รู้จักเราด้วย? หมายความว่า มิสเตอร์ไอเซนการ์ดมักเอ่ยถึงเราในฐานะเพื่อนสนิทให้เขาฟัง? หรือเป็นเพราะว่า โบสถ์ปัญญาความรู้ทราบเรื่องที่เราเข้าไปพัวพันกับโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแล้ว? ไคลน์ยิ้ม พยักหน้าอย่างใจเย็น
“ถูกต้อง ผมคือเชอร์ล็อก·โมเรียตี้”
ชายเจ้าของดวงตาสีเทาอมฟ้าก้าวออกมาข้างหน้า ยิ้มอย่างอบอุ่น
“มิสเตอร์สแตนธอนเป็นห่วงคุณมาก! กลัวว่าคุณอาจได้รับอุบัติเหตุ ตอนนี้เขาคงสบายใจได้แล้ว”
ไคลน์ยื่นร่มให้อีกฝ่าย ถอดหมวกตามด้วยเสื้อโค้ท เดินเข้าไปด้านในตัวบ้าน ขณะเดียวกัน คล้ายกับไอเซนการ์ดสัมผัสบางอย่างได้ รีบวางหนังสือพิมพ์และกล้องยาสูบลง ลุกขึ้นจากเก้าอี้เอนหลังเพื่อชะโงกมองแขก
“โอ้! เชอร์ล็อก… ในที่สุดคุณก็กลับมา… ไม่ได้พบกันนานแล้วสินะ สหายของผม” ไอเซนการ์ดเจ้าของใบหน้าเรียวและจอนสีขาว ยิ้มทักทายพร้อมกับก็อ้าแขนโผเข้ากอดอย่างอบอุ่น
ไคลน์ที่ไม่คุ้นเคยกับการทักทายเช่นนี้ในหมู่ผู้ชาย เผยสีหน้าไม่เต็มใจ ยิ้มและกล่าว
“มิสเตอร์สแตนธอน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ศรัทธาในปัญญาควรกระทำ”
นักบวชและบิชอปของเทพปัญญาความรู้มักหยิ่งผยอง ไม่ค่อยทักทายด้วยการกอดมากนัก
อันที่จริง หากไม่นับจักรวรรดิฟุซัคที่ป่าเถื่อน และอาณาจักรอินทิสที่ค่อนข้างอิสระ มารยาทเช่นนี้พบเห็นได้ยากในอาณาจักรอื่น มีเฉพาะในหมู่เพื่อนสนิทเท่านั้น
ไอเซนการ์ดถอยหลังสองก้าว หัวเราะในลำคอ
“ผิดแล้วเชอร์ล็อก สำหรับสหายที่ฉลาดเป็นกรดแบบคุณ พวกเราจะแสดงความเคารพแบบนี้เสมอ… ในมุมมองของผม คุณคือหนึ่งในห้านักสืบที่เก่งที่สุดของกรุงเบ็คลันด์”
พูดได้ดี! ไคลน์หัวเราะแห้ง ถามกลับอย่างขบขัน
“แล้วคุณล่ะ? หนึ่งในสาม?”
การถูกยกย่องด้านปัญญาโดยผู้วิเศษลำดับ 7 ของโบสถ์เทพปัญญาความรู้ ไม่ว่าใครได้ฟังก็ต้องมีความสุข
“ผมหวังว่าคุณจะคิดแบบนั้น” ไอเซนการ์ดตอบอย่างอ่อนโยน ตามด้วยการเชื้อเชิญให้ไคลน์เข้าไปในห้องนั่งเล่น ชี้ไปทางบนโซฟา
ตัวไอเซนการ์ดนอนลงบนเก้าอี้เอนหลัง หยิบกล้องยาสูบ สูดลมเข้าไปเต็มปอดและพ่นออกอย่างช้าๆ
“ผมดีใจที่คุณปลอดภัย สภาพร่างกายและจิตใจค่อนข้างดีดีทีเดียว… เป็นอย่างไรบ้าง อ่าวเดซีย์ทำให้มีความสุขไหม?”
ไคลน์เตรียมคำตอบไว้แล้ว จึงยิ้มอย่างใจเย็น
“อันที่จริง ผมไม่ได้เป็นอ่าวเดซีย์… เป้าหมายที่แท้จริงคือเมืองคอนสแตน ก่อนหน้านั้นผมบังเอิญเข้าไปพัวพันกับปัญหาบางอย่างในเบ็คลันด์ จึงต้องหาที่ซ่อนตัวสักพัก”
เชอร์ล็อก·โมเรียตี้มาจากแคว้นเลียบทะเลและมีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์ เมื่อประสบปัญหา การกลับไปซ่อนตัวที่บ้านเกิดคือเรื่องปรกติ – เมืองคอนสแตนคือเมืองหลวงของแคว้นเลียบทะเล
“ผมทราบ” ไอเซนการ์ดตอบเสียงต่ำ
มันไม่ได้ถามว่าเชอร์ล็อกก่อปัญหาอะไร เพียงยิ้ม
“เอาเป็นว่า ยินดีต้อนรับกลับสู่เบ็คลันด์ หากคุณต้องการความช่วยเหลือ มาหาผมได้ทุกเมื่อ”
ไคลน์ไม่มากพิธี รีบเข้าประเด็น
“ที่ผมมาหาคุณในวันนี้ ส่วนหนึ่งเพราะไม่ได้พบกันนาน แต่อีกส่วนหนึ่ง ผมอยากให้คุณช่วยขายหุ้นของบริษัทเบ็คลันด์จักรยานในนามของผม… เอกสารถูกเตรียมพร้อมหมดแล้ว คุณไม่ต้องจัดการอะไร”
เพื่อที่จะสวมรอยเป็นเศรษฐีลึกลับและใช้หนี้หนึ่งหมื่นเหรียญทองของมิสผู้ส่งสาร ไคลน์ไม่เพียงจะเทขายสิ่งของไม่จำเป็นทั้งหมด แต่ยังรวมถึงการสละหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เชอร์ล็อก·โมเรียตี้คือบุคคลที่ไม่สามารถปรากฏตัวได้อีกพักใหญ่
“จะขายจริงหรือ” ไอเซนการ์ดคลำกล้องยาสูบ “ถึงผมจะไม่เคยเป็นนักธุรกิจ แต่ก็พอจะเดาออกว่าตลาดจักรยานยังเติบโตได้อีกมากในอนาคต แนวโน้มทางธุรกิจเหมือนกับพระอาทิตย์กำลังขึ้น ห่างไกลจากจุดสูงสุด ถ้าขายตอนนี้ คุณจะทิ้งกำไรไปมหาศาล”
“ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้ซื้อย่อมยินดีจ่ายในราคาสูงกว่าปรกติ” ไคลน์หัวเราะในลำคอ “ผมเชื่อว่ามีคนมากมายมองเห็นคุณค่าและโอกาสทางธุรกิจของจักรยาน และในเมื่อฟามี่กับเลพเพิร์ดไม่คิดจะขายหุ้นในส่วนของตัวเอง หุ้นของผมจึงสามารถขายได้แพงกว่าราคาจริงราวสองถึงสามเท่า… ไอเซนการ์ด ราคาของหุ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจุบันเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงแนวโน้มในอนาคต”
กุญแจสำคัญคือการโน้มน้าวให้นักลงทุนเชื่อว่า หุ้นจักรยานมีอนาคตที่สดใสมากๆ รออยู่! และอันที่จริง ศักยภาพของหุ้นจักรยานมีมากมายเพียงใด เราคงไม่ต้องอธิบายให้เปลืองน้ำลาย คนที่มีหัวทางธุรกิจน่าจะมองออกกันหมด ปัญหาเดียวในตอนนี้คืออุตสาหกรรมยางธรรมชาติ… ไคลน์เสริมในใจ
“ราคาของหุ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจุบันเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงแนวโน้มในอนาคต…” ไอเซนการ์ดทวนคำพูดไคลน์ด้วยเสียงแผ่ว ก่อนจะกล่าวคำชมจากใจ “เชอร์ล็อก คุณน่าจะไปได้ดีกับโลกของธุรกิจ… แต่ที่นั่นก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นกัน”
“กฎเหล็กของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคือต้องกล้าเสี่ยง… ตอนนี้ผมถึงต้องการเงินสดก้อนใหญ่” ไคลน์ยิ้มตอบ
ไอเซนการ์ดหยิบกล้องยาสูบ สูดเข้าไปอย่างพึงพอใจ
“ตกลง… ผมจะบอกให้นักกฎหมายและนักบัญชีเฉพาะทางช่วยคำนวณมูลค่าปัจจุบันของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน จากนั้นก็ประเมินผลกำไรคร่าวๆ และขายหุ้นของคุณในราคาสิบเปอร์เซ็นต์จากตัวเลขนั้น ค่าดำเนินการของผมและภาษีจะถูกหักออกจากเงินที่ได้รับ… จริงสิ แล้วผมจะติดต่อคุณได้ทางไหน? ดูเหมือนว่าสัญญาเช่าบ้านบนถนนมินส์ของคุณจะหมดอายุไปนานแล้ว”
แน่นอน ไคลน์ยังไม่เปิดเผยตัวตนใหม่
“คุณสามารถลงข่าวเกี่ยวกับการขายหุ้นในหนังสือพิมพ์ชื่อดังจำพวกทัสซอค หรือเบ็คลันด์รายวัน ป่าวประกาศให้ผู้คนรับรู้เป็นวงกว้าง เพิ่มการแข่งขันเพื่อกระตุ้นให้มูลค่าสูงขึ้น… จนกระทั่งหุ้นถูกขาย คุณก็ลงประกาศแจ้งว่า หลังจากนี้จะไม่รับข้อเสนอใดๆ อีก… ถ้าผมเห็นประกาศก็จะแวะมาหาคุณเอง”
ไอเซนการ์ดคุ้นเคยกับการลงโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อสื่อสารไปถึงคนไกล จึงทำเพียงพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา ตกลงตามนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนของผมจะถูกหักออกจากยอดขายสุทธิ”
เมื่อบรรจุจุดประสงค์หลัก ไคลน์ลุกขึ้นยืน เหยียดแขนออกไป
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ มิสเตอร์ไอเซนการ์ด… ผมขอตัวก่อน ไว้มีโอกาสค่อยคุยกันใหม่”
ไอเซนการ์ดไม่รั้งไว้ เดินไปส่งถึงหน้าประตู
ไคลน์เปลี่ยนถนนหลายเส้นก่อนจะโบกรถม้าเช่า นั่งเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเบ็คลันด์ท่ามกลางสายฝนบางเบา จนกระทั่งรถม้าแล่นมาถึงผับวีรบุรุษ
สำหรับค่ำคืนนี้ ชายหนุ่มจะกลับมาเปิด ‘เครือข่ายข้อมูล’ ที่เคยเป็นของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้!
เดินเข้าไปในผับที่วุ่นวายและเสียงดัง ไคลน์ไม่ตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มและถามข้อมูล เพียงวนรอบเวทีมวยและเดินออกจากผับ รอให้มาดามชารอนปรากฏตัว
ทันใดนั้น ประตูห้องบิลเลียดเปิดดังแอ๊ด เอียนในเสื้อคลุมตัวเก่าเดินออกมาพร้อมหนังสือพิมพ์
ดวงตาสีแดงสดกวาดมองไปรอบๆ จนกระทั่งพบบุคคลที่คุ้นเคย เด็กหนุ่มอ้าปากค้างเล็กน้อย แต่มิได้เอ่ยชื่ออีกฝ่าย เพียงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์ ให้ผมช่วยอะไรไหม”
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ผมแค่แวะมาหาเพื่อนเก่า” ไคลน์ยิ้มอย่างยินดี
ขณะกล่าว ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่า หนังสือพิมพ์ที่เอียนกำลังถือคือ ‘ข่าวทางทะเล’ ด้านบนสุดพาดด้วยหัวข้อข่าวที่สะดุดตา
“ข่าวช็อก! นักผจญภัยเสียสติกลายเป็นอาชญากรที่ทางการหมายหัว!”
นักผจญภัยเสียสติ… ไคลน์เชื่อโดยสัญชาตญาณว่า นั่นคงหมายถึงตน
เอียนสังเกตเห็นสายตาอีกฝ่าย จึงยกหนังสือพิมพ์ขึ้นด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
“นี่เป็นข่าวใหม่ทางทะเลที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ตอนนี้ใบค่าหัวถูกแจกจ่ายไปตามสถานที่ต่างๆ แล้ว… ‘นักผจญภัยเสียสติ’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์วางกลอุบายบางเพื่อนำภัยอันตรายมาสู่ ‘เมืองแห่งการให้’ นอกจากนั้นได้รับการยืนยันแล้วว่า เขาเป็นคนขององค์กรลับชั่วร้าย ในเหตุการณ์ดังกล่าว เมืองบายัมถูกปกป้องไว้โดยกองกำลังของโบสถ์วายุสลาตันและกองทัพ แต่ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์ หายตัวไปอย่างลึกลับ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าถูกฆ่าโดยเกอร์มัน·สแปร์โรว์… ลองเดาดูสิว่าตอนนี้เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีค่าหัวเท่าไร?
“เท่าไร?”
“ห้าหมื่นปอนด์! มากยิ่งกว่าพลเรือเอกโลหิตเสียอีก เกือบจะเท่าพลเรือเอกขุมนรกอยู่แล้ว!”
ห้าหมื่นปอนด์ หัวใจไคลน์หล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ชายหนุ่มพยายามข่มใจให้สุขุม ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“น่าเสียดาย มีแค่ไม่กี่คนที่แข็งแกร่งพอจะรับค่าหัวของหมอนั่น”
ไคลน์ชี้ไปทางประตูผับ
“ผมขอตัวก่อน ไว้มีเวลาว่างจะแวะมาหาใหม่”
“ตกลง” เอียนไม่ซักไซ้ พลางถามโดยไม่หันไปมอง “มิสเตอร์ไวท์จากโบสถ์ฤดูเก็บเกี่ยวเป็นเพื่อนของคุณใช่ไหม”
สหายเอ็มลินยอมออกจากบ้านแล้วหรือ? เพื่อหาเบาะแสของสาวกดวงจันทร์บรรพกาล? ไคลน์พยักหน้า
“ใช่แล้ว”
กล่าวจบ ชายหนุ่มเดินเบียดเสียดฝูงชน ผลักประตูและก้าวออกจากผับวีรบุรุษ
เมื่อขึ้นรถม้า ไคลน์มองออกไปนอกหน้าต่าง รอให้ชารอนปรากฏตัว
แน่นอน ชายหนุ่มไม่มีหลักประกันว่าอีกฝ่ายจะยังอยู่ที่นี่ ผ่านมาแล้วหลายเดือน สตรีคนดังกล่าวและมาริคอาจเปลี่ยนแหล่งกบดานตามนิสัยเดิม
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน จนกระทั่งสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น ไคลน์มองไปทางหน้าต่างข้างๆ และเห็นภาพหนึ่งบนกระจกที่กำลังสะท้อนทิวทัศน์ในยามราตรี – ร่างของสาวงามสวมหมวกอ่อนสีดำใบเล็ก สวมเดรสโกธิกหรูหราซับซ้อน
หันไปมองฝั่งตรงข้าม ไคลน์เห็นชารอนกำลังนั่งบนเก้าอี้ เส้นผมสีทองอ่อน ดวงตาสีฟ้า ผิวพรรณขาวซีดไม่ต่างจากเมื่อก่อน
“สายัณห์สวัสดิ์” ไคลน์ไม่จำเป็นต้องสวมบทบาทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จึงกล่าวทักทายด้วยอุปนิสัยส่วนตัว
ชารอนลุกขึ้น จับชายกระโปรงและโค้งศีรษะเล็กน้อย
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายคงได้อ่าน ‘ข่าวทางทะเล’ แล้ว ชายหนุ่มกระแอมในลำคอเพื่อแก้เขินหนึ่งครั้ง
“ผมฆ่าเซนอลแล้ว”
“อา…” ชารอนพยักหน้าเชิงรับรู้
ไคลน์ยิ้มและเล่าต่อ
“ถ้ามาริคต้องการตะกอนพลังของวิญญาณอาฆาต บอกให้เขาเก็บเงินรอได้เลย ถ้าผมพบตัวแทนเมื่อไรจะขายเซนอลให้”
ชารอนมิได้ถามว่า ‘ตัวแทน’ หมายถึงอะไร เพียงตอบเสียงเรียบ
“หลังจากอ่านข่าว เขากำลังรอให้คุณกลับมา”
“เยี่ยมเลย” ไคลน์ยิ้มเล็กๆ ก่อนจะล้วงคอเสื้อและหยิบสร้อยเงินออกมา “สมบัติวิเศษนำโชคของเซนอล คุณน่าจะรู้จักมันใช่ไหม”
ชารอน ‘อืม’ ในลำคอ รอให้ไคลน์พูดต่อ
“ผมอยากขายทั้งขวดพิษชีวภาพและสร้อยเส้นนี้… มีใครในแวดวงของคุณสนใจไหม?” ไคลน์ถามอย่างคาดหวัง
……………………………………………