เช้าวันเสาร์ ไคลน์ในชุดนอนลูบศีรษะของตน ลุกขึ้นยืน
เมื่อคืนมันนอนไม่ค่อยหลับ เพราะภายในความฝัน สตรีมากหน้าหลายตาได้ปรากฏตัวออกมาอย่างชุลมุน สร้างความหวาดผวาจนต้องผงะตื่นบ่อยครั้ง ต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะสงบสติอารมณ์และหลับลงอีกครั้ง
โชคดีที่จุดอ่อนคงอยู่เพียงหกชั่วโมง และเราไม่มีเหตุให้ออกไปข้างนอกตอนดึก ไม่ต้องไปเจอหน้าบรรดาสาวใช้… ไคลน์ถอนหายใจพลางดึงเชือกข้างเตียง ส่งผลให้ริชาร์ดสันที่ยืนรอหน้าประตู เดินเข้ามาทันทีพร้อมกับเสื้อผ้าที่เจ้านายต้องสวมใส่วันนี้
เราไม่รู้ว่าอาโรเดสพูดอะไรออกไปบ้าง… ในตอนที่ริชาร์ดสันเห็นเรา ดูเหมือนว่าเขาพยายามหลบหน้า… การบอกประเภทผู้หญิงที่ชอบ นับว่าขัดต่อขนมธรรมเนียมทางสังคมในปัจจุบัน? ในตอนที่ไคลน์กลับมา ประโยคแรกที่ได้ยินก็คือ คล้ายกับ ‘กระจกวิเศษ’ กำลังกล่าวถึงตัวเอง แต่เรื่องราวดันไปสะกิดใจพ่อบ้านวอลเตอร์เข้าอย่างจัง ส่วนอีกหลายประโยคก่อนหน้านั้นยังเป็นปริศนา
ชายหนุ่มมิได้ใช้พลัง ‘ทำนายฝัน’ เพื่อตรวจสอบข้อมูล เพราะคิดว่าไม่จำเป็น ริชาร์ดสันไม่ใช่พวกชอบขัดใจเจ้านายอยู่แล้ว ความเคารพที่เพิ่งขึ้นหรือน้อยลง จะไม่ส่งผลกระทบต่องานหลัก
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ไคลน์เดินลงไปยังชั้นสอง มาถึงห้องรับประทานอาหาร วอลเตอร์ที่สวมถุงมือสีขาวเหมือนทุกครั้ง กำลังยืนรอหน้าประตู
เมื่อเห็นดอน·ดันเตสเดินเข้ามาใกล้ มันก้าวออกมาข้างหน้า โค้งคำนับทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ นายท่าน วันนี้คุณมีชั่วโมงเรียนมารยาทสองคาบ และในช่วงเย็นต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านมิสเตอร์พอร์ตแลน·โมมงต์”
พอร์ตแลน·โมมงต์อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 100 ถนนเบิร์คลุน ทำงานประจำเป็นศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมอยู่ที่มหาวิทยาลัยเบ็คลันด์ ขณะเดียวกันก็เป็นนักวิชาการหลวงประจำอาณาจักรโลเอ็น เนื่องจากเคยค้นพบโลหะผสมหลายชนิด รวมถึงการคว้ารางวัล ‘แสงแห่งจักรกล’ โมมงต์จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก เป็นรองเพียงทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนเท่านั้น
นอกจากนั้น โลหะผสมหลายชนิดของมันยังถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่อเรือและการพัฒนาเครื่องจักรไอน้ำ ลำพังรายได้จากสิทธิบัตรเพียงอย่างเดียว มากพอจะทำให้มันกลายเป็นเศรษฐีเจ้าของทรัพย์สินหลักแสนปอนด์
ได้ยินคำพูดวอลเตอร์ ไคลน์ชำเลืองอีกฝ่ายด้วยหางตา พบว่าขอบตาของมิสเตอร์พ่อบ้านค่อนข้างดำคล้ำ ถุงใต้ตาบวมผิดปรกติ คล้ายกับไม่ได้หลับสบายตลอดทั้งคืน
หากไม่มีพลังของผู้ไร้หน้าช่วยกลบเกลื่อน ดอน·ดันเตสก็คงอยู่ในสภาพเดียวกัน… ไคลน์ถอนสายตากลับด้วยความเห็นใจ ไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อตอบรับคำทักทายของพ่อบ้านวอลเตอร์ เดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร
ด้วยความสัตย์จริง ไคลน์ค่อนข้างทึ่งในพลังใจของตัวเอง ทั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับแม่มดบ่อยครั้ง ถูกหว่านเสน่ห์ใส่ก็หลายหน แต่ก็ยังสามารถข่มใจไม่ให้คล้อยตามได้เสมอ อย่างมากก็แค่เก็บมาฝันเปียกเงียบๆ คนเดียวตอนกลางคืน
เตือนความจำกันสักนิดว่า แม่มด โดยเฉพาะแม่มดในลำดับ ‘สุขสม’ หรือสูงกว่านั้น จะทรงเสน่ห์ต่อสิ่งมีชีวิตเพศชายเป็นอย่างมาก ไกลเกินกว่าผลของพลังพิเศษประเภทยั่วยวนทั่วไปจะเทียบติด ใครได้เห็นเป็นต้องหลงใหลในทุกอิริยาบถ เทียบเท่าได้กับการค่อยๆ พี้กัญชาจนความสุขปะทุถึงขีดสุด ถึงขั้นที่ไม่สามารถหลุดพ้นจากภวังค์ของแม่มดสุขสมได้ด้วยตัวเอง เกรงว่า คงมีเพียง ‘เกย์’ เท่านั้นที่สามารถข่มใจเอาชนะเสน่หาดังกล่าวได้
แน่นอน ไคลน์เชื่อว่าแม้แต่เกย์ก็ยากจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการครอบงำ เนื่องจากพลังของแม่มดจะสร้างอิทธิพลต่อทั้งจิตใจและฮอร์โมนในร่างกาย บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากนั้น แม่มดส่วนใหญ่ยังเคยเป็นชายมาก่อน นั่นจะยิ่งลดกำแพงการต่อต้านลง
ดังนั้น แม้ว่าตนจะกลายเป็นผู้วิเศษลำดับ 5 แต่ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับแม่มดระดับทริสซี่หรือเทรซี่ ไคลน์ต้องคอยรักษาความมั่นคงของจิตใจให้สูงกว่าปรกติตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะถูกเสน่ห์เล่นงาน
แม้แต่ไคลน์ยังรับมือได้ยากขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงพ่อบ้านวอลเตอร์ ลำพังความเข้มแข็งทางจิตใจเพียงอย่างเดียว ไม่ช่วยให้หลุดพ้นได้แน่!
ไม่ว่าจะเป็นเพราะการตายขององค์ชายเอ็ดซัคหรือการเลื่อนลำดับ แต่เห็นได้ชัดว่าทริสซี่สามารถบริหารเสน่ห์ได้ในระดับที่น่าพรั่นพรึง… วอลเตอร์เป็นแค่คนธรรมดา ไม่สิ ถึงจะเป็นผู้วิเศษ อย่างมากก็ไม่เกินลำดับ 8 หรือ 9… การที่ยังรักษาสภาพปัจจุบันไว้ได้ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีแค่ไหน… ความจงรักภักดีต่อองค์ชายเอ็ดซัคเป็นของจริง รวมถึงความรักที่มีต่อภรรยาและลูก… ไคลน์ถอนหายใจขณะนั่งลง อาหารเช้าของวันนี้คือพายเดซีย์ที่มันโปรดปราน ความรู้สึกชุ่มฉ่ำที่ไหลเยิ้มออกมา ทำให้น้ำลายเกิดการแตกฟอง
…
ทะเลยามค่ำคืนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เปื้อนแสงสีแดงสลัว บรรยากาศเงียบสงบกว่าตอนกลางวันพอสมควร
‘โทสะสีคราม’ กำลังกระเพื่อมแผ่วเบาท่ามกลางเกลียวคลื่น ลำเรือแล่นตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันประหนึ่งพรายน้ำ จุดหมายคือทิศทางของพระจันทร์สีแดง
อัลเจอร์·วิลสันยืนบนหัวเรือ มองไปยังคลื่นทะเลห่างไกล ใบหน้าสุขุมเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ภายในใจกำลังตื่นเต้นเสียเต็มประดา
น่านน้ำตรงหน้าคือ ‘วังวนนรก’ ที่อยู่ทางทิศเหนือของเกาะโซเนีย!
ที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะในบริเวณดังกล่าว มักมีวังวนวารีแสนอันตรายผุดขึ้นโดยไม่แจ้งล่วงหน้า จึงถูกจัดให้เป็นน่านน้ำอันตรายที่เรือทั่วไปไม่อยากย่างกรายผ่าน
หลังจากรายงานความคืบหน้าภารกิจเสร็จและเดินทางออกจากเกาะปาซู อัลเจอร์สั่งให้ ‘โทสะสีคราม’ แล่นขึ้นเหนือ อ้อมเกาะโซเนีย ตรงมายังน่านน้ำแห่งนี้ทันที
ระหว่างทาง พวกมันแวะเมืองท่าเพียงเพื่อเติมเสบียงเพียงเท่านั้น ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
ส่วนคำถามที่ว่า การแล่นเรือมาทางทิศเหนือจะไม่ถูกสงสัยเอาหรือ? เรื่องนี้อัลเจอร์ไม่กังวล เพราะโบสถ์วายุสลาตันชื่นชอบที่จะได้เห็น ‘กัปตัน’ ของศาสนจักรมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของทะเลโซเนียและทะเลหมอก สืบข่าวเกี่ยวกับจักรวรรดิฟุซัคและอินทิส รวมไปถึงข่าวกรองของโบสถ์สุริยันเจิดจรัสและโบสถ์เทพสงคราม
เหลือบมองเข้าไปในเขตห้องโดยสารเล็กน้อย อัลเจอร์ถอนสายตากลับและเดินมายืนที่หัวเรือ หยิบยันต์ที่ทำจากดีบุกขาว กำไว้ในฝ่ามือ ท่องมนต์เสียงต่ำ
“พายุ!”
