วอลเตอร์เดินขึ้นมายังชั้นสาม งอนิ้วมือ เคาะประตูห้องนอนใหญ่
“ใคร?” ดอน·ดันเตสกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแอเจือแหบพร่า
วอลเตอร์บิดกลอน แง้มประตูเปิด
“นายท่าน บิชอปอีเล็คตร้าแวะมาเยี่ยม… นานท่านจะลงไปที่ห้องนั่งเล่น หรือจะให้ผมเชิญเขามาที่ห้องนอนโดยตรง?”
ตามปรกติแล้ว แขกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องนอนใหญ่ นั่นเป็นเรื่องเสียมารยาท ยกเว้นการมาเยี่ยมตอนป่วย
เงียบไปสักพัก ดอน·ดันเตสมอบคำตอบ
“เชิญเขามาที่ห้องนอน”
“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์หันไปบอกริชาร์ดสัน ให้อีกฝ่ายกำชับสาวใช้เตรียมชา ส่วนตัวเองเดินลงไปข้างล่าง นำทางบิชอปอีเล็คตร้าแห่งโบสถ์รัตติกาลขึ้นมายังชั้นสาม
เพียงไม่นาน อีเล็คตร้าเข้ามาในห้อง เห็นดอน·ดันเตสนอนอยู่บนเตียงในสภาพซีดเซียว
“ริชาร์ดสัน หาเก้าอี้ให้บิชอปนั่ง” ดอน·ดันเตสออกคำสั่งด้วยรอยยิ้ม
ริชาร์ดสันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว รีบนำเก้าอี้พนักสูงมาวางในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากเตียงนอนมาก
หลังจากอีเล็คตร้าเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว มันตรวจสอบใบหน้าของเศรษฐีใหม่ ถามอย่างกังวล
“ดอน คุณรู้สึกยังไงบ้าง? เชิญคุณหมอเข้ามาตรวจหรือยัง?”
สัมผัสวิญญาณของมันไม่แจ้งเตือนสิ่งใด จึงไม่ได้ทำมากกว่านั้น เพียงซักถามอย่างห่วงใยเกี่ยวกับสุขภาพของสาวกผู้เคร่งครัด
ดอน·ดันเตสกระแอมในลำคอ ยิ้มและตอบ
“อันที่จริง ผมใกล้จะหายดีแล้ว คงไม่เกินพรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ น่าจะได้แวะไปฟังคำเทศนาของคุณ”
“ได้ยินแบบนั้นค่อยเบาใจ ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่า ควรสวดวิงวอนให้เทพธิดาช่วยอวยพรคุณดีไหม” อีเล็คตร้าหัวเราะ ถอยหลังสองสามก้าว นั่งลงบนเก้าอี้ที่ริชาร์ดสันนำมาวาง
ทันใดนั้น ดอน·ดันเตสชำเลืองไปทางมิสเตอร์บิชอป หัวเราะในลำคอ
“อันที่จริง ผมสงสัยมานานแล้วว่า นักบวชของศาสนจักรเทพธิดา สามารถสมรสได้หรือไม่”
อีเล็คตร้า ผู้ที่สองปีจะมีอายุครบสี่สิบ ถอนหายใจพลางหัวเราะ
“อันที่จริง เรื่องนี้เคยเป็นปัญหาคาใจของพวกเรามานานแล้ว… ในการชุมนุมเพื่อชำระพระคัมภีร์หลายครั้งในสมัยโบราณ อาร์ชบิชอปมักมีปากเสียงกันอย่างดุเดือดในประเด็นดังกล่าว… ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ข้ารับใช้แห่งเทพธิดาต้องเปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง มิฉะนั้นจะถือเป็นการดูหมิ่นพระองค์ ขณะเดียวกัน อีกฝ่ายนำคำพูดจากพระคัมภีร์ ‘วิวรณ์แห่งรัตติกาล’ มาโต้แย้งว่า เทพธิดาส่งเสริมให้มนุษย์สมรสกัน ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ คณะนักบวชอย่างพวกเราจึงควรทำตัวเป็นแบบอย่าง มิใช่ต่อต้าน นั่นจึงจะถือเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพธิดา… แต่ในยุคสมัยปัจจุบัน คำถามดังกล่าวได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องตรงกันแล้ว ทางศาสนจักรจะไม่ห้าม แต่ก็มิได้ส่งเสริม ข้อกำหนดเดียวก็คือ ถ้านักบวชสมรส ห้ามนำครอบครัวย้ายมาอาศัยอยู่ในวิหารด้วยกัน”
ดอน·ดันเตสพยักหน้าเชื่องช้า ยกมุมปากเล็กน้อย
“บิชอป คุณมีภรรยาหรือยัง”
บิชอปอีเล็คตร้า เจ้าของใบหน้าธรรมดาๆ แต่แฝงเสน่ห์เจือจาง ถอนหายใจแผ่วเบา กล่าวโดยพยายามเก็บซ่อนรอยยิ้ม
“เมื่อสองปีก่อน ผมได้เข้าสู่ร่มเงาแห่งการสมรสโดยมีเทพธิดาเป็นสักขีพยาน และปีนี้กำลังจะมีทายาทสืบทอด… เดิมที ผมคิดจะเป็นโสดไปตลอดชีวิตเพื่อรับใช้พระองค์ แต่กลับกลายเป็นว่า…”
ขณะกล่าว มันยิ้มให้กับตัวเอง ส่ายหน้าแผ่วเบา
โดยไม่รอให้ดอน·ดันเตสซักไซ้ บิชอปอีเล็คตร้าย้อนถามกลับอย่างมีวาทศิลป์
“ดูเหมือนว่าคุณเองก็โสด ลังเลเกี่ยวกับการแต่งงานอยู่หรือ?”
มันสรุปเดาว่าดอน·ดันเตสคงคิดเช่นนั้น จึงตั้งคำถามต่อเนื่องกัน
“คุณชอบสตรีแบบใด? บางที ผมอาจช่วยแนะนำให้คุณได้”
ดอน·ดันเตสไอแห้ง ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ในอดีต เพื่อสั่งสมความมั่งคั่ง ผมเลือกจะนำพาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับอันตราย จึงไม่อยากแต่งงาน กังวลว่าจะทำให้ภรรยาไม่มีความสุข… หึหึ… ผมชื่นชอบสตรีหลากหลายประเภท ไม่มีความต้องการที่ตายตัว… ไม่ว่าจะเป็นสตรีที่แก่กว่า หากเธอสามารถมอบความอบอุ่นให้หัวใจ สามารถทำให้ผมสบายใจ…”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ บุรุษรับใช้ริชาร์ดสันที่อยู่ข้างๆ พลันยืนแข็งทื่อ รีบเบือนหน้าหนีพลางก้มศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน ใบหน้าแดงระเรื่อประหนึ่งกำลังร้อนผ่าว
คล้ายกับดอน·ดันเตสไม่รู้ตัว ยังคงเล่าต่อไป
“นอกจากนั้น ผมยังชอบสตรีที่อายุน้อยกว่า เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา ชีวิตชีวา คล้ายกับได้เห็นแสงแรกยามเช้าตรู่ เป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยพลังงาน…”
รอยยิ้มบนใบหน้าบิชอปอีเล็คตร้าพลันแข็งทื่อ มันยกฝ่ามือขึ้น รวบเป็นกำปั้น เลื่อนมาไว้ตรงปากและกระแอมสองครั้ง
แต่ดอน·ดันเตสก็ยังไม่หยุด ส่ายหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจและเล่าต่อ
“ผมยังชอบสตรีที่เคยผ่านการสมรส… ด้วยสถานะของเธอ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เป็นสตรีที่ทำได้เพียงมองจากที่ไกลๆ พวกเธอมักเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ทุกอากัปกิริยาชวนให้หลงใหล ยากจะหักห้ามใจ มีหลายครั้งที่ผมฝันถึง…”
พ่อบ้านวอลเตอร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พลันสั่นสะท้าน คล้ายกับเผลอเดินหลงเข้ามาในความฝันของใครสักคน แต่ก็ไม่อยากกลับออกไป ไม่แน่ใจว่านี่เป็นความฝันที่ดีหรือร้าย
ดอน·ดันเตสเตรียมเล่าต่อ แต่ขณะกำลังอ้าปาก เสียงของมันกลับหยุดลง
มันเปลี่ยนไปหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ที่กล่าวไปข้างต้นคือธรรมชาติของมนุษย์ พวกเราทุกคนล้วนถูกตีกรอบอิสระในเชิงกายภาพ… ท่ามกลางห้วงอารมณ์มากมาย เป็นเรื่องปรกติที่ส่วนลึกของจิตใจจะอยากทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรม… ตราบที่สามารถยับยั้งชั่งใจไว้ได้ ไม่ทำทุกสิ่งตามความปรารถนาของตัวเอง และไม่หักห้ามตัวเองจนเป็นทุกข์ พวกเรายังสามารถเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี และเป็นผู้ชายที่ดี”
“สมเหตุสมผล… ในยามโกรธ มนุษย์มักเกิดความคิดที่ผิดศีลธรรมเสมอ แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ทำให้มันเกิดขึ้นจริง” บิชอปอีเล็คตร้าสรุปประเด็นอย่างชาญฉลาด พ่อบ้านวอลเตอร์และบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันเริ่มทำหน้าครุ่นคิด
บิชอปไม่แช่อยู่นานนัก หลังจากดื่มชาดำมาร์ควิสที่สาวใช้ยกมาเสิร์ฟไปสองสามจิบ มันลุกขึ้นพลางกล่าวคำอำลา เดินทางออกจากคฤหาสน์ของดอน·ดันเตส
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบภายในห้องนอน หน้าต่างระเบียงค่อยๆ ถูกเปิดออก ไคลน์ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์กลับเป็นดอน·ดันเตส กระโจนเข้ามาด้วยเสียงแผ่วเบา
โชคดีที่กลับมาทัน… ถ้าปล่อยให้ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสพูดมากไปกว่านี้ เกรงว่าบิชอปอีเล็คตร้าจะขับไล่เราออกจากการเป็นผู้ศรัทธา… พรุ่งนี้อาจได้เห็นวอลเตอร์กับริชาร์ดสันผูกคอตายในห้อง และชาวบ้านในบล็อกนี้ทั้งหมดจะซุบซิบนินทาเกี่ยวกับความวิตถารของดอน·ดันเตส… ไคลน์ชำเลืองไปยัง ‘กระจกวิเศษ·ดอน’ บนเตียง ถอนหายใจแผ่วเบา – ประโยคสุดท้ายที่ดอน·ดันเตสกล่าวกับบิชอปอีเล็คตร้า ชายหนุ่มเป็นคนร่างคำตอบและให้อาโรเดสอ่านตาม
แน่นอน บทสรุปข้างต้นเป็นเพียงสิ่งที่ไคลน์จินตนาการในแง่ร้ายที่สุด แต่มันเชื่อว่าอาโรเดสจะไม่ปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปถึงจุดนั้น
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน นายท่านผู้ยิ่งใหญ่” ดอน·ดันเตสบนเตียงทำความเคารพและทักทาย “อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน ท…ทำงานได้ดีหรือไม่ขอรับ”
ได้ยินกระจกวิเศษถามอย่างตะกุกตะกัก ไคลน์ถอนหายใจอีกครั้ง
“ไม่เลว… ปลอมตัวได้ดี… แต่ขณะสนทนา พยายามอย่าทำให้คนฟังอึดอัด”
“ข…ข้าจะจำใส่ใจไว้!” ดอน·ดันเตสตัวปลอมเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ด้วยกระจกเงาบานเล็กบนหมอน
บนผิวกระจก แสงสีเงินสว่างวาบพร้อมกับเรียงเป็นคำพูด
“ขอบคุณสำหรับคำติชม ข้าจะคอยเดินตามรอยเท้าท่านเสมอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้รับใช้นายท่านอีก~”
หลังจากอีโมติคอนอำลาถูกวาดเสร็จ ผิวกระจกเงากลับคืนสภาพปรกติ
ไคลน์ขยับเข้าไปใกล้ เก็บกระจกเงา จากนั้นก็เข้าห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ ถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้ามิติเหนือสายหมอก
ชายหนุ่มต้องการ ‘ต้อนแกะ’ ก่อนที่วิญญาณมิสเตอร์ X จะสลายไป
…
ภายในโลกหนังสือ บนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ
ไคลน์มองร่างของมิสเตอร์ X บนพื้น สำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายที่ประกอบกันจากเศษเนื้อ เปรียบเทียบกับภาพบุคคลเป้าหมายในความทรงจำที่มิสเมจิกเชี่ยนส่งมาให้
ไม่ผิดตัว… หวังว่าจะได้พลัง ‘ท่องเที่ยว’ และ ‘บันทึก’ … หากสุ่มได้หนึ่งในสองพลังข้างต้น ภารกิจคราวนี้จะถือว่าคุ้มค่า… แต่ถ้าไม่ คงต้องบอกให้มิสเมจิกเชี่ยนเพิ่มค่าตอบแทน… การล่าลำดับ 5 กับการเผชิญหน้าครึ่งเทพ สองสิ่งนี้มีระดับความยากแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง… ไคลน์ครุ่นคิด เหยียดฝ่ามือไปด้านหน้า กางนิ้วทั้งห้าออก เล็งไปทางศพซึ่งร่างวิญญาณยังสลายไม่สมบูรณ์
ยุบพองหิวโหยกลับคืนสภาพดั้งเดิม รูปลักษณ์คล้ายผิวหนังมนุษย์แผ่นบาง ดวงตาสองข้างปรากฏขึ้นกึ่งกลางฝ่ามือ รูม่านตาสีแดงสด ประหนึ่งชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ท่ามกลางสายลมหนาว ร่างวิญญาณของมิสเตอร์ X ที่ใกล้สลายไปเต็มที รวมถึงประกายพลังพิเศษที่ดูคล้ายกับทางช้างเผือก เริ่มถูกดูดกลืนเข้ามาในยุบพองหิวโหย ผสานกับนิ้วมือที่ยังว่างอยู่
ยุบพองหิวโหยแปรเปลี่ยนเป็นสีใสในตอนต้น ประหนึ่งเป็นภาพสะท้อนของโลกวิญญาณ จากนั้นก็กลับเป็นปรกติ
ไคลน์หลับตาลงและเพ่งประสาทสัมผัส คิ้วที่ชนกันค่อยๆ คลายตัวออก รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้า
คราวนี้มันค่อนข้างโชคดี ได้รับหนึ่งในพลังที่ต้องการที่สุด
ประตูนักท่องเที่ยว!
หรือในชื่ออื่นๆ คือประตูเคลื่อนย้ายมิติ เทเลพอร์ต หรือท่องเที่ยว – พลังชนิดนี้จะอนุญาตให้ผู้ที่เดินทางผ่านโลกวิญญาณสามารถตระหนักถึงโลกภายนอก ช่วยให้ระบุพิกัดปลายทางได้แม่นยำ ผู้วิเศษที่มีลำดับต่างกันจะ ‘ท่องเที่ยว’ ได้ในระยะทางต่างกัน เพราะร่างกายสามารถทนต่อโลกวิญญาณได้ไม่เท่ากัน
หากเป็นลำดับ 9 หรือ 8 ขอบเขตการเดินทางคงไม่เกินเบ็คลันด์… ในลำดับปัจจุบันของเรา ยังไม่แน่ใจว่าจะเดินทางไปยังเกาะโบราณที่มิสเตอร์แฮงแมนระบุพิกัดมาให้ได้ไหม แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็แค่แบ่งเป็นสองเที่ยว สามเที่ยว… ไคลน์ครุ่นคิดพลางยิ้ม
ชายหนุ่มเพิ่งค้นพบว่า ‘นักท่องเที่ยว’ จะทรงพลังมากในการดวลตัวต่อตัว เพราะอรรถประโยชน์ของ ‘พลังท่องเที่ยว’ ในระยะสั้นนั้นเทียบได้กับ ‘กระโจนไฟ’ สามารถหายตัววิบวับรอบเป้าหมายได้ตลอดเวลา ไม่จำกัดระยะทาง เป็นเรื่องยากมากที่จะโจมตีให้โดน
นอกจากนั้น ผนวกกับพลังอันหลากหลายของ ‘นักบันทึก’ หากพบความผิดปรกติแม้เพียงเล็กน้อย นักท่องเที่ยวสามารถทิ้งระยะห่างจากศัตรูได้ในพริบตา ไคลน์เชื่อว่า แม้จะใช้ ‘พายุสายฟ้า’ และ ‘ทอร์นาโด’ ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะกำจัด ‘นักท่องเที่ยว’ ในคราวเดียว
เป็นอย่างที่คิด ‘นักเชิดหุ่น’ ควรชักใยอยู่หลังฉาก… ไคลน์ถอนหายใจ ก้มมองศพของมิสเตอร์ X อีกครั้ง
ยุบพองหิวโหยยังได้รับพลังอีกหนึ่งชนิด นั่นคือ ‘เปิดประตู’ ของ ‘ผู้ฝึกหัด’ ลักษณะคล้ายกับพลัง ‘ท่องเที่ยว’ แต่ลดระดับลงมาก แทบไม่มีประโยชน์สำหรับไคลน์
ชำเลืองสายตาเล็กน้อย กระจกตาของไคลน์พลันสะท้อนกับแหวนทับทิมที่มิสเตอร์ X สวมอยู่
………………………………………….