Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 767 : ส่งข้อความ

ราชันเร้นลับ 767 : ส่งข้อความ

ติดเชื้อลึกลับบนเกาะนิรนามและเสียชีวิต แต่กลับปรากฏตัวบนเกาะเดิมอีกครั้ง? จักรพรรดิ เปลี่ยนมาเขียนนิยายสยองขวัญตั้งแต่เมื่อไร? นอกจากนั้น รายละเอียดที่เหลืออยู่ไหน? สายตาของไคลน์จับจ้องบรรทัดสุดท้ายของไดอารีแผ่นที่สาม แต่ก็พบว่าไม่มีเนื้อหาเพิ่มเติม

นอกจากนั้น การรวมตัวของสัตว์วิเศษที่จักรพรรดิโรซายล์กล่าวถึง ไม่ทราบว่าพวกมันกำลังสวดวิงวอนถึงใคร สิ่งนี้สร้างความหวาดผวาให้ไคลน์ไม่น้อย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่ใช่สัตว์วิเศษทั้งหมดจะทรงปัญญา สามารถสื่อสารระหว่างกัน มีหลายตัวที่อยู่ในภาวะเสียสติ ทำตามสัญชาตญาณดิบเถื่อน

และสัตว์วิเศษเสียสติเหล่านั้นกำลังรวมตัวกัน สักการบูชาตัวตนนิรนาม!

น่าเสียดาย จักรพรรดิไม่ได้ทิ้งพิกัดของเกาะนิรนามไว้… แต่ถึงจะทิ้งไว้ เราก็ไม่กล้าแวะไปสำรวจอยู่ดี หากติดเชื้อตาย การเกิดใหม่อาจมีขึ้นบนเกาะเดิม นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่… อย่างน้อยก็ต้องมีลำดับ 4 หรือ 3 ก่อนจะเข้าไปสำรวจได้อย่างมั่นใจ… ไคลน์ครุ่นคิด พลางสลายไดอารีในมือ จ้อง ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด”

‘เฮอร์มิท’ แคทลียาไม่เสียเวลานึก ถามกลับทันที

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ ดิฉันอยากทราบว่าจักรพรรดิโรซายล์เคยเข้าร่วมองค์กรลับและเก่าแก่อย่างมากหรือไม่”

องค์กรลับที่เก่าแก่มาก… สภานักสิทธิ์สนธยา? จักรพรรดิโรซายล์เคยเป็นสมาชิกของกลุ่มคนดังกล่าว? ‘จัสติส’ ออเดรย์พลันนึกถึงองค์กรลับที่มิสเตอร์ฟูลเอ่ยถึงก่อนหน้านี้

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เองก็นึกถึงสิ่งที่สอดคล้องกัน มันยังจำได้ว่ามิสจัสติสเคยบรรยายถึงเหตุการณ์ ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ ในกรุงเบ็คลันด์ มีการเอ่ยถึงองค์กรลับหนึ่ง ตอนนั้นมิสเตอร์ฟูลบอกกับสมาชิกทุกคนว่า อย่าพูดชื่อองค์กรดังกล่าวบนโลกภายนอก เพราะอีกฝ่าย ‘จะได้ยินทุกสิ่ง’ !

องค์กรระดับนั้นสอดคล้องกับฐานะของโรซายล์… อัลเจอร์พยักหน้าในใจ

‘เดอะฟูล’ ไคลน์ กำลังคิดถึงอีกหนึ่งสิ่ง

จุดประสงค์ในการเลือกหน้าไดอารีของราชินีเงื่อนงำยังคลุมเครือ เธอไม่สามารถตั้งคำถามที่เกี่ยวกับเนื้อหาได้แม่นยำนัก กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอทราบแค่ว่าไดอารีหน้าไหนมีความสำคัญ เก็บซ่อนข้อมูลลับบางอย่าง หรือไม่ก็อาจคาดเดาจากอารมณ์ของโรซายล์ด้วยลายมือ

ส่วนคำถามของมาดามเฮอร์มิท ไคลน์ตอบได้ไม่ยากเย็น จึงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับอีกฝ่าย

“ถูกต้อง”

ขณะเดียวกัน มันเตือนตัวเองในใจอย่างเงียบงัน

คำถามของราชินีเงื่อนงำในอนาคตคงอันตรายขึ้นเรื่อยๆ เพราะนั่นจะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของไดอารีที่เธอส่งมา… อา… เราเคยอ่านไดอารีของโรซายล์มาแล้วหลายหน้า มีข้อมูลของอีกฝ่ายมากพอสมควร

กล่าวจบ มันไม่ได้เสริม เพิ่งยิ้ม

“เชิญ”

มันไม่ได้ระบุออกไปตรงๆ ว่าเป็นสภานักสิทธิ์สนธยา เพราะคิดว่าสามารถนำคำตอบนี้มาใช้ได้ในครั้งถัดไป

‘เฮอร์มิท’ แคทลียาแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็มองไปทาง ‘เมจิกเชี่ยน’ และกล่าว

“ดิฉันอยากได้เบาะแสของทายาทเลือดบริสุทธิ์ตระกูลอับราฮัม ค่าตอบแทนหนึ่งพันปอนด์”

หญิงสาวเสนอราคาโดยไม่สั่นไหว เพราะราชินีเงื่อนงำจะเป็นคนออกแทน

ทำไมถึงจ้องเราแล้วพูดออกมา? เธอรู้หรือว่าอาจารย์ของเราเป็นสมาชิกตระกูลอับราฮัม? ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สประหลาดใจในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็เริ่มเข้าใจว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญ เรื่องดังกล่าวคือข้อมูลที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ยกเว้นเมจิกเชี่ยนล้วนทราบกันดี เป็นหัวข้อสนทนาที่เคยแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาอิสระ

แม้ว่าเงินจำนวนหนึ่งพันปอนด์จะน่าดึงดูด แต่ฟอร์สก็ไม่คิดทรยศอาจารย์ด้วยการขายข้อมูลให้ใคร ตั้งแต่เกิดมาจวบจนวันนี้ คนที่ทำดีกับเธอด้วยความจริงใจ สามารถนับครบได้ด้วยมือข้างเดียว ดังนั้น หญิงสาวหวงแหนสายสัมพันธ์ประเภทนี้มาก

พิจารณาสักพัก ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สถามกลับ

“คุณเอาไปทำอะไร? ถ้าคุณแจ้งเหตุผลได้ ฉันจะถ่ายทอดเหตุผลนั้นให้พวกเขา ส่วนจะมีความคืบหน้าหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางนั้น ฉันไม่รับประกัน”

เป็นอย่างที่คิด ภายนอกอาจดูธรรมดา แต่ภายในซ่อนความลับไว้มากมาย เป็นผู้หญิงที่รอบคอบและไม่ประมาท… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน พยักหน้ารับแผ่วเบา

“สมเหตุสมผล… ฉันตามหาทายาทของตระกูลอับราฮัมเพราะอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับมิสเตอร์ประตู รบกวนฝากข้อความนี้ไปให้พวกเขา จากนั้นก็รอดูท่าทีตอบสนอง… เอาเป็นว่า เพียงแค่ฝากข้อความ ฉันจะจ่ายให้คุณสามร้อยห้าสิบปอนด์ ถ้าพวกเขายินดีสานต่อความคืบหน้า ฉันจะจ่ายเงินอีกหกร้อยห้าสิบปอนด์”

ฟอร์สครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ

“ตกลง”

กล่าวจบ เธอเพิ่งตระหนักถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดมาดามเฮอร์มิท

มิสเตอร์ประตูเกี่ยวข้องกับตระกูลอับราฮัมด้วยหรือ? จริงสิ… กำไลข้อมือที่เราได้รับจากมาดามอาริสา เป็นของตระกูลอับราฮัมไม่ผิดแน่… อา… อาจารย์ยังไม่ทราบว่า เรารู้ว่าแล้วเขาคือคนของตระกูลอับราฮัม… เราทำได้แค่พูดลอยๆ ในจดหมายที่ส่งถึงเขา ระบุว่าในการชุมนุมลับแห่งหนึ่ง เราได้ยินใครบางคนกำลังมองหาทายาทสายเลือดแท้ของอับราฮัม และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ประตู… อาจารย์จะตอบสนองกลับมาแบบไหนนะ…

ขณะเดียวกัน มิสจัสติสที่นั่งข้างๆ เริ่มยินดีจากก้นบึ้ง เนื่องจากอีกฝ่ายจะได้หลุดพ้นจากภาวะถังแตกเสียที

ฟอร์สกลายเป็นลำดับ 7 แล้ว ใกล้จะไล่เราทัน เราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเลื่อนเป็น ‘นักสะกดจิต’ ให้เร็วขึ้น… ขณะคิดเช่นนี้ หญิงสาวหันหน้าไปทางสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่นๆ หวังว่าจะพบเบาะแสเกี่ยวกับต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท

สายตาของมิสจัสติสนั้นยากที่จะปฏิเสธ… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างกระอักกระอ่วน เพราะในชุมนุมลับของเธอ ไม่เคยมีเบาะแสเกี่ยวกับผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ฝั่งตรงข้าม ใคร่ครวญสองสามวินาที

“ผมมีเบาะแส แต่ต้องใช้เวลาอย่างต่ำสองสัปดาห์ก่อนจะรวบรวมได้”

มันมีเบาะแสจริง เมื่อนานมาแล้ว อัลเจอร์และคีลิงเกอร์เคยเข้าไปสำรวจในเกาะโบราณ พบต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท เนื่องจากตอนนั้นยังแข็งแกร่งไม่พอ จึงไม่พยายามเข้าใกล้ แต่ปัจจุบัน มันกำลังจะได้เลื่อนเป็นลำดับ 5 ย่อมไม่ต้องการปล่อยโอกาสทำเงินให้หลุดลอย นอกจากนั้น มันยังต้องจ่ายค่าข้อมูลสัตว์ทะเลอ็อบนิสให้ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ ด้วย

ส่วนเหตุผลที่ต้องพูดในตอนนี้ เพราะอัลเจอร์ต้องการประกาศความเป็นเจ้าของล่วงหน้า – เมื่อถึงเวลา มันจะเข้าไปสำรวจพร้อมเดอะเวิร์ล จึงต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบก่อนว่ามันหมายตาสิ่งใดไว้ หลีกเลี่ยงความขัดแย้งขณะแบ่งสมบัติ

ดังนั้น หากเผชิญหน้ากับต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท มีความเป็นไปได้สูงที่ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะทำเพียงเฝ้ามองอยู่ข้างๆ ไม่ยืนมือช่วยเหลือ

“ไม่มีปัญหา!” ออเดรย์ดีใจ ไม่แม้แต่จะถามราคา

หากไม่มีคนขาย เธอคิดที่จะกลับไปยังเบ็คลันด์ในเดือนมิถุนายน ใช้ข้ออ้างบางประการเพื่อซื้อมันโดยตรงจากสมาคมแปรจิต

เมื่อสิ้นสุดธุรกรรมทั้งสอง เนื่องจากสมาชิกคนอื่นยังไม่มีความต้องการใหม่ๆ เพิ่มเติม ดังนั้น ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาจึงย้อนกลับมาถามหาเลือดของสัตว์ในตำนานอีกครั้ง เฉกเช่น ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน มันถามหาความคืบหน้าของบุคคลในใบประกาศจับที่คาดว่าน่าจะเป็นสาวกของดวงจันทร์บรรพกาล แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว ชุมนุมทาโรต์จึงดำเนินเข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ

‘เดอะซัน’ เดอร์ริคกล่าวหลังจากไตร่ตรอง

“ผมกลายเป็น ‘ผู้รับรอง’ แล้ว”

ไม่จำเป็นต้องบอกพวกเราก็ได้… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์อยากจะเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้า แต่สุดท้ายก็ตอบกลับอย่างใจเย็น

“แม้ว่า ‘ผู้รับรอง’ จะช่วยเสริมสมรรถภาพร่างกาย แต่ก็ไม่ใช่ปริมาณที่มากมายอะไร ยังคงมีหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุน หากคุณ ‘รับรอง’ ให้ใครสักคน พลังพิเศษของเป้าหมายจะถูกยกระดับเป็นเวลาสั้นๆ แต่ถ้าคุณ ‘ไม่รับรอง’ เป้าหมายจะอ่อนแอลง นอกจากนั้น ผู้รับรองยังมีพลังในการทำพันธสัญญา เมื่อคุณลงนามบนสัญญาและเกิดเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ แม้แต่ผู้วิเศษลำดับ 5 ก็ไม่สามารถละเมิดสัญญานี้ได้ กระทั่งลำดับ 4 ครึ่งเทพ หากต้องการฝืนยกเลิกสัญญา ก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วยบทเรียนราคาแพง”

ในฐานะสมาชิกโบสถ์วายุสลาตัน การทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของเส้นทางสุริยันคือสิ่งพื้นฐาน ดังนั้น อัลเจอร์สามารถอธิบายรายละเอียดให้เดอะซันน้อยฟังได้อย่างลึกซึ้ง และเตือนให้อีกฝ่ายเลือกสมบัติวิเศษที่สามารถตรึงเป้าหมาย แต่ถ้าไม่มี ก็จงเลือกสมบัติที่โจมตีได้หนักหน่วง

“ขอบคุณมาก มิสเตอร์แฮงแมน” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคขอบคุณจากก้นบึ้ง

ภายในใจของเด็กหนุ่ม จากสมาชิกทั้งหมดของชุมนุมทาโรต์ บุคคลที่ยิ่งใหญ่และควรค่าแก่การเคารพมากที่สุดคือมิสเตอร์ฟูล บุคคลที่น่าชื่นชมและควรเอาเป็นแบบอย่างคือมิสเตอร์เวิร์ล และบุคคลที่ไว้ใจได้ มีจิตใจงดงามมากที่สุดคือมิสเตอร์แฮงแมนผู้ชาญฉลาด

ขณะเดียวกัน ‘เดอะมูน’ เอ็มลินคิดในใจ

เจ้านี่กำลังจะตามเราทันแล้ว ไม่มีทาง… จะปล่อยให้แซงหน้าไม่ได้ เราต้องรีบล่าให้เสร็จโดยเร็วและรับรางวัลก้อนใหญ่!

มันครุ่นคิดสองสามวินาที หลังจากได้รับอนุญาตโดยมิสเตอร์ฟูล เอ็มลินเสก ‘หุ่นกระบอกจันทรา’ ที่มีลักษณะเหมือนแท่งไม้เรียวขึ้น

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน มีใครทราบไหมว่ามันคืออะไร?”

มันทราบดีว่ามิสเตอร์ฟูลคงรู้คำตอบ แต่ปัจจุบันยังไม่มีสิ่งใดไปแลกเปลี่ยนกับคำตอบของตัวตนลึกลับและทรงพลัง ดังนั้น ที่พึ่งเดียวจึงเป็นสมาชิกคนอื่นๆ ของชุมนุมทาโรต์

นี่มันหุ่นกระบอกที่เราเห็นในชุมนุมลับไม่ใช่หรือ? มิสเตอร์มูนพบเป้าหมายแล้วสินะ… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สรอคอยคำตอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น

‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเพ่งมองสักพัก ค่อยๆ ขมวดคิ้วและกล่าว

“น่าจะเป็น ‘ทูตแห่งจันทรา’ ”

“เป็นวัตถุวิเศษที่สร้างโดยฝีมือของสาวกดวงจันทร์บรรพกาล พวกมันอาศัยพิธีกรรมนองเลือดที่กินเวลานานนับร้อยปีเพื่อให้กำเนิดสิ่งนี้ กล่าวกันว่ามีพลังเวทมนตร์เข้มข้น แต่ละชิ้นเต็มไปด้วยความสยดสยองเหนือพรรณนา… คุณเอามาจากไหน? สิ่งนี้อันตรายมาก ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการส่งมอบมันให้เบื้องบนของผีดูดเลือด”

‘เดอะมูน’ เอ็มลินเปลี่ยนท่านั่ง หัวเราะพลางกล่าว

“ข้าพบมันขณะล่าสาวกดวงจันทร์บรรพกาล… หล่อนตายไปแล้ว ส่วนข้ายังมีชีวิตอยู่”

การโอ้อวดของมิสเตอร์มูน ไม่ว่าใครก็คงมองออก… ‘ผู้ชม’ มากประสบการณ์อย่างออเดรย์หัวเราะเบาๆ ในใจ

‘เฮอร์มิท’ แคทลียาผงะไปครู่หนึ่ง ถามโดยไม่ปิดบัง

“คุณทำได้ยังไง? มีเบื้องบนของตระกูลผีดูดเลือดคอยให้ความช่วยเหลือ?”

‘เดอะมูน’ เอ็มลินอ้าปากค้าง ตอบไม่ถูกไปสักพัก

ทันใดนั้น มันเริ่มตระหนักว่าหัวข้อสนทนาดังกล่าวไม่เหมาะแก่การเปิดเผยในเชิงลึก

“แฮ่ม!” มันกระแอมในลำคอ มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว “ข้าขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล”

………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset