Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 724 : ความนัยในคำเตือน

ราชันเร้นลับ 724 : ความนัยในคำเตือน

ได้ยินคำตอบจากเฮลโมซีน มุมปากไคลน์กระตุกอย่างมิอาจควบคุม เกือบตอบสนองไม่ถูกไปพักใหญ่

ศัตรูของฉันไม่ได้อยู่ในบายัม… และถ้าให้นายไปตายหน้าห้องของเจ้าสมุทร นั่นคงไม่เกิดประโยชน์อะไรนัก… ชายหนุ่มสูดลมหายใจช้าๆ ไม่สนใจคำพูดเมื่อครู่ เปลี่ยนไปถามเรื่องใหม่

“เฮลโมซีน… ไม่สิ มิสเตอร์ฮิลลาเรี่ยน ทำไมคุณถึงรู้ว่าเป็นผม”

แถมยังแวะมาบอกก่อนจะตาย!

นี่คือสิ่งที่อยากถามกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสและผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่สบโอกาส

เฮลโมซีนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตู เงียบงันสองวินาที ตอบด้วยรอยยิ้ม

“เจ้ามีร่องรอยพิเศษอยู่กับตัว… สิ่งมีชีวิตระดับสูงของโลกวิญญาณจะมองเห็นได้ทันที ขอเพียงเข้าใกล้… เหนือสิ่งอื่นใด หมอกสีเทาคือสัญลักษณ์ของผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณ เป็นเจ้านายเหนือพวกเราทุกคน นอกจากนั้น เทพและผู้วิเศษบนเส้นทางแห่งโชคชะตาก็สามารถมองเห็นได้ระดับหนึ่ง แน่นอน ต้องเข้าใกล้เช่นกัน”

หมอกสีเทา… แม้คำอธิบายของ ‘แสงส้ม’ จะใกล้เคียงกับอาโรเดส แต่ก็เป็นคนแรกที่พูดถึงหมอกโดยตรง! มิติลึกลับนั่นคืออาณาจักรแห่งเทพที่ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณเหลือทิ้งไว้? เป็นลำดับ 0 ของเส้นทางไหน? เทพสามารถมองเห็นหมอกสีเทารอบตัวเรา หนึ่งในนั้นคือมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… และท่านกำลังเล็งเราอยู่? ขณะสมองกำลังคุกรุ่น ไคลน์เตรียมซักถาม

แต่เฮลโมซีนชิงเล่าต่อ

“จากคำทำนายของ ‘แสงเหลือง’ ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณคือหนึ่งในตัวแปรสำคัญของวันแตกดับ แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเจ้าจะเป็น ‘ท่านผู้นั้น’ หรือไม่ ยังมีความเป็นไปได้อีกหลายทางที่ทำให้เจ้าแสดงความพิเศษของท่านผู้นั้นออกมา ยกตัวอย่างเช่น เจ้าเป็นข้ารับใช้ของพระองค์ เป็นบุตรของพระองค์ หรือเป็นผู้ส่งสารที่พระองค์เลือก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ข้าเมินเจ้า… อะแฮ่ม เจ้ารู้จักตลาดหลักทรัพย์แห่งกรุงเบ็คลันด์ใช่ไหม? เจ้าเป็นเหมือนกับหุ้นรางรถไฟ มีอนาคตที่ดี หลายคนกำลังจับตามองและอยากลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็ดึงดูดคนโลภเข้ามาด้วยเช่นกัน พวกมันหวังจะยึดครองและควบคุมบริษัทให้อยู่ในกำมือตัวเอง ฝ่ายแรกคือตัวข้า ส่วนฝ่ายหลังคือมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย สิ่งมีชีวิตวิญญาณที่ทรงพลังกว่ามาก”

นั่นสินะ… นอกจากเรา ยังมีผู้เดินทางข้ามโลกคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับมิติหมอก โรซายล์มหาราช… ถ้าไม่ใช่เพราะเราทำนายบนมิติหมอกถึงต้นกำเนิดของตัวเองและเห็นภาพโลกเก่า โดยความทรงจำทั้งหมดยังชัดเจน เราคงสงสัยว่าตัวเองเป็นร่างจุติของผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณ… พิจารณาจากประสบการณ์ จักรพรรดิโรซายล์และเราน่าจะถูกเลือกให้เป็นผู้ส่งสาร… หรือว่าผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณคือ ‘ราชันสวรรค์ไร้ขอบเขตประทานโชค’ ? ไคลน์อดคาดเดาไม่ได้ สมองกำลังปั่นป่วนราวกับโหลแยมที่ถูกแมวตบเล่น

ชายหนุ่มข่มจิตใจและกล่าว

“แล้วมีวิธีซ่อนร่องรอยไหม”

“กลายเป็นครึ่งเทพ” กล่าวจบ เฮลโมซีนไอแห้งสองครั้ง “ถ้าข้าตายหน้าประตู เจ้าจะถือไหม”

“…ถือ” ไคลน์ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของครึ่งเทพอย่าง ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนและพลเรือเอกโรเบิร์ต·เดวีส์

เฮลโมซีนกัดลูกอมและกล่าวต่อ

“เช่นนั้นก็ต้องขอตัว หากข้าไม่รีบไปอาจไม่ทันการ… ถ้าเจ้ากลายเป็นครึ่งเทพและมีพลังมากพอจะสำรวจส่วนลึกของโลกวิญญาณเมื่อไร พวกเราคงได้พบกันอีก”

ไคลน์เงียบงันหนึ่งวินาที

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน มิสเตอร์ฮิลลาเรี่ยน”

เฮลโมซีนไม่ตอบสนอง เพียงเดินไปทางบันไดด้วยฝีเท้าหนัก

ได้ยินเสียงเท้าสัมผัสกับบันไดขั้นแรก ไคลน์ดึงความสนใจกลับ ลองคาดเดาสาเหตุที่จักรพรรดิโรซายล์พบค้นพบมิติหมอกแต่เข้ามาไม่ได้

ตอนที่จักรพรรดิจำลองถาดเงินสำหรับเดินทางข้ามโลกขึ้นมาใหม่ เขากลายเป็นผู้วิเศษแล้ว แต่ตอนที่เราประกอบพิธีกรรมเสริมดวงชะตา ตอนนั้นยังเป็นแค่คนธรรมดา… แล้วก็… จักรพรรดิโรซายล์เลือกเส้นทาง ‘นักปราชญ์’ แต่เราเลือกเส้นทาง ‘นักทำนาย’ … พลังของมิติลึกลับเหนือสายหมอกเอื้อประโยชน์แก่การทำนายมาก…

หมายความว่า เงื่อนไขในการเข้าสู่มิติสายหมอกคือต้องเป็นคนธรรมดา หรือไม่ก็ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย ขณะเดียวกันก็ต้องทราบคาถา สัญลักษณ์ หรือไม่ก็พิธีกรรมสำหรับเข้ามาในมิติ? จักรพรรดิโรซายล์ทดลองช้าเกินไป แถมยังผิดเส้นทาง ทำให้ไม่สามารถเข้าได้…

หากมองในมุมดังกล่าว เส้นทางใกล้เคียงกับนักทำนายอย่าง ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักจารกรรม’ ก็คงเข้าได้เช่นกัน หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้จักรพรรดิเสียดายที่ไม่เลือกสามเส้นทางนี้? นอกจากจะไม่มีลำดับ 0 ไม่ถูกรบกวนจากเทพเบื้องบน ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่มิติหมอก?

ขณะความคิดแล่นผ่าน ไคลน์ตัดสินใจระงับความสงสัยที่มิอาจพิสูจน์ นำคำเตือนของ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนมาตีความ

จงระวังมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย?

จากสิ่งที่เกิดกับพลเรือเอกอมิรุส ไคลน์เริ่มหวาดระแวงมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย ถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวตน หลบซ่อนนานกว่าสองเดือน แต่นั่นก็เป็นโอกาสในการสวมบทบาทและย่อยโอสถ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มเริ่มไม่อยากเข้าไปพัวพันกับพลเรือเอกโลหิตและคนของโรงเรียนกุหลาบ ด้วยเกรงว่าจะติดกับดักเข้าสักวัน

เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ มนุษย์ปรกติคงหาทางแก้ไข ไคลน์เองก็เช่นกัน แต่ติดตรงที่ตนไม่มีทางเลือก

มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายต้องสงสัยว่าจะเป็นเทพแท้จริงในลำดับ 0 อาศัยอยู่บนโลกดารา ถึงไคลน์จะขึ้นไปหา แต่ก็ไม่สามารถโจมตีได้ ไม่มีวันเอาชนะ แถมหล่อนยังมีกองกำลังในมือ – โรงเรียนกุหลาบคือองค์กรเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ยอมไม่ขาดแคลนเทวทูตและสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ไม่อย่างนั้นคงมิอาจรับมือศัตรูรอบทิศและโบสถ์หลักได้จวบจนปัจจุบัน ดังนั้น ถึงไคลน์จะขอร้องให้มิสเตอร์อะซิกและพวกพ้องคนอื่นๆ ช่วย แต่การถอนรากถอนโคนโรงเรียนกุหลาบก็ทำได้ยาก บางทีอาจได้ผลตรงกันข้าม

ด้วยเหตุผลข้างต้น ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัว ภาวนาให้เลื่อนเป็นลำดับ 4 – ครึ่งเทพโดยเร็ว

เราคอยระวังตัวจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายมาสักพักแล้ว… ทำไมเขาถึงต้องเตือนซ้ำ? หรือว่า ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนจะไม่ทราบเรื่องที่เราเคยตกหลุมพรางเทพมารตนนี้บนเกาะโอลาวี?

ไม่น่าจะใช่… หรือการจงใจมาหาเราในวันนี้และมอบคำเตือน เป็นเพราะอีกฝ่ายเตรียมลงมือครั้งใหญ่?

หืม… ก่อนหน้านี้เขาถูกควบคุมตัวโดยพลเรือเอกโลหิต และพลเรือเอกโลหิตก็เป็นสมาชิกของโรงเรียนกุหลาบ บางทีเฮลโมซีนอาจได้รู้อะไรเข้า!

ไคลน์เริ่มตื่นตัว เชื่อว่าลำพังการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้ไร้หน้า ไม่มากพอที่จะช่วยให้หลบหนีการไล่ล่าของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!

จากคำบอกเล่าของ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน อีกฝ่ายจะต้องเข้าใกล้เสียก่อน จึงจะพบความพิเศษในตัวเรา… แต่ถ้าอยู่ใกล้ แม้แต่พลังของผู้ไร้หน้าก็เปล่าประโยชน์! หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน คราวนี้มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเตรียมให้สาวกลงมือโดยการใช้พิธีกรรมหรือสมบัติวิเศษบางอย่าง และแผนการดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว? ไคลน์บรรจงขมวดคิ้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งมองว่าสมเหตุสมผล

ข้อมูลข้างต้นทำให้ชายหนุ่มอยากรีบกลับเบ็คลันด์ทันที เพราะภายในเมืองใหญ่ดังกล่าว กระทั่งเทวทูตก็ยังลงมือบุ่มบ่ามไม่ได้ เฉกเช่นอสรพิษแห่งชะตา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสาวกของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหรือยอดฝีมือของโรงเรียนกุหลาบ พวกมันก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจ ต้องรอคอยโอกาสอย่างใจเย็นเท่านั้น!

ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจ ส่งตัวเองเข้ามิติหมอก ทำนายถึงอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิต

คำตอบออกมาเป็น ‘ไม่’ – ไม่มีอันตรายถึงชีวิต

แต่ไคลน์ไม่ผ่อนคลาย ยังคงไม่ลืมว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายสามารถ ‘บิดเบือน’ ผลการทำนายจากมิติหมอกได้ระดับหนึ่ง!

และเมื่อนานมาแล้ว สัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มเคยเตือนไม่ให้ทำนายถึงตะกอนพลังมนุษย์หมาป่า คงเพราะวัตถุดังกล่าวเกี่ยวพันกับ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ และ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ ต้องสงสัยว่าจะเป็นร่างอวตารของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!

เป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือ เราคิดมากไปเอง… และสองคือ เรากำลังจะฉิบหาย อีกฝ่ายลงทุนบิดเบือนคำทำนายของเราและใกล้ลงมือเต็มที… ไม่ว่ายังไงก็ต้องระวังตัว ต่อให้เป็นการตื่นตระหนกไปเอง ก็ยังดีกว่าถูกโรงเรียนกุหลาบจับตัวไป ไม่รู้ว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจะทำอะไรกับเราบ้าง! ไคลน์รีบกลับโลกความจริง หยิบกระดาษและปากกา เขียนจดหมายไปหามิสเตอร์อะซิกโดยด่วน

เมื่อพิจารณาว่า ‘โลกแห่งความตาย’ เป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณ ถ้าอย่างนั้น ครึ่งเทพเส้นทาง ‘เทพมรณา’ ย่อมต้องเป็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณระดับสูงด้วย หลังจากมิสเตอร์อะซิกฟื้นคืนความทรงจำกลับมา มีโอกาสมากที่จะมองเห็น ‘ร่องรอย’ พิเศษ ไคลน์จึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง เขียนลงไปตรงๆ ถึงบทสนทนาระหว่างตนและ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนที่กำลังสวมบทบาทเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์เฮลโมซีน เพียงแต่ไม่ได้เขียนถึงหมอกสีเทา และไม่ได้เขียนถึงผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ

จากนั้น ไคลน์ลงท้ายว่า :

“คำเตือนของมิสเตอร์ฮิลลาเรี่ยน… หมายความว่าผมกำลังจะได้รับอันตรายจากโรงเรียนกุหลาบในเร็วๆ นี้ใช่ไหม?”

พับกระดาษเสร็จ หลังจากเป่านกหวีดอัญเชิญผู้ส่งสารมาหยิบจดหมาย ไคลน์มองว่าตนยังป้องกันตัวเองได้ไม่รัดกุมพอ จึงหยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัยขึ้นมาเป่า

อย่างไร้สุ้มเสียง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ปรากฏกายเบื้องหน้า สี่หัวที่มีผมสีทองตาสีแดงหันมาจ้อง

“ไม่มี…” “จดหมาย…”

“ครั้งนี้ผมต้องการปรึกษาบางสิ่งกับคุณ” ไคลน์ยิ้ม มอบเหรียญทองที่ได้จากแอนเดอร์สัน “นี่เป็นค่าอัญเชิญ”

ไรเน็ต·ไทน์เคอร์ใช้ศีรษะข้างหนึ่งงับเหรียญทอง อีกสองหัวกล่าวเรียงกัน

“มี…” “อะไร…”

“ผมอาจจะตกอยู่ในอันตรายเร็วๆ นี้ คงอัญเชิญคุณออกมาช่วยได้… ใช่ไหม?” ไคลน์พยายามส่งสายตาจริงใจ

แปดดวงตาของไรเน็ตต์หันมาจ้องพร้อมกัน

“หนึ่ง…” “หมื่น…” “เหรียญ…” “ทอง…”

หนึ่งหมื่นเหรียญทอง เทียบเท่าหนึ่งหมื่นปอนด์! ไคลน์อ้าปากค้าง ตามด้วยฝืนยิ้ม

“ตอนนี้ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น”

หัวทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กล่าวเรียงกัน

“อนุญาต…” “ให้…” “ผ่อน…” “จ่าย…”

ผ่อนจ่าย… ไคลน์คิดไม่ถึงว่ามิสผู้ส่งสารจะมีหัวสมัยใหม่ นิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ “ตกลง”

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไม่กล่าวคำใด สี่หัวพยักหน้าพร้อมกัน หายตัวไปต่อหน้าไคลน์ กลับเข้าสู่โลกวิญญาณ

……………………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset