เรารู้จักมิสเตอร์ประตู? นอกจากมิสเตอร์ฟูล เทพที่เรารู้จักมีเพียงเจ็ดเทพจารีตเท่านั้น… และเหนือสิ่งอื่นใด เราไม่เคยเข้าศาสนสถานอื่นนอกจากวิหารเทพจักรกลไอน้ำ… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเผยสีหน้างุนงง ภายในใจหวนนึกถึงตัวตนระดับสูงที่ตนอาจเคยได้พบเจอ
เนื่องจากมีจำนวนไม่มาก ฟอร์สตัดตัวเลือกหลายอันออกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง ดวงตาหญิงสาวพลันสว่างวาบ ฉุกคิดถึงบางสิ่งเกี่ยวกับบทสนทนาครั้งแรกระหว่างตนและมิสเตอร์ฟูล
ฟอร์สมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวที่มีหมอกปกคลุมหนาแน่น กล่าวเสียงสั่นเครือ
“ใช่เจ้าของเสียงเพรียกขณะพระจันทร์เต็มดวงไหมคะ?”
ไคลน์ยิ้มและพยักหน้า
“ถูกต้อง”
เสียงเพรียกขณะจันทร์เต็มดวง… หมายความว่ายังไง? ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างมองหน้ากันและกัน ประหนึ่งเป็นเพียงเด็กใหม่ที่เพิ่งหัดเข้าสู่โลกเร้นลับ
ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เคยได้ยิน ‘เสียงเพรียกขณะจันทร์เต็มดวง’ มาก่อน
อย่างที่คิด มิสเมจิกเชี่ยนไม่ใช่ตัวตนธรรมดา นอกจากจะรู้จักมิสเตอร์ประตู เธอยังทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์เบื้องต้นของเรายังแม่นยำเหมือนเดิม… แม้วัตถุดิบที่เธอหาซื้อมักเป็นของระดับต่ำ แต่นั่นก็ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงอะไร… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพยักหน้าเล็กน้อยจนยากจะสังเกต เตรียมคิดคำถามเกี่ยวกับมิสเตอร์ประตูในช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ โดยยินดีจ่ายในราคาที่เหมาะสม
คนที่ทำให้จักรพรรดิโรซายล์เอ่ยถึงในไดอารีได้ แถมมิสเตอร์ฟูลยังเรียกด้วยถ้อยคำที่เป็นทางการ ต้องเป็นบุคคลที่รายล้อมไปด้วยความลับ ไม่มีทางเป็นตัวตนธรรมดาแน่!
ทันใดนั้น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สพ่นลมหายใจแผ่วเบา ตระหนักว่าตนเข้าใกล้การถอน ‘คำสาป’ เข้าไปอีกขั้น
อย่างน้อย ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนส่งเสียงเพรียกขณะจันทร์เต็มดวง… หญิงสาวก้มหน้าลง กล่าวกับมิสเตอร์ฟูล
“ขอบคุณที่ช่วยเตือนความจำค่ะ”
ไคลน์ไม่ต่อความยาว และไม่ได้บอกใบ้ว่ามิสเตอร์ประตูคือบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็น ‘เบเทล·อับราฮัม’ ต้นตระกูลอับราฮัม เพียงมองไปรอบตัว กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“เชิญเริ่มได้”
กล่าวจบ ชายหนุ่มควบคุมเดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแหบพร่าทันที
“ผมมีสมบัติวิเศษมาเสนอขาย… ทั้งหมดสองชิ้น”
สมบัติวิเศษสองชิ้น… ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มิสเตอร์เวิร์ลมีสมบัติวิเศษมาขายในแทบทุกการชุมนุม… สมแล้วที่เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… ‘จัสติส’ ออเดรย์ชำเลืองไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวด้วยสีหน้าชื่นชม รอให้เดอะเวิร์ลนำสินค้าออกมาแสดงพร้อมกับแนะนำความสามารถ
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ใจเต้นระรัว มั่นใจว่าสมบัติวิเศษที่เดอะเวิร์ลนำมาขายย่อมต้องไม่ธรรมดา แต่เมื่อตระหนักว่าตนแทบไม่มีเงินติดตัว และข้อมูลราคาแพงอย่างเกาะร้างโบราณก็ขายให้อีกฝ่ายไปแล้ว จึงทำได้เพียงถอนหายใจเงียบงัน ผิดหวังเหนือคำบรรยาย
ยังเหลือเวลาอีกห้าชั่วโมงก่อนจะถึงเกาะปาซู อัลเจอร์อยากเหาะไปถึงที่นั่นใจแทบขาด รีบรายงานให้เสร็จและรีบออกจากเกาะ ตามหาสัตว์ทะเลอ็อบนิส เลื่อนลำดับเป็น ‘ผู้ขับขานสมุทร’ โดยเร็ว
เมื่อถึงตอนนั้น มันสามารถสำรวจเกาะร้างโบราณร่วมกับเดอะเวิร์ล กอบโกยกำไรมหาศาลเพื่อบรรเทา ‘วิกฤติทางการเงิน ที่กำลังประสบอยู่
แม้ว่า ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน และ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สต่างก็อยากรู้รายละเอียดสมบัติวิเศษ แต่ก็ไม่มีใครปรารถนาจะซื้อมัน
หนึ่งในคนเหล่านี้สามารถเลือกสมบัติวิเศษจาก ‘หกสภาอาวุโส’ ของเมืองเงินพิสุทธิ์ได้เมื่อกลายเป็นลำดับ 4 ส่วนอีกหนึ่งคนกำลังจะได้รับรางวัลจากการแข่ง ‘ล่า’ ถึงจะยังไม่ทราบชนิดของรางวัล แต่การซื้อสมบัติวิเศษจากภายนอกอย่างส่งเดช มีโอกาสที่พลังจะซ้ำซ้อนกันและเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ เงินสดที่มีอยู่ราวสองสามพันปอนด์ต้องถูกใช้จ่ายไปกับเบาะแสของเหยื่อ และคนสุดท้าย เธอสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแท้จริง
‘เฮอร์มิท’ แคทลียามองไปทาง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยความสนใจ ครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายนำสมบัติวิเศษมาจากไหน
หากราคาสมเหตุสมผลและไม่ขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังพกพา เธอยินดีจะซื้อมัน
เมื่อพบว่าลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองแสดงความสนใจไม่มากก็น้อย เดอะเวิร์ลกล่าวด้วยรอยยิ้มลุ่มลึก
“ชิ้นแรกมีชื่อว่า ‘ตาชั่งโชคชะตา’ … ผมเรียกมันว่าแบบนั้น…”
กล่าวจบ ชายหนุ่มหันไปขออนุญาตเดอะฟูลเพื่อเสกสร้อยเงินที่ห้อยจี้เหรียญโบราณ
หลังจากแนะนำประสิทธิภาพในเชิงศาสตร์เร้นลับและผลข้างเคียง ไคลน์เหลือบไปทาง ‘จัสติส’ ออเดรย์และกล่าวตักเตือน
“ผมไม่แนะนำให้ผู้วิเศษที่มีพลังการต่อสู้ต่ำซื้อไป แม้มันจะช่วยให้ผู้สวมหลีกเลี่ยงจากความตาย แต่กรรมที่ต้องชดใช้ก็อันตรายไม่แพ้กัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้สวมต้องมีฝีมือระดับหนึ่ง และยังต้องรอบคอบ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รอดจากผลข้างเคียงอยู่ดี”
เมื่อตระหนักว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษสายสนับสนุนมากกว่าต่อสู้ มีพลังในการควบคุมและสร้างอิทธิพลเป็นหลัก แทบไม่ต้องปะทะกับใคร ‘จัสติส’ ออเดรย์พยักหน้าด้วยความเสียดาย เห็นพ้องกับคำพูดของเดอะเวิร์ล
มิสเตอร์เวิร์ลใจดีกับสมาชิกของชุมนุมทาโรต์มาก… ทั้งที่การย้ำเตือนข้อเสียอาจทำให้เขาขายของไม่ออก… ออเดรย์ปรับทัศนคติที่เธอมีเกี่ยวกับเดอะเวิร์ล
เฮอร์มิทพลันเกิดความรู้สึกคุ้นเคยหลังจากได้ยินคำอธิบาย พยายามนึกให้ออกว่าตนเคยได้ยินพลังของ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ มาจากไหน
ฉากแล้วฉากเล่าแล่นผ่านความทรงจำอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหยุดค้างไว้ที่ภาพหนึ่ง รูม่านตาแคทลียาพลันหดลีบ ปากโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความตกตะลึง
“เซนอล?”
ฟังดูเหมือนกับสร้อยคอของ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลมาก… นอกจากหน้าตาจะเหมือนกัน พลังและผลข้างเคียงก็ยังเหมือนกับยังกับแกะ! เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปเอามาจากไหน? เขาก่อวีรกรรมอะไรอีก? อนาคตกาลไม่ได้เทียบท่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เราพลาดข่าวสำคัญไปหรือ? ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาสังหรณ์ใจว่า เดอะเวิร์ลได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!
ไคลน์ครุ่นคิด บังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เขาตายแล้ว”
ชายหนุ่มไม่แยแสว่ามิสจัสติสและคนที่เหลือจะทราบในภายหลังว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือ ‘เดอะเวิร์ล’ เพราะยังไงเสีย ปัจจุบันก็มีคนล่วงรู้แล้วถึงสอง และในอนาคต ตัวตนนี้จะได้เผยโฉมน้อยลง
นอกจากนั้น หากมีสมาชิกชุมนุมคอยสร้างชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง ชาวชุมนุมทาโรต์ก็จะยิ่งรู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้น!
เขาตายแล้ว… เกอร์มัน·สแปร์โรว์จัดการเซนอลไปแล้ว? ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด เรายังทำได้แค่ช่วงชิงความได้เปรียบเหนือเซนอลเล็กน้อย… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพบว่า นับวันตนยิ่งมองไม่เห็นขีดจำกัดความแข็งแกร่งของเดอะเวิร์ล
ถึงแม้ค่าหัวของพลเรือเอกโลหิตจะสูงกว่า แต่นั่นเป็นเพราะมันก่อกรรมทำชั่วบ่อยครั้ง หากพูดถึงฝีมือและของวิเศษเพียงลำพัง แคทลียาจะเหนือกว่าเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าเธอกับเซนอลไม่เคยปะทะกัน มีคล้ายครั้งที่เธอรุกหนักจนอีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก เพียงแต่ไม่สามารถปิดฉากให้เป็นเรื่องเป็นราว
สำหรับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ในวันที่ชายคนนี้เริ่มโดยสารอนาคตกาล เธอมองว่าอีกฝ่ายยังด้อยกว่าตัวเองพอสมควร เพราะไม่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่ง ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่ ทั้งที่เป็นฝ่ายลอบสังหาร
แต่เมื่อนักผจญภัยเสียสติรายนี้เลื่อนลำดับสำเร็จและล่า ‘จอมเชือด’ จิลเซียส เธอเริ่มยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งระดับเดียวพลเรือโจรสลัด อย่างน้อยก็มีฝีมือทัดเทียมตน
ทว่า ผ่านไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกล่าอีกครั้ง เลือกลงมือกับ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล หนึ่งในสามนายพลโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุด!
สำหรับเรื่องนี้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเชื่อว่าแม้แต่ตนก็ทำไม่ได้!
เขาตายแล้ว? ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลตายไปแล้ว? ถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์สังหาร? เขาคิดจะฆ่าลำดับ 5 สัปดาห์ละคนหรือยังไงกัน… ยิ่งไปกว่านั้น เหยื่อรายล่าสุดยังแข็งแกร่งกว่ารายที่แล้วมาก… แม้จะเป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล แต่นี่ไม่ทรงพลังเกินไปหน่อยหรือ? เขายังไม่ได้เป็นครึ่งเทพด้วยซ้ำ… หรือว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากข้ารับใช้คนอื่น? ทางศาสนจักรน่าจะมีเอกสารที่เกี่ยวข้อง แต่ตำแหน่งปัจจุบันของเรายังไม่มีสิทธิ์อ่าน… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ประหลาดใจเล็กๆ อดไม่ได้ที่จะมองหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
‘จัสติส’ ออเดรย์ยังคงอยู่ในปราสาทตระกูลในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก วันๆ ได้อ่านแค่หนังสือพิมพ์และนิตยสารภายในอาณาจักรไม่กี่ฉบับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเล แต่ประเมินจากน้ำเสียงและคำพูดของมาดามเฮอร์มิท เธอเชื่อว่ามิสเตอร์เวิร์ลได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!
เซนอล… มิสเตอร์แฮงแมนเคยเล่าให้ฟัง นี่เป็นชื่อจริงของพลเรือเอกโลหิต… มิสเตอร์เวิร์ลกำจัดนายพลโจรสลัดคนดังกล่าวและนำสมบัติวิเศษมาขาย? น่าทึ่งมาก เราเองก็ฝันจะทำแบบนั้นให้ได้เหมือนกัน! หลังจากได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเจ็ดนายพลโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ เราเคยจินตนาการภาพตัวเองกลายเป็นผู้วิเศษทรงพลัง ออกผจญภัยในทะเล จัดการพวกมันทุกคนและส่งตัวให้อาณาจักร… ตอนนี้ชุมนุมทาโรต์ของเราแข็งแกร่งขึ้นจากเมื่อก่อนมาก!
ดีล่ะ… เราต้องสืบหาว่าใครเป็นคนฆ่าพลเรือเอกโลหิต ด้วยวิธีนี้ เราก็จะรู้ตัวจริงของมิสเตอร์เวิร์ล… แต่เขาจะโกรธไหม? คงไม่… เขาเป็นฝ่ายเล่าออกมาเอง หมายความว่ายินดีที่จะให้สมาชิกคนอื่นล่วงรู้ตัวตน… ‘จัสติส’ ออเดรย์ครุ่นคิดด้วยสีหน้ายินดี
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สซึ่งมักอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับเพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับงานเขียน พลันหวนนึกถึงข่าวใหม่ที่เพิ่งได้อ่านเมื่อไม่นาน
‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล คาดว่าจะถูกสังหารโดยฝีมือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเสียสติ!
อย่างบอกนะว่า… มิสเตอร์เวิร์ลคือคนที่มีค่าหัว… ไม่สิ คือนักผจญภัยเสียสติที่มีค่าหัวสูงถึงห้าหมื่นปอนด์! ฟอร์สพลันสั่นกลัว เริ่มเชื่อว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งพอที่จะช่วยเธอฆ่าหนึ่งใน ‘ผู้ส่งสาร’ ของชุมนุมแสงเหนือ ‘นักท่องเที่ยว’ ลูอิส·เวย์น!
‘เดอะมูน’ เอ็มลินรู้สึกแบบเดียวกับ ‘จัสติส’ ออเดรย์ เป็นเพราะมันไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์ และกิจวัตรประจำวันก็ไม่มีข่าวสารผ่านหู ส่วน ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไม่แปลกใจแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มเชื่อมานานแล้วว่าเดอะเวิร์ลแข็งแกร่งมาก แม้แฮงแมนจะเคยเกริ่นว่า ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลเป็นบุคคลที่แข็งแกร่ง แต่เดอร์ริคก็ยังเชื่อว่ายังด้อยกว่าเดอะเวิร์ล
แคทลียาเงียบงันหลายวินาที ก่อนจะกล่าว
“คุณจะขายเท่าไร? หรืออยากแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด… ถ้าราคาสมเหตุสมผล ฉันสนใจจะซื้อ”
เยี่ยม! ในที่สุดก็มีคนสนใจ! ไคลน์ ผู้ถูกหนี้สินกดดันการใช้ชีวิตอย่างหนัก บังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าว
“หนึ่งหมื่นสองพันปอนด์ทอง”
ด้วยกังวลว่าแคทลียาจะปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบเสริมอีกหนึ่งประโยค
“คุณสามารถใช้เหรียญทองจ่ายแทนได้บางส่วน และผมจะลดราคาเหลือเพียงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปอนด์”
ไคลน์เชื่อว่า พลเรือเอกดวงดาวที่มักปล้นเรือขนทองคำจากอาณาจักรต่างๆ น่าจะพอมีทองคำเก็บไว้กับตัว แม้จะไม่มาก แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนกับโจรสลัดคนอื่นได้ โดยเหรียญทองเหล่านี้จะถูกใช้ชำระเงินหนี้สินก้อนแรกให้มิสผู้ส่งสาร
เป็นเพราะการดำรงอยู่ของโบสถ์วายุสลาตัน ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะลงไปงมซากเรืออับปางใต้ก้นทะเลเพื่อหาเหรียญทอง เพราะเชื่อว่านักบวชสมองกล้ามเหล่านี้คงสำรวจซากเรืออย่างทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
เจ้าสมุทรไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทพสมุทรเลย… และบุคคลระดับเจ้าสมุทรก็คงมีอยู่มากมายเต็มศาสนจักร!
แคทลียาเงียบงันสักพัก กล่าวเสียงแผ่ว
“เหรียญทองสี่พันปอนด์ บวกกับเงินสดอีกหกพันห้าร้อยปอนด์… หากคุณยอมรับราคานี้ การเจรจาก็จะได้ข้อสรุป”
สำหรับเธอ การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่เบื้องหลังของแคทลียายังมีนิกายมอสส์คอยสนับสนุน หากมีโอกาสซื้อ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ ในราคาเพียงหนึ่งหมื่นปอนด์เศษ เชื่อว่าคงไม่มีใครในองค์กรคิดคัดค้าน
สมแล้วที่เป็นนายพลโจรสลัด… น่าเสียดายที่เราต้องคอยหลบหน้าโรงเรียนกุหลาบ ไม่อย่างนั้นคงหาโอกาสงมเรือของเซนอลเพื่อกวาดต้อนสมบัติที่หลงเหลือมาครอง… ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว
“ตกลง”
…………………………………………………….