กระดาษทั้งสามประเภทใน ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จะมอบสัมผัสปลายนิ้วที่แตกต่างกัน หน้าที่บันทึกได้เฉพาะลำดับ 7 8 และ 9 จะเป็นกระดาษสีขาวที่มีพื้นเรียบ แผ่นบาง หน้าที่บันทึกได้เฉพาะลำดับ 6 และ 5 จะมีสีน้ำตาลอมเหลือง ดูคล้ายหนังสัตว์ มีความยืดหยุ่นสูง ส่วนหน้าที่สามารถบันทึกพลังระดับเทพจะมีสีเหลืองไหม้ ค่อนข้างหนา พื้นผิวมีลวดลาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง เพียงสัมผัสผ่านๆ ก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามสถานการณ์
นิ้วของไคลน์เลื่อนไปยังกระดาษแผ่นหนาและมีลวดลายทั้งสามหน้า หยิบหน้ากลางอย่างเบามือ
แม้ว่ากระเป๋าลับจะไม่ใหญ่มาก ไม่สามารถกางหนังสือออกได้สุด แต่เนื่องจากเสื้อคลุมตัวนี้เป็นสิ่งที่ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สออกแบบขึ้นมาใช้เอง ทำให้ยังพอจะกางสมุดบันทึกเลมาโน่ได้ในมุมเก้าสิบองศา
ไคลน์สอดฝ่ามือเข้าไประหว่างหน้า ป้องกันมิให้สมุดเวทมนตร์ปิดสนิท ขณะเดียวกันก็เลื่อนนิ้วไปบนพื้นผิวของหน้าที่ต้องการ สัมผัสความขรุขระเล็กน้อยของลวดลาย จนเกิดเป็นภาพสัญลักษณ์แบบเดียวกันขึ้นในใจ
ชายหนุ่มเริ่มถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในหน้ากระดาษ
กระดาษสีเหลืองไหม้หน้านี้บันทึกความสามารถของครึ่งเทพเส้นทาง ‘วายุสลาตัน’
ทอร์นาโด!
ไคลน์หวังสร้างความวุ่นวาย ก่อกวนสายตาของนักบุญแห่งชุมนุมแสงเหนือที่อาจซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ฉวยโอกาสดังกล่าวสังหารมิสเตอร์ X และหลบหนีโดยอาศัยแรงลม
นอกจากจุดประสงค์ข้างต้น ความโกลาหลยังสามารถปกปิดร่องรอยอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้เข้าร่วมชุมนุมกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางอย่างแตกตื่น ประกอบกับการที่ทุกคนปกปิดตัวตน คงเป็นการยากที่จะจับมือใครดม ชุมนุมแสงเหนือก็จะไม่พุ่งเป้ามายังซิล
เมื่อตัดสินใจได้ ดวงตาไคลน์มองตรงไปยังตำแหน่งหนึ่ง มือซ้ายบรรจงดึง ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ออกมาถือ
ขณะเดียวกัน มิสเตอร์ X ขยับสองสามก้าวมายืนข้างๆ ชายหนุ่ม เดินไปในทิศทางเดียวกัน ประหนึ่งเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี
วินาทีถัดจากนั้น เสียงระเบิดพลันอึกทึกครึกโครม พายุทอร์นาโดที่น่าพรั่นพรึงซึ่งมองเห็นด้วยตาเปล่า กำลังหมุนวนไปรอบๆ อย่างเกรี้ยวกราด ใจกลางพายุคือจุดที่ไคลน์กำหนดด้วยพลังวิญญาณ
ไม่ว่าจะโต๊ะอ่านหนังสือ โต๊ะกาแฟ เก้าอี้ และโซฟา ทุกสิ่งภายในห้องพลันลอยขึ้นฟ้า พายุทอร์นาโดอันทรงพลังหมุนวนด้วยความเร็วสูงจนกำแพงบ้านแหลกละเอียด หลังคาลอยขึ้น บางส่วนร่วงหล่นลงไปยังตรอกข้างๆ ส่วนผู้เข้าร่วมชุมนุม บางคนยืนอยู่บนแนวพายุพอดิบพอดี ร่างกายถูกพัดลอยไปไกล บางคนถูกแรงลมปะทะเฉียดๆ เสียหลักล้มลงด้านหน้า วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง
หากไม่ใช่เพราะไคลน์จงใจควบคุมทิศทางและความแรงของทอร์นาโด จะไม่ใช่แค่บ้านโทรมๆ ของมิสเตอร์ X ที่ถูกทำลาย แต่ยังรวมถึงตึกรามบ้านช่องโดยรอบทั้งหมด และผู้เข้าร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ก็จะได้รับอิทธิพลของพายุโดยตรง เป็นตายร้ายดีอย่างไร คงยากจะคาดเดา
ท่ามกลางเสียงลมหอนดังหวีดแหลม พายุทอร์นาโดลอยสูงขึ้นฟ้าจนดูเหมือนขุนเขาขนาดมหึมา เริ่มเดินหน้าพัดผ่านเข้าไปในตรอก จนกระทั่งถึงถนนใหญ่อีกฟากหนึ่ง ทุกเส้นทางผ่านไป ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือแม้แต่เศษซาก
ร่างไคลน์ปลิวไปในอากาศ แต่ก็ไม่ห่างจากมิสเตอร์ X ที่ถูกวิญญาณอาฆาตเข้าสิงมากนัก ทั้งสองกำลังลอยไปทางถนนอีกเส้น
ระหว่างนั้น เนื่องจากไคลน์และมิสเตอร์ X ยืนใกล้กันในตอนแรก ประกอบกับวิญญาณอาฆาตสามารถ ‘ลอย’ ตัวในอากาศได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ระยะห่างระหว่างไคลน์และมิสเตอร์ X ยังอยู่ภายในห้าเมตรตลอดเวลา พลังการตรึงด้ายวิญญาณยังมีผล
ขณะลอยกลางอากาศ ไคลน์ที่หูทั้งสองข้างได้ยินเพียงเสียงลมหวีด เลื่อนมือขวามายังหน้าอกและกระชากออก ฉีกเสื้อคลุมทิ้ง สอดมือเข้าไปหยิบลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ ใต้รักแร้
แม้ว่าสภาพปัจจุบันของมิสเตอร์ X จะร่อแร่เต็มที เพียงกระสุนอัดอากาศก็มากพอจะดับลมหายใจ แต่ไคลน์ตัดสินใจไม่ประมาท กังวลเกี่ยวกับผลของสมบัติวิเศษที่ฝ่ายตรงข้ามครอบครอง เหมือนกับในกรณี ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล
ในทุกการล่า ห้ามประมาทเหยื่อโดยเด็ดขาด!
ขณะชักมือออกด้วยจิตสังหารท่วมท้น พลังควบคุมด้ายวิญญาณของไคลน์อ่อนแอลงหลายระดับ หากไม่ใช่เพราะมิสเตอร์ X ใกล้จะถูกทำเป็นหุ่นเชิด มันคงฟื้นคืนสติกลับมาได้หลายส่วน
แต่ด้วยสภาพปัจจุบัน มิสเตอร์ X ดึงสติกลับมาได้อย่างเลือนราง เริ่มขัดขืนอีกครั้งอย่างอ่อนแรง
มันพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นานนัก เพราะปัจจุบันยังคงถูก ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลสิ่งร่างอยู่ เพียงไม่นาน อวัยวะทุกส่วนก็กลับไปแข็งทื่อตามเดิม
วินาทีถัดมา รูปลักษณ์ของศัตรูค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้ามิสเตอร์ X เป็นใบหน้าที่ค่อนข้างเรียวและชัดลึก
จากที่มิสเตอร์ X เห็น อีกฝ่ายกำลังง้างนกลูกโม่อย่างเยือกเย็น บรรจงเล็งปากกระบอกปืนสีเข้มมาทางตน
ปัง!