เปลวไฟสีฟ้าอ่อนลุกโชน แผดเผาท่วมท้นยันต์แผ่นดังกล่าวโดยสมบูรณ์ อัลเจอร์สัมผัสได้ทันทีว่า สัตว์ทะเลเบื้องล่างกำลังเป็นมิตรกับตน
ในวินาทีนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังสื่อสารกันในระดับจิตวิญญาณ!
ยันต์ดีบุกขาวคือหนึ่งในเสบียงที่ได้รับมาจากเกาะปาซู ช่วยให้มันเป็นมิตรกับสัตว์ทะเลได้ระยะเวลาหนึ่ง รวมถึงการสื่อสารในระดับจิตวิญญาณเบื้องต้น
ท่ามกลางความคิดที่สอดประสาน อัลเจอร์ได้รับข้อมูลที่น่าผิดหวัง ต้องรอให้โทสะสีครามแล่นเข้าใกล้ ‘วังวนนรก’ มากกว่านี้ จึงค่อยลองทดสอบดูใหม่
เวลาไหลผ่านไป อัลเจอร์ที่ล้มเหลวมาแล้วเกือบร้อยครั้ง ในที่สุดก็ได้ทราบข่าวจากปลาเรนโบว์รันเนอร์เกี่ยวกับตำแหน่งของอ็อบนิส
ถ้าไม่รู้ล่วงหน้าว่าเป้าหมายอยู่ใกล้กับวังวนนรก เราคงถอดใจไปนานแล้ว การสุ่มหาไปเรื่อยๆ แทบไม่มีโอกาสได้รับคำตอบที่ถูกต้อง… อัลเจอร์สรุปผลในใจ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
มันใช้ยันต์ผูกมิตรสัตว์ทะเลไปเกือบหมด ปัจจุบันเหลือเพียงห้าแผ่นสุดท้าย
ถ้าได้กลับไป… คงต้องหามาเพิ่มอีกชุดใหญ่ ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจสังเกตเห็นว่าเรามีเหลือยันต์น้อยทั้งที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน… หืม… ได้ยินมาว่า กลุ่มต่อต้านบนหมู่เกาะรอสต์มียันต์ประเภทนี้อยู่มาก… ขณะใช้ความคิด อัลเจอร์สั่งให้โทสะสีครามหักเลี้ยว ตรงไปยังพิกัดที่เพิ่งได้รับ
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง โทสะสีครามหยุดนิ่งบนผิวทะเล จากนั้น อัลเจอร์ควักกระป๋องโลหะปิดสนิทออกจากกระเป๋าเสื้อ
นี่คือแก๊สยาสลบของผีดูดเลือดที่ซื้อมาจาก ‘เดอะมูน’ ในราคาหนึ่งร้อยสามสิบปอนด์ สำหรับประสิทธิภาพของแก๊ส มันไม่มีข้อกังขาเพราะเคยใช้งานมาแล้วครั้งหนึ่ง
และเนื่องจากโทสะสีครามเป็นเรือผีสิง การเฝ้าเวรยามตอนกลางคืนจึงไม่ต้องใช้คนมากนัก เพียงหนึ่งคนต่อหนึ่งคืน รับผิดชอบในการเฝ้าระวังอันตรายและคอยจับตามองพฤติกรรมเรือ ป้องกันไม่ให้เรือสร้างปัญหาหรือจงใจแล่นไปยังเขตอันตราย
ในฐานะกัปตัน อัลเจอร์สามารถกำหนดให้ตัวเองเป็นเวรยามในคืนนี้ได้โดยไม่มีใครสงสัย
เมื่อเตรียมความพร้อมเรียบร้อย มันเดินมายังประตูห้องลูกเรือ ควักท่อโลหะ เปิดกระป๋องที่ปิดสนิท ปล่อยแก๊สไล่เข้าไปทีละห้อง ไม่เว้นแม้กระทั่งห้องเก็บของที่ใช้เก็บของจิปาถะ เผื่อว่าลูกเรือบางคนไม่ยอมนอน แอบเล่นไพ่อย่างลับๆ
จัดการทั้งหมดเสร็จ อัลเจอร์ไม่รีบร้อนปรุงโอสถ เพียงนำวัตถุดิบทั้งหมดพกติดตัว เปลี่ยนเป็นชุดดำน้ำที่ทำจากหนังฉลาม กระโดดลงจากแผ่นกระดานกราบขวาของเรือ ปราศจากสุ้มเสียงและละอองน้ำกระเซ็น
ณ ใต้ทะเลที่มืดมิด ดวงตาอัลเจอร์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม มองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน
มันสูดอากาศใต้น้ำด้วยความสบายใจ ดำดิ่งตรงไป จนกระทั่งถึงก้นทะเลที่มืดสนิท
จากนั้น อัลเจอร์ใช้ยันต์เป็นมิตรกับสัตว์ทะเลอีกครั้ง สื่อสารกับปลาพิสดารรอบตัว
อาศัยคำแนะนำจากปลาใจดี อัลเจอร์จำแนกทิศทาง ว่ายน้ำพลางถามเส้นทางเป็นระยะ จนกระทั่งมาถึงสถานที่ซึ่งดูคล้ายกับภูเขาไฟใต้ทะเล
ปลาเหล่านี้ไม่ทราบว่าสัตว์ทะเลอ็อบนิสอาศัยอยู่ที่นี่ รู้เพียงแต่ว่า สิ่งมีชีวิตในสายพันธุ์ของพวกมันจำนวนมาก รวมถึงนักล่าเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งบางส่วน หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาในบริเวณนี้
อัลเจอร์เปิดใช้งานพลังพิเศษ มองไปยังจุดห่างไกล จนกระทั่งเห็นถ้ำมืดขนาดใหญ่บนภูเขาไฟใต้ทะเล เห็นหนวดยาวๆ ที่หนากว่างูเหลือมในป่าดิบชื้นของทวีปใต้ กำลังสะบัดแผ่วเบาออกจากปากถ้ำ
เมื่อได้เห็นปุ่มดูดขนาดมหึมาเรียงราย ได้เห็นผิวหนังอันหยาบกร้าน ได้เห็นถ้ำที่ใหญ่กว่าโทสะสีครามหลายเท่า อัลเจอร์เกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งจิตใจ ไม่กล้าเข้าใกล้ในทันที
สัตว์ทะเลอ็อบนิสมีพลังเทียบเท่าลำดับ 5 สินะ… นอกจากนั้นยังมีร่างกายใหญ่โตจนน่าขนลุก… อา… แต่เราสามารถยืนยันได้ว่าเจ้านี่คือเป้าหมาย… อัลเจอร์ว่ายน้ำระมัดระวัง หยุดในระยะปลอดภัย หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจ มันใช้งานยันต์ผูกมิตรกับสัตว์ทะเลอีกครั้ง
วินาทีถัดมา อัลเจอร์แผ่พลังวิญญาณไปในน้ำทะเล ถ่ายเทเข้าไปในถ้ำ พยายามสื่อสารกับจิตวิญญาณอันทรงพลังที่กำลังขดตัวอยู่
จิตวิญญาณขนาดมหึมาค่อยๆ คลายออก ความคิดที่สับสนว้าวุ่นเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ
ห้วงความคิดอัลเจอร์สงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะระเบิดปะทุราวกับภูเขาไฟ!
โฮก!
ท่ามกลางเสียงคำรามที่ชวนให้ขนลุก กระแสน้ำวนมายาถูกสร้างขึ้นภายในถ้ำ ดูดกลืนน้ำทะเล เศษขยะ และอัลเจอร์เข้าไปด้านใน
มันคิดจะฆ่าเรา! ดวงตาอัลเจอร์หรี่ลง ร่างกายที่มีผิวลื่นเริ่มพุ่งไปยังทิศทางตรงข้ามด้วยความช่วยเหลือจากแรงลม
อัลเจอร์รีบใช้พลังพิเศษอีกหลายชนิดต่อติดกัน จนกระทั่งหลุดพ้นจากอิทธิพลของวังวนมายา แน่นอน มันไม่กล้าอยู่ใกล้ถ้ำภูเขาไฟอีกต่อไป รีบลอยขึ้นเหนือน้ำด้วยความเร็วสูง
หลายสิบวินาทีถัดมา อัลเจอร์ที่รอดพ้นจากอันตราย พ่นฟองน้ำออกจากปาก ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อ็อบนิสตัวนั้นสามารถขัดขืนพลังของยันต์…
มันเกลียดชังวัตถุที่เจือปนออร่าของตัวตนที่เหนือกว่า?
รวบรวมสติสักพัก เมื่อตระหนักว่าตนมาได้ไกลแล้ว อัลเจอร์ไม่อยากปล่อยโอกาสให้สูญเปล่า ตัดสินใจสวดวิงวอนเป็นภาษาเอลฟ์ใต้ทะเล
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”
…………………………………………………………….