หลังจากคาบเรียนปรัชญาจบลง ไคลน์รู้สึกคล้ายกับไม่ได้นอนมาสามวันสามคืน ในหัวเต็มไปด้วยชื่อและแนวคิดจำอันซับซ้อนพวกกังขาคติ อภิปรัชญา การคิดจากเหตุไปถึงผล จากผลไปถึงเหตุ นามนิยม สังคมนิยมแห่งโรซายล์ อัตถิภาวนิยม และปฏิฐานนิยม
หากไม่ใช่เพราะ ‘เจ้าของร่าง’ เคยศึกษาประวัติศาสตร์มาก่อน พอจะมีพื้นฐานในเชิงปรัชญาอยู่บ้าง ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าตนจะเอาตัวรอดจากคาบเรียนดังกล่าว เพราะนี่เป็นการเรียนตัวต่อตัว ไม่เหมือนกับสมัยมหาวิทยาลัยในโลกเก่า ถ้าไม่เข้าใจก็แค่แอบหลับหรือไม่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
มิสเตอร์ฮามิดไม่เหมือนกับที่เราจินตนาการไว้เลย เขาเป็นคนตลก เป็นกันเอง เปิดใจ ชอบสนทนากับผู้คน การบรรยายไม่น่าเบื่อแม้แต่น้อย นอกจากนั้นยังไม่ยัดเยียดความศรัทธาในเทพวายุสลาตันเหมือนกับสาวกคนอื่น… ไคลน์ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผาก เดินออกจากประตู ตรงไปยังบันไดใจกลางห้องโถง เดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นสาม โดยมีริชาร์ดสัน บุรุษรับใช้ส่วนตัว คอยตามหลังอย่างเงียบงัน
ระหว่างนี้ มันพบว่าคนงานและสาวใช้กำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ไม่มีใครเกียจคร้าน เมื่อนายจ้างเดินผ่านก็จะหยุดเพื่อแสดงความเคารพ คล้ายกับได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี
ทาเนญ่าบริหารงานในครัวเรือนเก่งมาก… ไคลน์ก้าวไปบนทางเดินชั้นสาม ปลายทางคือห้องที่เปิดประตูค้างไว้ครึ่งหนึ่ง
ยังไม่ทันจะเข้าไป ไคลน์พบว่าพ่อบ้านวอลเตอร์กำลังแขวนลูกซองแฝดไว้บนผนังสองกระบอก มอบความรู้สึกหยาบกร้านและฮึกเหิม
นี่คือการตกแต่งทั่วไปของพ่อค้าที่ร่ำรวย ใบอนุญาตล่าสัตว์นั้นหาไม่ยาก และอานุภาพของปืนลูกซองแฝดก็ไม่ธรรมดา เพียงพอสำหรับให้คนงานและสาวใช้จัดการกับหัวขโมยที่แทรกซึมเข้ามา
หลังจากแขวนเสร็จ วอลเตอร์ถอยหลังสองก้าว ตรวจสอบปืนลูกซองแฝดสักพัก หยิบนาฬิกาพกสีทองจากกระเป๋าเสื้อด้านใน
กริ๊ก!
มันกดนาฬิกา ตรวจสอบเวลาเสร็จ ใบหน้าที่เคร่งขรึมและหัวเก่า ดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
ไคลน์กระแอมเล็กน้อยเพื่อให้พ่อบ้านรู้ตัว จึงค่อยเปิดประตูที่แง้มอยู่ครึ่งหนึ่งและเดินเข้าไป
วอลเตอร์ปิดนาฬิกาพก ใส่กลับไปในเสื้อ หันมาทำความเคารพ
“นายท่าน พวกเราได้รับใบอนุญาตล่าสัตว์มาทั้งหมดหกใบ จึงซื้อปืนลูกสองแฝดและกล่องบรรจุมาหกชุด”
ไคลน์ผู้ซุกซ่อนปืนพก ‘ลางมรณะ’ ไว้ใต้รักแร้ ไม่ได้สนใจปืนลูกซองมากนัก ทำเพียงพยักหน้าเชิงรับรู้
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ซักถามโดยไม่หันไปมอง
“เมื่อตอนที่ผมอ่านข้อมูลจากสำนักงานจัดหาคนรับใช้ สังเกตเห็นว่าคุณวอลเตอร์มีภรรยาและบุตรแล้ว?”
พ่อบ้าน หรือในบางตระกูลจะเรียกว่าหัวหน้าพ่อบ้าน ถือเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเจ้าบ้าน เพราะรู้จักรายละเอียดของงานหลายประเภทในครัวเรือนเป็นอย่างดี ดังนั้น การสั่งงานผ่านพ่อบ้านคือสิ่งที่นายจ้างส่วนใหญ่มักกระทำ ไคลน์เองก็ไม่มียกเว้น
เหนือสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มยังไม่ลืมว่า ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสเคยกล่าวเอาไว้ – การจ้างมิสเตอร์วอลเตอร์จะมีอนาคตที่น่าสนใจรออยู่
วอลเตอร์ตอบเสียงขรึม
“ใช่ครับ เมื่อครั้งผมยังเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์ตระกูลไวเคาต์คอนราด ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ผมต้องติดต่อกับสตรีผู้หนึ่งบ่อยครั้งจนเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ จากนั้น ภายใต้การเฝ้ามองของเทพธิดา พวกเราก้าวเข้าสู่ร่มเงาของการสมรส มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ปัจจุบันเธอกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสามัญ ตั้งเป้าว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเบ็คลันด์ให้ได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนั้นยังมีเวลาอีกสองปี”
เมื่อเอ่ยถึงภรรยาและลูกสาว น้ำเสียงของพ่อบ้านที่เคร่งขรึม ไม่ยิ้มแย้ม พลันอ่อนโยนและร่าเริงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สำหรับปัจจุบัน ทุกศาสนาจะเน้นด้านความสัมพันธ์ของครอบครัวเป็นหลัก เพื่อคอยรับมือความกดดันในชีวิตและปัญหาทางจิตใจซึ่งอาจเกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ แต่ละศาสนาจะเรียงลำดับความสำคัญไม่เท่ากัน เทพธิดารัตติกาลจะเน้นด้านความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง ช่วยกันพยุงครอบครัว เทพวายุสลาตันจะเน้นการให้ผู้ชายทำงานนอกบ้าน ผู้หญิงคอยอยู่บ้านคอยเป็นนางฟ้าสนับสนุนสามี เทพจักรกลไอน้ำจะเน้นไปในเชิงเทคโนโลยีและการใช้แรงงาน ทั้งชายและหญิงต้องช่วยกันทำงาน ช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน
หัวใจไคลน์สั่นคลอนอย่างอธิบายไม่ถูก หันไปถาม
“มาดามทาเนญ่ายังโสด?”
“ใช่ครับ” วอลเตอร์กลับไปใช้เสียงเคร่งขรึม “ในสังคมสมัยใหม่ คนรับใช้ชายและหญิงยังไม่เท่าเทียมกัน ผมไม่ได้หมายถึงในด้านค่าจ้าง เพราะแม่บ้านเก่งๆ จะถูกจ้างด้วยค่าแรงระดับเดียวกับผู้ช่วยพ่อบ้านหรือพ่อบ้าน ตกราวๆ ปีละยี่สิบห้าถึงห้าสิบปอนด์ แต่ผมหมายถึงการถูกเลือกปฏิบัติที่แตกต่าง ทางศาสนจักรเองก็พยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มต่อต้าน เพราะท้ายที่สุด เทพธิดามิได้เป็นเพียงศาสนาเดียวในโลเอ็น”
มันเว้นวรรคสักพัก กล่าวเสริม
“คนรับใช้ชายสามารถแต่งงานได้ แต่ถ้าเมื่อใดที่สาวใช้มีครอบครัว นั่นหมายถึงการตกงาน หรือไม่ก็ความตกต่ำทางอาชีพ อาจต้องกลายเป็นแม่บ้านซักผ้าหรือพนักงานทำความสะอาดชั่วคราวที่นายจ้างไม่ต้องการ เพราะจะทำให้พวกเขาเสื่อมเสียเกียรติ… สิ่งเหล่านี้คือสัจธรรมที่พวกเธอต้องก้มหน้ารับจนกว่าจะไต่เต้าไปถึงตำแหน่งแม่บ้าน แต่นั่นก็ไม่ใช่งานที่สตรีอายุน้อยและขาดประสบการณ์จะทำได้ดีนัก”
ไคลน์ไม่สานต่อหัวข้อสนทนา พยักหน้ารับแผ่วเบา เดินไปยังเก้าอี้เอนหลังภายในห้อง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเหลือบเห็นหนังสือพิมพ์ที่กองอยู่บนโต๊ะกาแฟด้านข้าง
สมองฉุกคิดบางสิ่ง จึงชะงักเล็กน้อยและหันไปกล่าวกับพ่อบ้าน
“ผมเห็นโฆษณาหนึ่งในหนังสือพิมพ์ เนื้อหาเกี่ยวกับการโอนหุ้นของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน รบกวนคุณช่วยหาทนายและนักบัญชีมืออาชีพมาให้คำปรึกษาผมเรื่องนี้ด้วย รวมถึงการตรวจสอบสถานการณ์อย่างละเอียด… หึหึ ผมสนใจอุตสาหกรรมนี้พอสมควร ถ้าราคาไม่แพงมาก จะพิจารณาเรื่องการซื้อ”
ที่ชะงักไปเมื่อครู่ เพราะไคลน์ผุดคำถามหนึ่งในหัว – คนรวยที่เพิ่งเข้ามาอาศัยในกรุงเบ็คลันด์เพื่อแสวงหาโอกาส จะไม่สนใจข่าวการโอนหุ้นของบริษัทเบ็คลันด์จักรยานสักนิดเลยหรือ?
แม้ว่า ‘ดันเตส’ จะไม่สันทัดในอุตสาหกรรมนี้ แต่ก็ควรหาคนมาตรวจสอบ ไม่อย่างนั้นอาจไม่สอดคล้องกับอุปนิสัยของตัวละคร
หึหึ วิธีนี้ยังจะช่วยให้ราคาหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของเราเพิ่มขึ้น… แต่ต้องคอยเตือนตัวเองไว้ว่า อย่าพยายามเพิ่มราคาให้สูงเกินไป ห้ามโลภจนเกินเหตุ เพราะถ้าเพิ่มราคาแล้วดันไม่มีคนสู้ ฝ่ายที่ต้องนั่งเสียใจภายหลังคือตัวเราเอง สิ้นเนื้อประดาตัวในพริบตา กระทั่งค่าใช้จ่ายประจำวันก็ไม่น่าจะเพียงพอ… ขณะกำลังวาดฝันอนาคตอันงดงาม ไคลน์รีบเตือนตัวเองในใจ
“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ไม่ถามซักไซ้ รับคำอย่างว่าง่าย
16:35 นาฬิกา บุรุษรับใช้ริชาร์ดสันเคาะประตูเพื่อขอเข้าไปในห้อง กล่าวกับดอน·ดันเตสที่กำลังอ่านหนังสืออย่างสบายใจ
“นายท่านครับ มีแขกมาหา ประกอบด้วยมิสเตอร์โมวรี·มัคท์กับมาดามลีอานน่าภรรยาของเขา รวมถึงมิสเตอร์อีเล็คตร้า บิชอปแห่งวิหารนักบุญแซมมวล”
โมวรี·มัคท์? สมาชิกสภาสามัญคนนั้น? แถมยัง… ทำไมบิชอปของวิหารนักบุญแซมมวลถึงมาเยี่ยม? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“มีธรรมเนียมปฏิบัติแบบนี้ด้วยหรือ?”
แม้ชายหนุ่มจะเพิ่งเรียนมารยาทไปเพียงสองคาบ แต่ก็พอจะทราบว่า ด้วยฐานะของเพื่อนบ้านระดับนี้ การเยี่ยมเยียนในครั้งแรกมักไม่กระทำกันซึ่งหน้า แต่จะส่งแม่บ้านหรือคนรับใช้มาเคาะประตู ส่งจดหมายเชิญหรือนัดหมายสำหรับการเข้ามาเยี่ยมอย่างเป็นทางการ
ริชาร์ดสันก้มศีรษะลงตามนิสัย
“มีครับ… เพราะคุณพ่อบ้านเคยแวะเข้าไปส่งนามบัตรและของขวัญให้นายท่าน โดยบอกกับเพื่อนบ้านทุกๆ คนว่า ตลอดสัปดาห์นี้ นายท่านจะอยู่ที่บ้านในช่วงบ่าย… จากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อนบ้านที่ได้รับนามบัตรจะเริ่มรู้จักนายท่านเบื้องต้น และหลังจากเฝ้าสังเกตสักพัก ไม่จำกัดเฉพาะการส่งคนรับใช้มาเชิญไปเป็นแขกที่บ้าน แต่พวกเขายังสามารถแวะมาเยี่ยมแบบกึ่งทางการในช่วงสี่ถึงห้าโมงเย็น ด้วยเหตุผลว่าเป็นทางผ่านระหว่างกำลังเดินเล่น… สุภาพสตรีจะต้องสวมชุดสำหรับเดินเล่นเท่านั้น มิฉะนั้นจะถือว่าไม่เหมาะสม และนายท่านสามารถชักชวนพวกเขาเข้ามาดื่มชายามบ่ายได้ด้วย”
ไคลน์เดินไปที่ประตู ยืนรอริชาร์ดสันหยิบเสื้อโค้ทมาสวมให้ ถามอย่างเป็นกันเอง
“แล้วบิชอปอีเล็คตร้า?”
นี่คือประเด็นที่ตนสนใจมากที่สุด คำถามแรกเป็นเพียงการปูทาง
ริชาร์ดสันตอบทันทีราวกับเตรียมพร้อมล่วงหน้า
“บิชอปอีเล็คตร้าเป็นแขกพิเศษของส.ส. มัคท์ในช่วงบ่าย มีความเป็นไปได้ว่า พวกเขากล่าวถึงคุณในการสนทนา จึงตัดสินใจแวะมาเยี่ยมโดยอ้างการเดินผ่าน”
ท่วงท่าการขยับแขนมิได้ด้อยประสิทธิภาพลงแม้จะกำลังพูดอยู่ ริชาร์ดสันช่วยดอน·ดันเตสสวมเครื่องแต่งกายอย่างชำนาญ
ไคลน์ ‘อืม’ ในลำคอ รอจนกระทั่งริชาร์ดสันก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู จึงค่อยเดินนำออกไป
ไม่นานนัก ชายหนุ่มเห็นแขกสามคนในห้องนั่งเล่นเล็กๆ บนชั้นสอง
โมวรี·มัคท์คือสุภาพบุรุษชาวโลเอ็นทั่วไป อายุราวสี่สิบ ผมสีดำและดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าชัดลึกและเรียวยาว หน้าผากค่อนข้างเถิก เคยรับราชการในกองทัพบก และเข้าทำงานทางการเมืองหลังออกจากกองทัพ เริ่มต้นอาชีพใหม่ในกรุงเบ็คลันด์ ไต่เต้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เป็นสมาชิกสภาสามัญของอาณาจักร นับถือเทพธิดารัตติกาล เป็นสมาชิกพรรคหัวก้าวหน้า สนับสนุนการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางอากาศ
ลีอานน่า ภรรยาของโมวรี มาจากครอบครัวทนายความ คอยป้อนทรัพยากรมากมายให้สามีเล่นการเมือง นับถือเทพธิดารัตติกาลเช่นกัน
อีเล็คตร้า มาในเสื้อคลุมสีดำกระดุมสองแถว อายุย่างสี่สิบ ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเรียว มองผิวเผินอาจไม่หล่อเหลา แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างแฝงอยู่ เป็นบิชอปคนที่ไคลน์เคยพบขณะหย่อนเงินลงกล่องบริจาค
เห็นดอน·ดันเตสเดินเข้ามา โมวรี·มัคท์เดินเข้าหาสองก้าวและยิ้ม
“ผมได้ยินมาสักพักแล้วว่า ผู้ศรัทธาในเทพธิดาอย่างแรงกล้าคนหนึ่งย้ายเข้าบ้านเลขที่ 160 คิดว่าสักวันต้องไปเยี่ยมให้ได้ วันนี้บังเอิญเดินเล่นและผ่านแถวนี้พอดี จึงถือวิสาสะแวะเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว ได้โปรดยกโทษให้ความหยาบคายของเราด้วย”
ไคลน์ยิ้ม ทำสัญลักษณ์ที่จุดบนหน้าอก
“ในเวลาแบบนี้ มาสรรเสริญพระองค์กันเถิด”
“เทพธิดาจงเจริญ!” อีเล็คตร้าและลีอานน่าพยักหน้าเงียบงัน พลางวาดสัญลักษณ์พระจันทร์สีแดงบนหน้าอก
ทักทายกันเสร็จ ไคลน์เชิญแขกทั้งสามคนนั่งลง เป็นเวลาเดียวกับที่สาวใช้ยกชาดำและกาแฟมาเสิร์ฟ – แม่บ้านทาเนญ่าได้ซักถามเรียบร้อยแล้วว่า แต่ละคนต้องการจะดื่มอะไร
“มิสเตอร์ดันเตส ผมได้ยินว่าคุณเป็นนักธุรกิจจากอ่าวเดซีย์ ไม่ทราบว่าเคยลงทุนในธุรกิจใดมาก่อน?” โมวรี·มัคท์ถามอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะกล่าวติดตลก “นามสกุลของคุณทำให้ผมคิดไปไกล”
มันกำลังหมายถึง ดันเตสคือนามสกุลที่มักเป็นของตัวเอกในนิยายอันโด่งดังของจักรพรรดิโรซายล์
ไคลน์หัวเราะ ถามติดตลกบ้าง
“ล่าขุมทรัพย์จัดเป็นธุรกิจแบบไหนครับ?”
เป็นการเล่นมุกจากนิยายที่ขายดีที่สุดของโรซายล์
โดยไม่รอให้มิสเตอร์ส.ส. ตอบกลับ ชายหนุ่มเล่าในสิ่งที่เตรียมไว้แล้ว
“ผมเคยเป็นเจ้าของเหมืองแห่งหนึ่ง แต่ก็อย่างที่คุณทราบ เหมืองยอมมีวันที่ขุดเสร็จ หลังจากนั้นก็แทบไม่ทำเงินอีก”
มันกำลังบอกใบ้ว่าตนเกิดที่เมืองซึ่งมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ในแคว้นเดซีย์ อย่างไรก็ตาม สถานที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยกลุ่มอันธพาลและเศรษฐีลับๆ นับไม่ถ้วน หากคนทั่วไปต้องการตรวจสอบปูมหลังของดอน·ดันเตส เกรงว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปี
บิชอปอีเล็คตร้าพยักหน้าพลางครุ่นคิด
“คุณก็เลยย้ายมายังเบ็คลันด์เพื่อแสวงหาโอกาส? ผมขอทราบได้ไหมว่า ใครแนะนำให้คุณเข้าสู่ร่มเงาของเทพธิดา”
…………………………………………….