เมื่อผุดไอเดียบางอย่าง ชายหนุ่มชำเลืองเทวทูตแห่งการปกปิดตรงหน้าและเรียบเรียงคำพูด
“มีโอกาสที่โบราณสถานที่คุณเห็นจะเป็นภาพจินตนาการบ้างไหม?”
มันมิได้เอ่ยถึงอาดัมหรือสภานักสิทธิ์สนธยาตรงๆ ด้วยกังวลว่าการคุยเรื่องดังกล่าวต่อหน้าอาเรียนน่าในโลกแห่งความลับจะยังทำให้อาดัมตระหนักถึง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงราชาเทวทูตที่ถือครองเอกลักษณ์ของเส้นทางผู้ชมและเพิ่งได้รับ 0-08 ไป
ขณะอยู่ในโลกแห่งความลับของอาเรียนน่า ไคลน์เชื่อว่าการคิดถึงอาดัมและสภานักสิทธิ์สนธยานั้นไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ใช่กับการพูดออกมาเสียงดัง เพราะต้องไม่ลืมว่า การที่มิสเตอร์ประตูสามารถสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับอาดัมกับจักรพรรดิโรซายล์ ไม่ใช่เพราะ ‘จอมเวทลึกลับ’ มีคุณสมบัติในการเก็บความลับ แต่เป็นเพราะมิสเตอร์ประตูเองก็เป็นราชาเทวทูตเช่นเดียวกัน ระดับไม่ต่ำไปกว่าอาดัมหรืออามุนด์ หรืออาจสูงกว่าด้วยซ้ำ
“จินตนาการ…” อาเรียนน่าทวนคำไคลน์แผ่วเบา สีหน้าคล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้
ในระดับของเธอ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์โบราณและลักษณะเด่นของทั้งยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษ
นอกจากนั้น เธอเองก็เป็นเทวทูตในขอบเขตการปกปิดและความลับ รวมถึงการที่มีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารลับทุกชนิดของโบสถ์รัตติกาล
สองสามวินาทีถัดมา อาเรียนน่ามองมาทางดอน·ดันเตสที่ยังคงนั่งในตำแหน่งเดิม
“สมาคมแปรจิต?”
จากคำสารภาพของโจนาส·โคลเกอร์ ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าฝ่ายราชวงศ์ทำงานร่วมกับสมาคมแปรจิต และองค์กรลับแห่งนี้ถือครองเส้นทางผู้ชม
ไคลน์พยักหน้า ตามด้วยเสริม
“เบื้องบนของพวกเขาอาจไม่มีพลังในการเปลี่ยนจินตนาการให้เป็นความจริง… บนโลกนี้ มีเพียงสองบุคคลที่มีอำนาจดังกล่าว”
อาเรียนน่าผงกศีรษะ
“เข้าใจแล้ว… ตอนนี้โบราณสถานการณ์ดังกล่าวเปิดกว้างสำหรับทางเรา ข้าจะหาทางยืนยันในภายหลัง และถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง นั่นหมายความว่าหนึ่งในอาร์ชบิชอปจากโบสถ์วายุสลาตันหรือจักรกลไอน้ำ หรือทั้งสอง ร่วมมือกับเขา”
เธอไม่ได้เอ่ยถึงความเป็นไปได้ที่เบื้องบนของโบสถ์รัตติกาลจะเป็นปัญหา เพราะเทพธิดากุมอำนาจในขอบเขตความลับและการปกปิด ยากที่จะมีใครซ่อนตัวจากพระองค์ได้นานหลายปี
ไคลน์อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ
“โบราณสถานใต้ดินดังกล่าวเปิดให้สามโบสถ์หลักเข้าไปได้หลังจากนี้?”
“ถูกต้อง หากสถานที่แห่งนั้นถูกจินตนาการขึ้นมาจริงๆ หมายความว่าความร่วมมือของพวกเขาใกล้จะบรรลุผล จึงทำเพียงยืดเวลาออกไปอีกเล็กน้อย” อาเรียนน่าเล่าสิ่งที่เธอคิด
เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน… กระแสคลื่นแห่งยุคสมัยกำลังจะพัดผ่านและท่วมทำลายทุกสิ่ง… โชคยังดีที่เราเตรียมตัวมากกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ก็มีหุ่นเชิดระดับครึ่งเทพมาครองแล้ว และเจ้านั่นยังแข็งแกร่งกว่าเราในบางขอบเขต เพราะสามารถใช้พลังของตัวเองไปพร้อมกับพลังของเรา แต่เราใช้ของหมอนั่นไม่ได้… ในเมื่อการสวมบทบาทยังทำได้ยากลำบากและเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาลำดับพลัง การเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองที่ดีที่สุดคือการพัฒนาหุ่นเชิด… อา… เรายังสามารถเฝ้าจับตามองความร่วมมือระหว่างผีดูดเลือดและชารอนที่เตรียมจะจัดการกับโรงเรียนกุหลาบได้เช่นกัน… สติไคลน์กำลังกระจ่าง
มันนั่งครุ่นคิด ตามด้วยถามอย่างเป็นกันเอง
“ทั้งสามศาสนจักรเชื่อคำอธิบายของเจ้าชายโกรฟไหม?”
“ไม่เชื่อ” อาเรียนน่าส่ายศีรษะอย่างใจเย็น “เพราะโจนาส·โคลเกอร์เอ่ยถึงคาร์เทอริน่า”
แต่พวกคุณก็ไม่มีหลักฐาน ในท้ายที่สุด อีกฝ่ายสามารถอธิบายได้อย่างไร้ข้อบกพร่องว่า พวกเขาตัดเขาจากนิกายแม่มดแล้ว ส่วนคาร์เทอริน่านั้นถูกส่งมาเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ แต่พวกเขาปฏิเสธอย่างไม่ในดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างกุมความลับของกันและกันไว้ พวกมันจึงต้องเกรงใจเมื่อคาร์เทอริน่ามาเยือน โจนาส·โคลเกอร์ที่ไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้ข้อมูลภายในจึงเกิดความเข้าใจผิดและคิดว่าอีกฝ่ายยังคงให้ความร่วมมือ…
และเมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเทวทูตที่กุมอำนาจทางทหารไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หากปราศจากหลักฐาน สามโบสถ์หลักคงไม่เปิดหน้าแลกให้ตัวเองเจ็บฟรีแน่นอน… ประการแรก ทั้งสามโบสถ์มิได้สนิทสนมกัน ประการที่สอง พวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง เพราะอาจทำให้ถูกฉกฉวยโอกาสโดยเฟเนพ็อต อินทิส ฟุซัค และอาณาจักรอื่นๆ รวมถึงโบสถ์สุริยันเจิดจรัส เทพสงคราม พระแม่ธรณี และเทพปัญญาความรู้… ไคลน์วิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในปัจจุบันอย่างรวดเร็ว
มันตอบห้วนๆ
“มีร่องรอยระบุว่า ‘นักบุญสีขาว’ คาร์เทอริน่าปรากฏตัวใกล้ๆ กับไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด ผมจะพยายามค้นหาเธอให้พบ”
นอกจากนั้น ไคลน์ยังต้องการหาทริสซี่แสนอันตรายให้พบและกำจัดหล่อนทิ้ง ชดเชยความผิดพลาดในอดีตที่เคยปล่อยให้หลุดมือเพราะต้องการหลอกใช้
คุณค่าในตัวเธอ ได้ไม่คุ้มเสียกับความอันตรายในตัว!
“ทางเราก็จะทำเช่นนั้น” อาเรียนน่ากล่าวเป็นนัยว่า เธอเองก็จะช่วยหาร่องรอยของคาร์เทอริน่า
อา… คงต้องยอมรับว่า ระหว่างกำลังปรึกษาหารือกัน มาดามอาเรียนน่ามีวิธีทำให้คู่สนทนารู้สึกสบายใจ… ท่านมิได้วางตัวเย่อหยิ่งเหมือนกับเทวทูตหรืออาร์ชบิชอป ท่านคุยกับเราแบบเท่าเทียม… หลังจากได้ยินคำตอบจากอาเรียนน่า ไคลน์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกยากอธิบาย
มันตัดสินใจถามกลับ
“เฮอร์วิน·แรมบิสแห่งสมาคมแปรจิตถูกจับตัวแล้วหรือยัง?”
ชายคนนี้คือหนึ่งในบุคคลสำคัญในคำให้การของโจนาส·โคลเกอร์ เป็นหนึ่งในเบาะแสที่สามารถเปิดเผยแผนการของฝ่ายกษัตริย์
“เขาหายตัวไป” อาเรียนน่าตอบห้วน
อย่างที่คิด… นั่นยิ่งแปลว่าข้อมูลรั่วไหล… เฮอร์วิน·แรมบิสอาจหลบไปอยู่ใต้ดิน แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะติดต่อกับมิสจัสติสและสมาชิกคนอื่นโดยตรงไม่ได้… เมื่อถึงตอนนั้น… หึหึ… ดูเหมือนมิสจัสติสจะไม่ชอบหน้าหมอนั่นเป็นทุนเดิม… ปัญหาในตอนนี้ก็คือ อาดัมอาจกำลังอยู่ในเบ็คลันด์และเป็นคนที่จินตนาการโบราณสถานปลอมขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนั้นจริง การจู่โจมเฮอร์วิน·แรมบิสมีโอกาสที่จะตกอยู่ในการเฝ้ามองของราชาเทวทูต… บางที ชายคนนั้นอาจยืนอยู่ข้างๆ เฮอร์วิน·แรมบิสตลอดเวลาโดยที่ไม่มีใครรู้… ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ก็ยิ่งปวดหัว
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคสมัยที่ทวยเทพแทบไม่เสด็จเยือนโลกแห่งความจริง สองพี่น้องอาดัมและอามุนด์คือจุดสูงสุดของความแข็งแกร่ง ทั้งน่ากลัว ทรงพลัง และมิอาจเอื้อมถึง
ราชาเทวทูตคือตัวตนที่เป็นของเพียงเทพเท่านั้น!
เทียบกับอามุนด์ เรากลัวอาดัมมากกว่า ท่านอาจกำลังนั่งข้างๆ เราและนั่งมองเรายิ้มไปพลางอ่านความคิดในส่วนลึกที่สุดของเรา จากนั้นก็ทำตายอย่างเป็นธรรมชาติ สมเหตุสมผล และคลุมเครือ… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ ด้วยเกรงว่าจะมีนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวสุดเรียบง่าย ผู้มาพร้อมกับหนวดเคราดกหนา กำลังยืนอยู่ข้างๆ เตาย่างพลางรอกินอาหารด้วยรอยยิ้ม
แต่ไม่ผิดจากที่คิด ไคลน์ไม่พบใครเลย
สัมผัสถึงท่าทีของชายหนุ่ม อาเรียนน่าเสริมอย่างสุขุม
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฟู่ว… ขอบคุณพลังในการปกปิดของเทวทูตแห่งการปกปิด… ไคลน์รวบรวมความคิด ตามด้วยพยักหน้ารับแผ่วเบาและกล่าว
“ผมจะช่วยสืบหาร่องรอยของเฮอร์วิน·แรมบิส”
อาเรียนน่าผงกศีรษะและตอบ
“หลังจากเรื่องนี้จบลง เจ้าสามารถลองสวดวิงวอนถึงเทพธิดาเพื่อขอของขวัญจากพระองค์”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เทพธิดาพึงพอใจกับผลงานในระยะหลังของเรา? เมื่อถึงตอนนั้น พระองค์จะมอบสูตรโอสถปราชญ์โบราณให้? ไคลน์เข้าใจความหมายอย่างคร่าวของอาเรียนน่า จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับแตะสี่ครั้งบนหน้าอก
“เทพธิดาจงเจริญ!”
อาเรียนน่าเองก็วาดพระจันทร์แดง
“เทพธิดาจงเจริญ!”
จากนั้น ร่างของเธอค่อยๆ เลือนหายไปราวกับถูกยางลบลบ ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีแขกคนใดในงานเลี้ยงสัมผัสถึงการมาเยือนและจากไปของนักบวชสตรี
ไคลน์นั่งลง วิเคราะห์สถานการณ์จากมุมมองอื่น
โจนาส·โคลเกอร์หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว เมื่อพิจารณาจากหลักฐานและคำพูดของมาดามอาเรียนน่า เธอกล่าวเป็นนัยว่ารองผอ. MI9 รายนี้ตกอยู่ในมือของตน… กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตัวการสำคัญที่โจมตีโจนาส·โคลเกอร์คือโบสถ์รัตติกาล…
โจนาส·โคลเกอร์หายไปจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบของดอน·ดันเตส และเขาเป็นสาวกของโบสถ์รัตติกาล
จากมุมมองของฝ่ายกษัตริย์และสมาคมแปรจิต มีความเป็นไปได้มากที่ดอน·ดันเตสจะเป็นสายข่าวของโบสถ์รัตติกาล…
ดังนั้น ศาสนจักรจะคอยคุ้มครองเราเป็นกรณีพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามประมาท คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกฝ่ายอื่นตรวจสอบและเฝ้าจับตามอง… ต้องหาเหตุผลดีๆ ในการเพิ่มคนรับใช้หน้าใหม่ คงจะปล่อยให้โจนาสกับเอ็นยูนซ่อนตัวในลักษณะนี้ตลอดไปไม่ได้ นั่นจะยิ่งง่ายต่อการถูกตรวจพบความผิดปรกติ… หรือว่าเราควรเปลี่ยนหุ่นเชิดตัวหนึ่งให้กลายเป็นเสื้อผ้าเลือดเนื้อ และให้อีกตัวสวม?
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ลุกยืนพร้อมกับวางแก้วไวน์หวานลงบนโต๊ะข้างๆ ตามด้วยการเดินเข้าไปในอาคารหลักของคฤหาสน์และเข้าห้องน้ำ
จากนั้น มันถอยหลังสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอก เรียกคทาเทพสมุทรและอาศัยจุดแสงที่เอ็นยูนสวดวิงวอนเพื่อสำรวจทุกซอกมุมของคฤหาสน์
ในกระบวนการ จิตไคลน์ค่อนข้างตึงเครียด ด้วยกังวลว่าจะหันไปเห็นนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวแสนเรียบง่ายที่มีหนวดเคราดกหนาและดวงตาสีทอง
แน่นอน เมื่อเทียบกับการมองเห็นอีกฝ่าย มันกลัวการที่อีกฝ่ายจะมองกลับและยกแก้วไวน์พลางยิ้มให้
แต่โชคยังดี หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด มันยืนยันได้ว่าคฤหาสน์เพลงกุหลาบหลังนี้ไม่มีสิ่งแปลกปลอมหรือความผิดปรกติ
ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก ถอนพลังวิญญาณกลับ จากนั้นก็ชำเลืองไปทางไม้กางเขนทองแดงบนโต๊ะยาว
นี่คือวัตถุที่เมจิกเชี่ยนกับจัดจ์เมนต์เพิ่งสังเวยมาให้ พวกเธอระบุว่า สิ่งนี้เป็นการตอบแทนความเมตตาและพรต่างๆ ที่มิสเตอร์ฟูลเคยมอบให้ และหวังว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่จะพึงพอใจ
ดูเหมือนว่าจะมีระดับสูงทีเดียว… ไคลน์หยิบไม้กางเขนที่พันด้วยหนามขึ้น ใช้พลังทำนายเพื่อตรวจสอบพลังและผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษชิ้นนี้
ทั้งประเด็นล้วนเหมือนกัน พวกมันรวมเป็นหนึ่งเดียว
ไม้กางเขนทองแดงอันนี้สามารถชำระล้างพลังที่เกี่ยวกับความเสื่อมถอย กัดกร่อน ความมืด ความชั่วร้าย ผุพัง โรคภัย และด้านอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ส่งผลให้พวกมันสลายไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ
ด้วยเหตุผลข้างต้น สมบัติวิเศษชิ้นนี้จึงมีอำนาจ ‘ลบ’ จิตกัดกร่อนภายในตะกอนพลัง
และเป็นเพราะพลังในการชำระล้างนี้เอง ไม้กางเขนทองแดงจึงมิอาจอยู่ร่วมกับสมบัติวิเศษชิ้นอื่น หรือไม่สามารถสัมผัสกับตะกอนพลังอื่น คนคนเดียวกันไม่สามารถพกติดตัวพร้อมกัน นอกจากนั้น มันยังสามารถขับไล่ตะกอนพลังของผู้ถือ จึงสามารถสรุปได้ตรงๆ ว่า: เมื่อเวลาผ่านไป ตะกอนพลังภายในร่างกายจะไหลซึมออกมา!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากถือพกพาไม้กางเขนไว้นานเกินหนึ่งชั่วโมง พลังพิเศษในตัวจะลดลงอย่างน้อยหนึ่งลำดับ ถ้านานกว่าสามชั่วโมง ผู้วิเศษที่ไม่ใช่ครึ่งเทพจะกลายเป็นคนธรรมดา หากนานกว่าหกชั่วโมง ลำดับ 3 และ 4 จะสูญเสียพลังพิเศษของตน ทว่า สิ่งนี้แทบไม่มีผลกับเทวทูต เพราะเทวทูตทุกตนมีอิทธิฤทธิ์ในการทำลายตะกอนพลังอยู่แล้ว หรือเรียกได้ว่าสามารถควบคุมตะกอนพลังของตัวเองได้ดังใจ
สามารถใช้เพื่อดึงตะกอนพลังออกจากผู้วิเศษที่เลื่อนลำดับล้มเหลวโดยไม่ตายหรือคลุ้มคลั่ง… ไม้กางเขนอันนี้มีพลังเหมือนกับเส้นทางสุริยันลำดับ ‘ผู้เจิดจรัส’ … ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด
……………………………….