น่าเสียดาย เรากลายเป็นสมาชิกชุมนุมทาโรต์เรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางยกเลิกการติดต่อ… ฟอร์สวิเคราะห์สถานการณ์ พยักหน้าอย่างจริงใจ
“ค่ะ อาจารย์”
โดเรี่ยนใจเย็นลง เพ่งมองใบหน้าอดีตศิษย์ที่กลายมาเป็นศัตรู ลูอิส·เวย์น
ทว่า ‘นักท่องเที่ยว’ รายนี้พูดไม่ได้อีกแล้ว ไม่หลงเหลือแม้แต่เศษเสี้ยวพลังวิญญาณ
เงียบงันสองสามวินาที โดเรียนเอนหลังเล็กน้อย จ้องหน้าฟอร์ส
“คุณบอกว่าจ่ายเงินไปหนึ่งหมื่นปอนด์เพื่อเป็นค่าหัว?”
มันไม่มีข้อมูลสถานะทางการเงินของฟอร์ส ทราบเพียงว่า ศิษย์ของตนเป็นนักเขียนนิยายขายดี มีค่าตอบแทนพอสมควร และการมีชุมนุมผู้วิเศษสักสองสามแห่งก็คงช่วยได้มาก ทำภารกิจของที่นั่นนับว่าจ่ายค่อนข้างหนัก ดังนั้น การออมเงินหลักหมื่นปอนด์จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าตกตะลึงหรือยอมรับไม่ได้
ฟอร์สขยับตัว กล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กๆ
“แพงไปหรือคะ?”
เธอจงใจยอกย้อนอย่างมีวาทศิลป์เพื่อปกปิดความจริงที่ว่า เธอกุราคาขึ้นมาเอง ทำให้ดูคล้ายกับไม่ประสาในด้านนี้สักเท่าไร
โดเรี่ยนส่ายหน้า
“เปล่า ถูกเกินไปต่างหาก… ถูกจนอดคิดไม่ได้ว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่”
ในฐานะสมาชิกตระกูลอับราฮัมที่เผชิญโศกนาฏกรรมหนแล้วหนเล่า มันหวาดระแวงกับทุกสิ่ง
หมายความว่า นี่คือ ‘ราคาสมาชิก’ สินะ… ฟอร์สหัวเราะแห้ง กล่าวอย่าง ‘ซื่อตรง’
“ยังมีข้อตกลงอื่นๆ ด้วยค่ะ เช่นสิ่งของที่ลูอิส·เวย์นพกติดตัวทั้งหมด จะตกเป็นของเขา และฉันต้องคอยให้ความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้น นอกจากนั้น ฉันยังต้องรับปาก หากภายหลังเขาต้องการเงินสดเป็นการเร่งด่วน จะต้องจ่ายเพิ่มอีกสามพันปอนด์”
“เริ่มสมเหตุสมผล” โดเรี่ยนพยักหน้า “เดิมที การลอบสังหารลูอิส·เวย์นที่มีชุมนุมแสงเหนือคอยหนุนหลัง ราคาต้องไม่ต่ำกว่าสามหมื่นปอนด์ อา… ยิ่งถ้ามีสถานการณ์ไม่คาดฝัน ราคาก็ยิ่งต้องเพิ่มขึ้นอีก”
ในตอนนั้น มิสเตอร์เวิร์ลใช้พลังครึ่งเทพจากบันทึกการเดินทางของเลมาโน่… นั่นคงเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน… นักบุญจากชุมนุมแสงเหนือปรากฏตัว? ฟอร์สผู้ถูกอิทธิพลของชุมนุมทาโรต์เปลี่ยนชีวิต ไม่ถึงกับไม่รู้จักชุมนุมแสงเหนือเลย จึงขมวดคิ้วโดยไม่ปิดบัง
“อาจจะเป็นแบบนั้น… เงื่อนไขของเขาฟังดูไม่ปรกติสักเท่าไร หรือว่า เขากำลังรีบใช้เงิน?”
โดเรี่ยนใช้ความคิด
“บางที เขาคงสนใจตะกอนพลังของลูอิส·เวย์นมากกว่า สำหรับผู้วิเศษเส้นทางอื่น สิ่งนั้นสามารถนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษที่มีประโยชน์ ตราบใดที่สามารถหา ‘ช่างฝีมือ’ ที่เก่งกาจ”
โดเรี่ยนเว้นวรรค กล่าวเสริม
“ไม่ต้องไปใส่ใจ หลังจากนี้แค่อยู่ให้ห่างจากเขา… บางที เขาอาจจะหมายหัวลูอิส·เวย์นมานานแล้ว เมื่อเธอมีข้อมูล เขาจึงกล้าลงมือ ขณะเดียวกันก็ได้ค่าจ้างก้อนใหญ่เป็นของแถม”
โดเรียนไม่สานต่อหัวข้อเดิม หยิบลูกบอลคริสตัลบริสุทธิ์ขนาดเท่ากำปั้นออกจากกระเป๋าเสื้อด้านใน
“สร้างจากผลึกดวงดาว จะช่วยเพิ่มพลังโหราจารย์ของคุณได้มาก”
เมื่อแสงจากด้านนอกส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ลูกบอลคริสตัลกะพริบ ‘คลื่น’ ที่สว่างไสวออกมาเป็นระยะ
โดยไม่รอให้ฟอร์สปฏิเสธ โดเรียนหัวเราะ
“ลูอิส·เวย์นคือศัตรูของผม คนจ่ายเงินค่าหัวต้องเป็นผม ตอนนี้ยังไม่มีเงินสดมากขนาดนั้น ขอผ่อนชำระด้วยวัตถุบางชิ้น”
“ไม่ค่ะ ไม่จำเป็น” ฟอร์สส่ายศีรษะอย่างลังเล
ด้วยความสัตย์จริง ในตอนที่เธออยากฆ่าลูอิส·เวย์น ความคิดเดียวในหัวคือแก้แค้นให้อาจารย์ ไม่ได้หวังรางวัลที่จะตามมา แต่ตรงข้ามกับเจตนารมณ์ เธอมิอาจปฏิเสธ
โดเรี่ยนทำหน้าขึงขัง
“คุณอยากให้ผมรู้สึกผิดและเสียใจหรือ? ไม่ต้องกังวล อาจารย์ของคุณไม่ได้จนขนาดนั้น”
ฟอร์สพยักหน้ารับ
“ตกลงค่ะ”
โดเรี่ยนยิ้มอีกครั้ง
“แล้วก็ ผมนำสูตรโอสถ ‘นักบันทึก’ มาให้คุณด้วย เริ่มเร่งมือย่อยโอสถ ‘โหราจารย์’ ได้โดยไม่ต้องลังเล รวบรวมวัตถุดิบให้ครบ… ฮะฮะ! ผมจะมอบหนึ่งในวัตถุดิบหลักให้ด้วย สมองของอัสมาน ที่เหลือคุณจัดการเอาเอง”
อัสมานคือสัตว์ประหลาดที่มีตัวตนอยู่แค่ในเรื่องเล่าโบราณ ลักษณะคล้ายกับสมองของมนุษย์ที่ไม่มีกะโหลกปกป้อง ไม่เพียงจะมีพลังในการสร้างภาพลวงตาที่น่ากลัว แต่ยังสามารถทำให้ศัตรูเสียชีวิตด้วยการโจมตีของตัวเอง
ขณะกล่าว โดเรี่ยนหยิบกระดาษหนังสีน้ำตาลอ่อนออกมา ส่งให้ฟอร์ส
ฟอร์สรับไว้ด้วยความเต็มใจ ตรวจสอบวัสดุว่ามีวัสดุหลักอะไรบ้าง
“สมองที่สมบูรณ์ของอัสมาน คำสาปของวิญญาณอาฆาตโบราณ…”
หวังว่าเราจะรวบรวมได้ครบก่อนที่โอสถโหราจารย์จะย่อยเสร็จ… ฟอร์สม้วนกระดาษหนัง เหลือบไปเห็นอาจารย์โดเรี่ยนหยิบกล่องสีทองบริสุทธิ์ออกจากกระเป๋าเดินทาง
สลายกำแพงวิญญาณเสร็จ โดเรี่ยนกล่าว
“หากไม่ผนึกไว้ด้วยทองคำ สมองของอัสมานจะส่งอิทธิพลต่อคุณตลอดเวลา ทำให้มองเห็นภาพหลอน จนถึงขั้นจิตตก”
ภายในกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส หมอกสีเทากำลังนอนแน่นิ่ง เต็มไปด้วยร่องลึกและส่วนที่นูน สีโปร่งแสง ขนาดเพียงหนึ่งในห้าของศีรษะลูอิส·เวย์น
สมกับที่เป็นตระกูลเก่าแก่… ฟอร์สกล่าวขอบคุณอีกครั้ง รับกล่องสี่เหลี่ยมสีทอง ปิดฝาอย่างชำนาญ ใช้พลังวิญญาณเพื่อผนึก
จากนั้น โดเรี่ยนบอกให้ฟอร์สช่วยรอสักพัก ลงมือประกอบพิธีกรรม เรียกมาลมอส สัตว์ห้วงมิติผู้รักเสียงดนตรี เอกสารจำนวนสองปึกถูกนำออกจากร่างกลมๆ ของมัน
นอกจากของขวัญสามชิ้นแรก เนื่องจากโดเรี่ยนค่อนข้างผวากับข่าวของมิสเตอร์ประตู จึงเตรียมสิ่งเหล่านี้มาให้ฟอร์สด้วย ปึกเอกสารถูกวางไว้ข้างลำตัว
“นี่คือโฉนดที่ดินในเบ็คลันด์สองแห่ง ที่แรกอยู่ในฮิลสตัน อีกที่หนึ่งอยู่ในเขตเชอร์วู้ด ทำเลค่อนข้างดี ราคารวมน่าจะประมาณหกพันห้าร้อยปอนด์ ขายได้เท่าไร คุณเอาเงินไปเลย” โดเรี่ยนกล่าวพลางยิ้ม
แม้ว่าตระกูลอับราฮัมจะกำลังเสื่อมโทรม แต่ในฐานะอดีตตระกูลเทวทูต ในฐานะตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทรัพย์สมบัติติดตัวย่อมไม่ธรรมดา มีทั้งที่ดิน ฟาร์มเกษตร อสังหาริมทรัพย์ บ้าน และเหมืองแร่ แต่โดเรี่ยนได้ครอบครองเพียงบางส่วน ที่เหลือเกือบทั้งหมดจะตกอยู่ในความครอบครองของตระกูลย่อย
บ้านที่เรากำลังเช่า มีราคากลางอยู่ที่ประมาณสองพันห้าร้อยปอนด์ ความกว้างน่าพึงพอใจก็จริง แต่ทำเลกลางๆ … สิ่งที่อาจารย์มอบให้เราในวันนี้ มูลค่ารวมไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์… ฟอร์สทำได้เพียงแอบถอนหายใจ
…
ภายในมหาวิหารแห่งวายุ ‘เจ้าพิธีกรรมสีคราม’ เรดาลล์·วาเลนไทน์จ้องหน้าทูตพิพากษาอาวุโสฝั่งตรงข้าม
“ผลเป็นยังไง?”
อาร์ชบิชอปใหม่แห่งเบ็คลันด์คือชายวัยกลางคนที่มีบรรยากาศคุกคามสุดขีด ผมสีน้ำเงินเข้มหยักศก ติ่งหูใหญ่ ในดวงตาคล้ายกับมีสายฟ้าและพายุกำลังอาละวาดตลอดเวลา
ฝั่งตรงข้ามคือ อาวุโสของทูตพิพากษา เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบาง สวมหมวกกัปตันเรือรุ่นใหม่ ไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีรอยสักรูปสมอสีน้ำเงินสลับดำตรงคอ
สุภาพบุรุษตอบด้วยความเคารพ
“ท่านเจ้าคุณ พวกเราจับกุมตัวสมาชิกที่เข้าร่วมชุมนุมได้หลายคน… แต่พวกเขาไม่รู้จักกันเลย จึงไม่ต้องพูดถึงผู้ที่สังหารมิสเตอร์ X… จากคำอธิบายของพวกเขา ส่วนสูงของผู้โจมตีคือ 1.6 เมตร จึงน่าจะเป็นเพศหญิง แต่ก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ชายตัวเตี้ย”
เรดาลล์พยายามข่มโทสะ
“แล้วจะทำยังไงต่อ”
“เนื่องจากในตอนนี้ พวกเรายังไม่มีข้อมูลว่ามิสเตอร์ X เชิญใครมาร่วมงานบ้าง และสตรีส่วนใหญ่ก็มีส่วนสูงประมาณ 1.6 เมตรด้วยกันทั้งนั้น แผนการของเราก็คือ ภายนอกแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่จะคอยจับตามองเป้าหมายที่น่าสงสัยเอาไว้… นอกจากนั้น เราจะเปลี่ยนคนที่จับตัวมาได้ให้เป็นสายข่าว หากเราไม่กระโตกกระตาก พวกเสียสติของชุมนุมแสงเหนือจะต้องตามหาตัวฆาตกรแน่นอน แก้แค้นให้มิสเตอร์ X ด้วยข้อมูลที่ทางนั้นรวบรวมได้… ด้วยเหตุนี้ ไม่เพียงพวกเราจะสาวจนพบตัวมือสังหาร แต่ยังสามารถสืบสวนย้อนรอยไปถึงชุมนุมแสงเหนือได้ด้วย” ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางอธิบายรายละเอียด
เรดาลล์พยักหน้าครุ่นคิด
“รอย… ถ้าคิดจะลงมือ อย่าลืมเบิกสมบัติปิดผนึกระดับ ‘1’ ไปใช้งาน… สถานที่เกิดเหตุได้บอกกับเราแล้วว่า ชุมนุมแสงเหนือจะส่งนักบุญอย่างน้อยหนึ่งคนมาที่เบ็คลันด์แน่นอน และความแข็งแกร่งของมือสังหารคนดังกล่าวน่าจะสูงกว่าลำดับ 5 ทั่วไป นอกจากนั้นก็ยังมีครึ่งเทพอยู่เบื้องหลังเช่นกัน”
“ครับ ท่านเจ้าคุณคาร์ดินัล” รอย·เวลลิงตันกล่าวพลางนำกำปั้นขวากระแทกอกซ้าย
…
“ดอน คุณมักทำให้ผมประหลาดใจได้เสมอ ผ่านไปเพียงไม่นาน คุณกลับศึกษา ‘หนังสือแห่งปัญญา’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘วิวรณ์รัตติกาล’ จนแตกฉาน” ภายในวิหารนักบุญแซมมวล บิชอปอีเล็คตร้าปิดพระคัมภีร์ในมือ กล่าวด้วยรอยยิ้มกับเศรษฐีเคร่งศาสนา เจ้าของจอนสีขาว ดวงตาน้ำเงินลุ่มลึกตรงหน้า
ไคลน์ยิ้มและตอบ
“นี่คือสิ่งที่สาวกพึงกระทำ… ต่อไปคือการเรียน ‘จดหมายของนักบุญ’ ใช่ไหมครับ?”
“ถูกต้อง คุณอยากเริ่มด้วยนักบุญพระองค์ใด” บิชอปอีเล็คตร้าตั้งคำถาม
ไคลน์กวาดสายตา หัวเราะในลำคอ
“นักบุญแซมมวลก็ได้ครับ”
บิชอปอีเล็คตร้าไม่ประหลาดใจ เริ่มกล่าวแนะนำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นักบุญแซมมวลอาศัยอยู่ในจักรวรรดิทรันซอสต์ ตรงกับช่วงยุคสมัยที่สี่ ในเวลานั้น พระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นอาร์ชบิชอปของวิหารภายในเบ็คลันด์ สร้างผลงานมากมายเพื่อเผยแพร่ความเชื่อในตัวเทพธิดา จึงได้เข้าสู่อาณาจักรแห่งเทพขณะยังมีชีวิต กลายเป็นเทวทูต”
ขณะเล่า มันพลิกไปยังหน้า ‘จดหมายของนักบุญ’ ที่สอดคล้องกัน
ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณไคลน์พลันถูกกระตุ้น มันรู้สึกว่า ความคิดชั่วร้ายจากชั้นบนค่อยๆ แพร่กระจายออกมา
แต่ในวินาทีถัดมา ความรู้สึกเย็นยะเยียบและเงียบสงบเริ่มแผ่ซ่านออกจากพื้นดิน ทำให้ทุกสิ่งสงบนิ่งไปชั่วขณะ เปลี่ยนให้วิหารกลับสู่ภาวะปรกติ
บิชอปอีเล็คตร้าที่เพิ่งได้สติ กล่าวกับดอน·ดันเตสตรงหน้าที่ ‘ไม่สังเกตเห็นอะไรเลย’
“ต้องขออภัยด้วย พอดีผมนึกบางอย่างขึ้นมาได้”
……………………………………………