Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1032 : เครื่องปัดเป่าที่ทรงพลัง

เมื่อผุดไอเดียบางอย่าง ชายหนุ่มชำเลืองเทวทูตแห่งการปกปิดตรงหน้าและเรียบเรียงคำพูด

“มีโอกาสที่โบราณสถานที่คุณเห็นจะเป็นภาพจินตนาการบ้างไหม?”

มันมิได้เอ่ยถึงอาดัมหรือสภานักสิทธิ์สนธยาตรงๆ ด้วยกังวลว่าการคุยเรื่องดังกล่าวต่อหน้าอาเรียนน่าในโลกแห่งความลับจะยังทำให้อาดัมตระหนักถึง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงราชาเทวทูตที่ถือครองเอกลักษณ์ของเส้นทางผู้ชมและเพิ่งได้รับ 0-08 ไป

ขณะอยู่ในโลกแห่งความลับของอาเรียนน่า ไคลน์เชื่อว่าการคิดถึงอาดัมและสภานักสิทธิ์สนธยานั้นไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ใช่กับการพูดออกมาเสียงดัง เพราะต้องไม่ลืมว่า การที่มิสเตอร์ประตูสามารถสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับอาดัมกับจักรพรรดิโรซายล์ ไม่ใช่เพราะ ‘จอมเวทลึกลับ’ มีคุณสมบัติในการเก็บความลับ แต่เป็นเพราะมิสเตอร์ประตูเองก็เป็นราชาเทวทูตเช่นเดียวกัน ระดับไม่ต่ำไปกว่าอาดัมหรืออามุนด์ หรืออาจสูงกว่าด้วยซ้ำ

“จินตนาการ…” อาเรียนน่าทวนคำไคลน์แผ่วเบา สีหน้าคล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้

ในระดับของเธอ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์โบราณและลักษณะเด่นของทั้งยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษ

นอกจากนั้น เธอเองก็เป็นเทวทูตในขอบเขตการปกปิดและความลับ รวมถึงการที่มีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารลับทุกชนิดของโบสถ์รัตติกาล

สองสามวินาทีถัดมา อาเรียนน่ามองมาทางดอน·ดันเตสที่ยังคงนั่งในตำแหน่งเดิม

“สมาคมแปรจิต?”

จากคำสารภาพของโจนาส·โคลเกอร์ ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าฝ่ายราชวงศ์ทำงานร่วมกับสมาคมแปรจิต และองค์กรลับแห่งนี้ถือครองเส้นทางผู้ชม

ไคลน์พยักหน้า ตามด้วยเสริม

“เบื้องบนของพวกเขาอาจไม่มีพลังในการเปลี่ยนจินตนาการให้เป็นความจริง… บนโลกนี้ มีเพียงสองบุคคลที่มีอำนาจดังกล่าว”

อาเรียนน่าผงกศีรษะ

“เข้าใจแล้ว… ตอนนี้โบราณสถานการณ์ดังกล่าวเปิดกว้างสำหรับทางเรา ข้าจะหาทางยืนยันในภายหลัง และถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง นั่นหมายความว่าหนึ่งในอาร์ชบิชอปจากโบสถ์วายุสลาตันหรือจักรกลไอน้ำ หรือทั้งสอง ร่วมมือกับเขา”

เธอไม่ได้เอ่ยถึงความเป็นไปได้ที่เบื้องบนของโบสถ์รัตติกาลจะเป็นปัญหา เพราะเทพธิดากุมอำนาจในขอบเขตความลับและการปกปิด ยากที่จะมีใครซ่อนตัวจากพระองค์ได้นานหลายปี

ไคลน์อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ

“โบราณสถานใต้ดินดังกล่าวเปิดให้สามโบสถ์หลักเข้าไปได้หลังจากนี้?”

“ถูกต้อง หากสถานที่แห่งนั้นถูกจินตนาการขึ้นมาจริงๆ หมายความว่าความร่วมมือของพวกเขาใกล้จะบรรลุผล จึงทำเพียงยืดเวลาออกไปอีกเล็กน้อย” อาเรียนน่าเล่าสิ่งที่เธอคิด

เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน… กระแสคลื่นแห่งยุคสมัยกำลังจะพัดผ่านและท่วมทำลายทุกสิ่ง… โชคยังดีที่เราเตรียมตัวมากกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ก็มีหุ่นเชิดระดับครึ่งเทพมาครองแล้ว และเจ้านั่นยังแข็งแกร่งกว่าเราในบางขอบเขต เพราะสามารถใช้พลังของตัวเองไปพร้อมกับพลังของเรา แต่เราใช้ของหมอนั่นไม่ได้… ในเมื่อการสวมบทบาทยังทำได้ยากลำบากและเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาลำดับพลัง การเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองที่ดีที่สุดคือการพัฒนาหุ่นเชิด… อา… เรายังสามารถเฝ้าจับตามองความร่วมมือระหว่างผีดูดเลือดและชารอนที่เตรียมจะจัดการกับโรงเรียนกุหลาบได้เช่นกัน… สติไคลน์กำลังกระจ่าง

มันนั่งครุ่นคิด ตามด้วยถามอย่างเป็นกันเอง

“ทั้งสามศาสนจักรเชื่อคำอธิบายของเจ้าชายโกรฟไหม?”

“ไม่เชื่อ” อาเรียนน่าส่ายศีรษะอย่างใจเย็น “เพราะโจนาส·โคลเกอร์เอ่ยถึงคาร์เทอริน่า”

แต่พวกคุณก็ไม่มีหลักฐาน ในท้ายที่สุด อีกฝ่ายสามารถอธิบายได้อย่างไร้ข้อบกพร่องว่า พวกเขาตัดเขาจากนิกายแม่มดแล้ว ส่วนคาร์เทอริน่านั้นถูกส่งมาเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ แต่พวกเขาปฏิเสธอย่างไม่ในดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างกุมความลับของกันและกันไว้ พวกมันจึงต้องเกรงใจเมื่อคาร์เทอริน่ามาเยือน โจนาส·โคลเกอร์ที่ไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้ข้อมูลภายในจึงเกิดความเข้าใจผิดและคิดว่าอีกฝ่ายยังคงให้ความร่วมมือ…

และเมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเทวทูตที่กุมอำนาจทางทหารไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หากปราศจากหลักฐาน สามโบสถ์หลักคงไม่เปิดหน้าแลกให้ตัวเองเจ็บฟรีแน่นอน… ประการแรก ทั้งสามโบสถ์มิได้สนิทสนมกัน ประการที่สอง พวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง เพราะอาจทำให้ถูกฉกฉวยโอกาสโดยเฟเนพ็อต อินทิส ฟุซัค และอาณาจักรอื่นๆ รวมถึงโบสถ์สุริยันเจิดจรัส เทพสงคราม พระแม่ธรณี และเทพปัญญาความรู้… ไคลน์วิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในปัจจุบันอย่างรวดเร็ว

มันตอบห้วนๆ

“มีร่องรอยระบุว่า ‘นักบุญสีขาว’ คาร์เทอริน่าปรากฏตัวใกล้ๆ กับไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด ผมจะพยายามค้นหาเธอให้พบ”

นอกจากนั้น ไคลน์ยังต้องการหาทริสซี่แสนอันตรายให้พบและกำจัดหล่อนทิ้ง ชดเชยความผิดพลาดในอดีตที่เคยปล่อยให้หลุดมือเพราะต้องการหลอกใช้

คุณค่าในตัวเธอ ได้ไม่คุ้มเสียกับความอันตรายในตัว!

“ทางเราก็จะทำเช่นนั้น” อาเรียนน่ากล่าวเป็นนัยว่า เธอเองก็จะช่วยหาร่องรอยของคาร์เทอริน่า

อา… คงต้องยอมรับว่า ระหว่างกำลังปรึกษาหารือกัน มาดามอาเรียนน่ามีวิธีทำให้คู่สนทนารู้สึกสบายใจ… ท่านมิได้วางตัวเย่อหยิ่งเหมือนกับเทวทูตหรืออาร์ชบิชอป ท่านคุยกับเราแบบเท่าเทียม… หลังจากได้ยินคำตอบจากอาเรียนน่า ไคลน์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกยากอธิบาย

มันตัดสินใจถามกลับ

“เฮอร์วิน·แรมบิสแห่งสมาคมแปรจิตถูกจับตัวแล้วหรือยัง?”

ชายคนนี้คือหนึ่งในบุคคลสำคัญในคำให้การของโจนาส·โคลเกอร์ เป็นหนึ่งในเบาะแสที่สามารถเปิดเผยแผนการของฝ่ายกษัตริย์

“เขาหายตัวไป” อาเรียนน่าตอบห้วน

อย่างที่คิด… นั่นยิ่งแปลว่าข้อมูลรั่วไหล… เฮอร์วิน·แรมบิสอาจหลบไปอยู่ใต้ดิน แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะติดต่อกับมิสจัสติสและสมาชิกคนอื่นโดยตรงไม่ได้… เมื่อถึงตอนนั้น… หึหึ… ดูเหมือนมิสจัสติสจะไม่ชอบหน้าหมอนั่นเป็นทุนเดิม… ปัญหาในตอนนี้ก็คือ อาดัมอาจกำลังอยู่ในเบ็คลันด์และเป็นคนที่จินตนาการโบราณสถานปลอมขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนั้นจริง การจู่โจมเฮอร์วิน·แรมบิสมีโอกาสที่จะตกอยู่ในการเฝ้ามองของราชาเทวทูต… บางที ชายคนนั้นอาจยืนอยู่ข้างๆ เฮอร์วิน·แรมบิสตลอดเวลาโดยที่ไม่มีใครรู้… ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ก็ยิ่งปวดหัว

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคสมัยที่ทวยเทพแทบไม่เสด็จเยือนโลกแห่งความจริง สองพี่น้องอาดัมและอามุนด์คือจุดสูงสุดของความแข็งแกร่ง ทั้งน่ากลัว ทรงพลัง และมิอาจเอื้อมถึง

ราชาเทวทูตคือตัวตนที่เป็นของเพียงเทพเท่านั้น!

เทียบกับอามุนด์ เรากลัวอาดัมมากกว่า ท่านอาจกำลังนั่งข้างๆ เราและนั่งมองเรายิ้มไปพลางอ่านความคิดในส่วนลึกที่สุดของเรา จากนั้นก็ทำตายอย่างเป็นธรรมชาติ สมเหตุสมผล และคลุมเครือ… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ ด้วยเกรงว่าจะมีนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวสุดเรียบง่าย ผู้มาพร้อมกับหนวดเคราดกหนา กำลังยืนอยู่ข้างๆ เตาย่างพลางรอกินอาหารด้วยรอยยิ้ม

แต่ไม่ผิดจากที่คิด ไคลน์ไม่พบใครเลย

สัมผัสถึงท่าทีของชายหนุ่ม อาเรียนน่าเสริมอย่างสุขุม

“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”

ฟู่ว… ขอบคุณพลังในการปกปิดของเทวทูตแห่งการปกปิด… ไคลน์รวบรวมความคิด ตามด้วยพยักหน้ารับแผ่วเบาและกล่าว

“ผมจะช่วยสืบหาร่องรอยของเฮอร์วิน·แรมบิส”

อาเรียนน่าผงกศีรษะและตอบ

“หลังจากเรื่องนี้จบลง เจ้าสามารถลองสวดวิงวอนถึงเทพธิดาเพื่อขอของขวัญจากพระองค์”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เทพธิดาพึงพอใจกับผลงานในระยะหลังของเรา? เมื่อถึงตอนนั้น พระองค์จะมอบสูตรโอสถปราชญ์โบราณให้? ไคลน์เข้าใจความหมายอย่างคร่าวของอาเรียนน่า จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับแตะสี่ครั้งบนหน้าอก

“เทพธิดาจงเจริญ!”

อาเรียนน่าเองก็วาดพระจันทร์แดง

“เทพธิดาจงเจริญ!”

จากนั้น ร่างของเธอค่อยๆ เลือนหายไปราวกับถูกยางลบลบ ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีแขกคนใดในงานเลี้ยงสัมผัสถึงการมาเยือนและจากไปของนักบวชสตรี

ไคลน์นั่งลง วิเคราะห์สถานการณ์จากมุมมองอื่น

โจนาส·โคลเกอร์หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว เมื่อพิจารณาจากหลักฐานและคำพูดของมาดามอาเรียนน่า เธอกล่าวเป็นนัยว่ารองผอ. MI9 รายนี้ตกอยู่ในมือของตน… กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตัวการสำคัญที่โจมตีโจนาส·โคลเกอร์คือโบสถ์รัตติกาล…

โจนาส·โคลเกอร์หายไปจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบของดอน·ดันเตส และเขาเป็นสาวกของโบสถ์รัตติกาล

จากมุมมองของฝ่ายกษัตริย์และสมาคมแปรจิต มีความเป็นไปได้มากที่ดอน·ดันเตสจะเป็นสายข่าวของโบสถ์รัตติกาล…

ดังนั้น ศาสนจักรจะคอยคุ้มครองเราเป็นกรณีพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามประมาท คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกฝ่ายอื่นตรวจสอบและเฝ้าจับตามอง… ต้องหาเหตุผลดีๆ ในการเพิ่มคนรับใช้หน้าใหม่ คงจะปล่อยให้โจนาสกับเอ็นยูนซ่อนตัวในลักษณะนี้ตลอดไปไม่ได้ นั่นจะยิ่งง่ายต่อการถูกตรวจพบความผิดปรกติ… หรือว่าเราควรเปลี่ยนหุ่นเชิดตัวหนึ่งให้กลายเป็นเสื้อผ้าเลือดเนื้อ และให้อีกตัวสวม?

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ลุกยืนพร้อมกับวางแก้วไวน์หวานลงบนโต๊ะข้างๆ ตามด้วยการเดินเข้าไปในอาคารหลักของคฤหาสน์และเข้าห้องน้ำ

จากนั้น มันถอยหลังสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอก เรียกคทาเทพสมุทรและอาศัยจุดแสงที่เอ็นยูนสวดวิงวอนเพื่อสำรวจทุกซอกมุมของคฤหาสน์

ในกระบวนการ จิตไคลน์ค่อนข้างตึงเครียด ด้วยกังวลว่าจะหันไปเห็นนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวแสนเรียบง่ายที่มีหนวดเคราดกหนาและดวงตาสีทอง

แน่นอน เมื่อเทียบกับการมองเห็นอีกฝ่าย มันกลัวการที่อีกฝ่ายจะมองกลับและยกแก้วไวน์พลางยิ้มให้

แต่โชคยังดี หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด มันยืนยันได้ว่าคฤหาสน์เพลงกุหลาบหลังนี้ไม่มีสิ่งแปลกปลอมหรือความผิดปรกติ

ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก ถอนพลังวิญญาณกลับ จากนั้นก็ชำเลืองไปทางไม้กางเขนทองแดงบนโต๊ะยาว

นี่คือวัตถุที่เมจิกเชี่ยนกับจัดจ์เมนต์เพิ่งสังเวยมาให้ พวกเธอระบุว่า สิ่งนี้เป็นการตอบแทนความเมตตาและพรต่างๆ ที่มิสเตอร์ฟูลเคยมอบให้ และหวังว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่จะพึงพอใจ

ดูเหมือนว่าจะมีระดับสูงทีเดียว… ไคลน์หยิบไม้กางเขนที่พันด้วยหนามขึ้น ใช้พลังทำนายเพื่อตรวจสอบพลังและผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษชิ้นนี้

ทั้งประเด็นล้วนเหมือนกัน พวกมันรวมเป็นหนึ่งเดียว

ไม้กางเขนทองแดงอันนี้สามารถชำระล้างพลังที่เกี่ยวกับความเสื่อมถอย กัดกร่อน ความมืด ความชั่วร้าย ผุพัง โรคภัย และด้านอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ส่งผลให้พวกมันสลายไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ

ด้วยเหตุผลข้างต้น สมบัติวิเศษชิ้นนี้จึงมีอำนาจ ‘ลบ’ จิตกัดกร่อนภายในตะกอนพลัง

และเป็นเพราะพลังในการชำระล้างนี้เอง ไม้กางเขนทองแดงจึงมิอาจอยู่ร่วมกับสมบัติวิเศษชิ้นอื่น หรือไม่สามารถสัมผัสกับตะกอนพลังอื่น คนคนเดียวกันไม่สามารถพกติดตัวพร้อมกัน นอกจากนั้น มันยังสามารถขับไล่ตะกอนพลังของผู้ถือ จึงสามารถสรุปได้ตรงๆ ว่า: เมื่อเวลาผ่านไป ตะกอนพลังภายในร่างกายจะไหลซึมออกมา!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากถือพกพาไม้กางเขนไว้นานเกินหนึ่งชั่วโมง พลังพิเศษในตัวจะลดลงอย่างน้อยหนึ่งลำดับ ถ้านานกว่าสามชั่วโมง ผู้วิเศษที่ไม่ใช่ครึ่งเทพจะกลายเป็นคนธรรมดา หากนานกว่าหกชั่วโมง ลำดับ 3 และ 4 จะสูญเสียพลังพิเศษของตน ทว่า สิ่งนี้แทบไม่มีผลกับเทวทูต เพราะเทวทูตทุกตนมีอิทธิฤทธิ์ในการทำลายตะกอนพลังอยู่แล้ว หรือเรียกได้ว่าสามารถควบคุมตะกอนพลังของตัวเองได้ดังใจ

สามารถใช้เพื่อดึงตะกอนพลังออกจากผู้วิเศษที่เลื่อนลำดับล้มเหลวโดยไม่ตายหรือคลุ้มคลั่ง… ไม้กางเขนอันนี้มีพลังเหมือนกับเส้นทางสุริยันลำดับ ‘ผู้เจิดจรัส’ … ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด

……………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset