ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด… หัวหน้าองค์รักหลวงของราชวงศ์… จากข้อมูลดังกล่าว เบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันเกี่ยวข้องกับราชวงศ์บางกลุ่มอย่างที่เราคิด ส่วนจะเป็นใครนั้น คงต้องสืบสวนขยายผลต่อไป… ไคลน์ที่ยังมิอาจยืนยันความถูกต้องของคำพูดทริสซี่ หัวเราะในลำคอ
“บอกกันง่ายๆ แบบนี้ เป็นใครก็ยากจะเชื่อลง”
ทริสซี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“นั่นเพราะสำหรับฉัน การเล่าให้นายฟังคือตัวเลือกที่ดี… นายและองค์กรลับเบื้องหลังต้องสนใจเจตนาที่แท้จริงของราชวงศ์แน่ หากเบาะแสของฉันทำให้พวกนายกับราชวงศ์ขัดแย้งกันจนเกิดความโกลาหล ฉันจะมีความสุขมาก… นั่นถือเป็นการแก้แค้นในรูปแบบหนึ่ง ช่วยให้ฉันบรรลุจุดประสงค์ของตัวเอง”
หากใช้ตรรกะเดียวกัน แปลว่าเราสามารถยืมมือเธอแบบย้อนกลับ? ให้เธอเป็นฝ่ายออกหน้าสืบสวนราชวงศ์ ตามจับตัวคนบงการเบื้องหลังโศกนาฏกรรมแทน ทั้งเราและองค์กรของเราก็จะปลอดภัย แถมยังได้รับข้อมูลที่น่าสนใจโดยไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง… หืม… หมายความว่า ทริสซี่กำลังชักชวนให้เราร่วมมือกันแบบพึ่งพาอาศัย โดยเธออาสาเป็น ‘ทหารไถกับระเบิด’ เพื่อเปิดโปงความจริง… ทริสซี่กำลังแสดงให้เราเห็นว่าเธอมีประโยชน์… กลัวจะถูกเราฆ่าทิ้ง? ไคลน์เริ่มเข้าใจความต้องการของอีกฝ่ายอย่างคร่าว จึงบังคับให้วิญญาณอาฆาตตอบสนอง
“สมเหตุสมผล ฉันคิดจะทำแบบเดียวกันอยู่พอดี… ถึงทางนี้จะไม่บังคับข่มขู่ แต่ถ้าเธอฟื้นตัวได้เมื่อไร คงมีแผนจะเข้าใกล้ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดอยู่แล้วสินะ?”
ทริสซี่ยกมุมปาก
“ภาวนาให้เจ้านั่นไม่ชอบผู้ชาย”
ปัญหานี้ยังพอมีทางแก้… ถ้าเธออยู่ลำดับ 5 สามารถย้ายไปเป็นลำดับ 4 ของเส้นทางนักล่า ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ ได้เช่นกัน นั่นจะเปลี่ยนให้เธอกลับเป็นผู้ชาย… นอกจากนั้น เธอลืมอดีตของตัวเองไปแล้วหรือ? ทำไมถึงไม่ใช้พลังของแม่มดสุขสม ทำให้ผู้ชายที่ชอบผู้ชายพึงพอใจ? ไคลน์รำพัน บังคับให้เซนอลยิ้ม
“นั่นไม่ใช่ปัญหา แค่แสดงรูปถ่ายเก่าๆ ของเธอก็พอแล้ว”
ทริสซี่พลันผงะ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยว คล้ายกับความอัปยศที่ฝังในส่วนลึกของจิตใจถูกขุดออกมาสัมผัสกับแดด
ดวงตาอ่อนหวานเริ่มเผยความโกรธเคืองอันเกิดจากความอับอาย ใบหน้าซีดเซียวเริ่มแดงระเรื่อ
ทริสซี่รีบข่มโทสะ แผดเสียงต่ำในลำคอ
“สมกับเป็นพลเรือเอกโลหิต… เข้าใจเส้นทางแม่มดได้ดีทีเดียว”
ในตอนแรก เธอยังไม่แน่ใจว่าเราเป็นใคร… แต่หลังจากเราเล่นมุกเมื่อครู่ออกไป ทริสซี่ก็มั่นใจทันทีว่าเราคือพลเรือเอกโลหิต เพราะโรงเรียนกุหลาบเคยร่วมมือกับนิกายแม่มด ย่อมรู้จักพลังของกันและกัน… อย่างไรก็ตาม การล้อเลียนเพศไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก… อา… แต่นิสัยเมื่อครู่ก็สอดคล้องกับสันดานของพลเรือเอกโลหิต… หรือว่า หนึ่งในกฎเหล็กของ ‘นักเชิดหุ่น’ คือการจำให้ขึ้นใจว่า หุ่นเชิดแต่ละตัวมีบุคลิกที่แตกต่าง? สาเหตุที่ทริสซี่เอ่ยถึงภาพถ่ายในตอนแรก เพราะเธอแค่อยากถ่ายทอดความทรมานที่อีกฝ่ายได้รับขณะความสุขและความตื่นเต้นถูกทำลาย ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากนัก… ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด บังคับเซนอล
“กว่าฉันจะมาอยู่ในจุดนี้ได้ ข้อมูลมากมายต้องเคยผ่านหูผ่านตา”
มันไม่สานต่อหัวข้อสนทนาเดิม เปลี่ยนไปถามประเด็นอื่น
“แล้วฉันจะติดต่อเธอได้ยังไง… ในระหว่างที่เธอตามสืบไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด ฉันอาจให้ความช่วยเหลือได้”
ทริสซี่ยื่นมือไปทางใบหู จับกระจุกผมสีดำขลับที่เรียบเนียนหนึ่งกำมือ น้ำแข็งสีฟ้าค่อยๆ ก่อตัวบริเวณโคนผม หักออกอย่างง่ายดาย
หญิงสาวแบมือที่เคยกำกระจุกเส้นผม เสกเปลวเพลิงสีดำขึ้นมาแผดเผาจนพวกมันกลายเป็นเถ้าถ่าน
ขี้เถ้าดังกล่าวมิได้ถูกสายลมหนาวในท่อระบายน้ำพัดปลิว แต่หดเข้าหากัน รวมตัวกลายเป็นก้อนเมือกข้นๆ สีดำสนิท
“ทาให้ทั่วผิวกระจก ฉันจะรู้ตัวทันทีว่านายต้องการสนทนา หลังจากนั้น พวกเราจะสื่อสารกันผ่านกระจกบานดังกล่าว” ทริสซี่สะบัดข้อมือ โยนก้อนเมือกสีดำมาทาง ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล “ใช้ได้ประมาณห้าครั้ง แต่แค่นั้นก็เพียงพอ”
เนื่องจากเซนอลเป็นเพียงหุ่นเชิด ไคลน์จึงไม่กังวล กล้าจับวัตถุสีดำเหนียวข้นด้วยมือเปล่า เพ่งมองสองสามวินาทีก่อนจะยัดใส่กระเป๋าเสื้อ
ทริสซี่เงียบงันสักพัก เม้มปากพูด
“ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือ จะติดต่อนายยังไง?”
นั่นล่ะปัญหา… ไคลน์เองก็อยากให้อีกฝ่ายเรียกผู้ส่งสาร ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์โดยตรง เพราะไม่ว่ายังไง ทริสซี่คงสืบสวนสถานการณ์ปัจจุบันของพลเรือเอกโลหิต และทราบว่าบุคคลเบื้องหลังวิญญาณอาฆาตตนนี้คือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นั่นคือความจริงที่มิอาจปกปิด
ครุ่นคิดสองสามวินาที ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ประมาท ยังไม่สายเกินไปที่จะให้ข้อมูลติดต่อหลังจากเชื่อใจกันมากกว่านี้
เหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่ใช่คนที่น่าไว้วางใจสักเท่าไร… ปากบอกว่าแก้แค้นให้องค์ชายเอ็ดซัค อาจมีความรู้สึกที่แท้จริงปะปนอยู่บางส่วน แต่ก็อาจแฝงจุดประสงค์อื่นไว้เช่นกัน ทำนองว่า… เป็นการแก้แค้นในส่วนของตัวเอง… ไคลน์บังคับเซนอลมองไปรอบตัว
“ท่อระบายน้ำแห่งนี้มีความลับมากมายซ่อนอยู่ ฉันแวะเข้ามาบ่อย ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือก็ทิ้งข้อความเอาไว้… หากปัญหาดังกล่าวเร่งด่วนและไม่มีเวลาจะทิ้งข้อความ เธอสามารถติดต่อกับชายคนเมื่อครู่ ให้เขาฝากข้อความไว้ที่นี่แทน”
ทริสบรรจงพยักหน้า
“ตกลง”
เมื่อไคลน์เห็นว่าสัญญาปากเปล่าลุล่วงแล้ว ชายหนุ่มเตรียมพาหุ่นเชิดเซนอลกลับ
ทันใดนั้น ‘ตา’ ของมันเหลือบไปเห็นว่า บนฝ่ามือของทริสซี่ แหวนพลอยสีน้ำเงินที่เทียบเท่าสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ได้หายไป!
เราเพิ่งสังเกต… ตอนแรกคิดว่าเปลี่ยนมือหรือสลับนิ้ว แต่ความเป็นจริงคือหายไปแล้ว… ดูเหมือนว่า การหนีออกจากคฤหาสน์กุหลาบแดงขององค์ชายเอ็ดซัค และการหนีจากพลังครอบงำของอินซ์·แซงวีลล์และ 0-08 จำเป็นต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก! หืม… ตราประทับที่ ‘แม่มดบรรพกาล’ สลักไว้ก็หายไปด้วย? ไคลน์ครุ่นคิด สั่งให้พลเรือเอกโลหิตหัวเราะ
“ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง… เธอขายวิญญาณให้เทพมารตนใด?”
ทริสซี่จ้องชายวัยกลางคนตรงหน้า มองลึกเข้าไปในดวงตา
“แม่มดบรรพกาล”
“…” ไม่ใช่ว่าเธออยากหลุดพ้นจากสิ่งนั้นมาตลอดหรือ? ไหนบอกว่าไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวเอง? แล้วทำไมถึงหันหลังกลับ? ไม่รู้หรือไงว่า การถูกเปลี่ยนชื่อเป็นทริสซี่·ชีคหมายถึง พวกมันต้องการใช้เธอเป็นภาชนะของแม่มดบรรพกาล? ไม่สิ เธออาจไม่รู้เรื่องนี้… รวมถึงไม่เข้าใจความยิ่งใหญ่ของชื่อ ‘ชีค’ … ช่างน่าสงสาร พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากชะตากรรม แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งถูกดึงลึกเข้าไปมากกว่าเดิม… ในวินาทีนี้ ไคลน์เริ่มหวาดกลัวต่อโชคชะตาและการดลใจอย่างลับๆ ของเทพ
มันบังคับให้เซนอลยิ้ม
“การที่เธอยอมเล่าออกมาง่ายๆ เกรงว่าฉันคงเชื่อได้ยาก”
ดวงตาของทริสซี่พร่ามัวเล็กน้อย ยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง
“เพราะนั่นเป็นปัญหาส่วนตัวของฉัน ไม่ใช่ความลับที่ยิ่งใหญ่อะไร… การมีคนล่วงรู้เพิ่มอีกหนึ่ง หมายถึงการมีความหวังในการแก้ปัญหาเพิ่มอีกหนึ่ง แม้ความหวังจะริบหรี่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย”
มีความหวังมากขึ้นก็จริง แต่ความหวังเหล่านั้นอาจย้อนกลับมาทำร้าย… ไคลน์ไม่สานต่อบทสนทนา เพียงครุ่นคิดสักพัก
“ขณะที่เธออยู่ใกล้ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดหรือบุคคลผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง อย่าลืมตรวจสอบความบังเอิญที่ผิดปรกติรอบตัว”
ยิ่งสืบสวนโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันลึกเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสมากที่จะถูกอินซ์·แซงวีลล์และ 0-08 สังเกตเห็น!
“ความบังเอิญ…” ทริสซี่พลันผงะ ทวนคำซ้ำ
ทันใดนั้น เธอหวนนึกถึงความบังเอิญครั้งแล้วครั้งเล่าที่เคยพบเจอในคฤหาสน์กุหลาบแดง
ขณะคำถามมากมายผุดขึ้นในหัว เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เธอพบว่า ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล ชายวัยกลางคนผู้สวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกสามมุม ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ไคลน์ตื่นตรงเวลา อาศัยความช่วยเหลือจากบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน เสื้อผ้าของดอน·ดันเตสถูกสวมใส่อย่างเรียบร้อย
เมื่อเดินลงมาถึงห้องรับประทานอาหาร มันเห็นวอลเตอร์ยืนรออยู่หน้าประตู ต้อนรับด้วยความเคารพ
“นายท่าน กำหนดการในวันนี้คือ เข้ารวมการดื่มชายามบ่ายที่คฤหาสน์ของส.ส. มัคท์” วอลเตอร์รายงานเจ้านายตามหน้าที่
หืม… ยังคงเข้มงวด ขึงขัง พิถีพิถัน ไม่แตกต่างจากปรกติ ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อคืนแอบลงไปในท่อระบายน้ำมา…
ไคลน์ยิ้มและพยักหน้ารับ กล่าวด้วยเสียงผ่อนคลายราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมจำได้”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง เพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเมนูเริ่มจำเจ
อาหารเช้ายังไม่หลากหลายพอ… ไคลน์กินอย่างตั้งใจ วางมีดและส้อมลงเมื่ออิ่ม ถอนหายใจและกล่าว
“ช่วงนี้ผมคิดถึงบ้านเกิด รบกวนบอกให้พ่อครัวทำพายเดซีย์ในวันพรุ่งนี้”
“ได้ค่ะ นายท่าน ดิฉันควรจะคิดได้เองตั้งแต่แรก” แม่บ้านทาเนญ่าขานรับเชิงขออภัย
ไคลน์โบกมือ ส่งสัญญาณว่าตนไม่ถือสา จากนั้นก็เข้าไปเดินเล่นในสวน
จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มกลับขึ้นไปบนชั้นสามเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ต่อ จนกระทั่งครูสอนมารยาทมาถึง
วาฮาน่ายังแต่งกายอย่างสง่างาม บรรยากาศรอบตัวเปี่ยมไปด้วยเสน่หา เธอยิ้มและพูดกับดอน·ดันเตส
“ดิฉันได้ยินมาว่า วันนี้คุณจะไปหามาดามลีอานน่าเพื่อดื่มชายามบ่าย ดังนั้น คาบเรียนนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับมารยาทในการดื่มชายามบ่ายเป็นหลัก”
ไคลน์ยิ้มรับ จากนั้นก็เริ่มตั้งใจฟังการสอน ถามแทรกเป็นครั้งคราว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง วอลเตอร์เคาะประตูห้องและเดินเข้ามา
“นายท่าน คนรับใช้บ้านส.ส. มัคท์เพิ่งมาถึงและแจ้งว่า งานดื่มน้ำชายามบ่ายของวันนี้ถูกยกเลิก เนื่องจากบุตรสาวของมาดามลีอานน่า คุณหนูเฮเซลเกิดป่วยกะทันหัน มาดามฝากคำขอโทษมาถึง และหวังว่าจะได้เชิญคุณอีกในสัปดาห์หน้า”
เฮเซลป่วย? เพราะความหวาดกลัวเมื่อคืน? ถ้าเป็นคนธรรมดา เรื่องนี้ยังพอเข้าใจได้ แต่สำหรับผู้วิเศษที่มีสมรรถภาพร่างกายสูง โอกาสป่วยไข้นั้นมีน้อยมาก…
นอกจากนั้น เฮเซลมิได้แสดงสัญญาณของคนใกล้คลุ้มคลั่ง สภาพจิตใจค่อนข้างดี ส่งผลให้ทำตัวโอหังตลอดเวลา… ดังนั้น ถึงจะตกใจกลัวจากเหตุการณ์เมื่อคืน ก็ไม่น่าจะถึงขั้นจิตใจล้มป่วย… ล้มป่วย… โรคภัย… แม่มดลำดับ 5 มีพลังในการทำให้คนรอบข้างล้มป่วย…
หรือว่าเมื่อคืน ทริสซี่ตระหนักว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในท่อระบายน้ำ จึงแอบแพร่เชื้อโรค? และเนื่องจากเซนอลเป็นวิญญาณอาฆาต ร่างกายจึงไม่ติดเชื้อ เราก็เลยไม่ทราบเรื่องนี้? อา… โชคดียังที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เฮเซลไม่ได้สัมผัสกับเชื้อโรคนานนัก ที่ยังไม่หายคงเพราะได้รับอิทธิพลจากความกลัว… หมายความว่าทริสซี่กลายเป็นลำดับ 5 แล้ว… ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบา
“ฝากความห่วงใยไปถึงมิสเฮเซลในนามของผมด้วย”
………………………………………….