Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 765 : วันจันทร์อีกครั้ง

ราชันเร้นลับ 765 : วันจันทร์อีกครั้ง

รอจนกระทั่งไคลน์เล่าจบ อัลเบิร์ตถามจี้ในประเด็นที่อีกฝ่ายเล่าเป็นระยะ คอยพิจารณาว่าคำตอบสอดคล้องกันหรือไม่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ขอให้หลับฝันดี” อัลเบิร์ตยิ้มและลุกขึ้น แสดงความขอบคุณอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม มันไม่ลืมใช้พลังของ ‘ฝันร้าย’ เพื่อสร้างอิทธิพลต่อความทรงจำของดอน·ดันเตส เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า จะจำได้เพียงรางๆ ว่ามีความฝันทำนองไหน แต่มิอาจระบุเนื้อหาเจาะจง

จัดการทั้งหมดเสร็จ มันหันหลังเดินไปทางประตู บิดลูกบิด ออกจากความฝัน

เป็นอย่างที่คิด… เหยี่ยวราตรีเชื่อใจพลังของ ‘ฝันร้าย’ มากเกินไป… หากเราต้องสอบปากคำคนอื่น จะมีการออกแบบชุดคำถามจากมุมมองที่ต่างกันไว้ล่วงหน้า พยายามถามสลับไปมา มองหาช่องโหว่ที่ไม่สอดคล้อง… อา… วิธีที่ดีที่สุดคือการให้มิสจัสติสช่วยออกแบบคำถามเชิงจิตวิทยาที่ซับซ้อน เมื่อเป้าหมายตอบครบทุกคำถาม ถ้ามีการโกหกเพียงเล็กน้อย คำตอบจะขัดแย้งในตัวเองทันที เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเหมือนกัน มองเห็นถึงแก่นแท้ของคำถามแต่ละชุดและสามารถรักษาความสอดคล้องไว้ได้… ไคลน์เอนหลังพิงพนัก มองออกไปนอกหน้าต่าง

ท่ามกลางโลกอันมืดมิดและเต็มไปด้วยหมอก แสงโคมไฟถนนทั้งสลัวและซีดจาง บรรยากาศรอบข้างมืดมนและเงียบงัน

ไคลน์มองอย่างเหม่อลอยสองสามวินาที หัวเราะกับตัวเองแผ่วเบา

ขณะเดียวกัน ภายในห้องใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล เมื่อเห็นอัลเบิร์ตตื่นขึ้นตามปรกติ เลียวนาร์ดโล่งใจในตอนต้น ก่อนจะทวีความหวาดกลัวสัตว์ประหลาดที่มาจากยุคสมัยที่สี่ตนนี้

เมืองเงินพิสุทธิ์ สายฟ้าสีเงาผ่าลงมาจากเบื้องบน มอบความสว่างไสวไปทั่วมุมถนน

เดอร์ริค·เบเกอร์เดินออกจากบ้านของตน ไม่ลืมพกขวานเฮอร์ริเคนติดตัวมาด้วย มุ่งหน้าไปยังตึกแฝดของทางตอนเหนือของเมือง

ระหว่างทาง มันเห็นชาวเมืองเงินพิสุทธิ์หลายคน บ้างกำลังส่งลูกหลานไปยังสถานศึกษา บ้างรวมตัวเป็นกลุ่ม ตระเวนสำรวจทุกซอกมุมของเมือง ป้องกันไม่ให้มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ตายไปโดยไม่ถูกสายเลือดตัวเองฆ่า กลายเป็นวิญญาณมารที่น่ากลัว

ผู้คนเหล่านี้ช่วยทำให้เมืองเงินพิสุทธิ์ดูมีชีวิตชีวา เดอร์ริคสามารถได้ยินเสียงเฮฮาและเสียงหัวเราะของเด็กๆ เป็นระยะ

มันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาขณะตั้งค่ายในหมู่บ้านยามบ่าย แต่ละวันได้เจอมนุษย์เพียงไม่กี่สิบ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการหมกตัวอยู่ในค่ายที่แข็งแรงแต่คับแคบ ด้านนอกเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดท่ามกลางความมืด แม้จะถูกกวาดล้างไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าพวกมันโผล่มาจากไหน ถือกำเนิดขึ้นอย่างไร สมาชิกทีมสำรวจทุกคนต่างเผชิญความห่อเหี่ยว พบว่าตนไม่มีวันปลอดภัยอย่างแท้จริง ต้องคอยระวังตัวตลอดเวลา ห้ามประมาทแม้แต่วินาทีเดียว