ไคลน์เหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล เสียงคำรามของลูกโม่ถูกกลืนหายไปกับสายลม
เพียงพริบตา ศีรษะของมิสเตอร์ X เอนไปด้านหลัง คล้ายกับถูกมือล่องหนชกใส่ใบหน้า
ศีรษะของมัน หน้ากากทองเหลืองของมัน ทุกสิ่งแหลกละเอียด ของเหลวสีแดงและขาวสาดกระเซ็นทุกทิศทาง
เป็นการยิงด้วย ‘โจมตีหนักหน่วง’ !
ลางมรณะได้นำพาความตายมาให้มันสมชื่อ!
ตุ้บ!
หลังจากยิงเสร็จ แผ่นหลังไคลน์กระแทกพื้น กลิ้งไปบนถนนสองสามตลบ
ตุ้บ! มิสเตอร์ X ตกลงข้างๆ ชายหนุ่ม โลหิตและเศษเนื้อที่กระจัดกระจายในอากาศ ค่อยๆ ไหลย้อนกลับอย่างน่าตกตะลึง ชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาประกอบกันอีกครั้งบนศีรษะ!
นี่คือพลังของ ‘วิญญาณอาฆาต’
ขณะเดียวกัน พายุทอร์นาโดที่สูญเสียแก่นสารเริ่มสลายตัว และเนื่องจากเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครึ่งเทพที่อยู่ไกลออกไปต้องสัมผัสถึงความผิดปรกติ
ภายในมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์ อาร์ชบิชอปแห่งเบ็คลันด์คนใหม่ ‘เจ้าพิธีกรรมสีคราม’ เรดาลล์·วาเลนไทน์ รีบบินออกจากห้องทำงาน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไคลน์ที่กำลังกลิ้งไปบนพื้น สังเกตเห็นลมพายุเริ่มเบาบาง ในท่ามือข้างหนึ่งถือลูกโม่ลางมรณะ อีกข้างถือ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ชายหนุ่มพลิกหนังสือเวทมนตร์ไปยังหน้ากระดาษสีน้ำตาลอ่อน
หลังจากได้รับหนังสือเล่มนี้ ไคลน์พบว่ามีบางทักษะถูกบันทึกไว้ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นคือ ‘ประตูนักท่องเที่ยว’
มันเคยคิดว่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ การมีพลังชนิดนี้ถูกบันทึกไว้คือ ‘สิ่งที่ควรเกิดขึ้น’ เพราะสมุดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ถูกครอบครองโดยตระกูลอับราฮัม พวกเขาเชี่ยวชาญเส้นทางผู้ฝึกหัด แถมยังมีสมบัติวิเศษที่เกี่ยวข้องอีกหลายชิ้น การบันทึก ‘ประตูนักท่องเที่ยว’ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะท้ายที่สุด นี่คือหนึ่งในพลังที่ดีที่สุด
ณ ตอนนี้ ขอเพียงประตูนักเดินทางก่อตัวเป็นรูปร่างสมบูรณ์ ไคลน์สามารถนำศพของมิสเตอร์ X ที่วิญญาณอาฆาตกำลังสิงร่าง หลบหนีไปพร้อมกันอย่างปลอดภัย
การที่ไม่ใช่พลังนี้ตั้งแต่อยู่ในบ้าน เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกนักบุญของชุมนุมแสงเหนือขัดขวาง นอกจากนั้น มิสเตอร์ X เองก็เป็น ‘นักท่องเที่ยว’ มีโอกาสค่อนข้างมากที่มันจะคืนสติและหลบหนีขณะอยู่ในโลกวิญญาณ ดังนั้น หากเหยื่อยังไม่ตายสนิท ไคลน์ไม่กล้าเปิดประตูนักท่องเที่ยว
เพียงพริบตา ทัศนวิสัยชายหนุ่มพลันมืดมัว ถนนโดยรอบเต็มไปด้วยของเหลวมายาลึกลับสีเข้ม กำลังควบแน่นด้วยความเร็วสูง ก่อตัวเป็นกรงนกขนาดมหึมาที่แข็งแรง
ท่ามกลางความมืดมิด คล้ายกับเงาดำทั้งหมดเริ่มมีชีวิตชีวา รุมจ้องมาทางไคลน์ด้วยสายตาเย็นชา
พลังของครึ่งเทพ! มีนักบุญของชุมนุมแสงเหนืออยู่ไม่ไกลจากที่นี่! หนีด้วยประตูนักท่องเที่ยวไม่ได้แล้ว… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นระรัว รีบพลิกหน้าบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ไปยังแผ่นกระดาษสีเหลืองไหม้
เปรี้ยะ!
อสรพิษสีเงินอมขาวจำนวนมากโผล่ขึ้นจากอากาศว่างเปล่า แต่ละเส้นพัวพันพร้อมกับกระหน่ำสร้างความพินาศท่ามกลางความมืดมิด ช่วยมอบแสงสว่างไปทั่วบริเวณ
พายุสายฟ้า!
ความมืดที่กำลังก่อตัวพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ไคลน์ฉวยโอกาสดังกล่าว นำมือขวาที่ถือลางมรณะล้วงเข้าไปหยิบหินสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยไหม้
“ประตู!”
มันเปล่งภาษาเฮอร์มิทโบราณอย่างเยือกเย็นจนผิดวิสัย
ประกายแสงสีฟ้าอ่อนสว่างวาบ ร่างของไคลน์เริ่มพร่ามัว รวมถึงร่างของมิสเตอร์ X ที่ไคลน์กำลังใช้มือจับไหล่ คนทั้งสองเกิดการเปลี่ยนแปลงในทำนองเดียวกัน
จนกระทั่งร่างของทั้งไคลน์และมิสเตอร์ X โปร่งใสและล่องหน เลือนหายไปจากจุดเดิมที่เคยยืน ไปโผล่ในโลกวิญญาณที่มีริ้วแสงสีสันฉูดฉาดซ้อนทับ เป็นการหลบหนีอย่างชาญฉลาดและสมบูรณ์แบบ
ในตรอกที่เต็มไปด้วยเศษไม้ ก้อนกรวด เศษผ้า และของใช้จิปาถะกระจัดกระจาย ในบ้านชุมนุมลับที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นราบ คนผู้หนึ่งแผดเสียงฉุนเฉียว
“บัดซบ!”
ในเวลาเดียวกัน ผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นๆ รีบหนีออกจากถนน บนท้องฟ้ามีเสียงกำแพงอากาศถูกทำลายดังมาจากระยะไกล
…
ซิลและฟอร์สที่กำลังตามหาภูตผีในเขตตะวันออก พลันตกใจกับท้องฟ้าที่สว่างวาบกะทันหัน ต่างคนต่างมองไปในจุดเดียวกัน พบผืนป่าสายฟ้าสีเงินกำลังเบ่งบานประหนึ่งบุปผา
ภาพของห้วงมิติบิดเบี้ยวและกลิ่นอายอันน่าสะพรึง ถึงคนทั้งสองจะอยู่ไกลมาก แต่ก็ยังไม่กล้าจ้องเข้าไปตรงๆ
“เกิดอะไรขึ้นแถวนั้น?” ซิลพึมพำ หันไปมองฟอร์สด้วยสายตาว่างเปล่า
ฟอร์สพอจะคาดเดาได้เลือนราง แต่ก็ยากจะทำใจเชื่อลง เธอไม่เคยคิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะแข็งแกร่งในระดับหลุดโลกถึงเพียงนี้!
…
ภายในตรอกมืด ไคลน์โผล่ออกจากอากาศว่างเปล่าพร้อมกับศพมิสเตอร์ X ฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้นอย่างนุ่มนวล
ชายหนุ่มมิได้ตื่นตระหนก นำปืนพกลางมรณะเก็บกลับเข้าไปในเสื้อ จากนั้นก็ใช้มือขวาหยิบหนังสืออีกหนึ่งเล่มออกมา
การเดินทางของกรอซาย!
ป้าบ! ไคลน์นำหนังสือที่เขียนโดย ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวล กระแทกใส่ใบหน้ามิสเตอร์ X ที่ชุ่มเลือด
ผ่านไปสักพัก ศพของมิสเตอร์ X หายไป เหลือไว้เพียง ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลที่สวมหมวกสามมุมใบเก่าและแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม
วินาทีถัดมา ไคลน์เก็บ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เข้าไปในเสื้อ พลิกเปิด ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ไปยังหน้าที่เป็นกระดาษสีเหลืองไหม้
เพียงพริบตา แสงอันเจิดจ้าพลันพรั่งพรูออกจากหนังสือ เทวทูตมายาที่มีปีกสิบสองคู่ปรากฏกายกลางอากาศ ร่อนลงบนร่างไคลน์
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงภายในเวลาอันสั้น ความมืดกลับมาปกคลุมตรอกอีกครั้ง มีเพียงแสงจันทร์สลัวที่ยังคงมอบความสว่างอย่างเงียบงัน
ไคลน์หยิบขวดโลหะอีกใบออกมา เทเลือดที่เก็บไว้ภายใน ป้ายลงบนปก ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ อย่างทั่วถึง
จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มเก็บอุปกรณ์ให้เข้าที่ ฉีกเสื้อคลุมออกและโยนไว้ด้านข้างอย่างลวกๆ
เปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชน แผดเผาเศษผ้าที่ขาดวิ่นจนไม่เหลือซาก
พร้อมกันนั้น ส่วนสูงของไคลน์เพิ่มขึ้นอีกกว่าสิบเซนติเมตร ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชายชาวโลเอ็นทั่วไป
ในวินาทีถัดมา ชายหนุ่มจำแนกทิศด้วยดาวบนท้องฟ้า หยิบกิ่งไม้ที่หล่นบนพื้นถนนขึ้นมาใช้แทนแท่งวิญญาณ นำทางตัวเองผ่านถนนที่มืดมิดและสกปรก กลับไปยังโรงแรมราคาถูก
มาถึงจุดนี้ ไคลน์ยังไม่ทราบว่าตนมีจุดอ่อนใดเพิ่มเติม
ภายในห้องเดี่ยวของโรงแรมราคาถูก ไคลน์เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม แปลงโฉมกลับไปเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เมื่อมองเข้าไปในกระจกเงาและเห็นนักผจญภัยเสียสติเจ้าของสีหน้าเย็นชา ชายหนุ่มเงียบงันสองสามวินาที หยิบหมวกทรงกึ่งสูงขึ้นมาสวม
…
ณ ท้องฟ้าเหนือบ้านที่ราบเป็นหน้ากลอง พระคาร์ดินัลแห่งศาสนจักรวายุสลาตันที่พลาดการจับหนู อาร์ชบิชอปแห่งมุขมณฑลเบ็คลันด์ ‘เจ้าพิธีกรรม’ เรดาลล์·วาเลนไทน์ เอาแต่ก้มหน้ามองโดยไม่กล่าวคำใดเป็นเวลานาน
…
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน พ่อบ้านวอลเตอร์มองไปยังผู้มาเยือนด้านนอกด้วยสีหน้าประหลาดใจ ซักถามด้วยความเคารพ
“ท่านบิชอป เหตุใดถึงมาเยี่ยมเยียนอย่างกะทันหันนัก? มีอะไรเร่งด่วนหรือ?”
บิชอปอีเล็คตร้าหัวเราะในลำคอ
“ผมได้ยินว่าดอนไม่สบาย จึงแวะมาเยี่ยม บางที หากได้รับพรจากเทพธิดา เขาอาจหายป่วยเร็วขึ้น”
……………………………………………….