Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 742 : ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

ราชันเร้นลับ 742 : ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

หลังจากเงียบงันสักพัก ไคลน์ยกถ้วยชาดำ จิบและกล่าว

“น่าสนใจ ผมจะเก็บไว้พิจารณา… แต่จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า คนเราไม่ควรด่วนตัดสินใจ ต้องมีการเปรียบเทียบอย่างละเอียดเพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุด… ยังมีตัวเลือกอื่นอีกไหม”

วอลเตอร์ผู้สวมถุงมือสีขาว กล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

“ถนนเฟลป์ก็น่าจะตอบสนองความต้องการของนายท่านได้ หากจำไม่ผิด บ้านเลขที่ 9 กำลังหาคนเช่า เป็นคฤหาสน์สองชั้น มีมากกว่าสิบห้อง มีคอกม้า เรือนคนรับใช้ และสวนเล็กๆ เครื่องเรือนค่อนข้างรุ่นเก่า แต่ก็ยังอยู่ในสภาพดี ค่าเช่ารายปีตกอยู่ที่สองร้อยยี่สิบปอนด์”

ราคาน่าสนใจมาก… สมเหตุสมผล… แต่บ้านเลขที่ 9 ถนนเฟลป์อยู่ห่างจากวิหารนักบุญแซมมวลไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร แม้ว่าจะสอดคล้องกับทฤษฎีเงามืดใต้โคมไฟ แต่นั่นย่อมหมายถึงการมีเหยี่ยวราตรีพลุกพล่าน เราคงออกจากบ้านอย่างลับๆ ตอนกลางคืนไม่สะดวกนัก ไปไหนมาไหนก็ลำบาก… ไคลน์ที่แต่เดิมตั้งราคาค่าเช่าไว้ราวห้าถึงหกร้อยปอนด์ ย่อมมองว่าบ้านสวนราคาสองร้อยยี่สิบปอนด์นับว่าไม่เลว

สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่า พ่อบ้านวอลเตอร์จงใจแนะนำหลังที่ราคาแพงจนฟุ่มเฟือยก่อนหรือ?

ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ถามต่อไป

“ยังมีอีกไหม”

วอลเตอร์ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนก็ยังว่างอยู่ครับ เป็นอาคารสามชั้นที่มาพร้อมสวน คอกม้า และเรือนคนรับใช้ มีห้องนับสิบ แต่ทำเลไม่ดีเท่าบ้านเลขที่ 32 สถาปัตยกรรมภายในและเครื่องเรือนอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเช่าปีละสามร้อยสิบห้าปอนด์”

สามร้อยสิบห้าปอนด์… ไคลน์พึมพำค่าเช่าในใจ ถามหลังจากไตร่ตรอง

“คุณแนะนำหลังไหนเป็นพิเศษ?”

ปัจจุบัน ชายหนุ่มมีคำตอบในใจแล้ว แต่ในฐานะนายจ้าง ตนไม่ควรด่วนเปิดเผยออกไปก่อน เพราะหากการตัดสินใจดันไปขัดแย้งกับความรู้พื้นฐานบางเรื่อง อีกฝ่ายจะมองไม่ดีทันที

วอลเตอร์ครุ่นคิดสักพัก

“บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน… เมื่อลองคำนึงดูแล้ว เพื่อนบ้านในละแวกดังกล่าวมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการก้าวขึ้นไปเป็นชนชั้นสูง ในทางกลับกัน บ้านเลขที่ 32 นั้นฟุ่มเฟือยเกินไป การบุ่มบ่ามเช่าอาจทำให้เพื่อนบ้านคิดว่านายท่านเป็นพวกใช้เงินมือเติบ ไม่ใช่เรื่องดีนัก”

สรุปโดยสั้น หากเลือกเช่าคฤหาสน์ราคา 1,260 ปอนด์ตั้งแต่ต้น เพื่อนบ้านก็จะมองออกทันทีว่าเราเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่อวดร่ำอวดรวย… สำหรับคนที่ต้องการจะไต่เต้าไปเป็นชนชั้นสูง เรื่องแบบนี้ไม่ดีต่อภาพลักษณ์… ไคลน์จิบชาดำ ถามด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมคุณถึงเสนอบ้านเลขที่ 32 ให้ผมก่อน?”

วอลเตอร์โค้งศีรษะเล็กน้อย

“นายท่านที่เคารพ ผมเป็นเพียงพ่อบ้าน หน้าที่ของผมไม่ใช่การตัดสินใจ แต่เป็นการนำเสนอตัวเลือกที่เหมาะสมทั้งหมด และคอยแนะนำเพิ่มเติมในจุดที่นายท่านเจาะจงเป็นพิเศษ… หากยังไม่ทราบความต้องการอย่างละเอียด ผมทำได้เพียงแนะนำอย่างคลุมเรือ”

มืออาชีพมาก… ในตอนแรก เขายังไม่แน่ใจว่าดอน·ดันเตสจะเป็นพวกเศรษฐีหน้าใหม่อวดรวยหรือไม่ จึงเสนอตัวเลือกแรกเป็นบ้านเลขที่ 32 ถนนเบิร์คลุนจึงเพื่อประเมินในจุดนี้ จะได้ปรับตัวให้เข้ากับอุปนิสัยของนายจ้างถูก… ไคลน์ยิ้ม

“ตัดบ้านเลขที่ 32 ออก พวกเราจะเลือกจากหนึ่งในสองหลังที่เหลือ… ก่อนจะตัดสินใจ ผมชอบเดินดูของจริงก่อน พวกเราจะออกเดินทางหลังจากเสร็จอาหารกลางวัน”

“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ยังทำตัวขึงขังและหัวเก่าเช่นเคย

ย่านทิศใต้ของสะพาน วิหารฤดูเก็บเกี่ยว

เอ็มลิน·ไวท์กำลังเช็ดเชิงเทียนสีเงิน พลางครุ่นคิดถึงเบาะแสที่มิสเมจิกเชี่ยนมอบให้

ชุมนุมลับของผู้วิเศษ… แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับไม่ได้เบาะแส… ต้องเสียเวลาเข้าไปสืบเอง และเราคงไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมชุมนุมลับนั่นในเร็วๆ นี้… เอ็มลินยืนจ้องผิวโลหะสีเงิน ตรวจสอบใบหน้าของตัวเองในเงาสะท้อน ยกมือขึ้นมาสางผม

จากนั้น มันวางเศษผ้าลง ถอยไปยังเก้าอี้แถวแรกของโถงสวดมนต์และนั่งลง ชำเลืองบิชอปยูทรอฟสกี้ที่กำลังสวดวิงวอนด้วยศรัทธาอันแรงกล้าหน้าแท่นบูชา

ท่ามกลางห้วงความคิด ไอเดียมากมายผุดขึ้นเป็นระยะ จนกระทั่งเอ็มลินเริ่มพบความเชื่อมโยง

“แล้วทำไมจู่ๆ หุ่นกระบอกที่สาวกดวงจันทร์บรรพกาลหลงใหล ถึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน?”

หุ่นกระบอกจันทรา… ฟังดูเหมือนอาหารสำหรับล่อให้เหยื่อออกมาติดเบ็ด… อย่าบอกนะว่าเป็นกับดักที่รุส·บาโธรีวางไว้ล่อลวงพวกสาวกดวงจันทร์บรรพกาล? ดวงตาเอ็มลินพลันลุกวาว รีบยืนขึ้นจากเก้าอี้

รุส·บาโธรีเป็นบารอนผีดูดเลือดที่เข้าร่วมการแข่ง ‘ล่า’ คราวนี้ด้วย เอ็มลินมองว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด

ยิ่งครุ่นคิด เอ็มลินก็ยิ่งพบความเป็นไปได้ เพราะจำได้ว่าบาโธรีเป็นคนชอบสะสมของเก่า โดยเฉพาะวัตถุแปลกๆ จากทวีปใต้!

เดินถอยหลังสองสามก้าว มุมปากของมันกระตุกแผ่วเบา พึมพำกับตัวเองเงียบงัน

จริงอยู่… เราไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปในชุมนุมลับเพื่อตรวจสอบที่อยู่ของสาวกดวงจันทร์บรรพกาลนามว่าวินเซอร์ แต่ในทางกลับกัน เราสามารถจับตามองรุส·บาโธรีได้! จากนั้นก็ชิงลงมือกำจัดเป้าหมายตัดหน้ามัน!

ฮะฮะ… ชักอยากเห็นสีหน้าหมอนั่นตอนโดนแย่งเหยื่อแล้วสิ…

อา… เบาะแสของมิสเมจิกเชี่ยนช่างคุ้มค่ากับเงินหนึ่งร้อยปอนด์…

ขณะเอ็มลินกำลังตื่นเต้น หลวงพ่อยูทรอฟสกี้จบการสวดวิงวอน ชำเลืองมาทางเอ็มลินและกล่าว

“ความศรัทธาของคนเราไม่ได้อยู่ที่คำพูด แต่เป็นการกระทำ… วันนี้คุณยังใส่ใจกับพระองค์ไม่มากพอ… เช็ดเชิงเทียนใหม่”

“ค… ครับ” เอ็มลินตอบกระอักกระอ่วน

รอจนกระทั่งนักบวชเดินไปที่ห้องสารภาพบาป มันตื่นจากภวังค์พลางกระซิบกระซาบจิกกัด

“ข้าไม่ได้นับถือศาสนานี้ ไม่จำเป็นต้องสำนึกในบุญคุณ!”

ท่ามกลางทิวแถวต้นฟินิกซ์อินทิสที่เรียงราย ไคลน์ถือไม้ค้ำเลี่ยมทอง เดินออกจากบ้านเลขที่ 160 อย่างไม่รีบร้อน

ชายหนุ่มหายใจแผ่ว หันไปทางพ่อบ้านวอลเตอร์

“คุณไปบอกกับเจ้าของว่า ผมพึงพอใจมาก… ต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งปีใช่ไหม? ไม่เลว ถึงตอนนั้นเราอาจได้ย้ายไปหลังที่ดีกว่านี้ อย่างเช่นเขตราชินี”

คำพูดของไคลน์บ่งบอกถึงความทะเยอทะยานที่จะคว้าบรรดาศักดิ์ขุนนาง เพราะเขตราชินีคือย่านที่มีขุนนางอาศัยพลุกพล่าน

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมไม่เช่าแค่ครึ่งปีเพื่อประหยัดเงิน นั่นเพราะที่พักอาศัยระดับนี้ล้วนต้องการทำสัญญาระยะยาว หนึ่งปีถือว่าสั้นที่สุดแล้ว

ว่ากันตามตรง ต่อให้ไม่นับเรื่องค่าเช่าที่สมเหตุสมผล ไคลน์ก็ยังชอบบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนอยู่ดี – สนามหญ้าสะอาด สวนสวย บ้านถูกตกแต่งอย่างเหมาะสม ข้าวของเครื่องใช้คุณภาพดีและค่อนข้างงดงาม มีห้องนอนเหลือเฟือ เครื่องเรือนเพียงพอ แต่ละชั้นมีห้องน้ำหลายห้อง คอกม้าและเรือนคนรับใช้อยู่ในสภาพดี เป็นบ้านที่ดีที่สุดเท่าที่ไคลน์ในอดีตจะจินตนาการออก

วอลเตอร์ตอบสนอง

“ผมจะจ้างทนายมาร่างสัญญาในภายหลัง… นายท่าน สำหรับคนรับใช้ มีคุณสมบัติที่ต้องการเป็นพิเศษหรือไม่?”

ไคลน์เดินผ่านร่มเงาต้นฟินิกซ์อินทิส ยิ้มและตอบ

“ผมอยากฟังคำแนะคำจากคุณ”

วอลเตอร์ใช้ความคิดสักพัก

“นายท่าน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือแม่บ้าน”

ในระหว่างการสัมภาษณ์คราวก่อน ไคลน์แจ้งว่าดอน·ดันเตสยังโสดและไม่มีบุตร ไม่มีคนรักในเบ็คลันด์ จึงไม่คิดว่าตนต้องการแม่บ้านส่วนตัว

เมื่อเห็นดอน·ดันเตสทำเพียงพยักหน้าโดยไม่ออกคำสั่ง วอลเตอร์พูดต่อ

“หน้าที่ของแม่บ้านคือ คอยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของครอบครัวและบรรดาคนรับใช้ นายท่าน คุณไม่ควรให้ผมหรือใครก็ตาม มีอำนาจดูแลทุกเรื่องในบ้าน โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ การสร้างสมดุลถือเป็นศิลปะทางการเมืองอย่างหนึ่ง และยังเป็นวิธีที่ถูกต้องในการบริหารจัดการครอบครัว… จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า หากมอบอำนาจให้บุคคลใดมากเกินไป คนผู้นั้นจะเริ่มเสื่อมถอยและบกพร่อง… ต่อหน้าเงินจำนวนมาก ผมมั่นใจว่าสามารถยับยั้งชั่งใจไหว แต่นั่นเป็นเพียง ‘ความมั่นใจ’ ”

ไม่เลว… ซื่อสัตย์มาก… แม่บ้านก็ยังจำเป็นอยู่สินะ… ค่าจ้างรายปีคงประมาณสามถึงสี่สิบปอนด์กระมัง? ไคลน์พยักหน้า

“ตกลง”

ทันใดนั้น วอลเตอร์เดินผ่านด้านหลังไคลน์ ยกมือโบกรถม้า

เมื่อขึ้นรถ มันกล่าวต่อ

“สำหรับแม่บ้าน ผมจะให้สำนักงานจัดหาคนรับใช้ส่งรายชื่อมา นายท่านต้องเป็นคนเลือกเอง ผมคงแนะนำอะไรไม่ได้… พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน นายท่านต้องมีผู้จัดการทรัพย์สินครอบครัวด้วย จะเป็นชายหรือหญิงก็ได้ นอกจากนั้นยังต้องมีบุรุษรับใช้หนึ่งคน สาวใช้ชั้นหนึ่งสองคนสำหรับดูแลห้องนอน สาวใช้ชั้นสองอีกสองคนคอยดูแลห้องนั่งเล่น บริกรชายสองคนสำหรับห้องรับแขก สาวใช้ทั่วไปหนึ่งคนเพื่อดูแลห้องเก็บของ สาวใช้ห้องครัวหนึ่งคน สาวใช้ซักผ้าสองคน และคนงานชายสองคน… นอกจากนั้นยังต้องมีพ่อครัว คนสวนสองคน คนขับรถม้าสองคน หรือไม่ก็คนขับรถม้าและผู้ช่วย… ถ้าจะให้ดีก็ต้องมีคนงานชายที่เน้นใช้แรงหนึ่งคน พยาบาลประจำ และผู้ช่วยพ่อครัว… นายท่านยังไม่มีรถม้า ในอนาคตต้องมีอย่างน้อยสองคัน รถม้าสี่ล้อราคาประมาณสามร้อยปอนด์ สองล้อราคาประมาณหนึ่งร้อยปอนด์”

ได้ฟังพ่อบ้านแนะนำตำแหน่งคนรับใช้ที่จำเป็นอย่างละเอียด สติไคลน์พลันหลุดลอย ไม่อยากจะนึกภาพตามว่าทั้งหมดต้องใช้เงินเท่าไร แถมยังต้องจ่ายเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน ไม่ใช่รายปี

ถึงจะตัดคนงานชายที่เน้นใช้แรงออกไป ตัดพยาบาลประจำและผู้ช่วยพ่อครัว แต่เราก็ยังต้องจ้างคนรับใช้ชายสิบเอ็ดคน สาวใช้และแม่บ้านอีกสิบคน เกือบสองเท่าของตัวเลขในใจเราตอนแรก… หมายความว่าต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าสิบปอนด์ต่อสัปดาห์ใช่ไหม? นี่เป็นเพียงค่าแรงของคนรับใช้ที่ยังไม่ได้ต่อรอง… นอกจากนี้ยังมีรถม้า… ไคลน์ยืนมองปากของวอลเตอร์ขยับขึ้นลง แต่ความคิดล่องลอยไปไกลแล้ว

เมื่อเห็นมิสเตอร์ดอน·ดันเตสผู้สง่างามคอยพยักหน้ารับอย่างต่อเรื่อง วอลเตอร์จึงพูดต่อไปเรื่อยๆ จนเผลอนอกเรื่อง

“ในอนาคต นายท่านยังต้องเช่าคฤหาสน์ในเขตชานเมืองเพื่อคอยให้ความบันเทิงกับเพื่อนฝูงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เรื่องนั้นยังไม่ต้องรีบร้อน ไว้ค่อยคิดหลังจากนายท่านจัดงานเต้นรำและงานเลี้ยงมื้อค่ำในบ้านเลขที่ 160 อย่างต่อเนื่องสักไปพัก… หากอาศัยในละแวกนี้ นายท่านห้ามเรื่องการจ้างสาวใช้ภายนอกมาทำความสะอาดบ้านเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผู้มีรายได้ต่ำกว่าปีละห้าร้อยปอนด์มักกระทำ พวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าจ้างสาวใช้ได้มากพอที่จะทำความสะอาดทั่วบ้าน จึงต้องจ้างสาวใช้จากภายนอกเข้ามาจัดการเป็นครั้งคราว”

“…”

ไคลน์ที่ฟังอย่างเหม่อลอย เผยรอยยิ้มอบอุ่นตามจิตใต้สำนึก

กลับถึงโรงแรม เฝ้ามองพ่อบ้านวอลเตอร์เดินกลับไป ชายหนุ่มนั่งลงด้วยสีหน้าราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง

รอจนกระทั่งบ่ายสองสี่สิบ ไคลน์ลูบหน้าผาก ลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน เดินเข้าไปในห้องนอน เตรียมจัดการชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์

…………………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset