“ตามคำบอกเล่าของมิสเตอร์ประตู ความแตกต่างใหญ่หลวงระหว่างศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองและแผ่นแรก ไม่ใช่เรื่องที่แผ่นแรกเต็มไปด้วยชื่อลำดับเส้นทางที่แปลกประหลาด แต่เป็นเรื่องที่แผ่นที่สองถูกเสริมข้อมูลเพิ่มไปจากแผ่นแรกมาก สิ่งเหล่านั้นคือความลับที่เทพสุริยันบรรพกาลได้ประจักษ์ช่วงบั้นปลายชีวิต อา… ในฐานะเทพแท้จริง พระองค์คงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบั้นปลายชีวิต แต่หากพิจารณาช่วงเวลานับตั้งแต่เกิดจนกระทั่งร่วงหล่น ถ้าแบ่งตามแนวคิดมนุษย์ ระยะเวลาดังกล่าวถือช่วงบั้นปลายอย่างแท้จริง”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้สร้างศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองคือเทพสุริยันบรรพกาล?”
“สำหรับคำถามนี้ มิสเตอร์ประตูตอบเป็นนัยว่า ทันทีที่เทพสุริยันบรรพกาลร่วงหล่น ศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองก็ถือกำเนิด”
“ความหมายก็คือ นี่เป็นสมบัติสำคัญของเทพสุริยันบรรพกาล?”
“ถ้าอย่างนั้น ใครคือผู้สร้างศิลาเย้ยเทพแผ่นแรก? พระผู้สร้างต้นกำเนิดซึ่งรังสรรค์ทุกสรรพสิ่ง? นอกจากนั้น ข้อมูลเพิ่มเติมบนศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองมีอะไรบ้าง?”
“มิสเตอร์ประตูไม่ตอบ เพียงบอกว่า สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความลับมากเกินไป มิอาจอธิบายให้ชัดเจนได้ด้วยสองสามคำ แต่ถ้าเขาได้กลับมายังโลกแห่งความจริงเมื่อไร ก็สามารถลงลึกรายละเอียดได้”
“อา… คิดว่าคนอย่างฉันจะตกหลุมพรางเด็กเล่นแบบนี้?”
“เล่าถึงศิลาเย้ยเทพ เรานึกถึงคำถามสองข้อที่กวนใจมานานแล้ว กระแสของเวลาหมายถึงสิ่งใด? ใครเป็นผู้กำหนดกระแสของเวลา?”
“มิสเตอร์ประตูตอบสนองแปลกๆ เขาหัวเราะนานสิบวินาที ก่อนจะบอกว่า ระวังผู้ชมไว้ให้ดี”
“อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างคำแนะนำดังกล่าวกับคำถามของเรา”
“ได้ยินคำเตือนของเขา เราพลันนึกถึงเนื้อหาของศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองและพบจุดที่ไม่ปรกติ ในฐานะผู้วิเศษเส้นทาง ‘นักปราชญ์’ ความจำของเราย่อมไม่แพ้ใคร สิ่งใดที่เคยเห็นนั้นยากจะลืมเลือน แต่สิ่งที่เราจำได้กลับมีเพียงว่า ลำดับ 0 ของเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ชื่อ ‘นักสร้างฝัน’ ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพิธีกรรมในการเลื่อนลำดับเป็นเทพ!”
“สำหรับอีกยี่สิบเอ็ดเส้นทางสู่การเป็นเทพ เราจดจำได้ชัดเจนมาก มีเพียงเส้นทางนี้เท่านั้นที่นอกจากเราจะจำไม่ได้ จิตใต้สำนึกกลับไม่สนใจโดยไม่รู้ตัว”
“เราถามมิสเตอร์ประตูอย่างคร่าวๆ ว่าพิธีกรรมกลายเป็นเทพของเส้นทาง ‘ผู้ชม’ คืออะไร?”
“มิสเตอร์ประตูยิ้มอีกครั้ง ตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและผ่อนคลายว่า: เจ้าเพิ่งพูดออกมาไม่ใช่หรือ?”
“นี่มัน… อย่าบอกว่านะว่าพิธีกรรมกลายเป็นเทพของเส้นทางผู้ชมคือ กำหนดกระแสเวลาให้ไหลไปตามความคาดหวังของตัวเอง จากนั้น ณ จุดหนึ่งของยุคสมัย ดื่มโอสถเข้าไปเพื่อเลื่อนลำดับ?”
“ต้องเป็นแบบนี้ไม่ผิดแน่!”
“เมื่อเทียบกับทฤษฎีที่ว่า: ขอบเขตของ ‘เวลา’ เป็นอำนาจของพระผู้สร้างต้นกำเนิด มีเพียงกระแสเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ท่านจึงจะดึงออกจากมันและสามารถ ‘คืนชีพ’ ; คำอธิบายของเราตรงไปตรงมาและเข้าใจง่ายกว่า อา… เรากำลังพูดถึงผู้ก่อตั้งองค์กรลับโบราณนั่น เขาต้องมีแผนสำหรับตัวเองคนเดียวแน่!”
“เมื่อลองคิดดูให้ดี เรื่องนี้น่ากลัวมากทีเดียว อาจยังไม่เป็นอะไรถ้าอยู่ในลำดับต่ำถึงกลาง แต่เมื่ออยู่ในลำดับสูง การมีความคิดที่ไปขัดหูขัดตาใครบางคนเข้า อาจทำให้ต้องเผชิญความตายโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็ถูกทำลายไปตลอดกาลอย่างเงียบๆ”
“ระวังผู้ชมให้ดี!”
“แต่เราสงสัย ทำไมมิสเตอร์ประตูถึงรู้จักศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองและพิธีกรรมในการกลายเป็นเทพ? คำตอบที่สามารถอธิบายได้ก็คือ ท่านเคยเห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองด้วยตัวเองมาแล้ว เฉกเช่นโซโลมอน ซาราธ ทูดอร์ ทรันซอสต์ ออกัสตัส ไอน์ฮอร์น เซารอน กาสตีญ่า โซโรอาสเตอร์ สเตียโน่ คอนสแตนติน และคนอื่นๆ … ชื่อเหล่านี้คือตระกูลผู้ปกครองผู้วิเศษในยุคสมัยที่สี่!”
ความลับในไดอารี่หน้านี้ ทำให้ไคลน์รู้สึกราวกำลังเผชิญร่างสัตว์ในตำนาน มวลพายุแห่งความรู้กำลังถาโถมเข้ามาในจิตใจ
พิธีกรรมกลายเป็นเทพของเส้นทางผู้ชม คือการทำให้กระแสเวลาสอดคล้องกับจินตนาการตัวเอง? หากเป็นเช่นนั้นจริง อาดัมคงเริ่มวางแผนตั้งแต่ยุคสมัยที่สี่อย่างรอบคอบ… ถ้าอย่างนั้น ความลับที่กษัตริย์จอร์จที่สามซุกซ่อน อาจเป็นพัฒนาการของกระแสเวลาที่อาดัมคาดหวัง จึงให้ความร่วมมือกับราชวงศ์? รอจนกระทั่งกระแสน้ำแห่งกาลเวลาพัดผ่าน เมื่อสถานการณ์มิอาจพลิกผันได้ในระยะเวลาอันสั้น ท่านจะเถลิงขึ้นสู่บัลลังก์แห่งเทพ?
ถ้าเป็นแบบนั้น การสอบสวนโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันในเชิงลึกนั้นอันตรายมาก แม้ว่าเราในตอนนี้จะเป็นข้ารับใช้ของเทพธิดา มีภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับทางการ สามารถร่วมมือกับทูตสวรรค์ได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ประกันความปลอดภัย เพราะท้ายที่สุด เทพธิดาอาจไม่สามารถ ‘เสด็จเยือน’ ไปได้อีกสักพัก… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์สัมผัสถึงความสั่นกลัว
หากเป็นเมื่อก่อน หลังจากรายงานดังกล่าวให้โบสถ์รัตติกาลทราบ มันคงรู้สึกโล่งใจ หรือแม้กระทั่งออกจากเบ็คลันด์เพื่อไปพักผ่อน แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นข้ารับใช้ของเทพธิดา มันสัญญาไว้แล้วว่าจะช่วยตามหาเฮอร์วิน·แรมบิสและ ‘นักบุญขาว’ คาร์เทอริน่า จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาเหตุผลเพื่อปลีกตัวหนี
หรือกล่าวได้ว่า เมื่อมีกำไร ก็ต้องสูญเสียบางสิ่งเป็นการแลกเปลี่ยน
นอกจากนั้น ไคลน์ยังไม่ทราบว่าอาดัมหวังกระแสเวลาแบบไหนไว้ หากมีเหตุการณ์เฉกเช่นโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันอีกครั้ง มันคงหนีเอาตัวรอดแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะมีคนที่ต้องห่วงใยที่นี่ และมีความสงบสุขที่มันปรารถนา
ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ว่าความลับของกษัตริย์คืออะไร จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อ… ในศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง หากไม่นับชื่อของเส้นทางและโอสถ ความลับที่ซ่อนอยู่คือสิ่งใด? ไคลน์ถอนสายตากลับ เสกให้ไดอารี่ของโรซายล์หายไปในฝ่ามือ
จากนั้น มันมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ยิ้มและกล่าว
“พวกเจ้าเริ่มได้”
ทันใดนั้น ‘จัสติส’ ออเดรย์ไม่เก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็น ยกมือขึ้นเล็กน้อย:
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ ไม้กางเขนอันนี้มีความพิเศษอย่างไร? หรือหากคำตอบต้องใช้สิ่งแลกเปลี่ยน ดิฉันยินดีรับฟังข้อเสนอ”
ไคลน์วางไม้กางเขนเจิดจรัสไว้บนโต๊ะ รอให้ใครสักคนในชุมนุมทาโรต์ถาม เพื่อจะได้แจ้งให้เดอะซันน้อยและแฮงแมนที่อาจต้องการข้อมูลได้ทราบ เพราะท้ายที่สุด มิสเตอร์ฟูลไม่เหมาะที่จะเปิดประเด็นดังกล่าวด้วยตัวเอง
ได้ยินเช่นนั้น มันยิ้มและมองไปที่:
“ไม่ต้องใช้สิ่งแลกเปลี่ยน… สิ่งนี้เป็นมรดกจากเทพสุริยันบรรพกาล”
ท…เทพสุริยันบรรพกาล…? พระผู้สร้างที่เมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ? ม…ไม้กางเขนอันนี้มีที่มายิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียว? หัวหน้าราชองครักษ์ซึ่งอยู่แค่ลำดับ 6 หรือลำดับ 5 กลับมีมรดกของเทพสุริยันบรรพกาลไว้ในครอบครอง? เป็นแค่เรื่องบังเอิญ? ได้ยินคำตอบของมิสเตอร์ฟูล ฟอร์สแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
ทันใดนั้น ‘เดอะฟูล’ ไคลน์กล่าวอย่างเป็นกันเอง
“ระดับของมันไม่สูงนัก สอดคล้องกับโอสถผู้เจิดจรัส หน้าที่สำคัญคือการขจัดการกัดกร่อนทางจิตของตะกอนพลัง สามารถช่วยสกัดตะกอนพลังจากผู้ที่ดื่มโอสถซ้ำ และช่วยให้ผู้วิเศษที่เกิดเปลี่ยนใจภายหลัง กลับไปใช้ชีวิตแบบสามัญชน”
เป็นพลังที่น่าทึ่งมาก… เข้าใจแล้วว่าทำไมมิสเตอร์เวิร์ลถึงถามว่า หากมีโอกาส เราจะออกจากโลกผู้วิเศษและไปใช้ชีวิตธรรมดาๆ หรือไม่… ‘จัสติส’ ออเดรย์ได้รับคำตอบที่เคยสงสัยมานาน
ถึงว่า… เพียงแค่มอง เราเกิดความรู้สึกอึดอัดเหนือคำบรรยาย… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินครุ่นคิดก่อนจะเหลือบมอง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค
เด็กหนุ่มทั้งประหลาดใจและยินดี รู้สึกราวกับความฝันของตนกลายเป็นจริง
อุดมคติของมันคือการปลดปล่อยชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ให้พ้นจากคำสาป กลับไปอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ตามเดิม ไม่ต้องทนทุกข์กับความบ้าคลั่ง ความเจ็บปวด และความทรมานอีกต่อไป
และถ้าความฝันดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยพลังของเทพสุริยันบรรพกาล มรดกของพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามด้วยประการทั้งปวง
เด็กหนุ่มชิงพูดตัดหน้า:
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ ขอทราบวิธีแลกเปลี่ยนวัตถุชิ้นนี้ได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่เจ้าจ่ายในราคาที่เหมาะสม” ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา
มิสเตอร์ฟูลช่างมีจิตใจกว้างขวาง! ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคชื่นชมจากก้นบึ้ง
ตราบเท่าที่จ่ายในราคาเหมาะสม… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธุรกิจให้เช่าสมุดเวทมนตร์ของเมจิกเชี่ยน ตัดสินใจถามทันที
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ เป็นไปได้ไหมที่จะเช่าไม้กางเขนอันนี้เป็นเวลาหนึ่งวัน? หรือสองสามชั่วโมง?”
ปัจจุบัน มันไม่มีแผนจะเช่าไม้กางเขน เนื่องจากโอสถข้ารับใช้วายุถูกย่อยค่อนข้างเร็ว แต่มันคิดเผื่อไว้ตอนที่ต้องดื่มโอสถผู้ขับขานสมุทร ถึงตอนนั้น การตัดตะกอนพลังออกไปบางส่วนถือเป็นสิ่งจำเป็น
“ตกลง” ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ตอบห้วน
เช่าได้ด้วย? ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดที่เคยยืม ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ มาใช้งาน หลังจากได้ฟังคำตอบของมิสเตอร์ฟูล ภายในใจเริ่มตื่นเต้น รีบวิเคราะห์อย่างจริงจังว่าตนจะได้ใช้มรดกของเทพสุริยันบรรพกาลหรือไม่
สองสามวินาทีต่อมา มันพบว่าตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็น
หากต้องการปราบภูตผีและวิญญาณ เส้นทางที่เก่งกาจไม่ได้มีแค่สุริยัน แต่เส้นทางรัตติกาลก็เก่งไม่แพ้กัน!
นอกจากนั้น ในตอนที่กลับถึงเบ็คลันด์ เลียวนาร์ดรวบรวมยันต์เพลิงสุริยันได้เพิ่มอีกสี่แผ่น มันวางแผนจะมอบครึ่งหนึ่งให้ไคลน์ที่ช่วยบอกข้อมูล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเก็บไว้ใช้เอง
สำหรับคุณสมบัติในการตัดตะกอนพลังส่วนเกิน รวมถึงการถอนตัวจากโลกผู้วิเศษ มันไม่ต้องการเลยสักนิด แถมปัจจุบันยังเตรียมจะประกอบพิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็นจอมอาคมวิญญาณ!
ทันใดนั้น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเหลือบมองที่ ‘จัดจ์เมนต์’ ซิล ภายในใจรู้สึกเสียดายเล็กๆ
เธอไม่เสียใจที่ทำการสังเวยไม้กางเขนให้มิสเตอร์ฟูล แต่เสียใจที่ไม่ยอมบันทึกพลังของมันลงสมุดเวทมนตร์ก่อนสังเวย
แน่นอน สาเหตุหลักเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้กลัว เมื่อไม่สามารถใช้พลังของโหราจารย์เพื่อทำนายวิธีการใช้และผลข้างเคียงของไม้กางเขน เธอจึงไม่กล้าทดสอบ
แต่เรายังสามารถเช่ามันจากมิสเตอร์ฟูลได้… เธอพยายามมองโลกในแง่ดี
ไม่พบว่าไม่มีใครกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ถอนสายตากลับ ใช้ภาษากายเพื่อส่งสัญญาณให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์เริ่มต้นช่วงเวลาซื้อขายและพูดคุย
อันที่จริง ในปัจจุบัน คนที่ต้องการจะใช้ไม้กางเขนเจิดจรัสมากที่สุดคงหนีไม่พ้นแอนเดอร์สัน นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลหมอก แม้ว่าชายคนนี้จะขึ้น ‘ฝันทองคำ’ และให้พลเรือโทธารน้ำแข็งช่วยขจัดสิ่งแปลกปลอมส่วนเกินในร่างกาย ถึงจะมีความคืบหน้า แต่อันตรายที่ซ่อนอยู่ยังไม่หมดสิ้นไป
คงต้องวานให้เดนิสช่วยถาม… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์รำพันเล็กๆ
ทันใดนั้น ‘จัสติส’ ออเดรย์เปิดปากเสนอจ้างงาน
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ท่านใดพอจะมีหัวใจของนักล่าฝัน ผลึกภูตจิต หรือสมองที่สมบูรณ์ของมังกรจิตโตเต็มวัยบ้าง?”
……………………….