ไม่มีสิ่งมีชีวิตปรกติใดที่สามารถตื่นตัวได้เป็นเวลานาน ดังนั้น เมืองเงินพิสุทธิ์จึงมีระบบสับเปลี่ยนเวรยามเมื่อถึงกำหนด

ทีมสำรวจชุดแรกใช้เวลาไม่นานในการกลับถึงเมืองเงินพิสุทธิ์ แต่ก็ยังต้องถูกกักตัวและถูกจับตามองอีกพักใหญ่ จนกระทั่งวันนี้ เดอร์ริคเริ่มปรับสภาพจิตใจกลับมาเป็นปรกติ พร้อมแล้วที่จะรับผลข้างเคียงจากการเลื่อนลำดับ

เด็กหนุ่มเคยรายงานกับ ‘เจ้าเมือง’ โคลิน·อีเลียดแล้วว่า ตนได้รับสูตรโอสถของ ‘ผู้รับรอง’ โดยบังเอิญขณะสำรวจในความมืด และได้รับอนุญาตให้นำสูตรดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนกับขนแพนหางของนกพันธสัญญาวิญญาณ – วัตถุดิบหลักสำหรับปรุงโอสถ

ในส่วนของหนี้สินที่เคยติดค้างกับ ‘เดอะมูน’ มันลาดตระเวนรอบหมู่บ้านยามบ่ายและสามารถรวบรวมจนครบถ้วน ส่งไปถึงอีกฝ่ายผ่านความช่วยเหลือของเดอะฟูล

หลังจากเลื่อนลำดับ เราจะมีสิทธิ์ได้เลือกสมบัติวิเศษที่ไม่ใช่ลำดับสูงหนึ่งชิ้น… เดอร์ริคครุ่นคิดเล็กน้อย เร่งความเร็วฝีเท้า มาถึงตึกแฝดทางตอนเหนือของเมือง

แม้ว่าคลังเก็บวัสดุและสมบัติวิเศษจะอยู่กึ่งกลางหอคอย ถูกเฝ้าโดย ‘หกสภาอาวุโส’ แต่ปลายทางของเดอร์ริคในคราวนี้คือยอดหอคอย เพราะที่นั่นคือจุดแลกเปลี่ยนคะแนนผลงาน

ขณะเด็กหนุ่มกำลังจะเดินเข้าไปในหอคอย สัมผัสวิญญาณพลันตื่นตัว เงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณและมองไปยังยอดหอคอยทรงกลมด้านบน พบสตรีคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำแถบม่วงยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองลงมาทางตน

อีกฝ่ายมีเส้นผมหยักศกสีเทาเงิน ดวงตาสีเทาอ่อน ใบหน้างดงาม ไม่ใช่ใครนอกจากหนึ่งใน ‘หกสภาอาวุโส’ ‘คนเลี้ยงแกะ’ โลเฟียร์!

เมื่อสายตาประสานกัน ดวงตาของโลเฟียร์ราวกับพยายามเจาะทะลวงจิตใจเด็กหนุ่ม ทว่า สีหน้าแววตาของเธอมิได้เปลี่ยนไปจากเดิม ทำเพียงพยักหน้าเบาๆ คล้ายกับทักทาย

หล่อนไม่ได้ทักทายเรา แต่ทักทายคนที่อยู่เบื้องหลังเรา… โดยไม่ต้องใช้เวลานาน เดอร์ริคเข้าใจเจตนาอีกฝ่าย

สิ่งนี้เกิดจากการบ่มเพาะคำชี้แนะของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคน ค่อยๆ เกิดเป็นประสบการณ์

มันพยักหน้าตอบรับ ถอนสายตากลับอย่างเป็นธรรมชาติ เดินเข้าไปในหอคอยโดยไม่เร่งรีบ

ยามค่ำคืน ณ ท่าเรือส่วนตัวในบายัม ‘ฝันทองคำ’ ที่มีปืนใหญ่กระบอกหลักสุดพิสดาร แล่นเข้าไปจอดเทียบท่าข้างเรือลำอื่นๆ

เดนิสถืออาหารท้องถิ่นของกลุ่มต่อต้านในมือ โบกไม้โบกมือให้อีกฝ่ายอย่างยิ้มแย้ม เดินไปตามทาง ปืนขึ้นไปยังดาดฟ้าฝันทองคำ

ในช่วงหลัง มันได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ด้วยฐานะของคนกลางที่คอยส่งอาวุธและอาหาร รวมถึงวัตถุดิบวิเศษอีกเล็กน้อย มันได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี กินดื่มอย่างสำราญ วันๆ เอาแต่คุยโม้และล่าสัตว์ และยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีกรรมรับพรจาก ‘เทพสมุทร’

หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เดนิสเริ่มเข้าใจในบางประเด็น : บายัม หรือเกาะอาณานิคมทั้งหมด จะเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในอนาคต และคงไม่บรรเทาลงไปอีกหลายสิบหรือหลายร้อยปีข้างหน้า

ดังนั้น เดนิสตัดสินใจขายทรัพย์สินส่วนใหญ่ในบายัมทิ้ง เหลือไว้เพียงไม่กี่แห่ง จากนั้นก็มองหาโอกาสซื้อบ้านในกรุงทรีอาร์ เมืองหลวงของอินทิส เบ็คลันด์ เมืองหลวงของโลเอ็น และตามชนบทที่มีวิวทิวทัศน์งดงามและเงียบสงบ

เรายังสามารถกลับไปที่หมู่บ้านนอร์เซียร์เล็กๆ … คอยดูแลตาแก่กับแม่… อา… ซื้อบ้านให้น้อยลงหนึ่งหลัง หาสวนองุ่นให้พวกเขาแทน… เดนิสโบกมืออำลากลุ่มต่อต้านอีกครั้ง

มันยืดอกอย่างโอหัง เดินผ่าน ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สันและกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้เหนือกว่า

“กัปตันอยู่ไหน? ฉันต้องการรายงานความคืบหน้า”

โจเดอร์สันส่ายศีรษะอย่างเหยียดหยัน

“ก็ต้องอยู่ในห้องกัปตันสิ”

ขณะเดียวกัน มันจิกกัดในใจ

เดนิส… หลังจากบังเอิญได้สร้างความสัมพันธ์กับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นับวันยิ่งทำตัวโอหังมากขึ้นเรื่อยๆ! แต่ว่า… นักผจญภัยเสียสติคนนั้นเป็นของจริง ถึงขั้นโค่นพลเรือเอกโลหิตลงได้!

“หึหึ…” เดนิสหัวเราะในลำคอ เดินตรงเข้าไปในเขตห้องโดยสาร เพียงไม่นานก็ได้พบ ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด

มันรีบสลายแววตาที่เปี่ยมด้วยความยียวน ยิ้มและกล่าว

“กัปตัน ผมทำภารกิจเสร็จแล้ว”

“รายละเอียด” เอ็ดวิน่าวางหนังสือในมือลง ซักถาม

เดนิสเตรียมพร้อมไว้แล้ว มันเริ่มอธิบายประสบการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างละเอียด และโอ้อวดบทบาทของตัวเองให้เกินจริงไปเล็กน้อย ปิดท้ายด้วย :

“กัปตัน ผมได้พบกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เขาบอกให้ผมถามคุณเกี่ยวกับความผิดปรกติของศพ ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส และแก้วไวน์ทองคำ”

เอ็ดวิน่าไม่ตอบ เพียงลุกขึ้นเดินไปที่มุมห้องกัปตัน ที่นั่นมีกล่องไม้สีดำวางอยู่

‘ฝันทองคำ’ ยังไม่ได้แวะเกาะโซเนียจนกว่าจะออกเดินทางไกล ดังนั้น ศพของเซียธาสและโมเบธจึงยังอยู่บนเรือ ถูกบรรจุลงในกล่องที่เอ็ดวิน่าเตรียมไว้เป็นพิเศษ

ย่อเข่าหนึ่งข้าง คุกเข่าลง เอ็ดวิน่าเปิดกล่องไม้ เผยให้เห็นสองศพที่นอนแนบชิดกันอยู่ภายใน

แก้วไวน์สีทองที่ชำรุดถูกวางไว้อย่างเงียบงันบนฝ่ามือกระดูก ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ

“ไม่มีอะไรผิดปรกติ” เอ็ดวิน่าสรุปผล

เดนิสชำเลืองเข้าไปในกล่อง จดจำคำตอบ เตรียมรายงาน ‘เดอะฟูล’ ในตอนที่ไม่มีใครเห็น ส่งข้อความต่อไปถึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“ไม่มีอะไรผิดปรกติ?” เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย กึ่งสงสัยกึ่งโล่งใจ

จากการคาดเดา มีโอกาสสูงมากที่แก้วไวน์ทองคำจะเกิดความผิดปรกติ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้ เพราะไม่อยากให้การพักผ่อนของเซียธาสและโมเบธถูกรบกวน

บางที อาจจำเป็นต้องมีตัวเร่งปฏิกิริยา? หึหึ ดีแล้วที่ไม่เกิดขึ้น… ไคลน์รำพันกับตัวเอง ชำเลืองสายตาไปยัง ‘การเดินทางของกรอซาย’ ในกองขยะ

เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวิธีเข้าไปสำรวจ ‘ห้วงทะเลจิตรวม’ แถมตอนนี้ยังต้องให้ความสนใจกับการขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสเป็นหลัก ดังนั้น แผนการสำรวจโลกในหนังสือจึงต้องเลื่อนไปก่อน

ฟู่ว… ไคลน์หายใจออก ถอนสายตากลับ เตรียมความพร้อมสำหรับชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์

บ่ายสามโมงตรงตามเวลาเบ็คลันด์

ลำแสงสีแดงเข้มเริ่มส่องลงบนเก้าอี้ริมสองฝั่งโต๊ะทองแดงยาว จากแสงจ้าค่อยๆ พร่ามัว ร่างแล้วร่างเล่าทวีความคมชัด

ออเดรย์ยังคงอารมณ์ดีเหมือนเคย ไม่สิ อาจจะดียิ่งกว่าทุกครั้ง เพราะฮิบเบิร์ต·ฮอลล์ พี่ชายของเธอได้ส่งโทรเลขมาแจ้งว่า การโอนหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยานได้ข้อสรุปแล้ว ราคารวมทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์ทอง

นอกจากนั้น หญิงสาวไม่จำเป็นต้องรีบกลับไปยังเบ็คลันด์เพื่อลงนามในเอกสาร เพราะก่อนที่พี่ชายจะออกจากคฤหาสน์ในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก เธอได้เซ็นลงนามต่อหน้าทนายความสองคน ให้พี่ชายสามารถดำเนินธุรกรรมในนามตนได้ตามเห็นสมควร

ขณะมุมปากเริ่มยกสูง ออเดรย์ยืนขึ้น หันไปทางร่างที่ปกคลุมด้วยม่านหมอกสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว

“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”

ขอให้มิสเตอร์ฟูลอวยพร! ขอให้วันนี้มีเบาะแสเกี่ยวกับผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท… หญิงสาววิงวอนในใจ

ทักทายกันเล็กน้อย หลังจากทุกคนนั่งลง ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาไม่ทำให้ไคลน์ผิดหวัง เป็นอีกครั้งที่เธอกล่าวโดยไม่กล้าสบตา

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ คราวนี้ดิฉันรวบรวมไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ได้ทั้งหมดสามหน้า”

ราชินีเงื่อนงำยังไม่พบเบาะแสในคดีลอบสังหารจักรพรรดิโรซายล์อีกหรือ? ถึงยังคอยส่งไดอารีผ่านมาดามเฮอร์มิท… น่าเสียดาย ช่วงนี้เราทำได้เพียงหมกตัวอยู่ในที่ดินของตระกูล ไม่มีโอกาสติดต่อกับสมาคมแปรจิตสักเท่าไร จึงไม่มีไดอารีหน้าใหม่มาส่ง… จริงสิ… ในอีกไม่กี่วันถัดไป เรามีกำหนดจะแวะไปเยี่ยมชมกองทุนขุดค้นและเก็บรักษาวัตถุโบราณ พวกเขาอาจรวบรวมมาได้บางส่วน… ‘จัสติส’ ออเดรย์ตั้งใจฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

‘เดอะฟูล’ ไคลน์หัวเราะในลำคอ

“ทำได้ดี… คิดข้อแลกเปลี่ยนรอได้เลย”

อันที่จริง เรารู้อยู่แล้วว่าราชินีเงื่อนงำฝากคำถามมาด้วย… ว่าแต่หล่อนกำลังทำอะไรในเบ็คลันด์? ไคลน์คิดเรื่อยเปื่อย

เพียงไม่นาน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเสกไดอารีทั้งสามหน้า ส่งให้เดอะฟูล

………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset