Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 779 : นัดเดียว

ราชันเร้นลับ 779 : นัดเดียว

กระดาษทั้งสามประเภทใน ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จะมอบสัมผัสปลายนิ้วที่แตกต่างกัน หน้าที่บันทึกได้เฉพาะลำดับ 7 8 และ 9 จะเป็นกระดาษสีขาวที่มีพื้นเรียบ แผ่นบาง หน้าที่บันทึกได้เฉพาะลำดับ 6 และ 5 จะมีสีน้ำตาลอมเหลือง ดูคล้ายหนังสัตว์ มีความยืดหยุ่นสูง ส่วนหน้าที่สามารถบันทึกพลังระดับเทพจะมีสีเหลืองไหม้ ค่อนข้างหนา พื้นผิวมีลวดลาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง เพียงสัมผัสผ่านๆ ก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามสถานการณ์

นิ้วของไคลน์เลื่อนไปยังกระดาษแผ่นหนาและมีลวดลายทั้งสามหน้า หยิบหน้ากลางอย่างเบามือ

แม้ว่ากระเป๋าลับจะไม่ใหญ่มาก ไม่สามารถกางหนังสือออกได้สุด แต่เนื่องจากเสื้อคลุมตัวนี้เป็นสิ่งที่ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สออกแบบขึ้นมาใช้เอง ทำให้ยังพอจะกางสมุดบันทึกเลมาโน่ได้ในมุมเก้าสิบองศา

ไคลน์สอดฝ่ามือเข้าไประหว่างหน้า ป้องกันมิให้สมุดเวทมนตร์ปิดสนิท ขณะเดียวกันก็เลื่อนนิ้วไปบนพื้นผิวของหน้าที่ต้องการ สัมผัสความขรุขระเล็กน้อยของลวดลาย จนเกิดเป็นภาพสัญลักษณ์แบบเดียวกันขึ้นในใจ

ชายหนุ่มเริ่มถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในหน้ากระดาษ

กระดาษสีเหลืองไหม้หน้านี้บันทึกความสามารถของครึ่งเทพเส้นทาง ‘วายุสลาตัน’

ทอร์นาโด!

ไคลน์หวังสร้างความวุ่นวาย ก่อกวนสายตาของนักบุญแห่งชุมนุมแสงเหนือที่อาจซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ฉวยโอกาสดังกล่าวสังหารมิสเตอร์ X และหลบหนีโดยอาศัยแรงลม

นอกจากจุดประสงค์ข้างต้น ความโกลาหลยังสามารถปกปิดร่องรอยอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้เข้าร่วมชุมนุมกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางอย่างแตกตื่น ประกอบกับการที่ทุกคนปกปิดตัวตน คงเป็นการยากที่จะจับมือใครดม ชุมนุมแสงเหนือก็จะไม่พุ่งเป้ามายังซิล

เมื่อตัดสินใจได้ ดวงตาไคลน์มองตรงไปยังตำแหน่งหนึ่ง มือซ้ายบรรจงดึง ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ออกมาถือ

ขณะเดียวกัน มิสเตอร์ X ขยับสองสามก้าวมายืนข้างๆ ชายหนุ่ม เดินไปในทิศทางเดียวกัน ประหนึ่งเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี

วินาทีถัดจากนั้น เสียงระเบิดพลันอึกทึกครึกโครม พายุทอร์นาโดที่น่าพรั่นพรึงซึ่งมองเห็นด้วยตาเปล่า กำลังหมุนวนไปรอบๆ อย่างเกรี้ยวกราด ใจกลางพายุคือจุดที่ไคลน์กำหนดด้วยพลังวิญญาณ

ไม่ว่าจะโต๊ะอ่านหนังสือ โต๊ะกาแฟ เก้าอี้ และโซฟา ทุกสิ่งภายในห้องพลันลอยขึ้นฟ้า พายุทอร์นาโดอันทรงพลังหมุนวนด้วยความเร็วสูงจนกำแพงบ้านแหลกละเอียด หลังคาลอยขึ้น บางส่วนร่วงหล่นลงไปยังตรอกข้างๆ ส่วนผู้เข้าร่วมชุมนุม บางคนยืนอยู่บนแนวพายุพอดิบพอดี ร่างกายถูกพัดลอยไปไกล บางคนถูกแรงลมปะทะเฉียดๆ เสียหลักล้มลงด้านหน้า วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง

หากไม่ใช่เพราะไคลน์จงใจควบคุมทิศทางและความแรงของทอร์นาโด จะไม่ใช่แค่บ้านโทรมๆ ของมิสเตอร์ X ที่ถูกทำลาย แต่ยังรวมถึงตึกรามบ้านช่องโดยรอบทั้งหมด และผู้เข้าร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ก็จะได้รับอิทธิพลของพายุโดยตรง เป็นตายร้ายดีอย่างไร คงยากจะคาดเดา

ท่ามกลางเสียงลมหอนดังหวีดแหลม พายุทอร์นาโดลอยสูงขึ้นฟ้าจนดูเหมือนขุนเขาขนาดมหึมา เริ่มเดินหน้าพัดผ่านเข้าไปในตรอก จนกระทั่งถึงถนนใหญ่อีกฟากหนึ่ง ทุกเส้นทางผ่านไป ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือแม้แต่เศษซาก

ร่างไคลน์ปลิวไปในอากาศ แต่ก็ไม่ห่างจากมิสเตอร์ X ที่ถูกวิญญาณอาฆาตเข้าสิงมากนัก ทั้งสองกำลังลอยไปทางถนนอีกเส้น

ระหว่างนั้น เนื่องจากไคลน์และมิสเตอร์ X ยืนใกล้กันในตอนแรก ประกอบกับวิญญาณอาฆาตสามารถ ‘ลอย’ ตัวในอากาศได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ระยะห่างระหว่างไคลน์และมิสเตอร์ X ยังอยู่ภายในห้าเมตรตลอดเวลา พลังการตรึงด้ายวิญญาณยังมีผล

ขณะลอยกลางอากาศ ไคลน์ที่หูทั้งสองข้างได้ยินเพียงเสียงลมหวีด เลื่อนมือขวามายังหน้าอกและกระชากออก ฉีกเสื้อคลุมทิ้ง สอดมือเข้าไปหยิบลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ ใต้รักแร้

แม้ว่าสภาพปัจจุบันของมิสเตอร์ X จะร่อแร่เต็มที เพียงกระสุนอัดอากาศก็มากพอจะดับลมหายใจ แต่ไคลน์ตัดสินใจไม่ประมาท กังวลเกี่ยวกับผลของสมบัติวิเศษที่ฝ่ายตรงข้ามครอบครอง เหมือนกับในกรณี ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล

ในทุกการล่า ห้ามประมาทเหยื่อโดยเด็ดขาด!

ขณะชักมือออกด้วยจิตสังหารท่วมท้น พลังควบคุมด้ายวิญญาณของไคลน์อ่อนแอลงหลายระดับ หากไม่ใช่เพราะมิสเตอร์ X ใกล้จะถูกทำเป็นหุ่นเชิด มันคงฟื้นคืนสติกลับมาได้หลายส่วน

แต่ด้วยสภาพปัจจุบัน มิสเตอร์ X ดึงสติกลับมาได้อย่างเลือนราง เริ่มขัดขืนอีกครั้งอย่างอ่อนแรง

มันพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นานนัก เพราะปัจจุบันยังคงถูก ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลสิ่งร่างอยู่ เพียงไม่นาน อวัยวะทุกส่วนก็กลับไปแข็งทื่อตามเดิม

วินาทีถัดมา รูปลักษณ์ของศัตรูค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้ามิสเตอร์ X เป็นใบหน้าที่ค่อนข้างเรียวและชัดลึก

จากที่มิสเตอร์ X เห็น อีกฝ่ายกำลังง้างนกลูกโม่อย่างเยือกเย็น บรรจงเล็งปากกระบอกปืนสีเข้มมาทางตน

ปัง!

ไคลน์เหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล เสียงคำรามของลูกโม่ถูกกลืนหายไปกับสายลม

เพียงพริบตา ศีรษะของมิสเตอร์ X เอนไปด้านหลัง คล้ายกับถูกมือล่องหนชกใส่ใบหน้า

ศีรษะของมัน หน้ากากทองเหลืองของมัน ทุกสิ่งแหลกละเอียด ของเหลวสีแดงและขาวสาดกระเซ็นทุกทิศทาง

เป็นการยิงด้วย ‘โจมตีหนักหน่วง’ !

ลางมรณะได้นำพาความตายมาให้มันสมชื่อ!

ตุ้บ!

หลังจากยิงเสร็จ แผ่นหลังไคลน์กระแทกพื้น กลิ้งไปบนถนนสองสามตลบ

ตุ้บ! มิสเตอร์ X ตกลงข้างๆ ชายหนุ่ม โลหิตและเศษเนื้อที่กระจัดกระจายในอากาศ ค่อยๆ ไหลย้อนกลับอย่างน่าตกตะลึง ชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาประกอบกันอีกครั้งบนศีรษะ!

นี่คือพลังของ ‘วิญญาณอาฆาต’

ขณะเดียวกัน พายุทอร์นาโดที่สูญเสียแก่นสารเริ่มสลายตัว และเนื่องจากเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครึ่งเทพที่อยู่ไกลออกไปต้องสัมผัสถึงความผิดปรกติ

ภายในมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์ อาร์ชบิชอปแห่งเบ็คลันด์คนใหม่ ‘เจ้าพิธีกรรมสีคราม’ เรดาลล์·วาเลนไทน์ รีบบินออกจากห้องทำงาน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

ไคลน์ที่กำลังกลิ้งไปบนพื้น สังเกตเห็นลมพายุเริ่มเบาบาง ในท่ามือข้างหนึ่งถือลูกโม่ลางมรณะ อีกข้างถือ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ชายหนุ่มพลิกหนังสือเวทมนตร์ไปยังหน้ากระดาษสีน้ำตาลอ่อน

หลังจากได้รับหนังสือเล่มนี้ ไคลน์พบว่ามีบางทักษะถูกบันทึกไว้ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นคือ ‘ประตูนักท่องเที่ยว’

มันเคยคิดว่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ การมีพลังชนิดนี้ถูกบันทึกไว้คือ ‘สิ่งที่ควรเกิดขึ้น’ เพราะสมุดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ถูกครอบครองโดยตระกูลอับราฮัม พวกเขาเชี่ยวชาญเส้นทางผู้ฝึกหัด แถมยังมีสมบัติวิเศษที่เกี่ยวข้องอีกหลายชิ้น การบันทึก ‘ประตูนักท่องเที่ยว’ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะท้ายที่สุด นี่คือหนึ่งในพลังที่ดีที่สุด

ณ ตอนนี้ ขอเพียงประตูนักเดินทางก่อตัวเป็นรูปร่างสมบูรณ์ ไคลน์สามารถนำศพของมิสเตอร์ X ที่วิญญาณอาฆาตกำลังสิงร่าง หลบหนีไปพร้อมกันอย่างปลอดภัย

การที่ไม่ใช่พลังนี้ตั้งแต่อยู่ในบ้าน เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกนักบุญของชุมนุมแสงเหนือขัดขวาง นอกจากนั้น มิสเตอร์ X เองก็เป็น ‘นักท่องเที่ยว’ มีโอกาสค่อนข้างมากที่มันจะคืนสติและหลบหนีขณะอยู่ในโลกวิญญาณ ดังนั้น หากเหยื่อยังไม่ตายสนิท ไคลน์ไม่กล้าเปิดประตูนักท่องเที่ยว

เพียงพริบตา ทัศนวิสัยชายหนุ่มพลันมืดมัว ถนนโดยรอบเต็มไปด้วยของเหลวมายาลึกลับสีเข้ม กำลังควบแน่นด้วยความเร็วสูง ก่อตัวเป็นกรงนกขนาดมหึมาที่แข็งแรง

ท่ามกลางความมืดมิด คล้ายกับเงาดำทั้งหมดเริ่มมีชีวิตชีวา รุมจ้องมาทางไคลน์ด้วยสายตาเย็นชา

พลังของครึ่งเทพ! มีนักบุญของชุมนุมแสงเหนืออยู่ไม่ไกลจากที่นี่! หนีด้วยประตูนักท่องเที่ยวไม่ได้แล้ว… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นระรัว รีบพลิกหน้าบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ไปยังแผ่นกระดาษสีเหลืองไหม้

เปรี้ยะ!

อสรพิษสีเงินอมขาวจำนวนมากโผล่ขึ้นจากอากาศว่างเปล่า แต่ละเส้นพัวพันพร้อมกับกระหน่ำสร้างความพินาศท่ามกลางความมืดมิด ช่วยมอบแสงสว่างไปทั่วบริเวณ

พายุสายฟ้า!

ความมืดที่กำลังก่อตัวพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ไคลน์ฉวยโอกาสดังกล่าว นำมือขวาที่ถือลางมรณะล้วงเข้าไปหยิบหินสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยไหม้

“ประตู!”

มันเปล่งภาษาเฮอร์มิทโบราณอย่างเยือกเย็นจนผิดวิสัย

ประกายแสงสีฟ้าอ่อนสว่างวาบ ร่างของไคลน์เริ่มพร่ามัว รวมถึงร่างของมิสเตอร์ X ที่ไคลน์กำลังใช้มือจับไหล่ คนทั้งสองเกิดการเปลี่ยนแปลงในทำนองเดียวกัน

จนกระทั่งร่างของทั้งไคลน์และมิสเตอร์ X โปร่งใสและล่องหน เลือนหายไปจากจุดเดิมที่เคยยืน ไปโผล่ในโลกวิญญาณที่มีริ้วแสงสีสันฉูดฉาดซ้อนทับ เป็นการหลบหนีอย่างชาญฉลาดและสมบูรณ์แบบ

ในตรอกที่เต็มไปด้วยเศษไม้ ก้อนกรวด เศษผ้า และของใช้จิปาถะกระจัดกระจาย ในบ้านชุมนุมลับที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นราบ คนผู้หนึ่งแผดเสียงฉุนเฉียว

“บัดซบ!”

ในเวลาเดียวกัน ผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นๆ รีบหนีออกจากถนน บนท้องฟ้ามีเสียงกำแพงอากาศถูกทำลายดังมาจากระยะไกล

ซิลและฟอร์สที่กำลังตามหาภูตผีในเขตตะวันออก พลันตกใจกับท้องฟ้าที่สว่างวาบกะทันหัน ต่างคนต่างมองไปในจุดเดียวกัน พบผืนป่าสายฟ้าสีเงินกำลังเบ่งบานประหนึ่งบุปผา

ภาพของห้วงมิติบิดเบี้ยวและกลิ่นอายอันน่าสะพรึง ถึงคนทั้งสองจะอยู่ไกลมาก แต่ก็ยังไม่กล้าจ้องเข้าไปตรงๆ

“เกิดอะไรขึ้นแถวนั้น?” ซิลพึมพำ หันไปมองฟอร์สด้วยสายตาว่างเปล่า

ฟอร์สพอจะคาดเดาได้เลือนราง แต่ก็ยากจะทำใจเชื่อลง เธอไม่เคยคิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะแข็งแกร่งในระดับหลุดโลกถึงเพียงนี้!

ภายในตรอกมืด ไคลน์โผล่ออกจากอากาศว่างเปล่าพร้อมกับศพมิสเตอร์ X ฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้นอย่างนุ่มนวล

ชายหนุ่มมิได้ตื่นตระหนก นำปืนพกลางมรณะเก็บกลับเข้าไปในเสื้อ จากนั้นก็ใช้มือขวาหยิบหนังสืออีกหนึ่งเล่มออกมา

การเดินทางของกรอซาย!

ป้าบ! ไคลน์นำหนังสือที่เขียนโดย ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวล กระแทกใส่ใบหน้ามิสเตอร์ X ที่ชุ่มเลือด

ผ่านไปสักพัก ศพของมิสเตอร์ X หายไป เหลือไว้เพียง ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลที่สวมหมวกสามมุมใบเก่าและแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม

วินาทีถัดมา ไคลน์เก็บ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เข้าไปในเสื้อ พลิกเปิด ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ไปยังหน้าที่เป็นกระดาษสีเหลืองไหม้

เพียงพริบตา แสงอันเจิดจ้าพลันพรั่งพรูออกจากหนังสือ เทวทูตมายาที่มีปีกสิบสองคู่ปรากฏกายกลางอากาศ ร่อนลงบนร่างไคลน์

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงภายในเวลาอันสั้น ความมืดกลับมาปกคลุมตรอกอีกครั้ง มีเพียงแสงจันทร์สลัวที่ยังคงมอบความสว่างอย่างเงียบงัน

ไคลน์หยิบขวดโลหะอีกใบออกมา เทเลือดที่เก็บไว้ภายใน ป้ายลงบนปก ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ อย่างทั่วถึง

จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มเก็บอุปกรณ์ให้เข้าที่ ฉีกเสื้อคลุมออกและโยนไว้ด้านข้างอย่างลวกๆ

เปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชน แผดเผาเศษผ้าที่ขาดวิ่นจนไม่เหลือซาก

พร้อมกันนั้น ส่วนสูงของไคลน์เพิ่มขึ้นอีกกว่าสิบเซนติเมตร ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชายชาวโลเอ็นทั่วไป

ในวินาทีถัดมา ชายหนุ่มจำแนกทิศด้วยดาวบนท้องฟ้า หยิบกิ่งไม้ที่หล่นบนพื้นถนนขึ้นมาใช้แทนแท่งวิญญาณ นำทางตัวเองผ่านถนนที่มืดมิดและสกปรก กลับไปยังโรงแรมราคาถูก

มาถึงจุดนี้ ไคลน์ยังไม่ทราบว่าตนมีจุดอ่อนใดเพิ่มเติม

ภายในห้องเดี่ยวของโรงแรมราคาถูก ไคลน์เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม แปลงโฉมกลับไปเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์

เมื่อมองเข้าไปในกระจกเงาและเห็นนักผจญภัยเสียสติเจ้าของสีหน้าเย็นชา ชายหนุ่มเงียบงันสองสามวินาที หยิบหมวกทรงกึ่งสูงขึ้นมาสวม

ณ ท้องฟ้าเหนือบ้านที่ราบเป็นหน้ากลอง พระคาร์ดินัลแห่งศาสนจักรวายุสลาตันที่พลาดการจับหนู อาร์ชบิชอปแห่งมุขมณฑลเบ็คลันด์ ‘เจ้าพิธีกรรม’ เรดาลล์·วาเลนไทน์ เอาแต่ก้มหน้ามองโดยไม่กล่าวคำใดเป็นเวลานาน

บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน พ่อบ้านวอลเตอร์มองไปยังผู้มาเยือนด้านนอกด้วยสีหน้าประหลาดใจ ซักถามด้วยความเคารพ

“ท่านบิชอป เหตุใดถึงมาเยี่ยมเยียนอย่างกะทันหันนัก? มีอะไรเร่งด่วนหรือ?”

บิชอปอีเล็คตร้าหัวเราะในลำคอ

“ผมได้ยินว่าดอนไม่สบาย จึงแวะมาเยี่ยม บางที หากได้รับพรจากเทพธิดา เขาอาจหายป่วยเร็วขึ้น”

……………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset